[CR] รีวิวการตามล่าหาน้องอุ๋ง! 11 วันที่ New Zealand Part 4


วันที่ 6 : Te Anau -  Fortrose - Slope point- Curio bay - Cathedral cave - Catlins วันนี้เราได้เดินทางตามเส้นทางยอดนิยม "Southern Scenic Route" 
- "Fortrose"  เหมือน beach ลงไปเดินเล่นในน้ำตื้นได้ เห็นครอบครัวมาตกปลากันน่าสนุก
-  "Curio bay"  ว่ากันว่าที่นี่มีโอกาสที่จะเจอ Yellow-Eyed Penguins หรือ Hector's Dolphin ได้ แต่โชคไม่ดีพอ เลยไม่ได้เจออะไร                               แต่ที่นี่แปลกดี  ลักษณะหินจะมีรูปร่างแปลกอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน  คลื่นกระทบฝั่งแรงมากทำให้ลมแรงมากเช่นกัน จนต้องเดินกลับไปเปลี่ยนชุดเต็มมาไม่งั้นไม่รอด
- "Cathedral cave"   ที่นี่จะมีเสียค่าจอดรถเล็กน้อย เป็นถ้ำที่ต้องเดินเข้าไปจากจุดจอดรถประมาณ 1 กิโลเมตรแต่เป็นขึ้นลงเขา และเนื่องจากเป็นถ้ำติดทะเลทำให้เวลาน้ำทะเลขึ้นน้ำจะสามารถซัดเข้ามาในถ้ำได้ดังนั้นจึงต้องดูป้ายด้านหน้าทางเข้าให้ดีว่าควรจะออกจากถ้ำกี่โมง เนื่องจากเลทจาก curio bay มาแล้ว เราจึงเป็น กลุ่มสุดท้ายก่อนถ้ำปิด จ้ำอ้าวเลยจ้าา ควรเผื่อเวลาสัก 1.30-2 ชม คุ้มค่าจริงๆเพราะสวยมากๆ
  
-  สำหรับที่พักวันนี้คือที่   “whistling frog resort"   
ที่นี่เราจองแบบนอน Cabin เป็นตัวบ้าน เปิดเข้าไปเป็นเตียง และมีโต๊ะนั่งทานข้าวได้เล็ก บ้านแต่ละหลังจะตั้งห่างๆกันและสามารถจอดรถหน้าบ้านได้เลย  จึงมีความเป็นส่วนตัวมาก ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม นอนสบายมากลางคืนเงียบมาจนได้ยินเสียงสัตว์ด้วย 

 วันที่ 7 : Catlins - Florence hill lookout - Surat bay - Nugget Point Lighthouse - Dunedin - Shag point - Oamaru
- รีบเก็บของละไปเลยเพราะแพลนเรายาวมากกก บ๊ายบาย จุดหมายแรก "Florence hill lookout"  เก็บรูปกันได้สวยๆ 
-จุดหมายที่ 2  "Surat bay" ที่นี่เป็นที่รอคอยมากในการมา เพราะอ่านเจอมาว่ามีโอกาสเจอสิงโตทะเลและแมวน้ำตามธรรมชาติค่อนข้างสูง
เดินไปแรกๆไม่เห็นอะไรเลย แต่เราก็ไม่ย่อท้อเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายยย เจอจ้า ฟินมากก ใครอยากมาเจอน้องแบบธรรมชาติสุดๆมาที่นี่เลย แต่อย่าเข้าใกล้น้องมากเกินไป ให้เว้นระยะพอควร น้องขึ้นมานอนพักผ่อน  และอย่าลืมว่าน้องสามารถกัดได้ เพราะฉะนั้นการเว้นระยะห่างถือเป็นให้เกียรติพื้นที่ของน้อง รวมทั้งป้องกันตัวเราเองด้วย มีป้าคนนึงพยามถ่ายรูปกับน้องแบบใกล้ไปหน่อย ถูกน้องเข้าชาร์ทวิ่งเตลิดเปิดเปิง ถ้าโดนกัดแผลจะติดเชื้อง่ายมาก ระยะที่แนะนำคือ 10 เมตร  ที่นี่ใกล้ๆมีที่พักด้วย ซึ่งครั้งหน้าเราจะไม่พลาดมานอนที่นี่แน่นวลลลล 
 

- "Nugget Point Lighthouse"  จุดยอดนิยม ต้องเดินจากลานจอดรถไปที่ตัวประภาคารประมาณ 800 เมตร ถ้าอากาศดีวิวจะสวยมาก และมีโอกาสเห็นแมวน้ำว่ายอยู่ในมหาสมุทร หรือแมวน้ำที่นอนตากแดดอยู่ด้านล่างของเขา เส้นทางที่มานี้เราผ่าน kaka point ไป เป็นอีกจุดที่อาจจะเจออุ๋งเช่นกัน เมือง Dunedin เพื่อเติมเสบียงแล้วก็ออกมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่ต่อยถูกกับวิถีเมืองเท่าไหร่ 😄


 
- "Shag point" ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่มาตามหาแมวน้ำ แต่ได้เห็นแบบไกลๆ ไว้นั่งดูน้องเพลินดี ใช้เวลาอยู่ที่จุดนี้นานเหมือนกัน เสียดายที่เราใช้แค่มือถือและ Gopro ถ่ายพออะไรที่อยู่ไกลออกไปหน่อยก็เลยถ่ายไม่เห็นเลย ลองส่องดูนะเห็นน้องจริงๆ 😁

- Oamaru เมืองที่เราจะนอนกันคืนนี้ เป็นเมืองเล็กๆริมทะเล เรามานอนกันที่นี่เพื่อมาดู Blue penguin ตามเว็บไซต์นี้เลย  https://www.penguins.co.nz/  คือเป็นการเข้ามาดูเจ้าเพนกวินสายพันธุ์เล็กที่สุดในโลกขึ้นฝั่งรังของมัน ทำให้เวลาการเข้าชมในแต่ละเดือนไม่เหมือนกัน ช่วงที่เข้าชมตอนที่เจ้าเพนกวินกำลังเดินเข้ามาเค้าห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด เราก็เลยได้เป็นความทรงจำที่ตื่นเต้นมากๆแทน แต่ถ้าใครมีเวลา หรือผ่านมาแถวนี้ขอแนะนำเลย เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและคุ้มค่ามากๆ

- ที่พักของวันนี้คือ “Oamaru backpackers” เป็นบ้านพักรวม ในบ้านมีห้องนอนประมาณ 6 ห้อง ห้องครัว ห้องนั่งเล่นและห้องน้ำใช้ร่วมกัน แต่วิวสวยและราคาคุ้มค่า มีน้องแมวมานอนเล่นทักทายแขกด้วย 
 
 วันที่ 8 : Oamaru - Island Cliff - Elephant rocks - Highland salmon farm - Lake pukaki -Mount Cook- Lake tekapo - C. Good shepherds

- "Elephant rocks" เป็นสถานที่มีกลุ่มหินปูนก้อนใหญ่ๆรวมทั้งเป็นสถานที่ถ่ายทำ Narnia เพิ่มเติมคือบริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลฉะนั้นจะมีกล่องไว้หยอดเงินบริจาคตั้งอยู่ด้วย ระหว่างทางที่มาก็จะผ่าน Island cliff สวยงามอลังการมาก 

- "High country salmon" ที่นี่เห็นมีคนรีวิวไว้ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันก็เลยลองแวะไปชิมแต่ในความคิดเห็นส่วนตัวเราว่าเนื้อปลาค่อนข้างเหนียวไปหน่อย คนละแบบกับบ้านเราข้างในร้านสามารถให้อาหารแซลม่อนที่เค้าเลี้ยงได้ ว่ายน้ำเก่งกันสุดๆ เติมท้องเสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันเลยยย

- "Lake pukaki" เรียกว่าไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของทริปนี้เลยก็ได้ เราว่าหลายคนที่ไปก็อาจจะคิดเหมือนๆกัน 
- เช็คอินก่อนเลยที่  “The Godley Hotel” วิวเป็นทะเลสาบ Tekapo ที่พักในแถบนี้จะราคาค่อนข้างสูง แต่เทียบวิวที่ได้รับแล้วก็ต้องถือว่าสมราคา เนืองจากเราหิวบ่อย  555 เลยจัด fish and chips ริมทะเลสาบวิวพันล้านไปเลยยย แบ่งเป็ดหัวเขียวกินไปบ้าง
- "Church of good shepherds"  เป็นโบสถ์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ อันนี้เหมือนจุดเช็คอินใครมาก็ต้องเก็บภาพไว้ คนแน่นเลย กว่าจะได้รูปโบสถ์เพียวๆ

  วันที่ 9 : Lake tekapo - Geraldine historical museum - Weka pass - Kaikoura วันนี้ก็ออกเร็วหน่อยเพราะต้องขับขึ้นเหนือไปถึง Kaikoura แถมอยากจะแวะดู Maori Rock Art ระหว่างทางไปอี๊กกก 😅
 
- Weka pass walkway เป็นเทรลเดินไปที่รูปวาดของชาวเมารี ชนเผ่าพื้นเมืองของที่นี่ ทางเข้าคือไม่มีป้ายอะไรเลย เราต้องส่งภาษาถามคนนู้นคนนี้เอา  สุดท้ายก็เจอ ซึ่งทางเป็นขึ้นเขาลุยทุ่งหญ้าเข้าไปซะส่วนใหญ่ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างเราหอบอยู่เหมือนกัน ใครใส่ขาสั้นมาก็มีคันหญ้าเอาง่ายๆ ปกติเราเป็นคนกลัวมดแมลงแต่ที่นิวซีแลนด์นี่สู้ตายเลย เพราะไม่มีอะไรพวกนี้เท่าไหร่ เป็นที่ไทยคงโดนงูกัดตายตั้งแต่ก้าวแรก 
 
 
จุดนี้เท่าที่เคยเจอไม่มีใครเคยมารีวิวนะ 😉

- สำหรับที่พักวันนี้เราพักที่ “Albatross Backpacker Inn” เราจองห้องนอนรวม เพราะตอนที่จองมันเต็ม แต่โชคดีที่ไม่มีคนอื่นมาพักเลยเหมือนได้ห้องส่วนตัว ครัวและห้องน้ำเป็นส่วนกลาง ที่พักอันนี้เราไม่โอเท่าไหร่เรื่องความสะอาด แต่ดูฮิปปี้ๆ ชิวๆนิดนึงบางคนอาจจะชอบ
เพจ FB  : Atriplikeme เพี้ยนยิ้ม
ชื่อสินค้า:   เที่ยวนิวซีแลนด์ด้วยตัวเอง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่