ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้

เรื่องราวชีวิตของฉัน
 
ตั้งแต่จำความได้ ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ในบ้านเขตนอกเมือง จขกท.เป็นลูกสาวคนกลางคนเดียว มีพี่น้องรวมตัวเองทั้งหมด 3 คน 
พ่อแม่รับราชการ ปู่กับย่าเป็นเกษตรแต่ท่านก็ได้เลี้ยงดูมาอย่างดีไม่เคยปล่อยให้อด
 
เมื่อจขกท.อายุได้ 7 ขวบพ่อแม่ก็ซื้อบ้านที่ตัวเมืองแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่กัน
ช่วงแรกๆก็ดี พี่ชายเรียนมัธยมต่างรร. ฉันและน้องชายเรียนที่เดียวกัน
แต่พอย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สักพักพี่ชายก็เริ่มเสพยา ติดเกมส์ ไม่เข้าเรียน และเรียนไม่จบ 
น้องชายยังเล็กมากอายุห่างจากฉัน 6 ปี ทำให้ฉันต้องเป็นคนดูแลเวลาไปเรียนและเลิกเรียน
 
พ่อจขกท.เป็นข้าราชการที่ต้องย้ายที่ทำงานไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน
พ่อจะกลับบ้านมาหาอาทิตย์ละครั้ง หรือสองอาทิตย์ครั้ง
 
แม่จขกท.เป็นข้าราชการแต่ทำงานอยู่ในตัวเมืองแบบถาวรทำให้แม่เป็นคนดูแลลูกๆทั้งสามคน
 
รร.จขกท.อยู่ใกล้กับที่ทำงานของแม่ ทำให้จขกท.ต้องคอยดูแลน้องรับส่งน้องที่รร.แล้วพาเดินกลับมาที่ทำงานแม่
และรอกลับบ้าน  มีบางวันที่ทำให้กลับบ้านดึกเพราะแม่ทำงาน แต่ก็ไม่เคยเกิน 2-3 ทุ่ม
 
ช่วงหลังๆ แม่ปล่อยให้รอถึง 5 ทุ่มบ้างเที่ยงคืนบ้าง หิวข้าวก็ต้องทน บางวันก็ตีสอง จนยามที่ทำงานพาไปส่งที่บ้าน
ตอนนั้นก็ยังเด็กมากก็ถามแม่ว่าทำไมมารับช้าจัง แม่บอกว่าทำงาน ก็เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน
หลังจากนั้น จขกท. ก็เลยพาน้องชายขึ้นรถประจำทางกลับบ้านทุกวัน 
จริงๆตอนนั้นมันทุลักทุเลมาก เพราะน้องชายก็ยังเล็ก จขกท. ก็ไม่ได้โตมาก แถมต้องเดินไกล น้องชายก็งอแง
 
ทุกๆวันหลังเลิกเรียนกลับบ้านพร้อมน้องชาย หิวก็ต้องหาอะไรให้น้องและตัวเองกิน
บางวันก็ไข่ดาวบ้าง ไข่เจียวบ้าง แต่ถ้าวันไหนไข่หมด ก็จะเป็นมาม่า หรือโจ้กซองที่ต้องเดินไปซื้อในเซเว่น
แต่ถ้าวันไหนไม่มีเงินไปซื้อ.. ก็ต้องอดกับน้อง นอนทั้งๆที่หิวอยู่อย่างนั้น
 
และเช้าวันต่อมาส่วนมากก็จะไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะกว่าแม่จะกลับบ้านก็คือตอนเช้าของอีกวัน
จขกท.ก็ต้องดูแลน้องด้วยการไปซื้อข้าวที่โรงเรียนกินตอนเช้า
บางวันเป็นลมที่หน้าเสาธงก็มีเพราะไม่ทันได้กินข้าวเช้า
 
ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงกลับบ้านดึกขนาดนั้นบ่อยจัง เมื่อโตขึ้นได้สักนิดก็เข้าใจว่าแม่ติดไพ่ 
บางวันก็มารับน้องชายไปเฝ้าที่วงไพ่ด้วย คนที่อยู่ในนั้นก็คือเพื่อนที่ทำงานแม่นั่นแหละ
จนพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ทำให้ปู่กับย่ามารับตัวจขกท.และน้องชายกลับไป
 
และก็มารู้ที่หลังว่าแม่ไม่ส่งค่างวดบ้าน บ้านกำลังจะโดนยึด ทั้งๆที่แม่เบิกได้ 100% 
ปู่กับย่าก็ต้องหาเงินมาช่วยเคลียร์ จนจบ และก็กลับมาอยู่ที่บ้านในตัวเมืองเหมือนเดิม
 
พอจขกท.เรียนมัธยม ก็ทะเลาะกับแม่ทุกวัน เพราะบางวันแม่ก็ไม่มารับที่โรงเรียน
บางวันก็ไม่มาส่ง แม่ไม่ให้เงินไปโรงเรียน ร้องไห้มารร.แทบทุกวัน 
บางครั้งพ่อก็ให้เงินเป็นรายสัปดาห์ แต่บางสัปดาห์ก็ไม่ได้ให้
บางวันก็ไม่มีเงินกินข้าว ยืมเงินเพื่อนกินข้าว แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว
เรียกได้ว่าตอนนั้นลำบากมาก
 
จขกท.ขออะไรไม่เคยได้เลยสักอย่าง ต้องคอยหยอดกระปุกเก็บเงินซื้อ
พอขึ้นมหาลัย พ่อแม่ ก็ไม่เคยให้เงินจขกท.อีกเลย ไม่ใช่เพราะพวกท่านไม่มีเงิน
พวกเขามีแต่เล่นการพนันจนหมด 
 
ทำให้จขกท.ต้องหางานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนทำตั้งแต่ขึ้นปี 1 กิจกรรมที่มหาลัยก็ไม่เคยได้ร่วม
เก็บเงินค่าเทอมเอง ทั้งๆที่พ่อเบิกเงินค่าเทอมได้เกือบทั้งหมด 
บางครั้งก็มีพ่อที่ให้เงินมาจ่ายค่าเทอม แต่แม่ก็ขโมยไปใช้ ทำให้จขกท. ต้องเก็บเงินมาจ่ายค่าเทอมเอง
ตอนนี้จขกท.อยู่ปี 4 ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยและเริ่มมีเงินเก็บ 
 
เรื่องมันก็วนลูปมาอีก แม่ไม่ส่งเงินค่าบ้านอีกครั้ง ทำให้บ้านกำลังจะโดนยึด
แม่จึงขอยืมเงินเก็บของจขกท.ทั้งหมด 6 หมื่นบาท บอกว่ามีเงินแล้วจะคืนให้
ด้วยความที่เห็นแม่กำลังลำบาก จบกท. ก็เลยให้เงินเก็บทั้งหมดไป
 
พอเคลียร์เรื่องบ้านเสร็จแล้ว ไปหลายเดือน
ก็มาเจอโรคโควิด ทำให้จขกท.ต้องหยุดงาน และไม่มีรายได้
จึงไปทวงเงินที่แม่ยืมไป แต่แม่จขก. กลับถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไร ไม่จำเป็น
สรุปก็คือ เงินที่แม่ยืมทั้งหมด 6 หมื่นบาท แม่ไม่คืน
ตอนนี้เครียดมาก อยากจะระบายให้ใครฟังก็ไม่ได้ เพราะคำว่าบุญคุณ คำว่าแม่มันค้ำคอ 
ไม่ใช่ว่าแม่ไม่มีเงิน (แอบเห็นเงินในบชแม่)  แม่มีเงินแต่แม่ไม่คืน..
 
ตอนนี้ทั้งน้อยใจและโกรธ เพราะจขกท.ไม่เคยขออะไรเลย แต่ทำไมถึงทำกับลูกคนนึงได้แบบนี้
น้องชายขออะไรแม่ให้ได้หมด พี่ชายขออะไรแม่ให้ได้หมด
 
แต่กับจขกท. ขออะไรไม่เคยได้ แถมหนี้แม่ก็ไม่คืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่