สวัสดีค่ะเกริ่นก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเราเลยหากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ  
หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่นหลายๆคนก็คงจะไปเที่ยวตามเมืองใหญ่ๆ ดังๆ กันใช่ไหมล่ะ และไม่รู้ว่าเพื่อนๆรู้จักจังหวัดโอคายาม่ากันบ้างหรือเปล่าคะ
จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) อยู่ภูมิภาคชูโกคุ (Chugoku) ของประเทศญี่ปุ่นค่ะ เหตุผลที่เลือกไปจังหวัดนี้เพราะว่าเรากำลังหาที่เที่ยวอยู่ แล้วหลานของเรากำลังดูการ์ตูน “โมโมทาโร่” อยู่ข้างๆ ดูแล้วน่าสนใจดี ก็เลยค้นหาข้อมูลและก็เจอว่าบ้านของน้องโมโมทาโร่อยู่ที่จังหวัดโอคายาม่า คิดว่าเป็นจังหวัดที่ยังไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวมากนัก เราก็เลยว่าจะไปตามหาน้องกันค่ะ  >////<
ซึ่งหลังจากไปมาแล้วก็คิดว่าทริปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ไม่มากก็น้อยเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังกันค่ะ 
อธิบายคร่าวๆก่อนนะคะ ทริปนี้เราไปเที่ยวแบบเน้นที่จังหวัดโอคายาม่าประมาณ 6 วันค่ะ การเดินทางในจังหวัดสำหรับคนขับรถไม่เป็นแบบเราก็จะยากหน่อย ซึ่งก็มีตั้งแต่ชินคันเซ็น รถไฟ รถเมล์ เรือ รถแท็กซี่ (นั่งทุกอย่างที่มี ฮาๆ)

ปล.เนื่องจากเราขับรถไม่เป็นการเดินทางโดยรถสาธาระที่มีและ.. รถแท็กซี่ค่ะ ! แน่นอนว่าแท็กซี่ญี่ปุ่นค่อนข้างแพงแต่จุดประสงค์ที่มาเขียนเพราะว่าอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดโอคายาม่าให้เพื่อนๆเผื่อจะได้เอาไปเป็นไอเดียในการท่องเที่ยวค่ะ
*หากขับรถเป็นแนะนำให้เช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ*

ปล.2 เราไปมาช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วค่ะ ดองไว้เพิ่งได้มาลงช่วงนี้เก็บตัวอยู่บ้านว่างเลยมานั่งเขียน ><

จากไทยไม่มีเที่ยวบินตรงมาลงที่โอคายาม่าค่ะ สามารถเลือกลงสนามบินใกล้เคียงได้นั้นก็คือสนามบินคันไซ (Kansai International Airport) หรือ สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) เราเลือกมาลงที่ฟุกุโอกะ เนื่องจากคำนวณเวลาการเดินทางต่างๆแล้วใกล้กว่า แต่หากใครอยากเที่ยวโอซาก้าด้วยก็แนะนำว่าไปสนามบินคันไซดีกว่าค่ะ
ส่วนสายการบิน AirAsia X  ไป-กลับ ก็มีตั้งแต่ประมาณ 6,000 THB + ค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ฤดูกาลที่เพื่อนๆเลือกไป ลองใช้ https://www.skyscanner.co.th/ หาตั๋วที่ถูกใจกันดูนะคะ ของเรารอบนี้เราบินโดยการบินไทยค่ะ ตั๋วไป-กลับก็ประมาณ  15,000 บาท
08.00 น. ถึงสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) หลังจากรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกมาปุ๊ปเราก็มองหาป้าย Shuttle Bus แล้วก็เดินไปตามลูกศรเลยค่า

เดินไปประมาณ 5 นาทีก็เจอรถมาจอดรออยู่แล้วค่ะ ข้างๆเขียนว่า Shuttle bus [INT’L <-> Domestic, Subway for Fukuokakuko Station] กระโดดขึ้นไปโล้ด!!

นั่งไปประมาณ 10 นาที รถก็จะมาจอดที่หน้าสถานี Fukuoka Airport K13 ค่ะ
จากนั้นเราก็ซื้อตั๋วรถไฟจาก Fukuoka Airport K13 ไปสถานีฮากาตะ (Hakata Station) K11  ผู้ใหญ่ราคา 260 เยน เด็ก 130 เยน

ที่ตู้กดสามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ หลังจากได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้วก็ลงไปรอรถไฟที่ชานชาลากันค่า

หากไม่รู้ว่าจะต้องนั่งไปฝั่งไหนสามารถดูได้ที่เสาน่ารักๆนี้ได้เลย ของเราไปรอที่ชานชาลาที่ 1 ค่ะ (จริงๆคือมันสุดสายแล้ว ฮาๆ)

จาก K13 ก็นั่งย้อนไปที่ฝั่ง K11 ค่ะ 

รถไฟมาถึงที่ K13 ที่เราอยู่ประมาณ 09.09 น. และจะไปถึงที่ K 11 ตอน 09.14 น. 

พอถึงสถานีฮากาตะ K11 แล้วเราก็มุ่งหน้าหาป้ายชินคันเซ็นต่อกันเลยค่า

สำหรับใครที่ลืมแลกเงินมา ออกจากสถานี K11 ปุ๊ปก็จะเจอ Exchangers เลยค่ะ 

เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ก็จะโผล่ขึ้นมาด้านบนค่ะ รีบวิ่งไปซื้อตั๋วชินคันเซ็นกันต่อเลย บอกพนักงานว่า “ไปโอคายาม่าเที่ยวที่เร็วที่สุด!” และเขาก็จัดมาให้ค่ะ ได้เที่ยว Nozomi18  ออกเดินทางตอน 9.36 น. มาครอบครอง

จากฟุกุโอกะไปโอคายาม่า ราคา 11,880 เยนต่อ แบบ Non-reserve ค่ะ หากใครกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งก็สามารถจองแบบเลือกที่นั่งได้นะ เพิ่มไปอีกประมาณ 630 เยน ค่ะ

หลังจากเสียบตั๋วเข้ามาแล้วเราก็มองหาคำว่า “Nozomi 18 9:36” เดินตามป้าย (อีกแล้วจ้า) เดินไปค่า ไปรอที่ชานชาลาเบอร์ 13

และนี้ก็คือโฉมหน้าของชินคันเซ็น Nozomi 18 ที่เราจะนั่งไปโอคายาม่ากันค่า!!                    

สำหรับ Non-reserve หากใครไม่มั่นใจว่าสามารถนั่งได้ที่ขบวนไหนบ้าง ตรงรั้วที่กันระหว่างรอรถไฟ หรือบนรถไฟเองก็จะมีเขียนบอกรายละเอียดไว้ค่ะ
สำหรับ Nozomi โบกี้ที่ 1-3 เป็นแบบ Non-reserve  ค่ะ เราสามารถขึ้นไปและหาที่ว่างๆนั่งได้เลยค่ะ

ด้านในรถไฟ

ข้างหน้าต่างจะมีที่ให้ชาร์จแบตด้วยค่ะ

เราจะนั่งชินคันเซ็นไปโอคายาม่าโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ ภายในรถไฟมีห้องน้ำอยู่ที่โบกี้1,3,5,7,9,11,13 และ 15 ค่ะ
สำหรับใครที่ลืมซื้อขนมขึ้นมาไว้ทานก็ไม่ต้องห่วงเพราะหลังจากนั่งไปสักพัก ก็จะมีพี่สาวพนักงงานเอาขนมและน้ำมาขายให้ค่ะ

บนชินคันเซ็นมี Wifi Free ให้ใช้ด้วยค่ะ เข้าไปเชื่อมต่อและกดตามขั้นตอนไปเรื่อยๆก็สามารถใช้ได้เลย

ถึงสถานีโอคายาม่าเวลาประมาณ 11.10 น. ไม่รอช้า พุ่งตัวออกไปกดตั๋วต่อกันเลยค่า วันแรกเราจะไปพักกันแถวๆสถานี Bitchu-takahashi และเที่ยวแถวๆเมืองนั้นกันค่ะ


ออกจากสถานีของรถไฟชินคันเซ็นไปกดตั๋วราคา 840 เยน  เพื่อไปขึ้นรถไฟปกติไปยัง Bitchu-takahashi ค่ะ โดยนั่งรถไฟสาย Hakubi Line

ซื้อตั๋วเสร็จ เข้าประตูมาสิ่งแรกที่เจอเลยคือ Information ค่ะ เป็นจุดที่ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดโอคายาม่าที่เราจะไปตะลุยกันในครั้งนี้..อี้อี้..อี้ ..(โปรดอ่านเป็นเสียงเอคโค่)  พี่สาวสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ อยากรู้อะไรถามเลย!


เงยหน้ามองป้าย หาคำว่า Bitchu-takahashi และลงไปรอที่ชานชาลา 2 กันค่ะ

รถไฟสีเหลืองขบวนนี้ที่เราจะขึ้นไปกันค่ะ! ลุยยยย

ภายในรถไฟก็จะเป็นเบาะแบบหันหน้าเข้าหากันค่ะ 

หลังจากถึงแล้วก็ออกไปทาง Shiromi-dori Gate (West Gate) ค่ะ ซึ่งสิ่งแรกที่เราจะทำคือ พุ่งตัวไปเช็คอินที่โรงแรมและวางกระเป๋า เพื่อเตรียมจะออกลุยต่อค่ะ! 


ในสถานีมีห้องสมุดขนาดใหญ่ ด้านในมีทั้ง Tourist Information Center และสตาร์บัคอยู่ด้วยค่ะ แต่เขาห้ามถ่ายรูป ><

เราเลือกพักที่โรงแรม  Takahashi Kokusai Hotel เพราะว่าอยู่ใกล้ๆกับสถานีเดินมาประมาณ 3 นาทีก็ถึงเลยค่ะ เราจะเที่ยวเมือง Takahashi นี้กันในช่วงบ่าย แล้วเช้าวันถัดไปเราจะไปที่ปราสาท Bitchu กันค่ะ โรงแรมนี้ก็เลยเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ค่อนข้างโอเคเลย 
เราเลือกนอนห้องแบบ Twin room ส่วนราคาตอนที่เราจองใน Agoda ราคาแบบมีอาหารเช้า 2,367 บาท แต่ถ้าไม่มีอาหารเช้า 2,100 บาทค่ะ

ห้องเก่านิดหน่อยแต่สะดวกมากๆค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับสถานีและก็ใกล้ 7-11 กับ Lawson ด้วยค่ะ  

วิวจากห้องก็สวยงาม อากาศดีๆก็มองเห็นปราสาทบิทชูด้วย

หลังจากเช็คอิน ฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจุดมุ่งหมายต่อไปของเราก็คือ.. Fukiya Furusato Village (吹屋ふるさと村) จากโรงแรม Takahashi Kokusai Hotel เรานั่งรถแท๊กซี่ไป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาทีค่ะ ค่าเสียหายราวๆ 8,830 เยน (ฮืออ ขับรถไม่เป็นก็ต้องยอมจ่ายอะคะ T^T)
แต่จริงๆเราลองไปหาดูมา สามารถเดินทางจาก Bitchu-takahashi Station ไปยัง Fukiya Furusato Village ได้ด้วยค่ะ
เที่ยวรถ Takahashi Bus Center ไป Fukiya Furusato Village
ออกเดินทาง 10.50 น. ถึง 11.48 นาที
ออกเดินทาง 13.50 น. ถึง 14.48 นาที
ออกเดินทาง 18.00 น. ถึง 18.58 นาที

ถึงแล้วค่ะ ที่นี่คือย่านเมืองเก่า Fukiya Furusato Village ตั้งอยู่ในเมืองทาคาฮาชิ จังหวัดโอคายาม่า จากที่เดินสอบถามคนแถวนั้นก็ได้ความว่า ที่นี้โด่งดังในเรื่องของกระเบื้องสีแดงที่เรียกว่า Sekishu Gawara และผนัง Bengala สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่ทองแดงขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งคนสมัยนั้นก็ได้เอาสีต่างๆจากแร่นั้นมาทำเป็นกระเบื้องและผนัง แต่ก่อนทั้งหมู่บ้านจะเป็นสีแดงไปหมดเลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังมีสีแดงๆอยู่แต่ก็มีสีดำมาแทรกๆบ้างแล้ว

บรรยากาศคือดีๆมากๆเลยค่ะ ที่นี่ค่อนข้างไกลและเดินทางลำบาก นักท่องเที่ยวก็เลยไม่ค่อยมากันค่ะ แต่สำหรับเรารู้สึกว่าได้ฟิลความเป็นญี่ปุ่นมากๆ ถ้ามีร้านให้เช่าชุดกิโมโนนี่จะดีมากๆเลย สามารถเดินถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องหลบคนเลย เพราะไม่มีคนเลยค่ะ >< คือโล่ง ถนนโล่งมาก มันดีมากสำหรับเราเลย เพราะเราชอบถ่ายรูปก็เลยมีรูปสวยๆมาฝากเพียบเลยค่ะ ที่นี่เราแนะนำเลยสำหรับคนที่ไม่ชอบคนเยอะ และมีความชอบธรรมชาติ ความเมืองเก่า ที่นี่คือดี ห้ามพลาดเลยค่ะ

เดินเล่นชมเมืองไปเรื่อยๆ ก็จะมีเป็นร้านค้าบ้าง เป็นบ้านเก่าๆให้เข้าไปชมบ้าง ระยะทางประมาณ 300 เมตรค่ะ

ตึกสีแดงหลังนี้คือที่ทำการไปรษณีย์ค่ะ เข้าไปด้านในมีจุดขายของที่ระลึกเล็กๆและมีมุมให้นั่งพักผ่อนด้วย