[CR] เจาะลึก Okayama บ้านเกิดโมโมทาโร่ ขับรถไม่เป็นก็เที่ยวได้ EP.4

ทริปนี้เราไปเที่ยวแบบเน้นที่จังหวัดโอคายาม่า  6 วันค่ะ 
EP1 วันแรก    >> https://pantip.com/topic/39789948
EP2 วันที่สอง >> https://pantip.com/topic/39793767
EP3 วันที่สาม >> https://pantip.com/topic/39799297
คำเตือน : เนื่องจากเราขับรถไม่เป็นการเดินทางโดยรถสาธาระที่มีและ.. รถแท็กซี่ค่ะ ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพงแต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายาม่าให้เพื่อนๆเผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ *หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*

วันที่สี่เราจะออกตามรอยโมโมทาโร่กันค่ะ สถานที่แรกที่จะไปคือศาลเจ้าคิบิตสึ สถานที่ที่ว่ากันว่าโมโมทาโร่ได้นำหัวยักษ์ที่ถูกตัดมาไว้ที่นี่ จากนั้นไปที่ปราสาทคิโนะโจที่ที่ยักษ์อาศัยอยู่และจบวันที่สี่ด้วยเมืองคุราชิกิ 


เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม Areaone Okayama เดินไปสถานีโอคายาม่าประมาณ 5 นาที พร้อมลุยต่อวันที่สี่ในจังหวัดโอคายาม่า วันนี้เราจะไปที่ศาลเจ้าคิบิตสึก่อนเป็นที่แรก

จากสถานี JR โอคายาม่า เราจะนั่งรถไฟสายโมโมทาโร่ไปที่สถานีคิบิตสึค่ะ 
ผู้ใหญ่ราคา 210 เยน เด็กเราคา 100 เยน 

หน้าตารถไฟที่เราจะขึ้น สีส้มพีช

ถึงแล้วสถานี Kibitsu

สถานีเล็กมาก แต่ได้ฟิลความเป็นญี่ปุ่นแบบในหนังเลย

จากสถานีเดินไปที่ศาลเจ้าประมาณ 9 นาที 650 เมตร 
เริ่มได้! ออกจากสถานีมาแล้วเลี้ยวซ้าย

เดินไปเรื่อยๆจนสุดทาง เจอแยกแล้วเลี้ยวขวา 

พอเลี้ยวขวาแล้วจะเห็นสะพานสีแดง และเสาโทริอิหินให้เดินตรงไปเรื่อยๆ

เจอไฟแดงข้ามถนนแล้วเดินตรงไป ภูเขาที่เราเห็นด้านหน้านั้นคือศาลเจ้าแล้วค่า 

เดินไปจนสุดทางจะเจอศาลเจ้า ให้เลี้ยวซ้ายไปนิดนึงจะเจอประตูทางขึ้นไปยังศาลเจ้าคิบิตสึค่ะ
ถึงแล้ววววว  ทางเข้าจะมีที่ให้ล้างน้ำก่อน แล้วก็ขึ้นบันไดไปต่อ

จากที่เคยเล่าไปใน EP2 เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกเรื่องโมโมทาโร่ เรื่องราวเกี่ยวกับ เด็กที่เกิดมาจากลูกท้อ(พีช)และได้ตายายคู่หนึ่งเก็บไปเลี้ยงจนเติบโต วันหนึ่งโมโมทาโร่ได้ออกไปปราบยักษ์เพื่อความสงบสุขของหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ได้ให้ขนมคิบิดังโกะแก่สัตว์ต่างๆและกลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางเพื่อไปปราบยักษ์ด้วยกันจนสำเร็จ 
 
ซึ่งตัวละครเอกของเรื่อง “โมโมทาโร่” มีต้นแบบมาจากเทพเจ้าที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าคิบิตสึแห่งนี้นี่เองค่ะ!
ซึ่งว่ากันว่าตอนที่โมโมทาโร่ได้ไปปราบยักษ์ได้ตัดหัวยักษ์ตนนั้นและนำกลับมาไว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้

อาคารหลักที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติ


มีอุโมงค์เอะมะ(ป้ายเขียนคำอธิฐาน) ป้ายเป็นรูปโมโมทาโร่ด้วยแก้มแดงเชียววว

ที่เสี่ยงเซียมซี แต่ละด้านจะเป็นรูปเรื่องราวของโมโมทาโร่ 

มีภาษาอังกฤษด้วย

จุดที่โด่งดังของที่นี่คือทางเดินที่ทอดยาวกว่า 360 เมตร สวยได้ฟิลแอบลึกลับเบาๆ


มีเครื่องรางน่ารักๆเยอะเลยแต่เขาห้ามถ่ายรูป เราซื้อเครื่องรางรูปลูกท้อสีชมพูมีกระดิ่งมาด้วย
ตรงลูกท้อเห็นมีรูๆอยู่ พอลองส่องดูเห็นโมโมทาโร่อยู่ด้านใน!! น่ารัก ได้โมโมทาโร่เป็นของตัวเองแล้วค๊า ><

ซื้อโกะชูอิน (ตราประทับของศาลเจ้า) มาด้วย  อารมณ์เหมือนสะสมสแตมป์แรลลี่ ศาลเจ้าญี่ปุ่นจริงๆจะมีสมุดที่สะสมโดยเฉพาะแต่ว่าเราลืมอยู่ที่ไทยก็เลยซื้อเป็นกระดาษแทน เดี๋ยวค่อยเอาไปแปะ ราคา 300 เยน
*เพื่อใครสนใจเรื่องตราประทับแปะลิงก์ให้ลองศึกษาดูนะคะ https://www.jnto.or.th/newsletter/goshuin/

จุดพีคที่เราอยากไปก็คือพิธีดูดวงด้วยการฟังเสียงยักษ์ (จริงๆคือเสียงข้าวสุกจากหม้อ) เล่าขานกันว่ามีหัวของยักษ์ฝังอยู่ข้างใต้หม้อนี้จ้าาาา 
ข้อมูลจากเว็บการท่องเที่ยวโอคายาม่า  :  https://okayama-kanko.net/sightseeing/th/kibiji/

เดินหาอยู่นานมาสรุปมันปิดตอนเราไปจ้า จบข่าว..  T^T

จุดต่อไปที่เราจะไปคือปราสาทคิโนะโจ (Kinojo) เป็นสถานที่ๆใช้เป็นโมเดลในการออกแบบที่อยู่ของยักษ์ในเรื่องโมโมทาโร่
 ไปค่ะ.. ไปปราบยักษ์กัน! เดินกลับทางเดิมทางที่เราจากมาเพื่อไปยังสถานีคิบิตสึ

เราจะไปที่สถานีโชฉะ (Soja) สายโมโมทาโร่สีชมพู กดตั๋วไปที่ราคา 240 เยนเลยจ้า   
*จุดที่เราอยู่คือ Kibitsu สีแดงตัวใหญ่ๆ นั่งไปสถานี Soja 5 สถานี


เข้าไปนั่งรอที่ชานชาลาที่ 2  ชานชาลาเดียวกับที่เราลงตอนมาตอนแรกค่ะ


รถไฟหน้าตาแบบเดิมเลยสีส้มพีช  มาตอนประมาณ 13.27 น.

ถึงสถานีโชฉะแล้ว

ออกจาก East Gate 

มี Tourist Information แน่นอนว่าเราก็เข้าไปถามทางอีกเช่นเคย ฮาๆ จากตรงนี้ต้องนั่งรถแท็กซี่ (แท็กซี่อีกแล้วจ้าาาาาา) หน้าสถานีโซฉะ ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปราสาทคิโนโจ (Kinojozan Visitor Center) เพื่อเดินต่อขึ้นไปที่คิโนะโจค่ะ
ก่อนจะไปคิโนะโจ ไปหาของกินกันก่อน หิวมากกก
 Tourist Information ให้แผนที่และแนะนำว่าที่เมืองโชฉะนี้ขนมปังอร่อย งั้นมื้อเที่ยงเราจะไปกินขนมปังเพื่อพิสูจน์กัน! จากสถานีโซฉะเดินไปประมาณ 130 เมตร จะเจอร้าน Bakery Tongu


ตรงข้ามร้าน Bakery Tongu เป็นบริการแท็กซี่ของเมืองนี้ ถ่ายรูปจดเบอร์ไว้ก่อนเลยเดี๋ยวต้องได้ใช้แน่ๆ ดูทรงแล้วรถบัสก็ไม่มี รถไฟก็ไม่มี T^T

หันกลับมาที่ร้านขนมปัง คนเต็มเข้าออกไม่ขาดสาย กลิ่นหอมยั่วยวนออกมาหน้าร้านกันเลยทีเดียวววว มีให้เลือกหลากหลายแบบ ถ้าดูไม่ผิดราคาก็เริ่มตั้งแต่ 120 เยนขึ้นไปค่ะ

เราเลือกเป็นขนมปังไส้หมูทอด ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดมันคือ หมูทอดดดดดดด!  

อีกอันเป็นไส้คอนเฟรกกับชอคโกแล ทั้งสองอันขนมปังนุ่มหอมมากๆๆๆๆ เนื้อแน่นครีมนัวแซ่บมาก 
ปล.ไม่รู้ราคาเพราะเพื่อนจ่าย ฮาๆ

ใกล้ๆกับสถานีก็มีเป็นร้านพิซซ่า

หลังจากกินขนมปังไปแค่สองอันแต่อิ่มจุกมากๆ เราก็เดินกลับมาที่จุดขึ้นรถแท็กซี่หน้าสถานีไปที่ Kinojozan Visitor Center  

ถึงที่หมายในราคา 2,740 เยน คุณลุงคนขับแท็กซี่ใจดีมาก ถามว่าจะกลับไปสถานียังไง ขึ้นไปเดินเล่นถ่ายรูปแล้วเดินกลับมาน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เดี๋ยวเขารอได้นะ ไม่คิดค่ารอ เราก็ด้วยความเกรงใจเลยบอกว่าไปว่า “OK plesse .. โอเนะไกอิตะชิมัส” (คิดในใจว่าได้โปรดรอหนูด้วย ไม่งั้นหนูต้องขอให้พนักงานโทรไปเรียกแท็กซี่อี๊กกก รักลุงงงง ขอบคุณค่ะ)

ก่อนเดินขึ้นไปที่ปราสาทเราก็เดินดูศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปราสาทคิโนโจ  
ด้านในจะมีโมเดลของปราสาท และประวัติต่างๆ มีที่ให้นั่งพัก ห้องน้ำ ตู้กดน้ำ ล็อคเกอร์เก็บของ

ใกล้ๆจุดสตาร์ทมีไม้ค้ำให้ยืม

ทางเดินขึ้นไปไม่ขรุขระะ เดินสบายๆ ค่อยๆเดินขึ้นไปประมาณ 15-20 นาที ก็จะถึงจุดชมวิว

ดูไกลๆจากจุดชมวิวสวยอลังการมากกกก

ถึงป้อมประตูฝั่งตะวันตกแล้วค่ะ 

สวยงามสมกับที่ได้รับรับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

ด้านหน้าประตูทิศตะวันตกของปราสาท

ที่นี่มีแนวกำแพงกั้นยาวประมาณ 2.8 กิโลเมตร ซึ่งทอดยาวไปตามแนวเขา ซึ่งเชื่อมต่อกับประตูที่ตั้งอยู่ในทิศต่าง ๆ 

ข้อเสียของการมาเที่ยวช่วงฤดูร้อนคือร้อนจนเหงื่อแตก แต่ข้อดี คือ วิวสวย ต้นไม้ ภูเขาเขียวๆ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าคราม 

เดินถ่ายรูปเล่น ชมที่อยู่ของยักษ์  อยู่ประมาณเกือบชั่วโมง ก็ลงมาหาคุณลุงแท็กซี่ที่รออยู่ นั่งรถกลับไปที่สถานีโซฉะ
*หากใครไม่มีรถกลับคิดว่าสามารถขอให้ทางศูนย์โทรเรียกแท็กซี่ให้ได้นะคะ

จากสถานีโซฉะซื้อตั๋วราคา 240 เยนเพื่อไปยังสถานีคุราชิกิ (Kurashiki Station)

ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาเบอร์ 2

นั่งไปแค่ 3 สถานี เราก็มาถึงที่เมืองคุราชิกิแล้วค่า โรงแรมที่เราจะพักคืนนี้ชื่อว่า Kurashiki Station Hotel ซึ่งต้องออกทางประตู South Exit แต่เราจะออกไปสำรวจฝั่ง North Exit กันก่อนค่า 

จากฝั่งทางออกทิศเหนือ ออกมาก็จะเจอกับหอนาฬิกา มองไปด้านหลังเห็นป้ายห้าง Ario
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง Okayama
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่