คือตามหลักการแล้วคนที่ควรได้รับความช่วยเหลือจริง ๆ คือผู้ประกันตนที่ส่งเงินประกันสังคมไม่ว่าจะมาตราไหนก็ตาม ก็พิจารณาจำนวนเงินที่จะจ่ายมากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละคน หรือพิจารณามาตรการที่จะให้เขานำเงินสมทบมาใช้ก่อนในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ถ้าติดขัดเรื่องข้อกม.ในพรบ.ก็ออกเป็นพรก.ก็ได้
แต่พอมาเป็นประเด็นทางการเมือง ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ประกันตน แล้วรัฐบาลพิจารณา 4 กลุ่มอาชีพแรกที่จะได้รับเงินช่วยเหลือคือ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง, แท็กซี่, คนขายล็อตเตอรี่, และมัคคุเทศก์ ประเด็นข้อสงสัยถึงเหตุผลที่เลือกบางอาชีพในคนกลุ่มนี้เป็น First priority ก็ตามมา
อย่างมอเตอร์ไซด์รับจ้างนี่ยังสามารถไปหารายได้จากบรรดา Food delivery service ได้อยู่ ส่วนแท็กซี่ ถนนว่างขนาดนี้ ถ้าไม่เลือกผู้โดยสารเหมือนสมัยก่อน ก็ยังมีรายได้เข้ามา จริงอยู่ที่รายได้ไม่เท่าเดิมเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งคนไทยเองก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย, หรือแท็กซี่บางรายอาจจะขาดรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการที่เคยไปคิดค่าแท็กซี่นักท่องเที่ยวต่างชาติราคาเหมา ไม่กดมิเตอร์เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่ควรจะพิจารณาแจกเงินเป็นอันดับแรก
ส่วนมัคคุเทศก์นี่ผมเห็นด้วยว่าเขาเดือดร้อนจริง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวก็ไม่รู้จะไปหารายได้จากไหน และน่าจะขาดรายได้ไปอีกหลายเดือน ยกเว้นจะเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นชั่วคราว
ในขณะที่คนขายล็อตเตอรี่ ไม่แน่ใจว่าเขาพิจารณาจากอะไร ถ้าเป็นคนพิการที่ขึ้นทะเบียนเป็นคนขายฯ ไว้ อย่างนี้ก็น่าจะช่วย แต่ถ้าเป็นคนปกติที่ไปรับล็อตเตอรี่มาขายต่อจากตัวแทนที่ขึ้นทะเบียนไว้อีกที แล้วมาบวกกำไรขายเกินราคาเพราะรับมาแพง สงสัยว่าเงินที่จะจ่ายนี่รัฐบาลเอาหลักเกณฑ์อะไรมาพิจารณาว่าเงินจะถึงคนที่เดือดร้อนจริง ๆ ไม่ใช่พวกเสือนอนกินที่เอาโควต้ามาปล่อยต่อ ตัวเองไม่ได้ขายเอง
ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ รัฐบาลควรจะพิจารณาสนับสนุนให้คนที่ไม่ใช่ลูกจ้างบริษัทส่งเงินเข้าประกันสังคมให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นพอจะแจกเงินฟรี ก็แห่มาลงทะเบียนกันเต็มไปหมด อ้างกันแต่ว่าถึงไม่ใช่ผู้ประกันตนแต่ก็จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนกัน ครั้นรัฐจะไปขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อชดเชยรายได้ก็ทำไม่ได้อีก กลายเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง คนส่วนน้อยที่จ่ายทั้งภาษีทางตรงและทางอ้อมที่ไม่ใช่ฐานเสียงหลักของรัฐบาลก็ทำงานใช้หนี้จากเงินก้อนนี้กันไป
ทำไมรัฐบาลเลือกแจกเงินแท็กซี่กับวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างทั้ง ๆ ที่อาชีพนี้ก็ยังมีรายได้เข้ามาในช่วงประกาศพรก.ฉุกเฉิน
แต่พอมาเป็นประเด็นทางการเมือง ต้องจ่ายเงินช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ประกันตน แล้วรัฐบาลพิจารณา 4 กลุ่มอาชีพแรกที่จะได้รับเงินช่วยเหลือคือ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง, แท็กซี่, คนขายล็อตเตอรี่, และมัคคุเทศก์ ประเด็นข้อสงสัยถึงเหตุผลที่เลือกบางอาชีพในคนกลุ่มนี้เป็น First priority ก็ตามมา
อย่างมอเตอร์ไซด์รับจ้างนี่ยังสามารถไปหารายได้จากบรรดา Food delivery service ได้อยู่ ส่วนแท็กซี่ ถนนว่างขนาดนี้ ถ้าไม่เลือกผู้โดยสารเหมือนสมัยก่อน ก็ยังมีรายได้เข้ามา จริงอยู่ที่รายได้ไม่เท่าเดิมเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งคนไทยเองก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย, หรือแท็กซี่บางรายอาจจะขาดรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการที่เคยไปคิดค่าแท็กซี่นักท่องเที่ยวต่างชาติราคาเหมา ไม่กดมิเตอร์เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่ควรจะพิจารณาแจกเงินเป็นอันดับแรก
ส่วนมัคคุเทศก์นี่ผมเห็นด้วยว่าเขาเดือดร้อนจริง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวก็ไม่รู้จะไปหารายได้จากไหน และน่าจะขาดรายได้ไปอีกหลายเดือน ยกเว้นจะเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นชั่วคราว
ในขณะที่คนขายล็อตเตอรี่ ไม่แน่ใจว่าเขาพิจารณาจากอะไร ถ้าเป็นคนพิการที่ขึ้นทะเบียนเป็นคนขายฯ ไว้ อย่างนี้ก็น่าจะช่วย แต่ถ้าเป็นคนปกติที่ไปรับล็อตเตอรี่มาขายต่อจากตัวแทนที่ขึ้นทะเบียนไว้อีกที แล้วมาบวกกำไรขายเกินราคาเพราะรับมาแพง สงสัยว่าเงินที่จะจ่ายนี่รัฐบาลเอาหลักเกณฑ์อะไรมาพิจารณาว่าเงินจะถึงคนที่เดือดร้อนจริง ๆ ไม่ใช่พวกเสือนอนกินที่เอาโควต้ามาปล่อยต่อ ตัวเองไม่ได้ขายเอง
ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ รัฐบาลควรจะพิจารณาสนับสนุนให้คนที่ไม่ใช่ลูกจ้างบริษัทส่งเงินเข้าประกันสังคมให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ได้รับเงินช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นพอจะแจกเงินฟรี ก็แห่มาลงทะเบียนกันเต็มไปหมด อ้างกันแต่ว่าถึงไม่ใช่ผู้ประกันตนแต่ก็จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนกัน ครั้นรัฐจะไปขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อชดเชยรายได้ก็ทำไม่ได้อีก กลายเป็นประเด็นโจมตีกันทางการเมือง คนส่วนน้อยที่จ่ายทั้งภาษีทางตรงและทางอ้อมที่ไม่ใช่ฐานเสียงหลักของรัฐบาลก็ทำงานใช้หนี้จากเงินก้อนนี้กันไป