ขอเกริ่นก่อนว่าทริปนี้เราบินมาถึง Oslo ประมาณ 11 โมง เพื่อจะบินต่อไปที่ Iceland เช้าวันถัดมาทำให้เรามีเวลาเดินเล่นชิลๆเพียงเล็กน้อย
กระทู้นี้จึงอยากจะมาแบ่งปันแผนการเที่ยวแบบชิลๆและมีระยะเวลาจำกัดที่ออสโลกันนะคะ

เริ่มต้นทริปด้วยอากาศกำลังดีประมาณ 17-20 องศา
เราทำการนั่งรถไฟเข้ามาในเมือง โดยการจองผ่านตู้กดตั๋วอัตโนมัติ
ราคาเที่ยวละประมาณเกือบพัน เพราะเราเลือกแบบExpress ซึ่งถ้าใครยังเรียนและมีบัตรนักเรียนอยู่ให้เอาไปเผื่อด้วยเพราะถ้าเป็นนักเรียนราคาจะถูกกว่าแบบปกติ
เมื่อเข้ามาถึงในเมือง เราก็ลากกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่
ฺCity Box Oslo Hotel ราคาคุ้มค่าและอยู่เดินไม่ไกลจากสถานีหลักประมาณ 200 เมตรเท่านั้นเอง เป็นโรงแรมที่เหมือนหอพักสไตล์ยุโรปทั่วไป check in/out Keycard โดยผ่านตู้เป็นหลัก ก็ไม่มีปัญหาอะไร
โยนกระเป๋าเข้าห้อง แพคของใส่เป้ 5 นาที จากนั้นเราก็ออกเดินเล่นกัน โดยที่แรกที่เราไปคือ "Oslo Cathedral"
Oslo Cathedral ถือเป็นโบสถ์คู่เมือง ด้านในมีงานเเกะสลักไม้รูปพระเยซู แต่น่าเสียดายวันที่เราเค้าปิดไม่ให้เข้าไปชม
จากนั้นเรามุ่งหน้าไปต่อที่ "Aker Brygge" เป็นท่าเรือที่อยู่ริมทะเล มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย และระหว่างทางที่เดินไปจะผ่าน "City Hall" ด้วย
City Hall หรือที่ว่าการกรุงออสโล
และแล้วความหิวก็มาเยือน เราก็แวะทานอาหารแถวๆนั้น ซึ่งมีร้านอาหาร full service อยู่มากมายให้เลือก แต่เราเลือกทานที่ร้าน Lekter’n เป็นร้านที่ทานบนเรือริมท่าเรือ เพราะบรรยากาศดีมาก และตอนนั้นคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ ก็พอเดาได้อยู่ว่าราคาค่อนข้างแพง เพราะสถานที่ออกมากกว่าปกตินิดนึง แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลย
ทานเสร็จ นั่งดริ้งค์ไป ชมวิวรับลมพักสักพัก เราก็เดินต่อไปที่ "Tjuvholmen Sculpture Park"
เป็นบริเวณริมทะเลเช่นกัน และเนื่องจากวันนี้อากาศดีจึงมีผู้คนมานั่งอาบแดดรวมทั้งมากระโดดลงน้ำกันในบริเวณนี้ เป็นบรรยากาศสบายๆ ของคนที่นี่ เวลาที่มีแดด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและเอนจอย กับการดูกิจกรรมของคนที่นี่เพลินไปเลย
ซึ่งเราก็มานั่งชิลบริเวณนี้สักพักเหมือนกัน ลมและแดดกำลังพอดีให้รู้สึกสบายๆ มีง่วงเอาง่ายๆได้เลย
จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วขึ้น tram ไปต่อกันที่ "The Vigeland Park หรือ Frogner Park"
เป็นสวนสาธารณะ ที่ในสวนจะมีรูปปั้นมากมายถึง 212 ชิ้น อันเกิดมาจากความสร้างสรรค์ของชาวนอร์เวย์ ชื่อ “Gustav Vigeland”
ซึ่งใช้เวลาในการทำงานถึง 20 ปีในช่วงปี ค.ศ. 1924 - 1943 และสุดท้ายได้มอบงานเหล่านี้ให้ทาง Oslo
โดยสิ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือ “The monolith”
เสาหินสูงประมาณ 14.12 เมตร ประกอบไปด้วยรูปร่างมนุษย์ที่ทำท่าท่างต่างๆกันถึง 121 คน
“The fountain”
ซึ่งภายหลังเราเพิ่งค้นพบว่ามี รูปปั้นอันนึงเป็นรูปเด็กทำหน้าโกรธ ชื่อรูปปั้นว่า “Angry Baby”
เค้าเชื่อกันว่าถ้าจับบริเวณมือของเด็กจะนำความโชคดีมาให้ ซึ่งเราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน จึงไม่ได้เก็บภาพและก็ไม่ได้จับมือเด็กน้อยมาเลยจ้าา
พอเดินดูรูปปั้น นั่งชิวดูนกดูปลาจนหนำใจแล้ว เราไปต่อกันที่ “Karl Johans gate” ซึ่งเป็นถนนคนเดินและถนนชอปปิ้งหลักของเมือง
ซึ่งละแวกนั้นจะสามารถเดินไปที่ Norwegian Parliament ได้ไม่ไกลด้วย
Norwegian Parliament
เดินเที่ยวจนบ่ายคล้อยแล้วก็วนกลับมาเที่ยวใกล้ๆที่พักหน่อย ก็คือ Akershus Castle and Fortress
เป็นปราสาทที่กษัตริย์ของนอร์เวย์เคยอยู่อาศัยในปี ค.ศ.1299 จากนั้นเปลี่ยนแปลงมาเป็นป้อมปราการในเวลาต่อมา
สนุกสนานตามจังหวะของเมืองออสโลกันไป อย่างที่บอกวันนี้อากาศดี ผู้คนก็ออกมาทำกิจกรรมกันมากมาย สนุกกันเลย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่นี่เลย
หลังจากเดินเที่ยวชมสักพักเราก็เดินอ้อมกลับมาบริเวณหน้าสถานีรถไฟ Oslo
เพื่อมาดูรูปปั้นทองแดงเสือซึ่งถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 1,000 ปีของกรุงออสโล เมือปีค.ศ. 2000
เป็นอันปิดท้ายสำหรับการเที่ยวใน Oslo 1 วัน
หวังว่าการแบ่งปันนี้จะพอเป็นไอเดียการเที่ยวสำหรับใครที่ต้องแวะ Oslo ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอันที่จริงยังมีอักหลายที่ที่อยากไปเช่นพวกพิพิธภัณฑ์และก็สวนสัตว์ คราวหน้าคงต้องทริปแวะมาแถวScandenevia อีกรอบ
ยังไงก็ถือว่าเราขอพาเที่ยวออสโล แบบฉบับกระเป๋า แบบเที่ยวออนไลน์ด้วยกันนะคะ

รอติดตามกันในกระทู้ต่อไปนะคะ
และ รีวิวการเที่ยวที่ผ่านมาด้วยนะค่า

[CR] เที่ยวออสโล ฉบับกระเป๋า 1 Day trip in Oslo
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้