คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
1. สติ แปลว่า ระลึกรู้ ที่นี้รู้ ของสติต้องมีอารมณ์ คือ มีสิ่งที่ถูกรู้ ไม่เกิดลอย ๆ รู้อะไรก็ไม่รู้
เหมือนอย่าง อารมณ์ ของ ลิ้น คือ รส (อารมณ์ แปลว่า สิ่งที่ถูกรู้)
แปลว่า
ลิ้นเป็นตัวรับรส ที่ไปรู้ รส
เวลามีอาหารโดนลิ้น เราอยากรู้ว่า เค็มไหมขณะนั้นก็ไปสำเหนียกที่ความเค็ม รสอื่นในแกงก็ยังอยู่ที่ลิ้นทั้งหมด เรายังไม่สนใจที่จะรู้ขณะนั้น พอมีคนถามว่า เค็มไหม คุณสำเหนียกว่า เค็มไป
ที่นี้เขาถามอีกว่า หวานไหม คุณจึงค่อย สำเหนียกความหวาน รสอื่นในแกงก็ยังอยู่ที่ลิ้นทั้งหมด เรายังไม่สนใจที่จะรู้ขณะนั้นเหมือนเดิม พอคุณ Focus ไปที่ความหวาน เพื่อวัดระดับความหวาน คุณก็ตอบไปว่า หวานพอดีแล้ว
การรู้ ความเค็ม เป็น 1 ขณะ
การรู้ความหวาน เป็น 1 ขณะ
ฉะนั้น จิตไม่ได้รู้ได้ทีละหลายสิ่งพร้อมกัน
แต่เมื่อ เจริญ สติ ใน สติปัฎฐาน (อารมณ์อันเป็นที่ตั้งของสติเเพื่อเป็นไปเพื่อความสิ้นราคะ โทสะ โมหะ) กำหนดอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งแล้วอย่าเปลี่ยน กำหนดอารมณ์นั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็น เอกคตา ตั้งมั่นในอารมณ์เดียว ใจจึงจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ
...........
ความระลึกรู้ เพื่อความพ้นจากทุกข์ที่ถูก ในศาสนาพุทธ มีอารมณ์ ให้จับ 4 อย่าง คือ กาย เวทนา จิต ธรรม โดยความเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
หมายความว่า
สิ่งที่ความระลึกได้ ระลึกแล้วนำมาปฏิบัติ ในปัจจุบันในแต่ขณะในชีวิตประจำวัน คือ สติปัฎฐาน 4
.............
2. เริ่มรู้ทันกิเลส เมื่อเกิดขึ้นรีบรู้ รีบหยุดคิดทันที (เรียกว่า จิตตานุปัสสนา)
แต่พอบังคับหยุดพบว่ามันแรงมาก จึงมีสติอดกลั้น พบหัวบริเวณศรีษะเกร็ง แม้กิเลสหยุดได้แต่เกิดอาการปวดหัวครับ
(ศรีษะเกร็ง ปวดหัว เป็นเพราะ ทำแบบเคร่งเครียดเกินปจนกลั้นหายใจ ให้ไปจับลมหายใจแทน เอาใจไปจับที่ลมหายใจค่อย ๆ ลากเข้าไปยาวเท่าไหร่ ให้ลากออกให้ยาวเท่า ๆ กัน (ควรลากลึก ๆ เพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจนให้เม็ดเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงสมอง ถ้าอ๊อกซิเจนน้อย ศีรษะเป็นบริเวนที่สูงกว่าอวัยวะอื่นทั้งหมด ต้องใช้แรงดันโลหิตสูงกว่าเท้า กว่าจะไปถึง ความแรงกรอปกับ ปริมาณอ๊อกซิเจนน้อย)
รักษาใจที่หยุดคิด แล้วเอาใจไปจับที่ลมหายใจค่อย ๆ ลากเข้าไปยาวเท่าไหร่ ให้ลากออกให้ยาวเท่า ๆ กัน ให้สม่ำเสมอ สบาย ๆ เรื่อย ๆ จนคลายเครียดเมื่อไหร่ อ๊อกซิเจนเพียงพอ หายปวดหัวเอง
เหมือนอย่าง อารมณ์ ของ ลิ้น คือ รส (อารมณ์ แปลว่า สิ่งที่ถูกรู้)
แปลว่า
ลิ้นเป็นตัวรับรส ที่ไปรู้ รส
เวลามีอาหารโดนลิ้น เราอยากรู้ว่า เค็มไหมขณะนั้นก็ไปสำเหนียกที่ความเค็ม รสอื่นในแกงก็ยังอยู่ที่ลิ้นทั้งหมด เรายังไม่สนใจที่จะรู้ขณะนั้น พอมีคนถามว่า เค็มไหม คุณสำเหนียกว่า เค็มไป
ที่นี้เขาถามอีกว่า หวานไหม คุณจึงค่อย สำเหนียกความหวาน รสอื่นในแกงก็ยังอยู่ที่ลิ้นทั้งหมด เรายังไม่สนใจที่จะรู้ขณะนั้นเหมือนเดิม พอคุณ Focus ไปที่ความหวาน เพื่อวัดระดับความหวาน คุณก็ตอบไปว่า หวานพอดีแล้ว
การรู้ ความเค็ม เป็น 1 ขณะ
การรู้ความหวาน เป็น 1 ขณะ
ฉะนั้น จิตไม่ได้รู้ได้ทีละหลายสิ่งพร้อมกัน
แต่เมื่อ เจริญ สติ ใน สติปัฎฐาน (อารมณ์อันเป็นที่ตั้งของสติเเพื่อเป็นไปเพื่อความสิ้นราคะ โทสะ โมหะ) กำหนดอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งแล้วอย่าเปลี่ยน กำหนดอารมณ์นั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็น เอกคตา ตั้งมั่นในอารมณ์เดียว ใจจึงจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ
...........
ความระลึกรู้ เพื่อความพ้นจากทุกข์ที่ถูก ในศาสนาพุทธ มีอารมณ์ ให้จับ 4 อย่าง คือ กาย เวทนา จิต ธรรม โดยความเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
หมายความว่า
สิ่งที่ความระลึกได้ ระลึกแล้วนำมาปฏิบัติ ในปัจจุบันในแต่ขณะในชีวิตประจำวัน คือ สติปัฎฐาน 4
.............
2. เริ่มรู้ทันกิเลส เมื่อเกิดขึ้นรีบรู้ รีบหยุดคิดทันที (เรียกว่า จิตตานุปัสสนา)
แต่พอบังคับหยุดพบว่ามันแรงมาก จึงมีสติอดกลั้น พบหัวบริเวณศรีษะเกร็ง แม้กิเลสหยุดได้แต่เกิดอาการปวดหัวครับ
(ศรีษะเกร็ง ปวดหัว เป็นเพราะ ทำแบบเคร่งเครียดเกินปจนกลั้นหายใจ ให้ไปจับลมหายใจแทน เอาใจไปจับที่ลมหายใจค่อย ๆ ลากเข้าไปยาวเท่าไหร่ ให้ลากออกให้ยาวเท่า ๆ กัน (ควรลากลึก ๆ เพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจนให้เม็ดเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงสมอง ถ้าอ๊อกซิเจนน้อย ศีรษะเป็นบริเวนที่สูงกว่าอวัยวะอื่นทั้งหมด ต้องใช้แรงดันโลหิตสูงกว่าเท้า กว่าจะไปถึง ความแรงกรอปกับ ปริมาณอ๊อกซิเจนน้อย)
รักษาใจที่หยุดคิด แล้วเอาใจไปจับที่ลมหายใจค่อย ๆ ลากเข้าไปยาวเท่าไหร่ ให้ลากออกให้ยาวเท่า ๆ กัน ให้สม่ำเสมอ สบาย ๆ เรื่อย ๆ จนคลายเครียดเมื่อไหร่ อ๊อกซิเจนเพียงพอ หายปวดหัวเอง
แสดงความคิดเห็น
ปฏิบัติต่อเนื่อง มีคำถามมาอีกแล้ว คราวนี้ 2 ข้อครับ
แต่มันไม่ชัดเจนเท่ารู้ทีละสิ่ง รบกวนคนปฏิบัติแนะนำเพิ่มครับ
2. เริ่มรู้ทันกิเลส เมื่อเกิดขึ้นรีบรู้ รีบหยุดคิดทันที
แต่พอบังคับหยุดพบว่ามันแรงมาก จึงมีสติอดกลั้น
พบหัวบริเวณศรีษะเกร็ง แม้กิเลสหยุดได้แต่เกิดอาการปวดหัวครับ
ขอขอบคุณทุกคำแนะนำครับ