เราคบกับแฟนมา 1 ปี 5 เดือน
ตลอดระยะเวลาที่เราคบกัน เรารู้สึกโชคดีมากที่มีเขาเป็นแฟน
เมื่อ 3 ปีกว่า ๆ ที่แล้วเรารู้จักเขาเพราะเขาแอดเฟสบุ๊คมาถามเราเรื่องเตรียมสอบราชการ
(เราเป็นข้าราชการตำแหน่งหนึ่งที่คนจบสายรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น)
(เราอายุเท่ากัน แต่เรามีโอกาสได้รับราชการตำแหน่งนี้ก่อนเขา 3 ปี)
แต่ก็คุยกันแค่แป๊บ ๆ แถมเรายังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กวนโอ๊ย เราไม่อยากคุยด้วยเลย
ผ่านไปเกือบสองปี เขาสอบราชการติดในตำแหน่งที่เขาตั้งใจ ก็คือตำแหน่งเดียวกันกับเรา
เขาเข้ามาขอบคุณเราในแชทส่วนตัว แต่คราวนี้แปลกดีที่เราไม่ได้มีความรู้สึกไม่อยากคุยกับเขาเลย
เรารู้สึกยินดีกับเขามาก ๆ ยินดีแบบตื้นตันใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
แต่แล้ว ครั้งนี้เรากับเขาก็คุยหยอดกันไปหยอดกันมาจนมีความรู้สึกดี ๆ
เราสองคนต่างก็ไม่มีแฟน เขาพึ่งเลิกกับแฟนเก่ามาได้ 3 เดือน
และเขาก็มีคนคุยหลังจากที่เลิกกับแฟนไป (เรามารู้ทีหลัง) แต่เขาก็เลิกคุยมาคุยกับเรา
ส่วนเราก็มีคนคุยของเราเหมือนกันแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนและไม่มีวันเป็นไปได้เราก็เลยเลิกคุยไป มาคุยกับเขาแทน
เมื่อเราสองคนคุยกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันพัฒนาไปต่อได้
หลังจากนันเขาก็ได้บรรจุจังหวัดเดียวกับที่เรารับราชการอยู่ เราต่างเชื่อว่ามันคือพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้มาอยู่ใกล้ ๆ กัน
เขาจึงเลือกที่จะไปต่อกับเรา และเราก็เลือกที่จะไปต่อกับเขา
เราเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้หลงรักเขา แต่เรารู้สึกว่าเขาจะทำให้เรารักเขาได้
เพราะเขาเป็นคนนิสัยดี เป็นคนซื่อ ๆ ไม่ใช่คนเจ้าชู้ คำพูดของเขาทำให้เราเชื่อว่า เขาจะไม่ทรยศต่อความรักของเรา
ส่วนเขาเริ่มต้นจากเกินร้อย จนเราต้องคอยเบรกไว้ เพราะเรายังไม่รู้สึกเรากลัวทำเขาผิดหวังและเสียใจ
ความรู้สึกของเราพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเรารู้สึกมั่นใจว่าเรารักเขามาก และมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้แหละที่เราจะหยุดชีวิตไว้ที่เขา
เราต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่า เราจะหยุดที่กันและกัน เราจะคบกันแบบที่ผู้ใหญ่เขาคบกันและใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน
หกเดือนแรกเรารักกันหวานชื่น เขาเทียวมาหาเราเกือบทุกวันหลังเลิกงาน แม้ระยะทางจะห่างกันเกือบร้อยกิโล เขาไม่เคยบ่นเหนื่อยเลยสักคำ
เขาเป็นคนใจเย็นบางครั้งก็ใจเย็นมากเกินไปจนเหมือนคนไม่เอาไหน
เราเป็นคนใจร้อน คิดแล้วทำเลย เป็นคนจัดแจงชีวิตเขาเกือบทุกเรื่อง
เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดชีวิตของตัวเขาเองสักเท่าไหร่
เราเป็นห่วงชีวิตของเขา จนเหมือนเราเป็นเจ้าจอมบงการชีวิต ขีดเส้นชีวิตให้เขาเดิน
เราเป็นคนหงุดหงิดง่าย แต่ก็ไม่ใช่หงุดหงิดแบบที่ไม่มีเหตุผล
ทุกอย่างที่หงุดหงิดเกิดจากความที่เขาทำผิดพลาดและความไม่ได้ดั่งใจ ไม่เอาไหนของเขา
แต่เขาก็ยอมเป็นฝ่ายขอโทษเราก่อนเสมอ ทุกอย่างที่เขาเป็นมันจึงทำให้เรารักเขามาก
และมั่นใจมากว่าความรักของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แต่ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา สิ่งหนึ่งที่เขาเสมอต้นเสมอปลาย และเรารู้มาเสมอคือ
เขาไม่ค่อยใส่ใจชีวิตของเรา เพราะชีวิตเขาเองเขายังใส่ใจชีวิตตัวเองไม่ได้เลย
หลายครั้งที่เราพูดปากเปียกปากแฉะ สุดท้ายเขาก็ลืม เขาก็ละเลยในเรื่องส่วนตัวของเขาเอง
มาถึงจุดหักเปลี่ยนที่เราพึ่งทบทวนได้ว่า นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตคู่ของเราไม่ราบรื่น
เราขอย้ายจังหวัดกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยกิโลเหมือนเดิม
เพียงแค่ การที่เราจะเจอกันได้ คือ เขาต้องกลับมาหาเราที่บ้านเท่านั้น เราไปหาเขาไม่ได้เพราะแม่หวง
เขามาหาเราที่บ้านทุกเสาร์อาทิตย์ จนแม่อยากให้เราแต่งงานกันให้เร็วที่สุด
สำหรับความรู้สึกของเราคือ ยังไม่อินกับการแต่งงานเท่าไหร่ เรามองว่าการแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีกรรมที่สิ้นเปลือง
แต่ใจนึงเราก็อยากแต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ จะได้ไปไหนมาไหนกับแฟนได้โดยที่ไม่มีแม่คอยหวงห้าม
แต่ทุกครั้งที่เราพูดถึงเรื่องแต่งงานกับแฟนทีไร เราสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นในการวางแผนชีวิตและอนาคตแต่อย่างใด
บางครั้งเขาก็เคยพูดว่า ทำไมมันดูรีบ ๆ มันเร็วไปมั้ย เขายังรู้สึกไม่พร้อม บ้างก็อ้างญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเขาว่า ฝ่ายเขารู้สึกเหมือนเสียลูกหลานไป
แต่ทางพ่อแม่ ยาย น้า และน้อง ๆ ของเขารักเรา และเห็นดีเห็นงามด้วยที่เราสองคนคบกัน
ตั้งแต่วันที่เราย้ายกลับมาอยู่บ้านเป็นต้นมา ชีวิตคู่ของเราไม่หวานชื่นรื่นรมเหมือนเดิม
แต่เราก็พอเข้าใจได้ว่าช่วงโปรโมชั่นมันคงหมดลง และบรรยากาศที่เราอยู่ด้วยกัน
มันก็ไม่เอื้ออำนวยให้เรามาสวีทหวานอะไรกันมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะต้องอยู่บ้านและมีพ่อแม่ญาติพี่น้องฝ่ายเรา
เรารู้สึกว่าชีวิตคู่ของเรามันดูจำเจ เราเองยังรู้สึกเบื่อ ๆ กับวิถีชีวิตคู่ของเรา แต่เราไม่เคยเบื่อในตัวเขาเลย
การกระทำที่เคยกอด เคยหอม เคยอ้อน เคยทำให้กันยังไง เราสองคนยังทำกันเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป
สิ่งที่ทำให้เขาหยุดเป็นคนที่หายใจเข้าหายใจออกเป็นเราอาจเป็นเพราะเขางานเยอะ เราเชื่อมาแบบนั้นตลอด
จนเมื่อต้นเดือนเมษา เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ เราก็ถามเขาด้วยความปากพล่อย ถามไปเรื่อยเปื่อย
ไม่ได้คาดหวังว่าคำตอบว่าจะเป็นอย่างที่เราถาม เราถามเขาว่าว่าเขามีคนอื่นใช่ไหม ซึ่งเราไม่เคยถามคำถามนี้เลย
เพราะที่ผ่านมาเราเชื่อใจเขาเกินร้อยมาตลอด และไม่เคยจะคิดว่าเขาจะนอกใจเรา ไม่เคยระแวงไม่เคยเช็คโทรศัพท์เขา
เมื่อเทียบระหว่างเรากับเขา เรายังดูเหมือนคนที่จะหวั่นไหวง่ายและอาจเผลอมีใครได้ง่ายกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ เราน่าระเเวงกว่าเยอะ
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ เงียบ และก็เงียบ ซึ่งเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
คำตอบที่เราได้มาคือได้จากการที่เรายิงคำถามไป และการเงียบของเขาคือคำตอบ มารู้ตอนท้าย ๆ ว่าก็มีถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ใจความหลักก็คือเขามีคนอื่นเข้ามาในหัวใจของเขา อาจไม่ได้เข้ามาแทนที่เรา แต่ก็ทำให้ชีวิตของเราสองคนไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หลังจากคำถามนั้นที่เราถามไป มันเปลี่ยนชีวิตเราสองคนไปยังกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
ก่อนหน้านี้ยังรักเราดีอยู่เลย ยังเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของเราอยู่เลย เพียงข้ามวินาทีหลังจากคำถามนั้นเท่านั้น เขากลับทำให้เราผิดหวัง
และเกิดเรื่องราวไม่คาดคิดหลาย ๆ เรื่อง วันที่เกิดเรื่องขึ้นวันแรก เราขอให้เขากลับมารักเราเหมือนเดิมได้ไหม เขาให้คำตอบกับเราว่า
ทำไมมันรู้สึกเหนื่อย แค่คิดว่าจะกลับมารักเรา มันก็เหนื่อยและทรมานใจมาก เพียงข้ามคืน มันกลายเป็นแบบนี้ได้ไง
แต่เขาก็เลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้นนะ เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เล่นด้วยกับเขา
เขาต่างหากที่เข้าไปเกาะแกะ ไปจีบผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แค่คุย ๆ เฉย ๆ ไม่ได้อยากได้เขาอะไรมากมาย
เขาคุยกันก่อนที่เราจะจับได้ ประมาณเดือนครึ่ง แต่ก็เป็นการคุยแบบนาน ๆ ที เวลาที่เขาอยู่กับเราเขาก็ไม่ได้คุยกัน
ส่วนใหญ่แฟนเราจะอ้างเรื่องงานเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนนี้ (เขาทำงานอยู่จังหวัดเดียวกัน) แล้วเขาก็ค่อย ๆ หย่อน ค่อย ๆ หยอดคำพูดแบบจีบ ๆ เข้าไป
แต่ผู้หญิงคนนี้ก็คอยเบรกเขาตลอดเหมือนกัน (เราฟังจากที่ทั้งสองฝ่ายเล่าให้เราฟัง)
ผ่านไปสองอาทิตย์กว่า เรื่องราวระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ทำให้จิตใจเรารู้สึกเสียใจอะไร
แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดใจที่สุดคือ เขากลับมารักเราเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ตลอดเวลาที่มีปัญหากันมาได้เกือบสองเดือน เขาก็ยังเป็นห่วงเรา สงสารเรา พูดจาดีๆกับเรา แสดงความห่วงใย
แต่ที่เราทุกข์ทรมานใจ เพราะเราสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว ผ่านการกระทำบางอย่าง หรือคำพูดบางคำ
เรารู้สึกยอมรับไม่ได้ที่เขาไม่รักเรา เราไม่เคยคิดฝันว่าผู้ชายคนนี้จะหมดรักเราได้ เราวางใจไว้ที่เขาเสมอมา
จนเมื่อคืน เราคุยกันแบบเปิดอกครั้งแรก เขาบอกกับเราว่า เขารู้สึกมานานแล้วว่าเขาไม่ได้รักเรา
แรกๆ มันคือความหลง แต่พออยู่ไปได้สักพัก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากความที่เขาเกรงใจเรา เกรงใจครอบครัวเรา
เราไม่รู้ว่าคำพูดของเขามันจริงไหม เพราะที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเดิมทุกอย่างเราไม่เคยรู้สึกระแคะระคายอะไรเลย
เพียงแค่ช่วงหลังๆ งานเขาเยอะ เขาก็อาจไม่ได้หายใจเข้าออกเป็นเราเหมือนช่วงแรก แต่ทุกการกระทำของเขายังเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้เราพยายามยอมรับและตัดใจมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ขอเลิกกับเขาบ้าง เขาก็ยอมเลิกแต่โดยดี
แต่สุดท้ายเราก็ขาดเขาไปไม่ได้ ก็กลับเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนเดิม ตั้งแต่เกิดเรื่องมากลายเป็นว่า เรายังได้คุยกับเขาทุกวัน แต่ไม่เหมือนเดิม
ในแต่ละวันก็มีเรื่องให้เราได้คุยเครียดกันเกือบทุกวัน จนเขาก็เครียด เพราะหาคำตอบให้เราไม่ได้ ทางบ้านของเราก็กดดัน ทางบ้านของเขาก็กดดัน
ส่วนเราก็เดี๋ยวบอกเลิก เดี๋ยวบอกขาดเขาไม่ได้ เราไม่มีทางออกให้กับชีวิตของเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากเสียใจ แต่เราเดินออกไปจากจุดนี้ไม่ได้
เมื่อคืนเราจึงขอให้เขา อยู่กับเราก่อน เพื่อเรา เพื่อพ่อแม่เรา เพื่อพ่อแม่เขา และถ้าเขากลับมารักเราได้ ก็เพื่อเขาด้วย
เพราะเขาเองก็ยังไม่มีใครและยังไม่ได้คิดว่าจะหาใครใหม่
เขาบอกกับเราว่าเราเป็นแฟนที่แสนดีของเขา เรามีแต่ให้และทุ่มเทให้เขามาตลอด
เรามั่นใจว่า ตำแหน่งหน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะ การเงิน หน้าตาทางสังคม และทุก ๆ อย่างที่เป็นเรา
เราจะไม่มีวันดึงชีวิตเขามาตกต่ำ มีแต่จะผลักดันเขาให้เติบโตและสูงส่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เราตั้งใจมาเสมอว่าชีวิตคู่ของเราและเขา จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน จะคอยเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตของอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง
เราขอให้เขาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ลองพยายามอีกสักนิด เพื่อชีวิตและอนาคตที่ดีของเขา
ส่วนเราเอง แม้เรายังมีความเชื่อว่า ยังจะมีผู้ชายที่ดีกว่าเค้ารอเราอยู่ข้างหน้า เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้ดีที่สุดสำหรับเรา
แต่เราไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครอีกแล้ว เราอยากหยุดที่คน ๆ นี้ที่แม้ยังไม่ได้ดีที่สุด แต่เขาก็พอดีสำหรับเรา
เราอยากให้เขาสู้ไปด้วยกันก่อน สู้กับความไม่รักของเขาให้กลับคืนมา
ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ เราก็โชคดีที่ได้ผู้ชายนิสัยดี ๆ จิตใจดี เป็นคนดี กลับคืนมา
ส่วนเขาก็คงโชคดีที่มีแฟนเป็นเรา ที่รักเขามากที่สุด
ควรฝืนไปต่อ หรือ พอแค่นี้?
ตลอดระยะเวลาที่เราคบกัน เรารู้สึกโชคดีมากที่มีเขาเป็นแฟน
เมื่อ 3 ปีกว่า ๆ ที่แล้วเรารู้จักเขาเพราะเขาแอดเฟสบุ๊คมาถามเราเรื่องเตรียมสอบราชการ
(เราเป็นข้าราชการตำแหน่งหนึ่งที่คนจบสายรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น)
(เราอายุเท่ากัน แต่เรามีโอกาสได้รับราชการตำแหน่งนี้ก่อนเขา 3 ปี)
แต่ก็คุยกันแค่แป๊บ ๆ แถมเรายังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กวนโอ๊ย เราไม่อยากคุยด้วยเลย
ผ่านไปเกือบสองปี เขาสอบราชการติดในตำแหน่งที่เขาตั้งใจ ก็คือตำแหน่งเดียวกันกับเรา
เขาเข้ามาขอบคุณเราในแชทส่วนตัว แต่คราวนี้แปลกดีที่เราไม่ได้มีความรู้สึกไม่อยากคุยกับเขาเลย
เรารู้สึกยินดีกับเขามาก ๆ ยินดีแบบตื้นตันใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
แต่แล้ว ครั้งนี้เรากับเขาก็คุยหยอดกันไปหยอดกันมาจนมีความรู้สึกดี ๆ
เราสองคนต่างก็ไม่มีแฟน เขาพึ่งเลิกกับแฟนเก่ามาได้ 3 เดือน
และเขาก็มีคนคุยหลังจากที่เลิกกับแฟนไป (เรามารู้ทีหลัง) แต่เขาก็เลิกคุยมาคุยกับเรา
ส่วนเราก็มีคนคุยของเราเหมือนกันแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนและไม่มีวันเป็นไปได้เราก็เลยเลิกคุยไป มาคุยกับเขาแทน
เมื่อเราสองคนคุยกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันพัฒนาไปต่อได้
หลังจากนันเขาก็ได้บรรจุจังหวัดเดียวกับที่เรารับราชการอยู่ เราต่างเชื่อว่ามันคือพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้มาอยู่ใกล้ ๆ กัน
เขาจึงเลือกที่จะไปต่อกับเรา และเราก็เลือกที่จะไปต่อกับเขา
เราเริ่มต้นจากศูนย์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้หลงรักเขา แต่เรารู้สึกว่าเขาจะทำให้เรารักเขาได้
เพราะเขาเป็นคนนิสัยดี เป็นคนซื่อ ๆ ไม่ใช่คนเจ้าชู้ คำพูดของเขาทำให้เราเชื่อว่า เขาจะไม่ทรยศต่อความรักของเรา
ส่วนเขาเริ่มต้นจากเกินร้อย จนเราต้องคอยเบรกไว้ เพราะเรายังไม่รู้สึกเรากลัวทำเขาผิดหวังและเสียใจ
ความรู้สึกของเราพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเรารู้สึกมั่นใจว่าเรารักเขามาก และมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้แหละที่เราจะหยุดชีวิตไว้ที่เขา
เราต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่า เราจะหยุดที่กันและกัน เราจะคบกันแบบที่ผู้ใหญ่เขาคบกันและใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน
หกเดือนแรกเรารักกันหวานชื่น เขาเทียวมาหาเราเกือบทุกวันหลังเลิกงาน แม้ระยะทางจะห่างกันเกือบร้อยกิโล เขาไม่เคยบ่นเหนื่อยเลยสักคำ
เขาเป็นคนใจเย็นบางครั้งก็ใจเย็นมากเกินไปจนเหมือนคนไม่เอาไหน
เราเป็นคนใจร้อน คิดแล้วทำเลย เป็นคนจัดแจงชีวิตเขาเกือบทุกเรื่อง
เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดชีวิตของตัวเขาเองสักเท่าไหร่
เราเป็นห่วงชีวิตของเขา จนเหมือนเราเป็นเจ้าจอมบงการชีวิต ขีดเส้นชีวิตให้เขาเดิน
เราเป็นคนหงุดหงิดง่าย แต่ก็ไม่ใช่หงุดหงิดแบบที่ไม่มีเหตุผล
ทุกอย่างที่หงุดหงิดเกิดจากความที่เขาทำผิดพลาดและความไม่ได้ดั่งใจ ไม่เอาไหนของเขา
แต่เขาก็ยอมเป็นฝ่ายขอโทษเราก่อนเสมอ ทุกอย่างที่เขาเป็นมันจึงทำให้เรารักเขามาก
และมั่นใจมากว่าความรักของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แต่ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา สิ่งหนึ่งที่เขาเสมอต้นเสมอปลาย และเรารู้มาเสมอคือ
เขาไม่ค่อยใส่ใจชีวิตของเรา เพราะชีวิตเขาเองเขายังใส่ใจชีวิตตัวเองไม่ได้เลย
หลายครั้งที่เราพูดปากเปียกปากแฉะ สุดท้ายเขาก็ลืม เขาก็ละเลยในเรื่องส่วนตัวของเขาเอง
มาถึงจุดหักเปลี่ยนที่เราพึ่งทบทวนได้ว่า นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตคู่ของเราไม่ราบรื่น
เราขอย้ายจังหวัดกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยกิโลเหมือนเดิม
เพียงแค่ การที่เราจะเจอกันได้ คือ เขาต้องกลับมาหาเราที่บ้านเท่านั้น เราไปหาเขาไม่ได้เพราะแม่หวง
เขามาหาเราที่บ้านทุกเสาร์อาทิตย์ จนแม่อยากให้เราแต่งงานกันให้เร็วที่สุด
สำหรับความรู้สึกของเราคือ ยังไม่อินกับการแต่งงานเท่าไหร่ เรามองว่าการแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีกรรมที่สิ้นเปลือง
แต่ใจนึงเราก็อยากแต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ จะได้ไปไหนมาไหนกับแฟนได้โดยที่ไม่มีแม่คอยหวงห้าม
แต่ทุกครั้งที่เราพูดถึงเรื่องแต่งงานกับแฟนทีไร เราสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นในการวางแผนชีวิตและอนาคตแต่อย่างใด
บางครั้งเขาก็เคยพูดว่า ทำไมมันดูรีบ ๆ มันเร็วไปมั้ย เขายังรู้สึกไม่พร้อม บ้างก็อ้างญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเขาว่า ฝ่ายเขารู้สึกเหมือนเสียลูกหลานไป
แต่ทางพ่อแม่ ยาย น้า และน้อง ๆ ของเขารักเรา และเห็นดีเห็นงามด้วยที่เราสองคนคบกัน
ตั้งแต่วันที่เราย้ายกลับมาอยู่บ้านเป็นต้นมา ชีวิตคู่ของเราไม่หวานชื่นรื่นรมเหมือนเดิม
แต่เราก็พอเข้าใจได้ว่าช่วงโปรโมชั่นมันคงหมดลง และบรรยากาศที่เราอยู่ด้วยกัน
มันก็ไม่เอื้ออำนวยให้เรามาสวีทหวานอะไรกันมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะต้องอยู่บ้านและมีพ่อแม่ญาติพี่น้องฝ่ายเรา
เรารู้สึกว่าชีวิตคู่ของเรามันดูจำเจ เราเองยังรู้สึกเบื่อ ๆ กับวิถีชีวิตคู่ของเรา แต่เราไม่เคยเบื่อในตัวเขาเลย
การกระทำที่เคยกอด เคยหอม เคยอ้อน เคยทำให้กันยังไง เราสองคนยังทำกันเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป
สิ่งที่ทำให้เขาหยุดเป็นคนที่หายใจเข้าหายใจออกเป็นเราอาจเป็นเพราะเขางานเยอะ เราเชื่อมาแบบนั้นตลอด
จนเมื่อต้นเดือนเมษา เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ เราก็ถามเขาด้วยความปากพล่อย ถามไปเรื่อยเปื่อย
ไม่ได้คาดหวังว่าคำตอบว่าจะเป็นอย่างที่เราถาม เราถามเขาว่าว่าเขามีคนอื่นใช่ไหม ซึ่งเราไม่เคยถามคำถามนี้เลย
เพราะที่ผ่านมาเราเชื่อใจเขาเกินร้อยมาตลอด และไม่เคยจะคิดว่าเขาจะนอกใจเรา ไม่เคยระแวงไม่เคยเช็คโทรศัพท์เขา
เมื่อเทียบระหว่างเรากับเขา เรายังดูเหมือนคนที่จะหวั่นไหวง่ายและอาจเผลอมีใครได้ง่ายกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ เราน่าระเเวงกว่าเยอะ
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ เงียบ และก็เงียบ ซึ่งเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
คำตอบที่เราได้มาคือได้จากการที่เรายิงคำถามไป และการเงียบของเขาคือคำตอบ มารู้ตอนท้าย ๆ ว่าก็มีถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ใจความหลักก็คือเขามีคนอื่นเข้ามาในหัวใจของเขา อาจไม่ได้เข้ามาแทนที่เรา แต่ก็ทำให้ชีวิตของเราสองคนไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
หลังจากคำถามนั้นที่เราถามไป มันเปลี่ยนชีวิตเราสองคนไปยังกับหน้ามือเป็นหลังเท้า
ก่อนหน้านี้ยังรักเราดีอยู่เลย ยังเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของเราอยู่เลย เพียงข้ามวินาทีหลังจากคำถามนั้นเท่านั้น เขากลับทำให้เราผิดหวัง
และเกิดเรื่องราวไม่คาดคิดหลาย ๆ เรื่อง วันที่เกิดเรื่องขึ้นวันแรก เราขอให้เขากลับมารักเราเหมือนเดิมได้ไหม เขาให้คำตอบกับเราว่า
ทำไมมันรู้สึกเหนื่อย แค่คิดว่าจะกลับมารักเรา มันก็เหนื่อยและทรมานใจมาก เพียงข้ามคืน มันกลายเป็นแบบนี้ได้ไง
แต่เขาก็เลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้นนะ เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เล่นด้วยกับเขา
เขาต่างหากที่เข้าไปเกาะแกะ ไปจีบผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แค่คุย ๆ เฉย ๆ ไม่ได้อยากได้เขาอะไรมากมาย
เขาคุยกันก่อนที่เราจะจับได้ ประมาณเดือนครึ่ง แต่ก็เป็นการคุยแบบนาน ๆ ที เวลาที่เขาอยู่กับเราเขาก็ไม่ได้คุยกัน
ส่วนใหญ่แฟนเราจะอ้างเรื่องงานเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนนี้ (เขาทำงานอยู่จังหวัดเดียวกัน) แล้วเขาก็ค่อย ๆ หย่อน ค่อย ๆ หยอดคำพูดแบบจีบ ๆ เข้าไป
แต่ผู้หญิงคนนี้ก็คอยเบรกเขาตลอดเหมือนกัน (เราฟังจากที่ทั้งสองฝ่ายเล่าให้เราฟัง)
ผ่านไปสองอาทิตย์กว่า เรื่องราวระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ทำให้จิตใจเรารู้สึกเสียใจอะไร
แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดใจที่สุดคือ เขากลับมารักเราเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ตลอดเวลาที่มีปัญหากันมาได้เกือบสองเดือน เขาก็ยังเป็นห่วงเรา สงสารเรา พูดจาดีๆกับเรา แสดงความห่วงใย
แต่ที่เราทุกข์ทรมานใจ เพราะเราสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว ผ่านการกระทำบางอย่าง หรือคำพูดบางคำ
เรารู้สึกยอมรับไม่ได้ที่เขาไม่รักเรา เราไม่เคยคิดฝันว่าผู้ชายคนนี้จะหมดรักเราได้ เราวางใจไว้ที่เขาเสมอมา
จนเมื่อคืน เราคุยกันแบบเปิดอกครั้งแรก เขาบอกกับเราว่า เขารู้สึกมานานแล้วว่าเขาไม่ได้รักเรา
แรกๆ มันคือความหลง แต่พออยู่ไปได้สักพัก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากความที่เขาเกรงใจเรา เกรงใจครอบครัวเรา
เราไม่รู้ว่าคำพูดของเขามันจริงไหม เพราะที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับเราเหมือนเดิมทุกอย่างเราไม่เคยรู้สึกระแคะระคายอะไรเลย
เพียงแค่ช่วงหลังๆ งานเขาเยอะ เขาก็อาจไม่ได้หายใจเข้าออกเป็นเราเหมือนช่วงแรก แต่ทุกการกระทำของเขายังเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้เราพยายามยอมรับและตัดใจมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ขอเลิกกับเขาบ้าง เขาก็ยอมเลิกแต่โดยดี
แต่สุดท้ายเราก็ขาดเขาไปไม่ได้ ก็กลับเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนเดิม ตั้งแต่เกิดเรื่องมากลายเป็นว่า เรายังได้คุยกับเขาทุกวัน แต่ไม่เหมือนเดิม
ในแต่ละวันก็มีเรื่องให้เราได้คุยเครียดกันเกือบทุกวัน จนเขาก็เครียด เพราะหาคำตอบให้เราไม่ได้ ทางบ้านของเราก็กดดัน ทางบ้านของเขาก็กดดัน
ส่วนเราก็เดี๋ยวบอกเลิก เดี๋ยวบอกขาดเขาไม่ได้ เราไม่มีทางออกให้กับชีวิตของเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากเสียใจ แต่เราเดินออกไปจากจุดนี้ไม่ได้
เมื่อคืนเราจึงขอให้เขา อยู่กับเราก่อน เพื่อเรา เพื่อพ่อแม่เรา เพื่อพ่อแม่เขา และถ้าเขากลับมารักเราได้ ก็เพื่อเขาด้วย
เพราะเขาเองก็ยังไม่มีใครและยังไม่ได้คิดว่าจะหาใครใหม่
เขาบอกกับเราว่าเราเป็นแฟนที่แสนดีของเขา เรามีแต่ให้และทุ่มเทให้เขามาตลอด
เรามั่นใจว่า ตำแหน่งหน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะ การเงิน หน้าตาทางสังคม และทุก ๆ อย่างที่เป็นเรา
เราจะไม่มีวันดึงชีวิตเขามาตกต่ำ มีแต่จะผลักดันเขาให้เติบโตและสูงส่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เราตั้งใจมาเสมอว่าชีวิตคู่ของเราและเขา จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน จะคอยเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตของอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง
เราขอให้เขาตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ลองพยายามอีกสักนิด เพื่อชีวิตและอนาคตที่ดีของเขา
ส่วนเราเอง แม้เรายังมีความเชื่อว่า ยังจะมีผู้ชายที่ดีกว่าเค้ารอเราอยู่ข้างหน้า เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้ดีที่สุดสำหรับเรา
แต่เราไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครอีกแล้ว เราอยากหยุดที่คน ๆ นี้ที่แม้ยังไม่ได้ดีที่สุด แต่เขาก็พอดีสำหรับเรา
เราอยากให้เขาสู้ไปด้วยกันก่อน สู้กับความไม่รักของเขาให้กลับคืนมา
ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ เราก็โชคดีที่ได้ผู้ชายนิสัยดี ๆ จิตใจดี เป็นคนดี กลับคืนมา
ส่วนเขาก็คงโชคดีที่มีแฟนเป็นเรา ที่รักเขามากที่สุด