หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] รีวิว NISSAN KICKS e-POWER AUTECH ขับสนุก ประหยัด ราคาดีขึ้น !
กระทู้รีวิว
Nissan
รถยนต์ไฮบริด
SUV
NISSAN KICKS E-POWER นั้นเป็นรถยนต์ B-SUV ที่น่าสนใจคันนึงในตลาดทั้งเรื่องระบบขับเคลื่อน รวมถึง การออกแบบ การใช้งานในเมืองแม้ว่าเจนแรกเองนั้นอาจจะไม่ได้ได้รับความนิยมมากอาจจะด้วยราคา และ สิ่งที่ได้ในเรื่องของพื้นที่ภายใน หรือ งานออกแบบภายใน แต่ NISSAN เองก็ได้แก้มือตั้งใจปรับจุดด้อยในรุ่นก่อนๆให้ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายๆส่วน อีกทั้งทำราคาถูกลง แต่ได้อะไรมากกว่าเดิม และมีรุ่นพิเศษชุดแต่ง AUTECH ที่สวยมากออกมา รวมถึงปรับปรุงเรื่องระบบขับเคลื่อนใหม่ ทั้งมอเตอร์ แบต และ ออกแบบใหม่ในหลายๆส่วนทำให้มันกลายเป็นรถที่น่าใช้งานขึ้นทันที และลงตัวขึ้นมากกับราคาไม่ถึง 1 ล้านบาทแม้จะเป็นรุ่นท็อปที่สุดเองก็ตามครับ
NISSAN KICKS AUTECH มาพร้อมกับ การเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในตัวระบบขับเคลื่อน มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บที่แบตเตอรี่ ที่ปรับใหม่ใหญ่ขึ้นกกว่าเจนแรก Lithium-ion 2.06 kWh 4 Module 96 Cells ไม่มีการใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ซึ่งตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เท่านั้น ใช้งานมอเตอร์รหัส EM47 AC3 Synchronous Motor แรงกว่ารุ่นเดิม และ ออกแบบให้มีขนาดเล็กลง และ เกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear reduction ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 0 เพราะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน อัตราเร่งแบบรถไฟฟ้านั้นเอง ระบบนี้จะเรียกกันว่า Series-Hybrid ที่ไม่มีการใช้เครื่องยนต์ขับเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผ่านการขับเคลื่อนล้อหน้า และ มีการปรับปรุงหลายๆส่วนทั้ง วัสดุภายใน งานออกแบบไฟท้ายใหม่ แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้ สเกิร์ตหน้า ข้างซ้าย – ข้างขวา และหลัง สีเงินเมทัลลิก + สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่ + วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกคู่หน้า +กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิก + ภายในโทนสีดำตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน +แดชบอร์ด และแผงประตู เดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน + พวงมาลัยตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน +วัสดุตกแต่งแผงประตู หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ สีน้ำเงิน ที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นปกติ แต่ออฟชันอื่นๆจะเท่ากับตัวรองเหมือนกันทั้งหมดครับ ทำให้ถ้ามองความคุ้มตัว VL ทำได้เหมือนกัน แต่ถ้าอยากตกแต่งสวยงามขึ้น แนะนำมาตัว AUTECH คันที่เราจะรีวิวให้ชมกัน ซึ่งออฟชันเพิ่มจากเจนแรกที่เด่นๆคือ ระบบไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist + Lane Departure Warning+ วัสดุบุซับเสียง Sound Isolation และ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งทุกรุ่นย่อย แถมราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะพอสมควร
- Nissan Kicks e-POWER AUTECH e-POWER AUTECH : 949,000 บาท
EXTERIOR
ตัวรถมาพร้อมกับขนาด ยาว 4.3 เมตร กว้าง 1.7 เมตร และ สูง 1.6 เมตร รวมถึงความสูงใต้ท้อง 17.5 เซนติเมตร ทำให้ภาพรวมมันเป็นรถที่ขนาดกลางๆเมื่อเทียบกับคู่แข่ง มีใหญ่กว่ามีเล็กกว่า แต่ถ้ามองความคล่องตัวถือว่าทำได้ดีในการขับขี่ในเมือง ดีไซน์งานออกแบบจริงๆไม่ได้เปลี่ยนเยอะชัดเจนมากนักจากรุ่นก่อนหน้า มีความลงตัวของมันอยู่แล้ว มีเส้นสายไฟท้ายที่เปลี่ยนใหม่เท่านั้น และ การตกแต่ง AUTECH ที่เพิ่มเข้ามาซึ่งเป็นดีไซน์ที่ภาพรวมมองว่าลงตัวและหลายๆคนชอบอยู่แล้วนะ แม้จะไม่ได้โลโก้แบบใหม่ก็ตามแต่หลายๆส่วนก็ถือว่าสวยจบได้ และถ้ามองน่าจะเป็น Nissan ที่ลงตัวคันนึงแม้จะเป็นทรงบอดี้ที่ออกมานานและปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ก็ตาม
ในรุ่น AUTECH การตกแต่งอาจจะไม่ได้เน้นความดุดัน เข้มแบบตัว PREMIERE EDITION ทำให้เราจะได้ สีเงินเข้ามาเยอะตัดกับสีน้ำเงินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการตกแต่งแบบนี้ เมื่อมองดูเส้นสายภาพรวมทั้งคันการที่ได้ AUTECH เข้ามาทำให้รถสวยขึ้น สปอร์ตขึ้นกว่าตัวปกติ และเมื่อได้ล้อลายพิเศษสีดำเข้มทำให้เข้ากันได้อย่างดี แต่ที่ชอบที่สุดคือโทนสีน้ำเงินพิเศษในรุ่นนี้ที่ทำให้ตัวรถดูน่าหลงไหลมากขึ้นเป็นสีที่ชอบที่สุดรองลงมาจากสีขาว หรือ เหลืองก่อนหน้านี้ ด้วยรูปทรงรอบคันเราจะเห็นเลยว่า Kicks เองนั้นดูคล่องตัว และ ด้านท้ายก็ลาดกำลังดีไม่ได้เชิง Coupe ขนาดนั้นก็ตาม ซึ่งการที่เสริมสีเงินก็สามารถเข้ากับ ราวหลังคาสีเงินซึ่งจะตัดกับสีน้ำเงินเข้มรอบตัวรถได้กำลังลงตัว
เมื่อมองหน้าตรง และ ท้ายตรงอาจจะมองหาจุดต่างได้ยากเพราะหลายๆส่วนยังคงใช้จุดเดิมทั้งไฟหน้า กระจังหน้า แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้ชุดแต่งกันชนใหม่ทั้งหมด เด่นๆคือสีเงินรอบคัน และชุดตกแต่งรอบไฟตัดหมอกที่มีสีเงินเข้ามา แต่จะไม่มีไฟสีฟ้าๆแบบตัวเมืองนอก แต่เซนเซอร์รอบคัน กล้องรอบคันมาให้ครบเช่นกัน ส่วนในด้านท้ายไฟท้ายแบบเดิมทั้งหมด แต่ตกแต่งเส้นแนวยาวเพิ่มเข้ามา และในตัวสปอยเลอร์หลังแบบเดียวกับตัว PREMIRE EDITION ก่อนหน้า แต่กันชนยกชุดตกแต่งใหม่ทั้งเส้นสาย สีเงิน และ ไฟทับทิมล่างสุด รวมถึงการซ่อนท่อไอเสียข้างในเล็กน้อยนั้นเอง
กันชนหน้าเราจะเห็นว่าเสริมตัว AUTECH เข้ามา แต่โลโก้ยังคงเป็นแบบเก่า ส่วนกระจกมองข้างออกแบบทรงเดิมแต่เสริมด้วยสีเงินด้านเท่โดดเด่นขึ้นพร้อม กล้องรอบคัน และ Blind Spot ให้มาครบแน่นๆพร้อมใช้งาน รวมถึงได้ล้อลวดลาย 17 นิ้ว พิเศษในตัว AUTECH จุดนี้ทำให้ตัวรถโดดเด่นขึ้นกว่ารุ่นปกติ และ ลายสวยจริงๆ ส่วนในด้านท้ายก็ชุดกันชนใหม่ และ เห็นเซนเซอร์ชัดเจน
ไฟหน้านั้นต้องบอกว่าทรงอะไรก็สวยงามขึ้นเป็นจุดหลักๆที่เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ไฟหน้าเป็น LED ทั้งหมดทั้งไฟหลักรองรับไฟสูงต่ำออโต้ที่เสริมเข้ามาใหม่และยังคงใช้โทนสีขาว ไฟ DRL มุมในสุดสีขาวสี่เหลี่ยม รวมถึงไฟเลี้ยวขอบล่าง และ ไฟสูงของตัวรถครับถือว่ามีความสวยและแน่นอนว่าเรื่องของความสว่างนั้นใช้งานได้ดี ส่วนไฟตัดหมอกก็เป็น LED ทั้งหมดในส่วนขอบชุดไฟตัดหมอกด้านล่าง ถือว่าไฟหน้านั้นให้มาแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะรุ่นล่างหรือรุ่นท็อปสุดสำหรับคันนี้ครับ ทางด้านไฟท้ายเองนั้นจะเห็นว่ามีทรงที่สวยงาม และเล่นเส้นสายของตัวรถได้ดี ตัวไฟเป็นเส้นสายแบบ Boomerrang สวยงามเป็นไฟเส้น และทางด้านไฟเบรกนั้นจะเป็นส่วนชุดข้างล่างแนวนอน และไฟเบรก ไฟถอยทั้งหมดอยู่ข้างล่าง LED ด้วยเช่นกัน และในรุ่นใหม่นี้จะมีเส้น Lightbar แต่ไม่มีไฟเสริมเข้ามาเชื่อมเส้นไฟท้ายซ้ายและขวาเพิ่มเติมนั้นเอง แต่ไม่มีเส้นไฟสวยๆในเวลากลางคืน เป็นแค่แถบตกแต่งเท่านั้น น่าจะใส่เข้ามาให้ซักหน่อยก็ดี
INTERIOR
แน่นอนว่าในรุ่นก่อนหน้ามีเสียงบ่นในเรื่องวัสดุงานออกแบบไม่สมกับราคา ทำให้ครั้งนี้ปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ทั้งหมด เย็บหนังอะไรสวยงามเดินด้ายขึ้นเยอะ แม้ว่างานออกแบบภายในนั้นต้องบอกว่าดีไซน์เหมือนจะยกของทาง Almera เข้ามาเยอะพอสมควรทั้งการวางตำแหน่งต่างๆ หน้าจอ สีสันภายในหรือจะเป็นวัสดุก็ตามจะบอกว่าดีไซน์นั้นไม่ได้แย่อะไรเลยแหละในการใช้งาน ปุ่มต่างๆ และยิ่งได้โทนสีใหม่เข้ามาให้หรูหรามากขึ้นรวมถึงมี Ambient Light เข้ามารอบๆคันสวยงามปรับเปลี่ยนสีได้ด้วย ส่วนการนั่งอะไรนั้นมุมมองทำได้ดีรอบคันมีความโปร่งโล่ง เก็นถนนชัดเจน สาวๆก็ขับได้ง่ายและไม่อึดอัด สามารถมองรอบคันได้สบายๆกะระยะอะไรไม่ได้ยากด้วยครับ สำหรับเรื่องมุมมองการขับขี่ครับ และ มีการปรับคอนโซลกลางส่วนล่างใหม่ทั้งหมดดูสวยหรูขึ้น และ ใช้งานได้ดีขึ้นเยอะ
แน่นอนว่าตัวนี้งานออกแบบยังคงเหมือนเดิมทั้งรูปทรง และ การใช้งาน แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้พวงมาลัยที่เสริมสีน้ำเงินเข้ามา ในส่วนขอบล่างที่จะเห็นเลยว่าแตกต่างกับรุ่นปกติ และวัสดุพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง ส่วนคอนโซลเกียร์นั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ยกชุด สีดำเงา Piano Black เปลี่ยน คันเกียร์ไฟฟ้า Electronic e-Shifter ดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ LED ล้อมรอบโทนสีขาวทั้งหมด แบบเดียวกับ NISSAN ARIYA เป๊ะๆ และ งานออกแบบใหม่สูงขึ้น เสริมด้วยสีน้ำเงินเดินด้ายสวย รวมถึงที่วางแก้วก็เปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งแก้ปัญหาจุดด้อยในรุ่นเดิมๆทั้งหมดได้ทันที และมีสัญลักษณ์ AUTECH เสริมเข้ามาในรุ่นนี้ และ ปุ่มสตาร์ตอะไรต่างๆตำแหน่งใหม่ทั้งหมด แต่ไม่มี Wireless Charge แต่ด้วยราคา และ ฟีเจอร์ที่อาจจะใช้งานจริงไม่ค่อยได้ก็ไม่ได้มีผลกับใครหลายๆคนมากนัก และไม่เจออาการเบียดหัวเข่าในการขับจริงแม้จะตัวสูง
หน้าจอกลางคันนี้ยังคงใช้งาน ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Bluetooth และ Nissan CONNECT รวมถึงในรุ่นนี้รองรับ Apple CarPlay / Android Auto และ ลำโพง 6 ตำแหน่ง ถือว่าในการใช้งานไม่มีปัญหาแน่นอนทั้งการสัมผัส ฟีเจอร์การรองรับ และ ภาษาไทย รวมถึงการแสดงผลสู้แสงได้ดี กล้องรอบคันต่างๆมองเห็นชัดแม้เวลากลางวันก็ตามครับ ส่วนการควบคุมแอร์เป็นแบบโซนเดียว ปุ่มควบคุมที่คุ้นเคยกัน และหน้าจอแสดงผลสถานะตัวเลข ส่วนการใช้งานเชื่อมกับมือถือทั้ง Apple , Android รองรับแบบเสียบสาย USB-A แบบในภาพเท่านั้นไม่ไร้สาย
ไฟ AMBIENT LIGHT ปรับใหม่เสริมเข้ามารอบคัน ไม่ว่าจะเป็นตามขอบประตูทั้ง 4 บาน และ ที่วางเท้าทั้ง 4 ตำแหน่ง สว่าง และ ปรับเปลี่ยนสีได้เยอะมากแค่กดปุ่ม ปรับได้ 7 โทนสีชัดเจนถือว่าทำให้รถมีลูกเล่นอะไรเยอะขึ้น และ ดูหรูหราขึ้นส่วนในการใช้งานจริงเวลาขับจะมีการลดแสงลงในหลายๆส่วนเช่นกันครับไม่แยงตา ไม่รบกวนเวลาขับรถแน่นอน เป็นจุดที่หลายๆคนขึ้นรถมาก็ถูกใจ และ ในรุ่น AUTECH เราจะเห็นว่ามีการเสริมด้านสีน้ำเงินเข้ามาเยอะมากๆ และ ที่วางแขนก็เปลี่ยนวัสดุหนังสีน้ำเงินเข้ามา และจะเห็นการบุแผงประตูใหม่หน้าขึ้น หนังนุ่มๆเข้ามาเยอะกว่าเดิมชัดเจนรวมถึงเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีทูโทน สีดำ – สีน้ำเงิน และ ทางด้านเบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง ส่วนในด้านหลังจะสามารถเบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 เหมือนเดิม แต่พื้นที่นั่งข้างหลังอาจจะน้อยกว่าคู่แข่ง และ เล็กไปสำหรับใครหลายๆคนเช่นกัน ถือว่าอาจจะเป็นข้อเสียหลักๆที่ชัดที่สุดในรุ่นนี้ในเรื่องพื้นที่เบาะหลัง
ชื่อสินค้า:
NISSAN KICKS e-POWER AUTECH
คะแนน:
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
NISSAN CLICKS GENERATION 2 เมื่อความซวยที่มาเจอกับความห่วยของคุณภาพที่ได้รับมาเต็มๆ
พอดีเบลอไปหน่อยครับตอนเช้าๆก่อนลงโพส ผมรีบพิมพ์ครับ เลยพิมพ์ผิดครับ "KICKS" ครับ ถ้าพิมพ์ผิดหรือตกหล่อนต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมมีเรื่องราวที่แย่ๆมาแบ่งปันนะครับ ผมนำรถนิ
Front Desk
รีวิว 2022 Nissan Kicks e-Power Autech "นักเตะพันโล" ลองวิ่งทางไกล 1,000 กม. กินน้ำมันเท่าไร?
สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว Pantip รัชดา เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ทางผมได้เดินทางไปทำบุรีรัมย์ และด้วยความที่ มีน้ำท่วม และถนนเส้นทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าที่ควร&
PonTripleP
รีวิว อัตราสิ้นเปลืองของ Nissan Kicks (Gen2) แบบคนเมืองสุด ๆ
คันเก่าผมใช้ eco car ขับมา 6 ปีกดไป 280,xxx km ตอนแรกจะซ่อมนั่นนี่ แต่ก็รู้สึกว่าไม่คุ้มละ เอาคันใหม่ดีกว่า จากเสป็คต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ในใจ คือ - ต้องมีกล้องรอบคัน สำคัญสำหรับผมมาก คันเก่ามี ใช้คุ้มเลย
Orolestes octomaculata
ข้อมูล Nissan Kicks จากคนใช้งานจริง มาคุยกัน
สืบเนื่องจากตัวผมเองเพิ่งถอยรถยนต์ Nissan Kicks มาขับได้ราว ๆ 1 เดือน มีทั้งข้อประทับใจ และข้อสังเกตุอยู่ในใจ ไม่ได้บอกใคร แต่มีคนรู้จักกันหลายคนที่รู้ว่าผมถอย Kicks มาคุยด้วยแล้วพบว่ายังได
วอดก้า มาร์ตินี่ เขย่าแต่ไม่คน
nissan kicks ดีไหมคะ 》กำลังจะออกรถใหม่ หรือ segment ใกล้ๆ กันนี้เลือกยี่ห้อไหนดี
กำลังจะออกรถคันใหม่ค่ะ คันเก่า (Ford fiesta) ขับมา 11 ปีแล้ว (ส่วนตัวอาจจะโชคดีที่ไม่เจอปัญหาจุกจิกอะไร) จริงๆ พ่อยุให้ออกคันใหม่ตั้งแต่เข้าปีที่ 10 แต่ตัวเองยังไม่เจอคันที่ถูกใจเลยยื้อไว้ แต่ล่าสุดเ
Witch of Oz
Toyota Yaris Cross กับ Nissan Kicks คันไหนน่าใช้กว่ากันครับ
กำลังเปรียบเทียบกันอยู่ครับระหว่าง Toyota Yaris Cross กับ Nissan Kicks เห็นราคาใกล้กันเลย หน้าตาก็สวยทั้งคู่เลย มีใครมีข้อมูลให้น้องใหม่ในวงการรถอย่างผมบ้างไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ
สมาชิกหมายเลข 7789031
TOYOTA YARIS CROSS HEV PREMIUM LUXULY VS NISSAN KICKS e-POWER AUTECH เลือกยี่ห้อไหนดี
สอบถามคนซื้อใช้จริง
สมาชิกหมายเลข 7123348
ก็ดีนะ Nissan Kicks e-power ที่คนมักลืม
พูดถึง Nissan Kicks e-power ในตอนเปิดตัวแรกๆ ถือว่าฮือฮาเลยก็ว่าได้ในรุ่นแรก ส่วนตัวผมเองได้มีโอกาสขับมาทั้งเจนแรกและเจนสอง แต่ขับเจนสองมากกว่า และถือเป็นรถที่ได้ใช้ รีวิวในช่วงครั้งแรกๆ ตอนเริ่มต้นทำ
สมาชิกหมายเลข 8577804
ปอร์เช่ เสริมทัพรุ่นใหม่ตระกูล 911 ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมกำลังสูงสุด 480 แรงม้า
ปอร์เช่ (Porsche) เดินหน้าขยายไลน์อัพรถสปอร์ต 911 ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ ในตระกูล 911 คาร์เรร่า 4 เอส ทั้งในรูปแบบคูเป้, คาบริโอเลต์ และ ทาร์กา 4 เอส ส่งผล
parn 256
รีวิวรอบคัน Nissan KICKS e-POWER ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
รีวิวรอบคัน Nissan KICKS e-POWER ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ครั้งแรกกับรถยนต์คอมแพค เอสยูวี ที่มาพร้อมเทคโนโลยี&n
สมาชิกหมายเลข 5841367
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Nissan
รถยนต์ไฮบริด
SUV
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] รีวิว NISSAN KICKS e-POWER AUTECH ขับสนุก ประหยัด ราคาดีขึ้น !
NISSAN KICKS E-POWER นั้นเป็นรถยนต์ B-SUV ที่น่าสนใจคันนึงในตลาดทั้งเรื่องระบบขับเคลื่อน รวมถึง การออกแบบ การใช้งานในเมืองแม้ว่าเจนแรกเองนั้นอาจจะไม่ได้ได้รับความนิยมมากอาจจะด้วยราคา และ สิ่งที่ได้ในเรื่องของพื้นที่ภายใน หรือ งานออกแบบภายใน แต่ NISSAN เองก็ได้แก้มือตั้งใจปรับจุดด้อยในรุ่นก่อนๆให้ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายๆส่วน อีกทั้งทำราคาถูกลง แต่ได้อะไรมากกว่าเดิม และมีรุ่นพิเศษชุดแต่ง AUTECH ที่สวยมากออกมา รวมถึงปรับปรุงเรื่องระบบขับเคลื่อนใหม่ ทั้งมอเตอร์ แบต และ ออกแบบใหม่ในหลายๆส่วนทำให้มันกลายเป็นรถที่น่าใช้งานขึ้นทันที และลงตัวขึ้นมากกับราคาไม่ถึง 1 ล้านบาทแม้จะเป็นรุ่นท็อปที่สุดเองก็ตามครับ
NISSAN KICKS AUTECH มาพร้อมกับ การเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในตัวระบบขับเคลื่อน มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบขนาด 1.2 ลิตร 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บที่แบตเตอรี่ ที่ปรับใหม่ใหญ่ขึ้นกกว่าเจนแรก Lithium-ion 2.06 kWh 4 Module 96 Cells ไม่มีการใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ซึ่งตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เท่านั้น ใช้งานมอเตอร์รหัส EM47 AC3 Synchronous Motor แรงกว่ารุ่นเดิม และ ออกแบบให้มีขนาดเล็กลง และ เกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear reduction ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 0 เพราะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน อัตราเร่งแบบรถไฟฟ้านั้นเอง ระบบนี้จะเรียกกันว่า Series-Hybrid ที่ไม่มีการใช้เครื่องยนต์ขับเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผ่านการขับเคลื่อนล้อหน้า และ มีการปรับปรุงหลายๆส่วนทั้ง วัสดุภายใน งานออกแบบไฟท้ายใหม่ แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้ สเกิร์ตหน้า ข้างซ้าย – ข้างขวา และหลัง สีเงินเมทัลลิก + สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่ + วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกคู่หน้า +กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิก + ภายในโทนสีดำตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน +แดชบอร์ด และแผงประตู เดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน + พวงมาลัยตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน +วัสดุตกแต่งแผงประตู หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ สีน้ำเงิน ที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นปกติ แต่ออฟชันอื่นๆจะเท่ากับตัวรองเหมือนกันทั้งหมดครับ ทำให้ถ้ามองความคุ้มตัว VL ทำได้เหมือนกัน แต่ถ้าอยากตกแต่งสวยงามขึ้น แนะนำมาตัว AUTECH คันที่เราจะรีวิวให้ชมกัน ซึ่งออฟชันเพิ่มจากเจนแรกที่เด่นๆคือ ระบบไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist + Lane Departure Warning+ วัสดุบุซับเสียง Sound Isolation และ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งทุกรุ่นย่อย แถมราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะพอสมควร
- Nissan Kicks e-POWER AUTECH e-POWER AUTECH : 949,000 บาท
EXTERIOR
ตัวรถมาพร้อมกับขนาด ยาว 4.3 เมตร กว้าง 1.7 เมตร และ สูง 1.6 เมตร รวมถึงความสูงใต้ท้อง 17.5 เซนติเมตร ทำให้ภาพรวมมันเป็นรถที่ขนาดกลางๆเมื่อเทียบกับคู่แข่ง มีใหญ่กว่ามีเล็กกว่า แต่ถ้ามองความคล่องตัวถือว่าทำได้ดีในการขับขี่ในเมือง ดีไซน์งานออกแบบจริงๆไม่ได้เปลี่ยนเยอะชัดเจนมากนักจากรุ่นก่อนหน้า มีความลงตัวของมันอยู่แล้ว มีเส้นสายไฟท้ายที่เปลี่ยนใหม่เท่านั้น และ การตกแต่ง AUTECH ที่เพิ่มเข้ามาซึ่งเป็นดีไซน์ที่ภาพรวมมองว่าลงตัวและหลายๆคนชอบอยู่แล้วนะ แม้จะไม่ได้โลโก้แบบใหม่ก็ตามแต่หลายๆส่วนก็ถือว่าสวยจบได้ และถ้ามองน่าจะเป็น Nissan ที่ลงตัวคันนึงแม้จะเป็นทรงบอดี้ที่ออกมานานและปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ก็ตาม
ในรุ่น AUTECH การตกแต่งอาจจะไม่ได้เน้นความดุดัน เข้มแบบตัว PREMIERE EDITION ทำให้เราจะได้ สีเงินเข้ามาเยอะตัดกับสีน้ำเงินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการตกแต่งแบบนี้ เมื่อมองดูเส้นสายภาพรวมทั้งคันการที่ได้ AUTECH เข้ามาทำให้รถสวยขึ้น สปอร์ตขึ้นกว่าตัวปกติ และเมื่อได้ล้อลายพิเศษสีดำเข้มทำให้เข้ากันได้อย่างดี แต่ที่ชอบที่สุดคือโทนสีน้ำเงินพิเศษในรุ่นนี้ที่ทำให้ตัวรถดูน่าหลงไหลมากขึ้นเป็นสีที่ชอบที่สุดรองลงมาจากสีขาว หรือ เหลืองก่อนหน้านี้ ด้วยรูปทรงรอบคันเราจะเห็นเลยว่า Kicks เองนั้นดูคล่องตัว และ ด้านท้ายก็ลาดกำลังดีไม่ได้เชิง Coupe ขนาดนั้นก็ตาม ซึ่งการที่เสริมสีเงินก็สามารถเข้ากับ ราวหลังคาสีเงินซึ่งจะตัดกับสีน้ำเงินเข้มรอบตัวรถได้กำลังลงตัว
เมื่อมองหน้าตรง และ ท้ายตรงอาจจะมองหาจุดต่างได้ยากเพราะหลายๆส่วนยังคงใช้จุดเดิมทั้งไฟหน้า กระจังหน้า แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้ชุดแต่งกันชนใหม่ทั้งหมด เด่นๆคือสีเงินรอบคัน และชุดตกแต่งรอบไฟตัดหมอกที่มีสีเงินเข้ามา แต่จะไม่มีไฟสีฟ้าๆแบบตัวเมืองนอก แต่เซนเซอร์รอบคัน กล้องรอบคันมาให้ครบเช่นกัน ส่วนในด้านท้ายไฟท้ายแบบเดิมทั้งหมด แต่ตกแต่งเส้นแนวยาวเพิ่มเข้ามา และในตัวสปอยเลอร์หลังแบบเดียวกับตัว PREMIRE EDITION ก่อนหน้า แต่กันชนยกชุดตกแต่งใหม่ทั้งเส้นสาย สีเงิน และ ไฟทับทิมล่างสุด รวมถึงการซ่อนท่อไอเสียข้างในเล็กน้อยนั้นเอง
กันชนหน้าเราจะเห็นว่าเสริมตัว AUTECH เข้ามา แต่โลโก้ยังคงเป็นแบบเก่า ส่วนกระจกมองข้างออกแบบทรงเดิมแต่เสริมด้วยสีเงินด้านเท่โดดเด่นขึ้นพร้อม กล้องรอบคัน และ Blind Spot ให้มาครบแน่นๆพร้อมใช้งาน รวมถึงได้ล้อลวดลาย 17 นิ้ว พิเศษในตัว AUTECH จุดนี้ทำให้ตัวรถโดดเด่นขึ้นกว่ารุ่นปกติ และ ลายสวยจริงๆ ส่วนในด้านท้ายก็ชุดกันชนใหม่ และ เห็นเซนเซอร์ชัดเจน
ไฟหน้านั้นต้องบอกว่าทรงอะไรก็สวยงามขึ้นเป็นจุดหลักๆที่เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ไฟหน้าเป็น LED ทั้งหมดทั้งไฟหลักรองรับไฟสูงต่ำออโต้ที่เสริมเข้ามาใหม่และยังคงใช้โทนสีขาว ไฟ DRL มุมในสุดสีขาวสี่เหลี่ยม รวมถึงไฟเลี้ยวขอบล่าง และ ไฟสูงของตัวรถครับถือว่ามีความสวยและแน่นอนว่าเรื่องของความสว่างนั้นใช้งานได้ดี ส่วนไฟตัดหมอกก็เป็น LED ทั้งหมดในส่วนขอบชุดไฟตัดหมอกด้านล่าง ถือว่าไฟหน้านั้นให้มาแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะรุ่นล่างหรือรุ่นท็อปสุดสำหรับคันนี้ครับ ทางด้านไฟท้ายเองนั้นจะเห็นว่ามีทรงที่สวยงาม และเล่นเส้นสายของตัวรถได้ดี ตัวไฟเป็นเส้นสายแบบ Boomerrang สวยงามเป็นไฟเส้น และทางด้านไฟเบรกนั้นจะเป็นส่วนชุดข้างล่างแนวนอน และไฟเบรก ไฟถอยทั้งหมดอยู่ข้างล่าง LED ด้วยเช่นกัน และในรุ่นใหม่นี้จะมีเส้น Lightbar แต่ไม่มีไฟเสริมเข้ามาเชื่อมเส้นไฟท้ายซ้ายและขวาเพิ่มเติมนั้นเอง แต่ไม่มีเส้นไฟสวยๆในเวลากลางคืน เป็นแค่แถบตกแต่งเท่านั้น น่าจะใส่เข้ามาให้ซักหน่อยก็ดี
INTERIOR
แน่นอนว่าในรุ่นก่อนหน้ามีเสียงบ่นในเรื่องวัสดุงานออกแบบไม่สมกับราคา ทำให้ครั้งนี้ปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ทั้งหมด เย็บหนังอะไรสวยงามเดินด้ายขึ้นเยอะ แม้ว่างานออกแบบภายในนั้นต้องบอกว่าดีไซน์เหมือนจะยกของทาง Almera เข้ามาเยอะพอสมควรทั้งการวางตำแหน่งต่างๆ หน้าจอ สีสันภายในหรือจะเป็นวัสดุก็ตามจะบอกว่าดีไซน์นั้นไม่ได้แย่อะไรเลยแหละในการใช้งาน ปุ่มต่างๆ และยิ่งได้โทนสีใหม่เข้ามาให้หรูหรามากขึ้นรวมถึงมี Ambient Light เข้ามารอบๆคันสวยงามปรับเปลี่ยนสีได้ด้วย ส่วนการนั่งอะไรนั้นมุมมองทำได้ดีรอบคันมีความโปร่งโล่ง เก็นถนนชัดเจน สาวๆก็ขับได้ง่ายและไม่อึดอัด สามารถมองรอบคันได้สบายๆกะระยะอะไรไม่ได้ยากด้วยครับ สำหรับเรื่องมุมมองการขับขี่ครับ และ มีการปรับคอนโซลกลางส่วนล่างใหม่ทั้งหมดดูสวยหรูขึ้น และ ใช้งานได้ดีขึ้นเยอะ
แน่นอนว่าตัวนี้งานออกแบบยังคงเหมือนเดิมทั้งรูปทรง และ การใช้งาน แต่ในรุ่น AUTECH เราจะได้พวงมาลัยที่เสริมสีน้ำเงินเข้ามา ในส่วนขอบล่างที่จะเห็นเลยว่าแตกต่างกับรุ่นปกติ และวัสดุพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง ส่วนคอนโซลเกียร์นั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ยกชุด สีดำเงา Piano Black เปลี่ยน คันเกียร์ไฟฟ้า Electronic e-Shifter ดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ LED ล้อมรอบโทนสีขาวทั้งหมด แบบเดียวกับ NISSAN ARIYA เป๊ะๆ และ งานออกแบบใหม่สูงขึ้น เสริมด้วยสีน้ำเงินเดินด้ายสวย รวมถึงที่วางแก้วก็เปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งแก้ปัญหาจุดด้อยในรุ่นเดิมๆทั้งหมดได้ทันที และมีสัญลักษณ์ AUTECH เสริมเข้ามาในรุ่นนี้ และ ปุ่มสตาร์ตอะไรต่างๆตำแหน่งใหม่ทั้งหมด แต่ไม่มี Wireless Charge แต่ด้วยราคา และ ฟีเจอร์ที่อาจจะใช้งานจริงไม่ค่อยได้ก็ไม่ได้มีผลกับใครหลายๆคนมากนัก และไม่เจออาการเบียดหัวเข่าในการขับจริงแม้จะตัวสูง
หน้าจอกลางคันนี้ยังคงใช้งาน ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Bluetooth และ Nissan CONNECT รวมถึงในรุ่นนี้รองรับ Apple CarPlay / Android Auto และ ลำโพง 6 ตำแหน่ง ถือว่าในการใช้งานไม่มีปัญหาแน่นอนทั้งการสัมผัส ฟีเจอร์การรองรับ และ ภาษาไทย รวมถึงการแสดงผลสู้แสงได้ดี กล้องรอบคันต่างๆมองเห็นชัดแม้เวลากลางวันก็ตามครับ ส่วนการควบคุมแอร์เป็นแบบโซนเดียว ปุ่มควบคุมที่คุ้นเคยกัน และหน้าจอแสดงผลสถานะตัวเลข ส่วนการใช้งานเชื่อมกับมือถือทั้ง Apple , Android รองรับแบบเสียบสาย USB-A แบบในภาพเท่านั้นไม่ไร้สาย
ไฟ AMBIENT LIGHT ปรับใหม่เสริมเข้ามารอบคัน ไม่ว่าจะเป็นตามขอบประตูทั้ง 4 บาน และ ที่วางเท้าทั้ง 4 ตำแหน่ง สว่าง และ ปรับเปลี่ยนสีได้เยอะมากแค่กดปุ่ม ปรับได้ 7 โทนสีชัดเจนถือว่าทำให้รถมีลูกเล่นอะไรเยอะขึ้น และ ดูหรูหราขึ้นส่วนในการใช้งานจริงเวลาขับจะมีการลดแสงลงในหลายๆส่วนเช่นกันครับไม่แยงตา ไม่รบกวนเวลาขับรถแน่นอน เป็นจุดที่หลายๆคนขึ้นรถมาก็ถูกใจ และ ในรุ่น AUTECH เราจะเห็นว่ามีการเสริมด้านสีน้ำเงินเข้ามาเยอะมากๆ และ ที่วางแขนก็เปลี่ยนวัสดุหนังสีน้ำเงินเข้ามา และจะเห็นการบุแผงประตูใหม่หน้าขึ้น หนังนุ่มๆเข้ามาเยอะกว่าเดิมชัดเจนรวมถึงเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีทูโทน สีดำ – สีน้ำเงิน และ ทางด้านเบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง ส่วนในด้านหลังจะสามารถเบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 เหมือนเดิม แต่พื้นที่นั่งข้างหลังอาจจะน้อยกว่าคู่แข่ง และ เล็กไปสำหรับใครหลายๆคนเช่นกัน ถือว่าอาจจะเป็นข้อเสียหลักๆที่ชัดที่สุดในรุ่นนี้ในเรื่องพื้นที่เบาะหลัง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้