นักวิชาการเห็นต่าง ‘กอ.รมน.’ทำโพล เลิก-ไม่เลิก‘พรก.ฉุกเฉิน’
https://www.matichon.co.th/politics/politics-in-depth/news_2181030
หมายเหตุ –
นักวิชาการให้ความเห็นกรณีมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนว่าควรยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือบังคับใช้ต่อ ในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
ต้องเข้าใจว่าการรับฟังความเห็นของประชาชนเป็นเรื่องดี จากแนวทางการบริหารที่มีความรับผิดชอบ ขณะที่กระแสการเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีสูงมาก แต่ภาครัฐมีความต้องการจะควบคุมสถานการณ์ไว้ก่อน เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีการระบาดซ้ำรอบ 2
สำหรับการทำโพลมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ยกเลิกเพื่อให้ผ่อนคลายการประกอบธุรกิจหลายประเภท และเมื่อผลโพลบอกว่าให้ยกเลิกแล้วรัฐบาลปฏิบัติตามถ้ามีโรคระบาดซ้ำอาจจะต้องโยนความรับผิดชอบให้ประชาชนจากผลของการทำโพลหรือไม่ เพราะถือว่าได้ทำแล้วตามเสียงเรียกร้อง
ดังนั้น หากมีโรคระบาดซ้ำหรือเกิดปัญหาความเสียหายจึงถือว่าไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล การทำโพลจึงเป็นการหาแนวร่วม แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่ามาตรการในการควบคุมโรครัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อไป
ที่ผ่านมาการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอาจมีประชาชนบางส่วนที่ไม่ยอมรับเหมือนในหลายประเทศ ทั้งที่รัฐบาลมองว่าการใช้อำนาจในเรื่องนี้เกิดจากภาวะวิกฤต เป็นเหตุผลทางการบริหาร ถ้าไม่ทำบ้านเมืองไปไม่รอด หรือทำให้ชีวิตประชาชนไม่ปลอดภัย
แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลาย ส่วนตัวเชื่อว่าลึกๆ รัฐบาลคงไม่ต้องการยกเลิก เพราะหากทำภารกิจการป้องกันโรคได้สำเร็จรัฐบาลก็จะภูมิใจได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ แต่วันนี้ประชาชนที่ต้องการทำมาหากินมีเสียงเรียกร้องมาก จนรัฐบาลคิดว่าอาจจะต้านไม่อยู่ ถ้าไม่ทำก็อาจจะมีคนออกมาต่อต้าน รัฐบาลจึงต้องการมีแนวร่วมจากผลโพล
ส่วนการมอบหมายให้ กอ.รมน.ไปทำโพลเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้แปลกใจ เพราะ กอ.รมน.ทำโพลเป็นประจำอยู่แล้วในทางลับ ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคง เพราะเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายทหารให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอด แต่ไม่ได้นำมาเปิดเผยเท่านั้นเอง และเชื่อว่าประชาชนที่รู้สึกไม่ดีกับการทำหน้าที่ของ กอ.รมน.ก็มีเป็นปกติ เพราะจะเห็นว่าบางครั้งรัฐบาลทำบางเรื่องที่สวนทางกับความรู้สึกของประชาชน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากผลการสำรวจของ กอ.รมน.
ส่วนผลโพลจะเลิกหรือไม่เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะนำมาซึ่งความขัดแย้งหรือไม่ น่าสนใจ เพราะ กอ.รมน.ทำงานแล้วต้องมีเป้าหมายในทิศทางที่หนุนรัฐบาล ไม่ใช่โพลที่ทำทั่วไป หรือถ้าไม่ใช้ กอ.รมน.ไปทำโพล เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง รัฐบาลอาจไปจ้างสวนดุสิตโพลไปสำรวจก็สามารถทำได้ ส่วนตัวผมลึกๆ เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ต้องการเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ถึงที่สุดอาจจะต้านทานกระแสเรียกร้องไม่ไหว
ส่วนงานยากของรัฐบาลต้องทำอย่างไรให้การระบาดของโรคน้อยลง ประชาชนต้องไม่เดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ ถ้ารัฐบาลทำได้ ทำให้คนมีกินมีใช้ โรคระบาดไม่เพิ่ม รัฐบาลนี้จะมีความมั่นคงสูงมาก
ก่อนการตัดสินใจว่าจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ถ้าเป็นการเมืองในช่วงปกติก็น่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเปิดสภา แต่เมื่อมีภาวะไม่ปกติทำให้กระแสการเมืองไม่ได้รับความสนใจ
หากเปิดสภาแล้วยังไม่ปรับ ครม.ก็คาดว่าจะไปปรับในช่วงทำงานครบรอบ 1 ปี อาจจะมีนักการเมืองบางกลุ่มออกมาเรียกร้องอีกครั้ง เพื่อกระจายโควต้าของมุ้งการเมือง
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาคณะกรรมการอํานวยการสวนดุสิตโพล
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าวิธีการทำโพลให้ได้ผลแม่นยำจะต้องมาจากหน่วยงานที่มีความเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะหากมีส่วนได้ส่วนเสีย การออกแบบแบบสอบถามอาจเป็นการชี้นำเพื่อให้ได้คำตอบในทิศทางที่ตัวเองต้องการได้ จึงนำไปสู่ประเด็นที่ว่า กอ.รมน. ซึ่งดูแลเรื่องความมั่นคงต่างๆ มีส่วนได้เสียหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติซึ่งมีบทบาทโดยตรงในการรวบรวมสถิติข้อมูลดูเหมาะสมกว่า แต่การที่
นายกฯให้ กอ.รมน.จัดทำ อาจเป็นเพราะพื้นเดิมของนายกฯเป็นทหาร มีความใกล้ชิดกับ กอ.รมน.หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ มากกว่า
นอกจากนี้ คำถามในแบบสอบถามต้องมุ่งได้คำตอบที่แท้จริง ไม่โน้มเอียงหรือชี้นำ ถ้าให้แต่ละหน่วยงานนำไปกระจายต่อก็ต้องดูว่าการกระจายกลุ่มตัวอย่างเป็นอย่างไร เป็นการบังคับให้ตอบหรือไม่ หรือไปเกณฑ์ให้คนมาตอบกันหรือไม่ คำตอบที่ได้มานั้นได้จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นประชากรแท้จริงหรือไม่
ฉะนั้น หากแบบสอบถามดี เที่ยงตรง และไม่กดดันผู้ตอบ การประมวลผลคงไม่ยากนัก ส่วนตัวได้เห็นแบบสอบถามของราชการมาหลายรูปแบบ ดูรู้เลยว่าคนในพื้นที่ไหนเป็นคนตอบ ซึ่งคนตอบก็จะเกรงกลัวว่าอาจมีภัยมาถึงตัวได้ ดังนั้น แบบสอบถามจำเป็นต้องมีอิสระให้ผู้ตอบพอสมควร
เมื่อประมวลผลแล้วต้องวิเคราะห์ให้ครบทุกทิศทาง ไม่ใช่ตั้งเป้าก่อนว่าผลจะออกอย่างไร หรือข้อมูลตรงนี้เป็นเพียงส่วนน้อยไม่ควรรายงานเข้ามา เพราะโพลหมายถึงหัวคิดของแต่ละคน ล้วนมีความสำคัญ จะตัดอะไรทิ้งคงไม่ได้
กระบวนการทำโพลไม่ใช่แค่ตั้งคำถามแล้วไปแจก ประมวลผล เมื่อได้ผลออกมาก็นำเสนอตรงนั้น แต่กระบวนการทำโพลค่อนข้างละเอียดอ่อน จริงอยู่ว่าใครไปแจกก็ได้ แต่คำถามนั้นเป็นอย่างไร หรือคำตอบที่ได้มามีการคัดเลือกอย่างไร ไม่ใช่ตัดสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลออก ดังนั้น ผลที่ได้มาก็ไม่น่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ดี การทำโพลต่างๆ สามารถเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ หากผลโพลระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินดีอยู่แล้ว ควรคงไว้ ก็จะแบ่งเบาภาระผู้ตอบ หรือท่านนายกฯสามารถอ้างได้ว่าข้อมูลจากโพลเป็นอย่างนี้ แม้การตัดสินใจจะพลาดแต่ก็สามารถอ้างได้ว่านำมาจากโพล
ประเด็นเรื่องการทำโพลนั้น หากนายกฯอยากได้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา สำนักโพลต่างๆ พร้อมจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว อาจประหยัดงบประมาณได้ส่วนหนึ่งและพูดถึงความเป็นมืออาชีพได้ รวมทั้งโพลส่วนใหญ่เป็นของสถาบันการศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ สามารถเชิญประชุมได้เลยว่าจะออกแบบแบบสอบถามให้เข้าใจตรงกันได้อย่างไร ก่อนจะกระจายแบบสอบถามออกไป ซึ่งก็มีลักษณะถ่วงดุลกันพอสมควร สามารถอ้างได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งลดความเคลือบแคลงว่ามีหน่วยงานเดียวเป็นผู้ดำเนินการจะสามารถให้ความเชื่อถือได้หรือไม่
ธเนศวร์ เจริญเมือง
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แปลกใจทำไม พล.อ.ประยุทธ์สั่ง กอ.รมน.สำรวจโพลดังกล่าว เพราะเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่ขึ้นตรงรัฐบาล จึงไม่มีความเป็นกลาง เพราะรัฐบาลมาจาก ส.ว. 250 คน ที่เป็นผลพวงจากรัฐประหารยึดอำนาจ แม้มาจากเลือกตั้งก็เป็นเผด็จการครึ่งใบ ดังนั้น การตั้งคำถามประชาชนเพื่อสำรวจโพลจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจชี้นำหรือเอนเอียงเพื่อให้รัฐบาลได้ประโยชน์จากการทำโพลมากที่สุด
การทำโพลของสถาบันการศึกษาหลายแห่งก็มีความเป็นอิสระไม่เหมือนกัน ยิ่งให้ กอ.รมน.ทำโพลสำรวจเอง ยิ่งไม่มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นเครื่องมือรัฐบาล หากต้องการสำรวจโพลจริง ควรให้ 4 หน่วยงานทำโพลพร้อมกันคือ กอ.รมน. สภาวิจัยทำโพลมืออาชีพ และอุดมศึกษา 2 แห่ง แบ่งเป็นส่วนกลาง
1 แห่ง ภูมิภาค 1 แห่ง เพื่อความเป็นกลาง ไม่เอนเอียง หากผลโพลตรงกัน ทุกฝ่ายต้องยอมรับ
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกลุ่มตัวอย่างสำรวจโพลที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นหรือแอบแฝง เพื่อใครหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างทำโพลควรเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ
จากโควิด-19 โดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ขาดโอกาส เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล อาทิ ผู้ที่เข้าแถวเพื่อรับข้าวกล่อง ถุงยังชีพ และสิ่งของบริจาคทุกจังหวัด เพื่อสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด
ตามปกติคนเราอยากพึ่งพาตนเอง ไม่อยากพึ่งพาคนอื่น ถ้าไม่เดือดร้อนจะไม่ขอความช่วยเหลือ บางรายท้อแท้ หมดหวัง สิ้นกำลังใจ นำไปสู่การฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากเป็นภาระคนอื่น ซึ่งการฆ่าตัวตายมีแนวโน้มสูงกว่า
ผู้เสียชีวิตจากโควิดเสียอีก
ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดอันดับต้นในเอเชียคือ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ไม่มีการทำโพลเพื่อยกเลิกมาตรการควบคุมโรคดังกล่าว แต่ใช้วิธีผ่อนปรนหรือคลายล็อก เปิดกิจการดำเนินธุรกิจและให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเร็วที่สุด ดังนั้น มีคำถามว่า รัฐบาลทำโพลทำไม ใครได้รับประโยชน์ เพราะการทำโพลดังกล่าวไม่น่าสะท้อนความจริง เชื่อว่าเป็นการละลายงบประมาณและเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ทางออกคือ ใช้มาตรการผ่อนปรนหรือคลายล็อก เพื่อต่อลมหายใจประชาชนทุกระดับ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าโดยเร็ว โดยคลายล็อกทีละขั้นและรักษาระยะห่างจนกว่าสถานการณ์คลี่คลายดีกว่า
วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
การใช้โพลของ กอ.รมน.มาใช้เพื่ออ้างหรือใช้ในการประคับประคองสถานการณ์เพื่อหยั่งกระแสทางสังคม หมายความว่านายกฯอาจจะไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเองตามลำพัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้ขอเสนอการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่ง ครม.ก็เคาะไปตามนั้น ดังนั้น การใช้เครือข่าย กอ.รมน.ต้องถามข่าวคราวในพื้นที่ เช่น การแพร่ระบาด หรือการควบคุมการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐว่ายังมีคนที่ฝ่าฝืนในพื้นที่ในช่วงเวลาเคอร์ฟิวหรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่นายกฯหยั่งกระแส ก็เพราะกำลังชั่งใจว่ากระแสเรียกร้องจากภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าธุรกิจที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากว่ามีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอก 2 รัฐบาลก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้น การทำโพลนี้จึงเป็นการประเมินความคุ้มค่าว่าสิ่งใดจะได้-เสียมากกว่ากัน
ดังนั้น การเอา กอ.รมน.มาอ้างเป็นการลดแรงกดดัน เพื่อไม่ให้นายกฯสู้กับสถานการณ์แรงกดดันทางสังคมตามลำพัง
อย่างไรก็ดี ไม่ควรเอาหน่วยงานด้านความมั่นคงมาใช้อ้างอิง แต่ควรจะใช้ศูนย์วิจัย หรือศูนย์วิเคราะห์ประเมินทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลายหน่วยงานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
ปชช.ยื่นร้องทุกข์เงินเยียวยา5พันแน่นกรมประชาฯ
https://www.innnews.co.th/economy/news_671544/
ประชาชน เดินทางยื่นร้องทุกข์เงินเยียวยา 5,000 บาท แน่นกรมประชาสัมพันธ์
หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ปิดรับเรื่องขอทบทวนสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาทแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้มีการตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาการลงทะเบียนของประชาชนวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้บริการพบว่ามีประชาชนให้ความสนใจเดินทางเข้ามาต่อแถวรับเอกสารกรอกข้อมูลเพื่อสอบถามปัญหาการลงทะเบียนของตนเองกับทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น.
โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ในวันนี้ (12พ.ค.) จะเป็นการเปิดรับเรื่องร้องทุกข์สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระบบ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจะต้องติดตามข่าวสารจากทางกระทรวงการคลังเรื่องการเปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่
JJNY : นักวิชาการเห็นต่าง‘กอ.รมน.’ทำโพล/ปชช.ร้องทุกข์เยียวยา5พันแน่นกรมประชาฯ/เทพไทสอนมวยแรมโบ้/ติดเชื้อเพิ่ม 2
https://www.matichon.co.th/politics/politics-in-depth/news_2181030
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์
สำหรับการทำโพลมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ยกเลิกเพื่อให้ผ่อนคลายการประกอบธุรกิจหลายประเภท และเมื่อผลโพลบอกว่าให้ยกเลิกแล้วรัฐบาลปฏิบัติตามถ้ามีโรคระบาดซ้ำอาจจะต้องโยนความรับผิดชอบให้ประชาชนจากผลของการทำโพลหรือไม่ เพราะถือว่าได้ทำแล้วตามเสียงเรียกร้อง
ดังนั้น หากมีโรคระบาดซ้ำหรือเกิดปัญหาความเสียหายจึงถือว่าไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล การทำโพลจึงเป็นการหาแนวร่วม แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่ามาตรการในการควบคุมโรครัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อไป
ที่ผ่านมาการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอาจมีประชาชนบางส่วนที่ไม่ยอมรับเหมือนในหลายประเทศ ทั้งที่รัฐบาลมองว่าการใช้อำนาจในเรื่องนี้เกิดจากภาวะวิกฤต เป็นเหตุผลทางการบริหาร ถ้าไม่ทำบ้านเมืองไปไม่รอด หรือทำให้ชีวิตประชาชนไม่ปลอดภัย
แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลาย ส่วนตัวเชื่อว่าลึกๆ รัฐบาลคงไม่ต้องการยกเลิก เพราะหากทำภารกิจการป้องกันโรคได้สำเร็จรัฐบาลก็จะภูมิใจได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ แต่วันนี้ประชาชนที่ต้องการทำมาหากินมีเสียงเรียกร้องมาก จนรัฐบาลคิดว่าอาจจะต้านไม่อยู่ ถ้าไม่ทำก็อาจจะมีคนออกมาต่อต้าน รัฐบาลจึงต้องการมีแนวร่วมจากผลโพล
ส่วนการมอบหมายให้ กอ.รมน.ไปทำโพลเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้แปลกใจ เพราะ กอ.รมน.ทำโพลเป็นประจำอยู่แล้วในทางลับ ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคง เพราะเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายทหารให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอด แต่ไม่ได้นำมาเปิดเผยเท่านั้นเอง และเชื่อว่าประชาชนที่รู้สึกไม่ดีกับการทำหน้าที่ของ กอ.รมน.ก็มีเป็นปกติ เพราะจะเห็นว่าบางครั้งรัฐบาลทำบางเรื่องที่สวนทางกับความรู้สึกของประชาชน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากผลการสำรวจของ กอ.รมน.
ส่วนผลโพลจะเลิกหรือไม่เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะนำมาซึ่งความขัดแย้งหรือไม่ น่าสนใจ เพราะ กอ.รมน.ทำงานแล้วต้องมีเป้าหมายในทิศทางที่หนุนรัฐบาล ไม่ใช่โพลที่ทำทั่วไป หรือถ้าไม่ใช้ กอ.รมน.ไปทำโพล เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง รัฐบาลอาจไปจ้างสวนดุสิตโพลไปสำรวจก็สามารถทำได้ ส่วนตัวผมลึกๆ เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ต้องการเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ถึงที่สุดอาจจะต้านทานกระแสเรียกร้องไม่ไหว
ส่วนงานยากของรัฐบาลต้องทำอย่างไรให้การระบาดของโรคน้อยลง ประชาชนต้องไม่เดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ ถ้ารัฐบาลทำได้ ทำให้คนมีกินมีใช้ โรคระบาดไม่เพิ่ม รัฐบาลนี้จะมีความมั่นคงสูงมาก
ก่อนการตัดสินใจว่าจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ถ้าเป็นการเมืองในช่วงปกติก็น่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเปิดสภา แต่เมื่อมีภาวะไม่ปกติทำให้กระแสการเมืองไม่ได้รับความสนใจ
หากเปิดสภาแล้วยังไม่ปรับ ครม.ก็คาดว่าจะไปปรับในช่วงทำงานครบรอบ 1 ปี อาจจะมีนักการเมืองบางกลุ่มออกมาเรียกร้องอีกครั้ง เพื่อกระจายโควต้าของมุ้งการเมือง
ที่ปรึกษาคณะกรรมการอํานวยการสวนดุสิตโพล
นายกฯให้ กอ.รมน.จัดทำ อาจเป็นเพราะพื้นเดิมของนายกฯเป็นทหาร มีความใกล้ชิดกับ กอ.รมน.หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ มากกว่า
นอกจากนี้ คำถามในแบบสอบถามต้องมุ่งได้คำตอบที่แท้จริง ไม่โน้มเอียงหรือชี้นำ ถ้าให้แต่ละหน่วยงานนำไปกระจายต่อก็ต้องดูว่าการกระจายกลุ่มตัวอย่างเป็นอย่างไร เป็นการบังคับให้ตอบหรือไม่ หรือไปเกณฑ์ให้คนมาตอบกันหรือไม่ คำตอบที่ได้มานั้นได้จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นประชากรแท้จริงหรือไม่
ฉะนั้น หากแบบสอบถามดี เที่ยงตรง และไม่กดดันผู้ตอบ การประมวลผลคงไม่ยากนัก ส่วนตัวได้เห็นแบบสอบถามของราชการมาหลายรูปแบบ ดูรู้เลยว่าคนในพื้นที่ไหนเป็นคนตอบ ซึ่งคนตอบก็จะเกรงกลัวว่าอาจมีภัยมาถึงตัวได้ ดังนั้น แบบสอบถามจำเป็นต้องมีอิสระให้ผู้ตอบพอสมควร
เมื่อประมวลผลแล้วต้องวิเคราะห์ให้ครบทุกทิศทาง ไม่ใช่ตั้งเป้าก่อนว่าผลจะออกอย่างไร หรือข้อมูลตรงนี้เป็นเพียงส่วนน้อยไม่ควรรายงานเข้ามา เพราะโพลหมายถึงหัวคิดของแต่ละคน ล้วนมีความสำคัญ จะตัดอะไรทิ้งคงไม่ได้
กระบวนการทำโพลไม่ใช่แค่ตั้งคำถามแล้วไปแจก ประมวลผล เมื่อได้ผลออกมาก็นำเสนอตรงนั้น แต่กระบวนการทำโพลค่อนข้างละเอียดอ่อน จริงอยู่ว่าใครไปแจกก็ได้ แต่คำถามนั้นเป็นอย่างไร หรือคำตอบที่ได้มามีการคัดเลือกอย่างไร ไม่ใช่ตัดสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลออก ดังนั้น ผลที่ได้มาก็ไม่น่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ดี การทำโพลต่างๆ สามารถเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ หากผลโพลระบุว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินดีอยู่แล้ว ควรคงไว้ ก็จะแบ่งเบาภาระผู้ตอบ หรือท่านนายกฯสามารถอ้างได้ว่าข้อมูลจากโพลเป็นอย่างนี้ แม้การตัดสินใจจะพลาดแต่ก็สามารถอ้างได้ว่านำมาจากโพล
ประเด็นเรื่องการทำโพลนั้น หากนายกฯอยากได้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา สำนักโพลต่างๆ พร้อมจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว อาจประหยัดงบประมาณได้ส่วนหนึ่งและพูดถึงความเป็นมืออาชีพได้ รวมทั้งโพลส่วนใหญ่เป็นของสถาบันการศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ สามารถเชิญประชุมได้เลยว่าจะออกแบบแบบสอบถามให้เข้าใจตรงกันได้อย่างไร ก่อนจะกระจายแบบสอบถามออกไป ซึ่งก็มีลักษณะถ่วงดุลกันพอสมควร สามารถอ้างได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งลดความเคลือบแคลงว่ามีหน่วยงานเดียวเป็นผู้ดำเนินการจะสามารถให้ความเชื่อถือได้หรือไม่
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
การทำโพลของสถาบันการศึกษาหลายแห่งก็มีความเป็นอิสระไม่เหมือนกัน ยิ่งให้ กอ.รมน.ทำโพลสำรวจเอง ยิ่งไม่มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นเครื่องมือรัฐบาล หากต้องการสำรวจโพลจริง ควรให้ 4 หน่วยงานทำโพลพร้อมกันคือ กอ.รมน. สภาวิจัยทำโพลมืออาชีพ และอุดมศึกษา 2 แห่ง แบ่งเป็นส่วนกลาง
1 แห่ง ภูมิภาค 1 แห่ง เพื่อความเป็นกลาง ไม่เอนเอียง หากผลโพลตรงกัน ทุกฝ่ายต้องยอมรับ
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกลุ่มตัวอย่างสำรวจโพลที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นหรือแอบแฝง เพื่อใครหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างทำโพลควรเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ
จากโควิด-19 โดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ขาดโอกาส เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล อาทิ ผู้ที่เข้าแถวเพื่อรับข้าวกล่อง ถุงยังชีพ และสิ่งของบริจาคทุกจังหวัด เพื่อสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด
ตามปกติคนเราอยากพึ่งพาตนเอง ไม่อยากพึ่งพาคนอื่น ถ้าไม่เดือดร้อนจะไม่ขอความช่วยเหลือ บางรายท้อแท้ หมดหวัง สิ้นกำลังใจ นำไปสู่การฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากเป็นภาระคนอื่น ซึ่งการฆ่าตัวตายมีแนวโน้มสูงกว่า
ผู้เสียชีวิตจากโควิดเสียอีก
ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดอันดับต้นในเอเชียคือ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ไม่มีการทำโพลเพื่อยกเลิกมาตรการควบคุมโรคดังกล่าว แต่ใช้วิธีผ่อนปรนหรือคลายล็อก เปิดกิจการดำเนินธุรกิจและให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเร็วที่สุด ดังนั้น มีคำถามว่า รัฐบาลทำโพลทำไม ใครได้รับประโยชน์ เพราะการทำโพลดังกล่าวไม่น่าสะท้อนความจริง เชื่อว่าเป็นการละลายงบประมาณและเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ทางออกคือ ใช้มาตรการผ่อนปรนหรือคลายล็อก เพื่อต่อลมหายใจประชาชนทุกระดับ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าโดยเร็ว โดยคลายล็อกทีละขั้นและรักษาระยะห่างจนกว่าสถานการณ์คลี่คลายดีกว่า
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
แต่สิ่งหนึ่งที่นายกฯหยั่งกระแส ก็เพราะกำลังชั่งใจว่ากระแสเรียกร้องจากภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าธุรกิจที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากว่ามีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอก 2 รัฐบาลก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้น การทำโพลนี้จึงเป็นการประเมินความคุ้มค่าว่าสิ่งใดจะได้-เสียมากกว่ากัน
ดังนั้น การเอา กอ.รมน.มาอ้างเป็นการลดแรงกดดัน เพื่อไม่ให้นายกฯสู้กับสถานการณ์แรงกดดันทางสังคมตามลำพัง
อย่างไรก็ดี ไม่ควรเอาหน่วยงานด้านความมั่นคงมาใช้อ้างอิง แต่ควรจะใช้ศูนย์วิจัย หรือศูนย์วิเคราะห์ประเมินทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลายหน่วยงานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
ปชช.ยื่นร้องทุกข์เงินเยียวยา5พันแน่นกรมประชาฯ
https://www.innnews.co.th/economy/news_671544/
ประชาชน เดินทางยื่นร้องทุกข์เงินเยียวยา 5,000 บาท แน่นกรมประชาสัมพันธ์
หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ปิดรับเรื่องขอทบทวนสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาทแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้มีการตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาการลงทะเบียนของประชาชนวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้บริการพบว่ามีประชาชนให้ความสนใจเดินทางเข้ามาต่อแถวรับเอกสารกรอกข้อมูลเพื่อสอบถามปัญหาการลงทะเบียนของตนเองกับทางเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น.
โดยจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่า ในวันนี้ (12พ.ค.) จะเป็นการเปิดรับเรื่องร้องทุกข์สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระบบ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจะต้องติดตามข่าวสารจากทางกระทรวงการคลังเรื่องการเปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่