ราเมือก สิ่งมีชีวิตสวย สยอง

ราเมือก (Slime mold) คือชื่ออย่างไม่เป็นทางการของสิ่งมีชีวิตยูแคริโอตหลายประเภท  ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ที่สามารถอาศัยในรูปเซลล์เดียวได้อย่างอิสระ และสามารถรวมกันเพื่อสร้างเป็นโครงสร้างคล้ายสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ได้ เดิมราเมือกได้รับการจัดประเภทให้เป็นพวกเห็ดรา  แม้ว่าราเมือกแต่ละพวกจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่บางครั้งก็ได้รับการจัดประเภทรวมกันอยู่ภายในอาณาจักรโพรทิสตา

ราเมือกมีมากกว่า 900 สายพันธุ์ทั่วโลก ชื่อสามัญ "ราเมือก" หมายถึงช่วงชีวิตช่วงหนึ่งที่อยู่ในรูปคล้ายเมือกวุ้น ซึ่งลักษณะนี้เป็นกับพวกไมโซแกสเตรียมากที่สุด อันเป็นราเมือกขนาดใหญ่เพียงประเภทเดียวเท่านั้น   ราเมือกส่วนใหญ่มีขนาดเล็กไม่กี่เซนติเมตรหรือน้อยกว่า แต่บางสายพันธุ์อาจยืดตัวเองได้ถึงหลายตารางเมตร และมีมวลได้มากถึง 30 กรัม

ราเมือกส่วนมาก โดยเฉพาะราเมือกที่คล้าย "เซลล์" ไม่ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสภาพดังกล่าว ราเมือกเหล่านี้จะอยู่ในสภาพสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวตราบเท่าที่ยังมีอาหารอยู่เพียงพอ แต่เมื่ออาหารมีปริมาณจำกัด ราเมือกหลายตัวจะเริ่มรวมตัวกันและเคลื่อนที่พร้อม ๆ กัน ในสภาพนี้ ราเมือกจะไวต่อสารประกอบในอากาศ และสามารถตรวจจับแหล่งอาหารได้ ราเมือกในสภาพนี้ยังสามารถเปลี่ยนรูปร่างและการทำงานในแต่ละส่วนได้ง่าย และอาจสร้างก้านที่ใช้สร้างดอกเห็ดขึ้นมา แล้วปล่อยสปอร์มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเบาพอที่จะลอยไปตามอากาศหรือพ่วงไปกับสัตว์ที่ผ่านมา

ราเมือกกินจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ตามพืชที่ตายแล้วเป็นอาหาร โดยยังทำให้พืชที่ตายเหล่านั้นย่อยสลายและเป็นอาหารให้กับแบคทีเรีย ยีสต์ และเห็ดราต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ ทำให้มักพบราเมือกตามดิน สนามหญ้า และตามไม้ที่กำลังผลัดใบในพื้นป่า แต่ในพื้นที่เขตร้อน 

ราเมือกก็พบได้ทั่วไปตามช่อดอก ผลไม้ และบริเวณที่อากาศถ่ายเท (เช่น บนยอดต้นไม้) ในเขตชุมชนเมือง ราเมือกพบได้ในบริเวณที่มีการคลุมดินหรือกระทั่งบนใบไม้ขึ้นราในรางน้ำฝน และยังเจริญเติบโตได้ในเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่อระบายน้ำถูกขวางกั้นไว้  ราเมือกพบมากในเขตร้อนแต่ก็สามารถพบในเขตอบอุ่นด้วย สามารถจัดจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

1. ราเมือกชนิดพลาสโมเดียม (plasmodial slime molds) 
ราเมือกเซลล์เดียว ( cellular slime mold) อยู่ในดินในรูปเซลล์แฮพลอยด์อิสระ ลักษณะคล้ายอะมีบา อยู่เป็นเซลล์เดี่ยวๆ แต่จะส่งสัญญาณเพื่อมาอยู่รวมกับเป็นแผ่นคล้ายพลาสโมเดียมเรียกพลาสโมเดียมเทียม (pseudoplasmodium) ในสภาพที่แห้งหรือขาดอาหาร เซลล์จะเปลี่ยนรูปไปเป็นฟรุตติ้งบอดีเพื่อสร้างสปอร์ สปอร์นี้เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมจะงอกเป็นเซลล์ที่มีรูปร่างคล้ายอะมีบาเซลล์ใหม่  พลาสโมเดียมมักจะมีสีสดใส เช่น เหลือง ส้ม ชมพู มีลักษณะเป็นเมือก (slime) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อราเมือก 
Cr.https://th.wikipedia.org/wiki/ราเมือกเซลล์เดียว 

2.ราเมือกชนิดเซลลูลาร์ (cellular slime molds)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เป็นราเมือกที่เซลล์มี 1 นิวเคลียส ส่วนใหญ่ของ วัฏจักรชีวิตจะดำรงชีวิตเป็น เซลล์เดี่ยว มีลักษณะคล้ายอะมีบา อยู่เป็นอิสระ  แต่เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น ขาดแคลนอาหาร จะมีการปล่อยสารเคมีออกมา เป็นสัญญาณเพื่อให้เซลล์มารวมกลุ่ม เรียกว่า  กลุ่มของเซลล์นี้ว่า slug ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะมาเกาะกลุ่มกันเท่านั้น ส่วนของไซโทพลาซึมของแต่ละเซลล์จะไม่รวมตัวกันได้เป็นเซลล์  ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับราเมือกชนิดพลาสโมเดียม slug ที่เกิดขึ้นมีลักษณะคล้าย fruiting body ของฟังไจ จะสร้างสปอร์ผนัง   แข็งแรงทนต่อความแห้งแล้งได้ดี และเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมหรือได้รับความชื้นก็จะงอกและเจริญต่อไป ดังภาพ
Cr.https://sites.google.com/site/bioprotista/cellular-slime-mold

ราเมือก สกุล arcyria
ราเมือกสายพันธุ์ Trichia varia
ราเมือก trichia decipiens
SPECIES STEMONITIS

Willkommlangea Reticulata (Fairbanks)
 
ราเมือกโบราณ อายุร่วม 100 ล้านปี ถูกเก็บรักษาไว้ในอำพันจากต้นไม้ที่พม่า
 
ทีมนักบรรพชีวินวิทยา ได้มีการออกมาเปิดเผยการค้นพบราเมือกโบราณ อายุร่วม 100 ล้านปี ถูกเก็บรักษาไว้ในอำพันจากต้นไม้ที่พม่า
อ้างอิงจากรายงานการค้นพบ ราเมือกที่ถูกเก็บรักษาในอันพันชิ้นนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “Myxomycetes” โดยมันมักจะอาศัยอยู่ในดินหรือไม้เน่าเปื่อย มีอาหารหลักเป็นแบคทีเรีย และในบางครั้งก็อาจจะร่วมกลุ่มกัน เพื่อสร้างร่างกายที่ละเอียดอ่อนซึ่งทำหน้าที่สร้างและปล่อยสปอร์อย่างที่เห็นในภาพ
ราเมือกที่ว่านี้ ถูกค้นพบภายในอัมพัน ก้อนเดียวกับส่วนขาของกิ่งก่าโบราณ ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า ราเมือกที่เห็นอาจจะถูกดึงออกมาจากเปลือกไม้โดยกิ่งก้าซึ่งในอดีตบังเอิญไปติดในยางไม้เข้า จนทำให้ทั้งคู่ถูกผนึกไว้พร้อมๆ กันไปก็เป็นได้
 
นับว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญและมีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านๆ มา นักวิทยาศาสตร์นั้นเคยพบราเมือกโบราณที่รวมตัวกันจนมีสภาพแบบนี้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น แถมราเมือกทั้งสองครั้งที่ถูกพบเองก็มีอายุแค่ 35-40 ล้านปีเสียด้วย

ดังนั้นการค้นพบราเมือกในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการค้นพบราเมือกโบราณ (แบบที่มีการรวมตัวกัน) ที่เก่าแก่ที่สุดเลยก็ว่าได้  และความเก่าแก่ในจุดนี้เอง ก็อาจจะสามารถช่วยเหลือในการศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของราเมือก ซึ่งรวมไปถึงการหาราเมือกในปัจจุบันที่จัดเป็นจำพวกเดียวกับราในอดีตด้วย 
รายงานการค้นพบในครั้งนี้ก็ได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสาร Scientific Reports เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา
ที่มา nature, foxnews และ cnet
Cr.https://www.catdumb.tv/100-million-year-old-slime-mold-378/ By เหมียวศรัทธา 


ฟอสซิลราเมือกให้เบาะแสสิ่งมีชีวิตบนบกยุคต้น
มีรายงานในวารสารด้านภูมิศาสตร์บรรพกาล ภูมิอากาศบรรพกาลวิทยา และนิเวศวิทยาบรรพกาล โดยนักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยโอเรกอน ในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยครูมณฑลฝูเจี้ยน ในจีน ยืนยันว่าซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลจากออสเตรเลียตะวันตกคือดินแดนเก่าแก่ที่สุดที่ราเมือก (slime mold) อาศัยอยู่ และตามการประเมินหลักฐานฟอสซิลครั้งล่าสุด เผยว่าราเมือกเหล่านี้อยู่บนโลกนี้มานานเกือบ 2,000 ล้านปี

ทีมเผยว่า ฟอสซิล Myxomitodes stirlingensi เป็นร่องรอยทางชีวภาพมีรูปร่างเป็นตัวยู (U) พบบนหินในเทือกเขาสเตอร์ลิง เรนจ์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเพิร์ท ในออสเตรเลีย ฟอสซิลนี้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงกันทั้งเรื่องรูปแบบชีวิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งแสดงถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของพวกมันในอดีต โดยมีการตีความว่าเป็นร่องรอยของเมตาโซอัน (metazoan) คือกลุ่มสัตว์หลายเซลล์และมักจะเป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเล ขณะที่ราเมือกไม่ได้เป็นสัตว์หลายเซลล์ จึงเป็นเงื่อนงำสำคัญเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์
 
Myxomitodes เป็นอะมีบาที่อาศัยอยู่ในดิน แต่ร่องรอยของการเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพวกมันสามารถรวมตัวกันเป็นเหมือนบุ้งที่เดินอยู่เหนือพื้นดิน ทำให้เปิดโอกาสในการกินอาหารที่ดีขึ้น สิ่งที่พบนี้อาจชี้ให้เห็นถึงระยะเริ่มแรกของวิวัฒนาการในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ และเชื่อมช่องว่างระหว่างจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน.
Credit ภาพ University of Oregon 
Cr. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1683755

ใช้ราเมือกเป็นต้นแบบ จำลองโครงข่าย “เส้นใยจักรวาล”
 
(SCIENCE PHOTO LIBRARY   ภาพจำลองแบบดั้งเดิมของเส้นใยจักรวาล ส่วนที่เป็นจุดสว่างคือบริเวณที่มีดาราจักรอยู่หนาแน่น)
เส้นใยที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สุดของเอกภพ เรียกว่า "เส้นใยจักรวาล" (cosmic web) หรือ "ใยเอกภพ" ประกอบด้วยสสารมืด (dark matter)และกลุ่มก๊าซที่ให้กำเนิดดาวฤกษ์เป็นส่วนใหญ่   แรงโน้มถ่วงจากสสารมืดในเส้นใยดังกล่าว ได้ดึงดูดให้สสารมารวมตัวกันและกลายเป็นดาราจักรต่าง ๆ ที่มีเส้นใยจักรวาลยึดโยงเอาไว้ ทำให้บรรดากระจุกดาราจักรแยกตัวจากที่ว่างในห้วงอวกาศ และเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายคล้ายหยากไย่

เราไม่อาจจะมองเห็นเส้นใยจักรวาลนี้ได้ แต่ก็รู้ว่ามีอยู่จากหลักฐานทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์อื่น ๆ เช่นร่องรอยของการแผ่รังสีไมโครเวฟพื้นหลังของเอกภพ (CMB)

ล่าสุดทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานตาครูซ (UCSC) ของสหรัฐฯ ได้คิดหาวิธีจินตนาการถึงรูปร่างโครงสร้างของเส้นใยจักรวาล โดยนำเอาราเมือก (slime mold) สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เติบโตด้วยการแตกแขนงออกไปตามเส้นทางที่มีอาหารของมัน มาเป็นต้นแบบในการทำแผนที่สามมิติของเส้นใยจักรวาล ภายในระยะทาง 500 ล้านปีแสงจากโลก

รายงานว่าด้วยการวิจัยข้างต้นนี้ กำลังจะตีพิมพ์ในวารสาร The Astrophysical Journal Letters โดยทีมผู้วิจัยระบุว่าได้เขียนอัลกอริทึมเลียนแบบพฤติกรรมของราเมือก ซึ่งมันจะเลือกเส้นทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อเข้าถึงอาหาร  อัลกอริทึมหรือกระบวนวิธีแก้ปัญหานี้ จะช่วยให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัดสินใจได้ว่า เส้นใยจักรวาลที่เชื่อมโยงดาราจักรต่าง ๆ ควรจะมีเส้นทางการเชื่อมต่อเป็นอย่างไร เมื่อป้อนข้อมูลพิกัดตำแหน่งของดาราจักรจำนวน 37,000 กาแล็กซีให้

ดร. โจเซฟ บูร์เช็ตต์ ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า  "วิธีการที่ราเมือกสร้างเส้นใยอันซับซ้อนเพื่อเข้าถึงแหล่งอาหารใหม่ ๆ คล้ายกันอย่างมากกับการที่แรงโน้มถ่วงก่อรูปร่างของเอกภพด้วยเส้นใยจักรวาล ซึ่งเส้นใยนี้จัดเรียงตัวตามโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมมากที่สุด"

ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยที่ใช้พฤติกรรมของราเมือกเป็นต้นแบบ ในการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดในเมืองใหญ่ หาทางออกจากเกมเขาวงกต หรือค้นหาเส้นทางอพยพหนีภัยที่ดีที่สุดมาแล้ว เนื่องจากการให้มนุษย์หรือปัญญาประดิษฐ์คิดแก้ปัญหาเหล่านี้เองโดยลำพัง ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากจนสุดวิสัย
Cr. https://www.bbc.com/thai/international-51877275

ที่มา:ศุภณัฐ ไพโรหกุล.ราเมือก.กรุงเทพฯ:แอคทีฟ ฟริ้นท์,๒๕๕๘.
Cr.https://storylog.co/story/5a10ed5e279d635745cf3b40
Cr.https://teen.mthai.com/hot_clip/60887.html /  By  koi_la_zy
Cr.http://biology.ipst.ac.th/?p=983 / เขียนโดย biology 
 
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่