ก็น่าตื่นเต้นอยู่สำหรับระบบใหม่อย่าง e-power
มีความคิดเห็นกันยังไงบ้างครับ
VL 1,049,000 /// V 999,000 /// E 949,000 /// S 889,000
รายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยยังไม่ปรากฎ
แต่ปกติ รุ่นย่อย S ของ Nissan จะค่อนข้างไปทางโล้นๆ
ถ้าโล้นๆ ราคาก็ไม่ควรจะไปถึงเกือบ 9 แสน 8 ต้น ถึง 8 กลาง ก็ว่าโหดแล้ว
แต่ยังไม่เห็น option จริงๆก็ยังบอกอะไรไม่ได้
ถ้าบอกว่าราคาแรงไหมเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ก็ถือว่าไม่แรง เมื่อมองไปที่ขนาดตัว กับระบบ e-power
ที่ไม่ใช่ระบบไก่กา เพราะก็เป็นตัวชูโรงยอดขายที่ญี่ปุ่น
แต่เมื่อมองว่า แดชบอร์ด คอนโซล ทุกๆอย่างยกมาจาก Almera ที่ตัวท๊อปราคา 6.35 แสน
ก็ต้องบอกว่า ซ้ำรอยกับคู่ Mazda 2 sedan กับ CX-3 ที่ ฝ่ายหลังขายไม่ได้เลย แต่ฝ่ายแรกขายดีวันดีคืน
ส่วนที่แตกต่างก็มีรายละเอียดของจอแสดงผลเรือนไมล์ 7 นิ้วที่ต่างออกไป และตัวเกียร์ระบบไฟฟ้าดังภาพ
แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าในยุค Covid-19 การตั้งราคามาแบบคู่แข่ง ที่ตอนนั้นเปิดตัวในยามภาวะปกติ มันอยู่ในสภาวะที่แตกต่าง
กันอย่างสิ้นเชิง นั่นเท่ากับว่า ลูกค้าจะ sensitive กับราคาขายมากกว่าแต่ก่อนมาก (จึงเป็นคำถามว่าจะรอดหรือเจ๊ง)
Nissan เน้นไปที่เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์มาจาก LEAF ก็คือ One-pedal ซึ่งรถจะเบรกเองถ้าถอนคันเร่ง (ถ้าเข้าใจไม่ผิด)
ส่วนเรดาร์ครูส น่าจะเป็นตัว intelligent cruise control หรือ ICC แต่ดูเหมือนไม่เน้น และน่าจะไม่ใช่ stop & go (ถ้ามีบอกกันด้วยนะครับ)
ทั้งหมดนี้ที่ได้ในราคา 1 ล้านกับอีก 5 หมื่น ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างคุ้ม แต่ก็อยู่ที่ว่า ลูกค้าจะรับกับตัวรถได้หรือไม่
ถ้าชอบจะบอกว่าถูกคุ้ม ถ้าไม่ชอบหน้าดำๆแบบนี้ ก็อาจจะมองได้ว่ารถดูแพงเกิน
ส่องๆดูน่าจะไม่มี ซันรูฟ มูนรูฟ พาโนรามิกรูฟ แต่เน้นตัดสีทูโทน แนวเดียวกับ C-HR
ผมว่ากระจังหน้าของ Kicks ดูเชิดๆไป ทำให้หน้าดูลอยๆ ต่างจาก Almera ตรงที่ ทำให้หน้าดูกดลงสวย

สีดำช่วยให้กระจังหน้าดูดีขึ้น
หลายท่านอาจจะว่าการแต่งรถทำให้รถดูเลอะเทอะ อ้วน
แต่สำหรับคนที่รู้สึกว่า Kicks ยังดูหล่อน้อยไปหน่อย อาจจะต้องอาศัยพวกชุดแต่ง
ถ้าเป็นของ Nissan ก็จะติดชายล่างสีเงินแบบนี้รอบคัน
จุดนึงที่คิดว่าเป็นจุดที่ด้อย และ Nissan เองก็น่าจะรู้ จึงไม่ค่อยโชว์ shot ที่มีรูปด้านท้ายก็คือ
การออกแบบกันชนท้ายที่ดูเหมือนตูดห้อย ซึ่งตัวก่อนไมเนอร์จะไม่ดูห้อยแบบนี้ ส่วนทรงไฟท้ายก็โบราณอย่างที่เห็น
Nissan ทุ่มเทไปที่การหุ้มเบาะหนังที่ดูหรูหรา และมีการดีไซน์ที่น่าสนใจแทน
ซึ่งก็ช่วยให้ดูแตกต่างจาก Almera ขึ้นมาได้พอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะให้ราคากับส่วนนี้ขนาดไหน
ผมมองว่า ลูกค้าที่ซื้อ Almera อาจสั่งให้ร้านทำเบาะหนังหุ้มเบาะหนังแบบนี้บ้างก็ได้ ในราคาไม่กี่หมื่นเท่านั้น

ดูจากภาพข้างบน รถดูเหมือนเล็กนะครับ ถ้ามองว่าพื้นฐานคือ B car จาก Almera นี่ก็ดูบีมากอยู่ หรือตากล้องทำหน้าที่บกพร่อง
ถ่ายออกมาทำให้ภายในของรถดูเล็ก ก็เป็นไปได้
ที่บรรทุกสัมภาระไม่แคบ ถือว่าใช้ได้
Kicks มีกำลังจากเครื่องยนต์ปั่นไฟให้มอเตอร์ อยู่ที่ 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 nm
ส่วน ZS EV มีกำลังอยู่ที่ 150 แรงม้า แรงบิด 350 nm
รุ่น S 889,000 มีภายนอกไม่ด้อยไปกว่ารุ่นท๊อป แต่ไม่ให้สีส้มกับแดง และไฟตัดหมอกให้ไปขอเซลส์เอง
กับภายในเบาะผ้า ต้องขอเซลส์แถมเบาะหนัง
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมีครบ พวกระบบ active safety ไม่มี
มีล้อ 17, ราวหลังคา, สปอยเลอร์หลัง, เสาครีบฉลาม, กระจกข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟหน้าแบบ LED พร้อม LED Signature Light มี DRL
เบาะผ้า, ภายในโทนสีดำ, เบาะปรับปรับระดับสูง-ต่ำ, push start/smart entry
เบรกมือไฟฟ้า, ลำโพง 4 ตัว, เครื่องเสียง บลูทูธ แต่เครื่องเสียงวิทยุธรรมดาหน้าตาแบบ Almera
ถุงลมคู่หน้า, ABS, EBD, BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VDC
มีครูสคอนโทรล และหน้าจอแสดงผลสวยงามขนาด 7 นิ้วมีตั้งแต่ตัวเริ่มต้น
รุ่น E 949,000 เพิ่ม 6 หมื่นได้
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ IEB
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า DAA
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ FCW
ซึ่งเป็นระบบที่ไม่จำเป็นสำหรับใครหลายๆคน
รุ่น V 999,000
(เข้าใจว่า Nissan วางตัวนี้เป็นรุ่นท๊อปตามข่าวก่อนหน้า แต่เปลี่ยนใจเพิ่มรุ่น 1,049,000 มาในวินาทีสุดท้าย)
เพิ่ม 5 หมื่นได้ ได้เบาะหนัง (ไม่ต้องขอเป็นของแถมละ) ได้เครื่องเสียงเป็นหน้าจอ
มีสีแดง ส้ม ให้เลือกเพิ่ม ภายในเบาะหนัง
ระบบกล้องอัจฉริยะ Around view monitor กระจกมองหลังได้เป็นแบบกล้องส่องจากภายนอก
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง side airbag Apple car play + 6 ลำโพง
รุ่น VL 1,049,000
เพิ่ม 5 หมื่นได้
สามารถเลือกสีบอดี้ทูโทนได้ (หลังคาดำ)
ได้ถุงลมม่านนิรภัยเพิ่ม
ครูสคอนโทรลแบบเรดาร์ (รุ่นย่อยอื่นๆไม่มีครูสเลยรึ!?)
ระบบ Blind spot กับ Rear cross traffic alert ที่หลายคนคิดว่าเป็นระบบที่จำเป็นไปแล้ว
Verdict
ครูสคอนโทรลไม่ให้มาเลยในรุ่นย่อยล่างทั้งหมด ทำตัวแบบ Altis (ตกลงมี cruise ทุกรุ่นย่อย)
รุ่น S กับ E ราคาเกือบล้านได้เครื่องเสียงแบบ eco car ทำไปได้
รุ่น V, E เป็นเหมือนสะพานข้ามให้ลูกค้าต้องอัพไปที่ VL เท่านั้น แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆขอ V ก็พอได้
รุ่น S เป็นรุ่นที่เปิดตัวราคาไม่ต่ำ ไม่ได้ช่วยดึงลูกค้าเข้าโชว์รูม แต่ของพื้นฐานครบ +ต้องขอเซลส์แถมนิดนึง
ครูสคอนโทรลใน VL ไม่น่าจะเป็น stop & go ถ้ามาแบบครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ก็ทำให้ S ดูน่าสนใจมากขึ้น
รุ่น S คือรุ่นที่น่าสนที่สุดในยุคโควิด-19
VL คือรุ่นสำหรับคนที่ชอบของครบๆ และรู้สึกกังวลกับพวงมาลัยที่มีปุ่มให้กดไม่ครบทั้งสองข้าง
โอกาสลดราคาเมื่อขายไม่ออก น่าจะมีตามสไตล์ Nissan
น่าเสียดายที่ไม่มีรุ่นที่ option น้อยกว่านี้เพื่อเรียกคนเข้าโชว์รูม ตัด push start / smart entry ไปก็ได้
สำหรับหลายคนรุ่น V คือโอเค ไม่ข้ามล้าน มีระบบ active safety ที่จำเป็นบางอย่างครบ มีเบาะหนัง
รุ่น S จะน่าสนใจที่สุดถ้าไม่แคร์กับถุงลมนิรภัยที่ยุคนี้ให้มาได้อย่างไรแค่ 2 ใบคู่หน้า
กลับกัน Almera ควรจะมี VL+ ที่มีครูสคอนโทรล ซึ่งเคยมีข่าวว่าจะมีรุ่นที่สูงกว่า VL ออกมา
เรื่องสีสันมาในแนวบีบบังคับให้ไปรุ่น VL แต่เชื่อเถอะ หลังคาไม่ดำกับหลังคาดำ สวยหรือไม่สวยพอกัน
ไม่ได้ทำให้ดูสวยขึ้นแบบ Fortuner TRD หรือ C-HR ขนาดนั้น แปลกที่ไม่มีหลังคากระจกสักแบบในยุคนี้
ทั้งที่ไม่ได้เป็นแบรนด์ใหญ่โตอะไร แต่คนที่ไม่สนใจหลังคากระจก ก็ e-power กับราคานี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
เป็นการจัดออฟชั่นที๋โหลยโท่ย และดูหน้าหนังแล้วไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
แต่ๆๆในเรื่องของการตลาด อะไรก็เกิดขึ้นได้ (มั้ง?)
ตัวแปรที่แย่คือ มันไม่ใช่รถที่คน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 บอกว่า เฮ้ย โห ว้าว สวย
หน้าของรถ ผมบอกเลยว่า น่าจะเป็นรถรุ่นหนึ่งที่เน้นออกแบบสำหรับตลาดอินเดีย (รึเปล่า?)
เพราะผมเห็นหน้าแบบนี้ในรถฮิตรุ่นอื่นๆของอินเดียเต็มไปหมด
ซึ่งถ้าเจาะตลาดอินเดียได้ดี ก็จะทำกำไรให้บริษัทมาก
อันดับต่อมามันคือ Nissan รถที่มี reliability กลางๆ ที่มีชื่อเสียงเก่าช่วยฉุดลง
และราคาขายต่อที่ไม่ได้ช่วยรักษาคุณค่าของตัวรถเท่าที่ควร
สำหรับคนอยากลอง e-power นี่คือโอกาสทองของคุณแล้ว
ส่วนตัวผมก็อยากลองนะ พอลองแล้วอาจจะติดใจ
จนเกิดกระแสการบอกต่อ
นี่น่าจะเป็น tactics ของ Nissan เขาล่ะ มุกเดียวกับ Teana J32 งัย ถ้าใครยังจำได้
สำหรับคนที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะเลือกรถเก๋งหรือรถ SUV
Almera กลายเป็นรถรุ่นที่เอามาเปรียบเทียบกับ Kicks ได้ และเมื่อมองไปที่ความเหมือนของ
ภายในทุกอย่างที่ไม่แตกต่าง คนที่มองที่ความคุ้มที่เจาะจงไปที่รุ่น S ของ Kicks
ก็จะมองข้ามไปที่ Almera ด้วย ปกติจะมีคนที่ค่อยๆ up รุ่นย่อยไปที่รุ่นบน ก็อาจจะค่อยๆ
down ลงมาที่รุ่นล่างก็ได้ Almera รุ่น E ราคา 5 แสนก็จะกลายเป็นรุ่นที่คุ้มสุดไปในทันที
เพราะเมื่อมองที่ความประหยัดที่ถือว่าดีมาก หน้าตาก็ดีมาก อัตราเร่งไม่ขี่เหร่ เกินพอ
Mazda 2 sedan กับ CX-3 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รถรุ่นแพงช่วยเพิ่มยอดขายให้รุ่นที่ต่ำกว่าได้
ถ้าภายในเหมือนๆกันทุกอย่าง

*เพิ่มเติม
ลองดูสีขาว รอบๆ 360 องศา ก็ดูไม่เลวนัก ผมรู้สึกว่าสีส้มโปรโมทกับหน้าตาแบบนี้ดูเป็นรถตลาดอินเดีย
แต่พอเป็นสีขาวแล้วค่อยกลับมาดูเป็นญี่ปุ่นๆขึ้นมาแล้ว สำหรับผมถือว่าความสวยพอโอเค รุ่น S 889,000 พอรับได้
แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย คนถึงจะยอมซื้อในภาวะแบบนี้
Nissan Kicks เปิดราคาแล้ว มี 4 รุ่นย่อย ราคา 889,000-1,049,000 บาท
มีความคิดเห็นกันยังไงบ้างครับ
VL 1,049,000 /// V 999,000 /// E 949,000 /// S 889,000
รายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยยังไม่ปรากฎ
แต่ปกติ รุ่นย่อย S ของ Nissan จะค่อนข้างไปทางโล้นๆ
ถ้าโล้นๆ ราคาก็ไม่ควรจะไปถึงเกือบ 9 แสน 8 ต้น ถึง 8 กลาง ก็ว่าโหดแล้ว
แต่ยังไม่เห็น option จริงๆก็ยังบอกอะไรไม่ได้
ถ้าบอกว่าราคาแรงไหมเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ก็ถือว่าไม่แรง เมื่อมองไปที่ขนาดตัว กับระบบ e-power
ที่ไม่ใช่ระบบไก่กา เพราะก็เป็นตัวชูโรงยอดขายที่ญี่ปุ่น
แต่เมื่อมองว่า แดชบอร์ด คอนโซล ทุกๆอย่างยกมาจาก Almera ที่ตัวท๊อปราคา 6.35 แสน
ก็ต้องบอกว่า ซ้ำรอยกับคู่ Mazda 2 sedan กับ CX-3 ที่ ฝ่ายหลังขายไม่ได้เลย แต่ฝ่ายแรกขายดีวันดีคืน
ส่วนที่แตกต่างก็มีรายละเอียดของจอแสดงผลเรือนไมล์ 7 นิ้วที่ต่างออกไป และตัวเกียร์ระบบไฟฟ้าดังภาพ
แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าในยุค Covid-19 การตั้งราคามาแบบคู่แข่ง ที่ตอนนั้นเปิดตัวในยามภาวะปกติ มันอยู่ในสภาวะที่แตกต่าง
กันอย่างสิ้นเชิง นั่นเท่ากับว่า ลูกค้าจะ sensitive กับราคาขายมากกว่าแต่ก่อนมาก (จึงเป็นคำถามว่าจะรอดหรือเจ๊ง)
Nissan เน้นไปที่เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์มาจาก LEAF ก็คือ One-pedal ซึ่งรถจะเบรกเองถ้าถอนคันเร่ง (ถ้าเข้าใจไม่ผิด)
ส่วนเรดาร์ครูส น่าจะเป็นตัว intelligent cruise control หรือ ICC แต่ดูเหมือนไม่เน้น และน่าจะไม่ใช่ stop & go (ถ้ามีบอกกันด้วยนะครับ)
ทั้งหมดนี้ที่ได้ในราคา 1 ล้านกับอีก 5 หมื่น ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างคุ้ม แต่ก็อยู่ที่ว่า ลูกค้าจะรับกับตัวรถได้หรือไม่
ถ้าชอบจะบอกว่าถูกคุ้ม ถ้าไม่ชอบหน้าดำๆแบบนี้ ก็อาจจะมองได้ว่ารถดูแพงเกิน
ส่องๆดูน่าจะไม่มี ซันรูฟ มูนรูฟ พาโนรามิกรูฟ แต่เน้นตัดสีทูโทน แนวเดียวกับ C-HR
ผมว่ากระจังหน้าของ Kicks ดูเชิดๆไป ทำให้หน้าดูลอยๆ ต่างจาก Almera ตรงที่ ทำให้หน้าดูกดลงสวย
สีดำช่วยให้กระจังหน้าดูดีขึ้น
หลายท่านอาจจะว่าการแต่งรถทำให้รถดูเลอะเทอะ อ้วน
แต่สำหรับคนที่รู้สึกว่า Kicks ยังดูหล่อน้อยไปหน่อย อาจจะต้องอาศัยพวกชุดแต่ง
ถ้าเป็นของ Nissan ก็จะติดชายล่างสีเงินแบบนี้รอบคัน
จุดนึงที่คิดว่าเป็นจุดที่ด้อย และ Nissan เองก็น่าจะรู้ จึงไม่ค่อยโชว์ shot ที่มีรูปด้านท้ายก็คือ
การออกแบบกันชนท้ายที่ดูเหมือนตูดห้อย ซึ่งตัวก่อนไมเนอร์จะไม่ดูห้อยแบบนี้ ส่วนทรงไฟท้ายก็โบราณอย่างที่เห็น
Nissan ทุ่มเทไปที่การหุ้มเบาะหนังที่ดูหรูหรา และมีการดีไซน์ที่น่าสนใจแทน
ซึ่งก็ช่วยให้ดูแตกต่างจาก Almera ขึ้นมาได้พอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะให้ราคากับส่วนนี้ขนาดไหน
ผมมองว่า ลูกค้าที่ซื้อ Almera อาจสั่งให้ร้านทำเบาะหนังหุ้มเบาะหนังแบบนี้บ้างก็ได้ ในราคาไม่กี่หมื่นเท่านั้น
ดูจากภาพข้างบน รถดูเหมือนเล็กนะครับ ถ้ามองว่าพื้นฐานคือ B car จาก Almera นี่ก็ดูบีมากอยู่ หรือตากล้องทำหน้าที่บกพร่อง
ถ่ายออกมาทำให้ภายในของรถดูเล็ก ก็เป็นไปได้
ที่บรรทุกสัมภาระไม่แคบ ถือว่าใช้ได้
Kicks มีกำลังจากเครื่องยนต์ปั่นไฟให้มอเตอร์ อยู่ที่ 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 nm
ส่วน ZS EV มีกำลังอยู่ที่ 150 แรงม้า แรงบิด 350 nm
รุ่น S 889,000 มีภายนอกไม่ด้อยไปกว่ารุ่นท๊อป แต่ไม่ให้สีส้มกับแดง และไฟตัดหมอกให้ไปขอเซลส์เอง
กับภายในเบาะผ้า ต้องขอเซลส์แถมเบาะหนัง
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมีครบ พวกระบบ active safety ไม่มี
มีล้อ 17, ราวหลังคา, สปอยเลอร์หลัง, เสาครีบฉลาม, กระจกข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟหน้าแบบ LED พร้อม LED Signature Light มี DRL
เบาะผ้า, ภายในโทนสีดำ, เบาะปรับปรับระดับสูง-ต่ำ, push start/smart entry
เบรกมือไฟฟ้า, ลำโพง 4 ตัว, เครื่องเสียง บลูทูธ แต่เครื่องเสียงวิทยุธรรมดาหน้าตาแบบ Almera
ถุงลมคู่หน้า, ABS, EBD, BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VDC
มีครูสคอนโทรล และหน้าจอแสดงผลสวยงามขนาด 7 นิ้วมีตั้งแต่ตัวเริ่มต้น
รุ่น E 949,000 เพิ่ม 6 หมื่นได้
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ IEB
ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้า DAA
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ FCW
ซึ่งเป็นระบบที่ไม่จำเป็นสำหรับใครหลายๆคน
รุ่น V 999,000
(เข้าใจว่า Nissan วางตัวนี้เป็นรุ่นท๊อปตามข่าวก่อนหน้า แต่เปลี่ยนใจเพิ่มรุ่น 1,049,000 มาในวินาทีสุดท้าย)
เพิ่ม 5 หมื่นได้ ได้เบาะหนัง (ไม่ต้องขอเป็นของแถมละ) ได้เครื่องเสียงเป็นหน้าจอ
มีสีแดง ส้ม ให้เลือกเพิ่ม ภายในเบาะหนัง
ระบบกล้องอัจฉริยะ Around view monitor กระจกมองหลังได้เป็นแบบกล้องส่องจากภายนอก
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง side airbag Apple car play + 6 ลำโพง
รุ่น VL 1,049,000
เพิ่ม 5 หมื่นได้
สามารถเลือกสีบอดี้ทูโทนได้ (หลังคาดำ)
ได้ถุงลมม่านนิรภัยเพิ่ม
ครูสคอนโทรลแบบเรดาร์ (รุ่นย่อยอื่นๆไม่มีครูสเลยรึ!?)
ระบบ Blind spot กับ Rear cross traffic alert ที่หลายคนคิดว่าเป็นระบบที่จำเป็นไปแล้ว
Verdict
ครูสคอนโทรลไม่ให้มาเลยในรุ่นย่อยล่างทั้งหมด ทำตัวแบบ Altis(ตกลงมี cruise ทุกรุ่นย่อย)รุ่น S กับ E ราคาเกือบล้านได้เครื่องเสียงแบบ eco car ทำไปได้
รุ่น V, E เป็นเหมือนสะพานข้ามให้ลูกค้าต้องอัพไปที่ VL เท่านั้น แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆขอ V ก็พอได้
รุ่น S เป็นรุ่นที่เปิดตัวราคาไม่ต่ำ ไม่ได้ช่วยดึงลูกค้าเข้าโชว์รูม แต่ของพื้นฐานครบ +ต้องขอเซลส์แถมนิดนึง
ครูสคอนโทรลใน VL ไม่น่าจะเป็น stop & go ถ้ามาแบบครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ก็ทำให้ S ดูน่าสนใจมากขึ้น
รุ่น S คือรุ่นที่น่าสนที่สุดในยุคโควิด-19
VL คือรุ่นสำหรับคนที่ชอบของครบๆ และรู้สึกกังวลกับพวงมาลัยที่มีปุ่มให้กดไม่ครบทั้งสองข้าง
โอกาสลดราคาเมื่อขายไม่ออก น่าจะมีตามสไตล์ Nissan
น่าเสียดายที่ไม่มีรุ่นที่ option น้อยกว่านี้เพื่อเรียกคนเข้าโชว์รูม ตัด push start / smart entry ไปก็ได้
สำหรับหลายคนรุ่น V คือโอเค ไม่ข้ามล้าน มีระบบ active safety ที่จำเป็นบางอย่างครบ มีเบาะหนัง
รุ่น S จะน่าสนใจที่สุดถ้าไม่แคร์กับถุงลมนิรภัยที่ยุคนี้ให้มาได้อย่างไรแค่ 2 ใบคู่หน้า
กลับกัน Almera ควรจะมี VL+ ที่มีครูสคอนโทรล ซึ่งเคยมีข่าวว่าจะมีรุ่นที่สูงกว่า VL ออกมา
เรื่องสีสันมาในแนวบีบบังคับให้ไปรุ่น VL แต่เชื่อเถอะ หลังคาไม่ดำกับหลังคาดำ สวยหรือไม่สวยพอกัน
ไม่ได้ทำให้ดูสวยขึ้นแบบ Fortuner TRD หรือ C-HR ขนาดนั้น แปลกที่ไม่มีหลังคากระจกสักแบบในยุคนี้
ทั้งที่ไม่ได้เป็นแบรนด์ใหญ่โตอะไร แต่คนที่ไม่สนใจหลังคากระจก ก็ e-power กับราคานี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
เป็นการจัดออฟชั่นที๋โหลยโท่ย และดูหน้าหนังแล้วไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
แต่ๆๆในเรื่องของการตลาด อะไรก็เกิดขึ้นได้ (มั้ง?)
ตัวแปรที่แย่คือ มันไม่ใช่รถที่คน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 บอกว่า เฮ้ย โห ว้าว สวย
หน้าของรถ ผมบอกเลยว่า น่าจะเป็นรถรุ่นหนึ่งที่เน้นออกแบบสำหรับตลาดอินเดีย (รึเปล่า?)
เพราะผมเห็นหน้าแบบนี้ในรถฮิตรุ่นอื่นๆของอินเดียเต็มไปหมด
ซึ่งถ้าเจาะตลาดอินเดียได้ดี ก็จะทำกำไรให้บริษัทมาก
อันดับต่อมามันคือ Nissan รถที่มี reliability กลางๆ ที่มีชื่อเสียงเก่าช่วยฉุดลง
และราคาขายต่อที่ไม่ได้ช่วยรักษาคุณค่าของตัวรถเท่าที่ควร
สำหรับคนอยากลอง e-power นี่คือโอกาสทองของคุณแล้ว
ส่วนตัวผมก็อยากลองนะ พอลองแล้วอาจจะติดใจ จนเกิดกระแสการบอกต่อ
นี่น่าจะเป็น tactics ของ Nissan เขาล่ะ มุกเดียวกับ Teana J32 งัย ถ้าใครยังจำได้
สำหรับคนที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะเลือกรถเก๋งหรือรถ SUV
Almera กลายเป็นรถรุ่นที่เอามาเปรียบเทียบกับ Kicks ได้ และเมื่อมองไปที่ความเหมือนของ
ภายในทุกอย่างที่ไม่แตกต่าง คนที่มองที่ความคุ้มที่เจาะจงไปที่รุ่น S ของ Kicks
ก็จะมองข้ามไปที่ Almera ด้วย ปกติจะมีคนที่ค่อยๆ up รุ่นย่อยไปที่รุ่นบน ก็อาจจะค่อยๆ
down ลงมาที่รุ่นล่างก็ได้ Almera รุ่น E ราคา 5 แสนก็จะกลายเป็นรุ่นที่คุ้มสุดไปในทันที
เพราะเมื่อมองที่ความประหยัดที่ถือว่าดีมาก หน้าตาก็ดีมาก อัตราเร่งไม่ขี่เหร่ เกินพอ
Mazda 2 sedan กับ CX-3 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รถรุ่นแพงช่วยเพิ่มยอดขายให้รุ่นที่ต่ำกว่าได้
ถ้าภายในเหมือนๆกันทุกอย่าง
*เพิ่มเติม
ลองดูสีขาว รอบๆ 360 องศา ก็ดูไม่เลวนัก ผมรู้สึกว่าสีส้มโปรโมทกับหน้าตาแบบนี้ดูเป็นรถตลาดอินเดีย
แต่พอเป็นสีขาวแล้วค่อยกลับมาดูเป็นญี่ปุ่นๆขึ้นมาแล้ว สำหรับผมถือว่าความสวยพอโอเค รุ่น S 889,000 พอรับได้
แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย คนถึงจะยอมซื้อในภาวะแบบนี้