บาหลี กลับมาอีกแล้ว นี้เป็นรอบที่ 3 ของการมาเยือนที่บาหลี ช่วงนี้เพื่อนคงต้องกักตัวอยู่บ้านและไม่ได้ไปเที่ยวไหน งั้นไปเที่ยวกับเรา ไปเที่ยวบาหลีกับเรากัน  ไปไล่ล่าภูเขาไฟอากุงและภูเขาไฟบาตูกัน ตามมาๆๆคะ

ความจริงก็คือ เราตกลงกับเพื่อนไม่ได้สักทีว่าจะไปที่ไหนดี ประเทศไหนดีที่ค่าตั๋วไม่แพง เที่ยวง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก คนไม่เยอะ และยังมีความเป็นธรรมชาติ มากกว่าการสร้างขึ้นมา สรุปคือ กลับมาที่นี่ บาหลี อีกครั้งคะ เป็นการมาแบบ 3 ปีติดเลย


ทริปนี้เป็นทริปไล่ล่าน้ำตกและภูเขาไฟ เราก็มีรูปเรียกน้ำย่อยมาก่อนเน๊อะ



บาหลีเป็นจังหวัดนึงในอินโดนีเซียที่แบบว่า ใหญ่จริงๆ ถ้าเทียบกับประเทศไทย กินพื้นที่ไปสัก สอง – สามจังหวัดก็ว่าได้ กว่าจะเที่ยวหมด 5 วัน 7 วัน ก็ไม่พอ แต่ก็นะ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็ลาได้ไม่กี่วัน


รอบนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชม ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พูดแล้วงง เอาเป็นว่าเที่ยว ซีกฝั่งทางขวามือของเรา วิ่งวนซ้ายไป


เราใช้เวลาสำหรับทริปนี้คือ 5 วัน 4 คืน รอบนี้ได้ตั๋วโปรมากๆๆ คือ จากภูเก็ตต่อเครื่องที่มาเลเซีย ไปกับสายการบิน Air Asia ซึ่งจองผ่าน Application ของ Trip.com โดยเราได้ราคาไปกลับ ภูเก็ต-บาหลี มาในราคา 5,000 บาทเอง ส่วนเพื่อนๆที่กดตามหลังมาได้มา 5,800 และ 6,200 

วันแรกออกเดินทางตั้งแต่  8 โมง มาถึงบาหลี 4 โมงเย็น และไปพักที่ Ubud 1 คืน

วันที่ 2 จะไปเที่ยว โซนขวามือของเรา นั้นเอง โดยเป้าหมายคือ Amed Beach
(จริงๆเราอยากนอนบนเขา อยากได้ที่อากาศเย็น แต่โรงแรมที่เราจองไปดันยกเลิกเรา ซะงั้น และค้นพบว่า Amed มีที่พักราคาไม่แพงหลายที่เลย จุดหมายของคืนที่ 2 จึงไปอยู่ที่ Amed Beach และจุดประสงค์ของการมายังที่นี่เพราะเป็นจุดที่ได้ถ่ายรูปบนหาดทรายดำ โดยมีภูเขาไฟเป็นแบกกราวด้านหลัง ปิ้งๆๆๆ)


วันที่ 3 ย้ายจาก Amed ไปนอนที่ Handara Golf เพราะว่ามีที่เที่ยวหลายจุดที่น่าสนใจโซนนั้น ก็เลยเอาตัวเองไปแปะไว้ที่นั่น โปรแกรมเที่ยววันนี้ตั้งใจจะ ขึ้นไปถ่ายกับต้นไม้ ทุ่งต้นสีขาวๆ และมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟ ปิ้งๆๆ

วันที่ 4 จริงๆจะไปให้สุดขอบเกาะอีกฝั่งนึง แต่ไกลเกินไปไม่ไหว วันนี้เรามุ่งหน้าไปนอน แถวใกล้ๆ Kuta เพื่อที่เดินทางไปสนามบินได้ง่าย โดยไม่ต้องตื่นเต้นมากนัก เพราะเขตใกล้สนามบิน รถเยอะ และรถติดด้วย

เพิ่มเติมให้นิดนึง ปีที่แล้ว โซนที่เราเที่ยวเป็น ด้านล่างของบาหลี เราไปเกาะ Nusa Penidac และนอนที่นั้น 1 คืน, พักที่ Uluwatu 2 คืน และเที่ยวที่ Ubud เป็นรอบที่โครตคูลอะ สวยและเหนื่อย แต่คุ้มมากๆ เพื่อนๆสามารถตามอ่านจากลิงค์นี้ได้คะ
          ** Nusa Penida Island:  https://pantip.com/topic/38834361 and https://pantip.com/topic/38834853
          ** Ubud:      https://pantip.com/topic/38839511
          ** ที่พักที่ Uluwatu: https://pantip.com/topic/38858448

ฟังแผนที่เราวางไว้ไปแล้ว ตามเรากันมาเลยคะ ว่ารอบนี้สิ่งที่คิดไว้ กับความเป็นจริง ต่างกันยังไง ไป  Let’s Go

ต่อเครื่องที่มาเลเซีย ใครๆก็บินได้ ไปกับ Air Asia ทุกไฟลว์เลยจร้า

มาถึงบาหลี ใช้บริการรถเช่าเหมือนเช่นเคย เจ้าเดิมของ Bali4ride ไปที่ https://www.bali4ride.com/ หรือติดต่อผ่านทางไลน์ Line ID: bali4ride  

เนื่องด้วยเป็นลูกค้าเก่า รอบที่แล้วได้รถเล็กและก็ถลอกรอบคัน (ถ้าเราทำเพิ่มเค้าก็ไม่รู้หรอก!!) รอบนี้เราเลยขอ รถคันใหญ่ขึ้นมาหน่อย ขอรถใหม่ๆ

รถที่ได้คือ Daihatsu Xenia 2019 ได้มาใหม่กริบ สมกับคำร้องขอ คันใหญ่ นั่งได้สบาย จริงๆนั่งได้ถึง 7 คน แต่กระเป๋าเรานั่งก็เต็มละ ถ้าของเยอะ เต็มที่เลย สัก 4 คนกำลังสบาย

---->    ค่ารถสำหรับ 5 วัน 4 คืน อยู่ที่ 1,200,000 รูเปีย ตอนนั้น 1 บาทเท่ากับ 0.00232 
            สรุปค่ารถตกเป็นเงิน 2,784 บาท ตกวันละ 556 บาท (โครตถูกอะ) 


ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เดินทางมาถึงที่พัก คืนแรกของเราพักที่ Yuni’s House อยู่ในตลาด Ubud คือคิดไว้ว่า ตื่นเช้ามาจะมาช็อปปิ้งของฝากที่นี่ก่อน เพราะที่อื่นๆที่เราจะไปไม่น่าจะมีจุดซื้อของ

-----> ค่าห้องที่ Yuni’s House ห้องละ 400,000 รูเปีย หรือ 928 บาท (ราคานี้ สำหรับที่พักใน Ubud ก็ถือไม่แพงละ เพราะ Ubud เปรียบเหมือนศูนย์กลางความเจริญ รองจาก Kuta มันเจริญท่ามกลางนาข้าวบันได อารมณ์ประมาณนั้น)

*** ข้อดี คือ อยู่ในตลาดอูบุด ตัวห้องอยู่ในพื้นที่บ้านของชาวบ้านเลย รวมๆก็ดีนะ สะอาดดี ข้อเสีย ต้องจอดรถในที่จอดรถหลังตลาด ดูเหมือนน่ากลัวแต่จริงๆ อยู่ในชุมชน เอาเป็นว่าปลอดภัย

มื้อค่ำของเรา ตั้งใจมากินที่นี่มาก!!!! มากินทุกรอบที่มาเลย เป็นซี่โครงหมูย่าง ร้านดังใน Ubud ชื่อร้านNaughty Nuri's Ubud อร่อยไม่ผิดหวัง

----> ราคาไม่เบาเหมือนกัน กินไปสามคน เราสั่งซี่โครงหมูย่าง 2 จาน มันฝรั่งทอด ผัดผักและก็เบียร์ ตก 500,000 รูปเปีย หรือ 1,160 บาท (เดินตัวหนัก กระเป๋าเบากลับห้อง)

    ** ถ้าเพื่อนๆ อยากเที่ยวใน Ubudต่อ อีก อ่านเพิ่มที่ลิงค์นี้ได้  https://pantip.com/topic/38839511


Day 2

บรรยากาศรวมๆ ตอนเช้าจากห้องที่เราพัก เราได้ห้องชั้นล่าง ตรงข้ามกับสระน้ำและ ติดกับห้องอาหาร มีอาหารเช้าให้ด้วยนะ

อาหารเช้ามีเป็น เซ็ตให้เลือกเป็น คาว 1 เซ็ต หวาน 1 เซ็ต   รสชาติพอกินได้


เก็บของแล้วสะพายกระเป๋าไปช็อปปิ้ง เดินเล่น ถ่ายรูปกัน

.... ** สิ่งที่เราวางแผนเอาไว้ไม่เป็นไปตามที่หวัง!! คือตลาดปิดจร้า ปิดเพราะเค้าไปวัดกันหมด 

(ช่วงที่เราไป 28 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ซึ่งเราเช็คแล้วว่า วันที่ 5 มีนาคม คือวันเงียบ (ไม่รู้ว่าดูผิดรึเปล่า หรือเป็นวันเงียบตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนะ เพราะวันแรกมันเงียบมาก วันเงียบขึ้นกับการนับตามปฏิทินของบาหลี ต้องเช็คใหม่ทุกปี วันเงียบเป็นวันที่ร้านส่วนใหญ่ปิด คนจะอยู่แต่ในบ้าน)

เดินไปเรื่อยๆ

แต่ในความโชคร้าย ยังโชคดีที่ Lotus Café หรือ Visit Pura Taman Saraswati ของเรานั่น ไม่มีคนเลย ได้ภาพวิวเต็มๆ

และโชคดีที่ สตาร์บัคก็เปิด

กลับไปเก็บของกัน

เราจะเห็นรูปด้านบน คือเครื่องเซ่นไหว้ ผี เจ้าที่อะไรก็ตาม ซึ่งจะถูกวางอยู่บนพื้น (เดินดีๆ อย่าไปเหยียบของเค้านะ)  คนที่นี้นับถือผี และจะไหว้ด้วยกระธงดอกไม้ทุกเช้า

รูปด้านบนคือ วัดประจำบ้านที่อยู่หน้าบ้านหรือหน้าที่พักเรา ขนาดของวัดสร้างตามกำลังฐานะของแต่ละบ้านใหน่อยก็สร้างใหญ่หน่อย 

เจ้าของที่พักไม่ได้เปิดห้องให้พักอย่างเดียว เค้าวาดรูปขายด้วย คือสวยอะ ยังกะเดินอยู่ในแกลลอรี่ เพลินเลย

อย่างที่บอกไปด้วยความโป๊ะ เลยไม่รู้ว่าวันนี้วันอะไร ถามคนท้องถิ่นเค้าก็บอกแค่ว่าไปวัดกัน ไปประกอบพิธีทางศาสนา (แต่ไปกันทั้งเมืองเลยจร้า) จริงๆก็อยากตามไปถ่ายรุปให้นะ แต่ไม่ได้เตรียมสโร่งมา (ปกติเวลาเข้าวัดผู้หญิงและผู้ชายจะต้องนุ่งสโร่งด้วย) ส่วนชุดที่เราเห็นข้างบนเนี่ย เป็นชุดพื้นเมืองของเค้าเลยจร้า

บ้านทุกหลังก็จะทำเป็นไม้ไผ่ตกแต่งด้วยเครื่องสานแล้วเอามาโค้งที่หน้าบ้าน  ดูเป็นบาหลีสไตล์มากๆ

ออกเดินทางกันต่อ ที่ที่เราจะไปคือ Wisata Air Terjun Kanto Lampo หรือ Kanto Lampo Waterfall

ทางเข้าจร้า คือถนนที่บาหลีเป็นแบบนี้ส่วนใหญ่เลย ยกเว้นเขตแถวสนามบินจะกว้างหน่อย


มาถึงแล้ว มีห้องน้ำและล็อกเกอร์ รวมไปถึงที่จอดรถพร้อม สะดวกและสบาย

ทุกที่ๆ ในบาหลีต้องเสียค่าเข้า ที่นี่ก็เหมือนกันคะ ค่าเข้า 20,000 รูเปีย หรือ  46 บาท

ต้องบอกก่อนว่ามาบาหลี ต้องมีโปรแกรมมาเที่ยวน้ำตก เราว่าน้ำตกเค้ามีเสน่ห์อะ ยังไงนะหรอ 
1. ทางเดินส่วนใหญ่เดินง่ายไม่ลื่น แค่เดินขึ้นบันได 2. น้ำตกบางแห่ง เป็นการตกลงมาตรงๆ เหมือนเราเปิดก๊อกน้ำอะ (ถ้าอยากได้น้ำตกที่ตกลงมาตรงๆ กลับไปดูรีวิว Ubud อันนี้ https://pantip.com/topic/38839511 3. มันไม่เหมือนที่ไทยคือ สวย 4. จะใส่ บิกีนี่ก็ได้ ไม่มีใครมองว่าแปลก 
5. ถ้าอยากจะปีนไปใกล้ๆหินเพื่อถ่ายรูป น้ำตกใส่หัวทำได้ง่ายมาก 6. น้ำตกส่วนใหญ่ไม่ลึก