หนัง The Platform (2020) on Netflix เป็นที่ควรดูช่วงกักตัว Covid-19 เป็นอย่างยิ่ง
หนังที่แฝงปรัชญาการเมืองระบอบทุนนิยม สอดแทรกความเชื่อที่แตกต่าง ความเหลื่อมล้ำของชนชั้น
แสดงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ โดยใช้คุกหลุมลึกกว่า 333 ชั้น เป็นตัวดำเนินเรื่อง น่าสนใจ
ในเรื่องจะบอกโลกนี้มีคนอยู่แค่ 3 แบบ คนที่อยู่ข้างบน คนที่อยู่ข้างล่าง กับคนที่ร่วง
คุณจะอยู่เฉยๆมองดูระบบ จะเป็นผู้กอบโกยทำร้ายคนอื่น จะทุกข์ทรมานกับมัน หรือจะสร้างความเปลี่ยนแปลงกันล่ะ?
เป็นหนังสไตล์ดูแปลกใหม่ ชวนสงสัยแถมแฝงข้อคิดได้ดี ชอบมาก เสียแต่จบแบบปลายเปิด ไปคิดต่อเองเอง ส่วนตัวให้ 8.5/10
ดูตัวอย่างหนังที่นี่เลยจ้า >
https://www.youtube.com/watch?v=RlfooqeZcdY
หลังจากนี้คือวิเคราะห์ล้วนๆน้า ใครไม่อยากเจอสปอยด์ข้ามไปเลยจ้า

ส่วนตัวเปรียบเทียบได้ว่าคุกนี้คือ World of Capitalism
สารสำคัญของเรื่องนี้คือ " ถ้าเราเอาไปหมด จะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานเราเลย จงรู้จักจัดสรรทรัพยากรให้ดี "
โรงครัว = พระเจ้าที่จัดสรรทรัพยากรให้แก่โลกโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ส่งอาหารให้ของที่ดี สะอาดที่สุดแก่ผู้คนบนโลก (ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
คุกหลุม = โลก/ ประเทศชาติ
ผู้ดูแลระบบของคุก = ผู้มีอำนาจ/ รัฐบาล
คนชั้นบน = นายทุน/ เจ้าสัว/ ผู้ประกอบการรายใหญ่
อาหารที่ส่งลงมา = ทรัพยากร/ เงินภาษีที่เอื้อประโยชน์กับคนชั้นบน
เด็ก = อนาคตของชาติและโลก
พระเอก = พระเยซู/ ผู้ส่งสารแก่มวลมนุษยชาติ
หนังสือของพระเอก = ความเชื่อ/ ความรู้ (ที่พกติดตัว)
คนที่ขี้ใส่อาหาร เหยียบย่ำ สวาปาม = มนุษย์ผู้ละโมบและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ของที่นำมาในคุก = สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจของแต่ละคน
การสลับชั้น = ชีวิตที่ขึ้นลงตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ รวมถึงขั้วอำนาจที่เปลี่ยน คล้ายๆหุ้นนั่นแหละ
รูปแบบการทำงานของคุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในคุกนี้มี 333 ชั้น มีคนคุกอยู่ชั้นละ 2 คน เท่ากับมีคนในคุกอยู่ถึง 666 คน ซึ่งเป็นเลขซาตาน
ชั้น 0 คือชั้นที่ปล่อยอาหารดีๆลงมา ให้ชั้นล่างทานเรื่อยๆ เมื่อลงไปถึงชั้น 333 จะดีดกลับขึ้นมา
จะเห็นได้ว่า ต่ำกว่าชั้น 132 ก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว คนจึงฆ่ากันเองเพื่อการอยู่รอด
ชั้นไหนที่มีคนตาย อาหารจะผ่านไปโดยไม่หยุด
ในคุกจะสามารถเลือกของเข้ามาได้ 1 อย่าง อะไรก็ได้
คนในคุกสามารถเลือกอาหารที่ชอบได้ 1 อย่าง และถ้าโชคดีมันจะถูกเสิร์ฟลงมาจะได้ทานไหมอีกเรื่อง
ทุกๆ1 เดือน ทุกคนจะถูกวางยาสลบถูกและย้ายชั้น
ถ้าสังเกต พระเอกจะมีหน้าคล้ายพระเยซูมาก เขาพกนิยายชื่อ
Don Quixote อัศวินนักฝัน เข้ามาอ่านในคุก
" ดอน กิโฆเตคือตัวแทนของ (HOPE) ผู้ที่มีฝันและพลังแห่งจินตนาการ เป็นตัวแทนของผู้ที่มีศรัทธาในตัวเอง มีศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ มองโลกในมุมที่อยากมอง มองโลกด้วยจินตนาการเพื่อเลือกมองข้ามในสิ่งที่ดูต้อยต่ำ แต่ใช้จินตนาการผลักดันให้ทุกสิ่งทุกอย่างน่ามองไปหมด ทั้งการมองตัวเองในมุมบวก มองเพื่อนร่วมโลกอย่างให้เกียรติ และไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคใดในชีวิตแม้จะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดสำหรับตัวเองก็ตาม "
นี่คือความเชื่อของพระเอก
"ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นเรื่องปกติ? "
Thimagasi ผู้ถือมีด (ตอนอยู่ที่ชั้น48) คือตัวแทนของมนุษย์ ความเห็นแก่ตัว " จะทำดีกับคนข้างล่างไปทำไม ขนาดคนข้างบนยังไม่เห็นหัวเราเลย"
ทำให้เราต้องมานั่งคิดว่า " เขาแย่กับเรา เราต้องแย่กับคนอื่นต่อไหม?"
แล้วถ้าวันนึงเราอยู่ชั้นล่างกว่าเขาล่ะ? เขาก็จะทำแบบเดียวกับที่เราทำ วนลูปไม่รู้จบ
" ถ้าคุณรู้ว่าจะต้องตาย คุณจะยอมฆ่าคนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอดไหม?" 
ในเมื่อคนข้างบนไม่เหลืออะไรไว้ให้เลย และบีบให้เราต้องฆ่ากันเอง
" มิตรภาพเสื่อม ความเชื่อใจเสื่อม ก่อให้เกิดความขัดแย้งและอาชญากรรม"
เมื่อตกลงไปชั้นที่ 171 ที่อาหารเหลือมาไม่ถึง Thimagasi จับพระเอกมัด บอกจะค่อยๆขูดเลือดเนื้อไปกิน แต่จะไม่ทำให้ตาย
สุดท้ายพระเอกก็โกรธแค้นฆ่าและกินเนื้อเขา
ในเรื่องสื่อว่า คนดีก็เปลี่ยนเป็นปีศาจได้ พระเอกเดิมเป็นคนดี เห็นใจทุกคน แคร์ทุกคน เริ่มเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ตามแต่ละชั้นและผู้คนที่เจอ
Thimagasi เองก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาเองก็ไม่อยากทำ แต่ชะตาถูกบีบให้ต้องทำเพื่อเอาชีวิตรอด
"สุดท้ายเมื่อถึงตาจน เราไม่ต่างกันเลย ถ้าเราไม่ทำร้ายเขา เขาก็ทำร้ายเราอยู่ดี
" ถ้าเราไม่กอบโกยไป คนชั้นล่างก็กอบโกยไปแทน ไม่เหลือให้ชั้นสุดท้ายอยู่ดี แล้วทำไมเราจะไม่เก็บมันไว้เองล่ะ?"
"นับถือพระเจ้าองค์เดียวกันไหม ระบอบการเมืองเดียวกันไหม?" 
ถ้าต่างก็ไม่คุย ไม่ช่วย (อยู่ในคุกยังจะสนใจเรื่องนี้อีกเหรอ?)
"คุณจะฉวยโอกาส หรือจะช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ?"
สาวญี่ปุ่นตัวที่ตามหาลูกเพียงลำพัง ยอมเสี่ยงลงไปข้างล่าง ฆ่าทุกคนที่จะเข้ามาทำร้ายตัวเอง เสี่ยงทั้งโดนข่มขืนและถูกฆ่าไปกิน
แต่ก็ไม่เจอลูกซักที เพราะที่ผ่านมาลูกคงอยู่ชั้นที่เหนือกว่าตัวเองทุกครั้ง
"จิตสำนึกต่อสังคม? อะไรที่เสียผลประโยชน์ พวกเขาไม่ทำกันหรอก"
Imoguiri คือ หญิงที่เคยทำงานให้คุก รู้ระบบดี ทำงานมากว่า 25ปี เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านมใกล้ตาย เธอก็อาสาลงมาพยายามช่วยเปลี่ยนแปลงระบบ
พยายามบอกชั้นล่างอย่างสุภาพชนว่าให้เหลืออาหาร 2 จาน สำหรับคนชั้นล่างไปเรื่อยๆ พูดปากเปียกปากแฉะ 15 วันแล้วก็ไม่เป็นผล
จนพระเอกต้องใช้วิธีบังคับรุนแรง ถ้าไม่ทำตามจะขี้ใส่อาหาร คนกลับยอมทำตามและได้ผลดี
" เพื่อให้ได้ใบปริญญามา หวังจะเปลี่ยนแปลงสังคม แต่กลับถูกกลืนกินเสียเอง "
พระเอกที่อาสาเข้ามาในคุกเพื่อใบปริญญากล่าว " การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเองนะคุณผู้หญิง" ไม่มีใครในคุกทำอะไรซักอย่าง
Imoguiri บอกพระเอกว่า "บางทีคุณเข้ามาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง" เริ่มที่ตัวคุณนั่นแหละ
แต่เมื่อพระเอกหลงเข้าไปในวงจรอุบาทว์ จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ เปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ สุดท้ายไฟก็มอด และก็ต้องตามน้ำไป (วัฒนธรรมองค์กรที่ล้มเหลว)
สุดท้าย Imoguiri ก็สูญเสียความหวังแล้วว่าจะโน้มน้าวให้คนทำตามที่เธอบอกดีๆ
พร้อมทิ้งท้ายกับพระเอก "ใครมันบ้าเอาหนังสือเข้ามาในคุกกัน"
หรือว่าความรุนแรงคือการแก้ปัญหาสำหรับที่นี่ได้อย่างเดียว?
ความลับของคุกหลุม
แม้เธอจะทำงานบนหลุมมาถึง 25ปี เธอกลับรู้แค่ว่า มี200 ชั้น และคิดว่าระบบนั้นเพอร์เฟ็ค ไม่มีทางมีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีอยู่ในคุกได้
การที่พระเอกพบเจอเด็กและส่งเด็กกลับขึ้นไปก็เป็นสารที่สื่อได้ว่า ต่อให้คิดว่าระบบดี และเข้มงวดแค่ไหน ก็มีความผิดพลาดได้
ในอีกแง่คือ คนที่อยู่ชั้นต่ำกว่า 200 คือประชากรที่ถูกลืม รัฐบาลไม่เห็นหัวนั่นเอง และปล่อยตายไปเลย
"ทรัพยากรจะมีเพียงพอ ถ้าทุกคนใช้ไปเท่าที่พอใช้"
ถ้านายทุนหรือคนข้างบนรู้จักแบ่งปันให้คนข้างล่างบ้าง ทุกคนจะรอด อาหารมีให้ทุกวัน แต่ถ้าทุกคนโลภกอบโกยเกินความจำเป็น จะต้องมีคนที่ตาย
" เงินไม่ได้ทำให้คุณใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น"
เมื่อตื่นมาคราวนี้ พระเอกกับชายผิวดำชื่อ Bahamat ได้อยู่ชั้น 6
Baharat ผู้เชื่อในพระเจ้า ดีใจมาก พยายามปีนขึ้นไปชั้นบนสุด เข้าใกล้พระเจ้ามากที่สุด แต่ก็ถูกคนคอยขัดแข้งขัดขาอยู่ดี
พระเจ้าช่วยพวกเราในคุกไม่ได้ ต่อให้พวกเขาร่ำรวยแค่ไหน " ไม่มีใครอยากเห็นคุณขึ้นไปได้ดีกว่า"
ต่อให้รวยแค่ไหน ก็หลีกหนีระบบทุนนิยมไม่ได้ คุณต้องอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาล และนายทุนที่เหนือกว่า หาใช่พระเจ้าไม่
พระเจ้าเล่นตลกและทอดทิ้งคุณได้เสมอ
" I cannot do this alone." จะเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต้องร่วมมือกันทำ
เมื่อชายผิวดำตกลงกับพระเอก จัดสรรแบ่งอาหารให้เพียงพอกับทุกคนโดยเริ่มลงไปจากชั้น 6
มีทั้งคนที่เชื่อฟังและไม่เชื่อฟัง สุดท้ายพูดดีๆไม่เข้าใจก็ต้องใช้ไม้หนัก
"ของที่นำเข้ามาในคุก คือตัวแทนสื่อถึงสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ"
หมา (เพื่อนต่างสายพันธุ์), กีตาร์ (ดนตรี), เงิน, อ่างยาง (Enjoy Life), มีด (อาวุธป้องกันตัว), คัมภีร์ไบเบิ้ล หรือ เชือก (ที่ไปหาพระเจ้า)
คนที่ถืออาวุธ คือพวกระแวง ถ้าไม่ไว้ป้องกันตัวก็ทำร้ายคนอื่น
พระเอกถือหนังสือที่สื่อถึง ทัศนคติความเชื่อและความรู้ของเขา
"เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ เมื่อทรัพยากรไม่มี ต่อให้มีเงิน ก็ซื้อไม่ได้" 
มีคนคุกคนนึง เอากองเงินเข้ามา แต่ในคุกนี้เงินไม่มีประโยชน์ เป็นแค่เศษกระดาษธรรมดา
"ยอมเสียสละเพื่อลูกหลานในอนาคต"
ชายผิวดำยอมให้เค้กก้อนสุดท้ายแก่เด็กที่อยู่ชั้นท้ายสุด ทั้งๆที่สำคัญกับเขามาก และเค้กนั่นคือสิ่งที่เขาปกป้องมาตลอดด้วยชีวิต
สุดท้ายเมื่อถึงชั้นล่างสุด พระเอกกลับไม่ขึ้นไปด้วย
" สารไม่ต้องการผู้ส่งสารหรอก " = อายุของเราอยู่ไม่ถึงหรอก มันเป็นเรื่องของอนาคต
ไม่รู้หรอกว่าเมื่อเด็กไปถึงข้างบนแล้วจะเป็นยังไงต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต
ผู้ส่งสารแค่อยากบอกว่า เรายังมีความหวังอยู่ ว่าลูกหลานในอนาคตของเราจะรอด
" ถ้าเราเอาแต่ take จะไม่หลงเหลืออะไรให้แก่ลูกหลานในอนาคตเลย"
ตอนจบพระเอกอ่านท่อนนึงในหนังสือ ซึ่งเป็นสารสำคัญของเรื่อง
" คนดีที่โหดเหี้ยมจะเป็นตัวอย่างชั้นยอดของความชั่ว และคนรวยที่ใจดำจะเป็นเพียงยาจก
การถือครองทรัพย์ไม่ได้ทำให้ผู้มั่งมีสุขใจ พวกเขาก็แค่สุขใจกับการใช้จ่าย
เพราะงั้นอย่าแค่ใช้จ่ายตามใจปรารถนา แต่ควรรู้จักใช้จ่ายให้ดี "
หากหนังเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ Covid-19 
" ทรัพยากรจะมีเพียงพอ ถ้าทุกคนใช้ไปเท่าที่พอใช้" ทั้งหน้ากาก ทั้งอาหาร ทั้งเจล ที่มีปัญหาว่าไม่เพียงพอต่อคนที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ
เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา หลายคนก็พร้อมที่จะหลอกคนอื่น พร้อมขูดเลือดขูดเนื้อคนอื่นทันทีเพื่อให้ตัวเองรอด
ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือเป็นเพื่อนกันแล้วก็ตาม
มีทั้งคนที่กังวลเกินเหตุ ชิงฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าตนจะติดเชื้อ หรือคนที่ธุรกิจล่มมีหนี้สินจนต้องฆ่าตัวตาย
ถ้าในหนังก็คือพอรู้ว่าได้อยู่ชั้นล่างก็โดดลงมาทันที บางคนแค่อยู่ชั้นกลางๆ ยังไม่ชั้นล่างก็ชิงโดดก่อนแล้ว
พระเอกคือตัวคุณ และลูกๆคืออนาคตของคุณค่ะ ขอให้เชื่อมั่นและมีความหวังต่อไป
" สุดท้ายนี้ขอให้คุณยังมีความหวัง แม้ในช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิตนะคะ สู้ๆค่ะ "

[CR] -WingTip- วิเคราะห์: The Platform (2020): หนังคุกหลุมลึกแนวตั้งแสดงความเหลื่อมล้ำของระบบทุนนิยม
คุกหลุม = โลก/ ประเทศชาติ
ผู้ดูแลระบบของคุก = ผู้มีอำนาจ/ รัฐบาล
คนชั้นบน = นายทุน/ เจ้าสัว/ ผู้ประกอบการรายใหญ่
อาหารที่ส่งลงมา = ทรัพยากร/ เงินภาษีที่เอื้อประโยชน์กับคนชั้นบน
เด็ก = อนาคตของชาติและโลก
พระเอก = พระเยซู/ ผู้ส่งสารแก่มวลมนุษยชาติ
หนังสือของพระเอก = ความเชื่อ/ ความรู้ (ที่พกติดตัว)
คนที่ขี้ใส่อาหาร เหยียบย่ำ สวาปาม = มนุษย์ผู้ละโมบและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ของที่นำมาในคุก = สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจของแต่ละคน
การสลับชั้น = ชีวิตที่ขึ้นลงตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ รวมถึงขั้วอำนาจที่เปลี่ยน คล้ายๆหุ้นนั่นแหละ
รูปแบบการทำงานของคุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าสังเกต พระเอกจะมีหน้าคล้ายพระเยซูมาก เขาพกนิยายชื่อ Don Quixote อัศวินนักฝัน เข้ามาอ่านในคุก
นี่คือความเชื่อของพระเอก
"ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นเรื่องปกติ? "
ทำให้เราต้องมานั่งคิดว่า " เขาแย่กับเรา เราต้องแย่กับคนอื่นต่อไหม?"
แล้วถ้าวันนึงเราอยู่ชั้นล่างกว่าเขาล่ะ? เขาก็จะทำแบบเดียวกับที่เราทำ วนลูปไม่รู้จบ
" ถ้าคุณรู้ว่าจะต้องตาย คุณจะยอมฆ่าคนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอดไหม?"
ในเมื่อคนข้างบนไม่เหลืออะไรไว้ให้เลย และบีบให้เราต้องฆ่ากันเอง
" มิตรภาพเสื่อม ความเชื่อใจเสื่อม ก่อให้เกิดความขัดแย้งและอาชญากรรม"
เมื่อตกลงไปชั้นที่ 171 ที่อาหารเหลือมาไม่ถึง Thimagasi จับพระเอกมัด บอกจะค่อยๆขูดเลือดเนื้อไปกิน แต่จะไม่ทำให้ตาย
สุดท้ายพระเอกก็โกรธแค้นฆ่าและกินเนื้อเขา
ในเรื่องสื่อว่า คนดีก็เปลี่ยนเป็นปีศาจได้ พระเอกเดิมเป็นคนดี เห็นใจทุกคน แคร์ทุกคน เริ่มเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ตามแต่ละชั้นและผู้คนที่เจอ
Thimagasi เองก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาเองก็ไม่อยากทำ แต่ชะตาถูกบีบให้ต้องทำเพื่อเอาชีวิตรอด
"สุดท้ายเมื่อถึงตาจน เราไม่ต่างกันเลย ถ้าเราไม่ทำร้ายเขา เขาก็ทำร้ายเราอยู่ดี
" ถ้าเราไม่กอบโกยไป คนชั้นล่างก็กอบโกยไปแทน ไม่เหลือให้ชั้นสุดท้ายอยู่ดี แล้วทำไมเราจะไม่เก็บมันไว้เองล่ะ?"
ถ้าต่างก็ไม่คุย ไม่ช่วย (อยู่ในคุกยังจะสนใจเรื่องนี้อีกเหรอ?)
"คุณจะฉวยโอกาส หรือจะช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ?"
แต่ก็ไม่เจอลูกซักที เพราะที่ผ่านมาลูกคงอยู่ชั้นที่เหนือกว่าตัวเองทุกครั้ง
"จิตสำนึกต่อสังคม? อะไรที่เสียผลประโยชน์ พวกเขาไม่ทำกันหรอก"
พยายามบอกชั้นล่างอย่างสุภาพชนว่าให้เหลืออาหาร 2 จาน สำหรับคนชั้นล่างไปเรื่อยๆ พูดปากเปียกปากแฉะ 15 วันแล้วก็ไม่เป็นผล
จนพระเอกต้องใช้วิธีบังคับรุนแรง ถ้าไม่ทำตามจะขี้ใส่อาหาร คนกลับยอมทำตามและได้ผลดี
" เพื่อให้ได้ใบปริญญามา หวังจะเปลี่ยนแปลงสังคม แต่กลับถูกกลืนกินเสียเอง "
พระเอกที่อาสาเข้ามาในคุกเพื่อใบปริญญากล่าว " การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเองนะคุณผู้หญิง" ไม่มีใครในคุกทำอะไรซักอย่าง
Imoguiri บอกพระเอกว่า "บางทีคุณเข้ามาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง" เริ่มที่ตัวคุณนั่นแหละ
แต่เมื่อพระเอกหลงเข้าไปในวงจรอุบาทว์ จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ เปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ สุดท้ายไฟก็มอด และก็ต้องตามน้ำไป (วัฒนธรรมองค์กรที่ล้มเหลว)
สุดท้าย Imoguiri ก็สูญเสียความหวังแล้วว่าจะโน้มน้าวให้คนทำตามที่เธอบอกดีๆ
พร้อมทิ้งท้ายกับพระเอก "ใครมันบ้าเอาหนังสือเข้ามาในคุกกัน"
หรือว่าความรุนแรงคือการแก้ปัญหาสำหรับที่นี่ได้อย่างเดียว?
ความลับของคุกหลุม
แม้เธอจะทำงานบนหลุมมาถึง 25ปี เธอกลับรู้แค่ว่า มี200 ชั้น และคิดว่าระบบนั้นเพอร์เฟ็ค ไม่มีทางมีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีอยู่ในคุกได้
การที่พระเอกพบเจอเด็กและส่งเด็กกลับขึ้นไปก็เป็นสารที่สื่อได้ว่า ต่อให้คิดว่าระบบดี และเข้มงวดแค่ไหน ก็มีความผิดพลาดได้
ในอีกแง่คือ คนที่อยู่ชั้นต่ำกว่า 200 คือประชากรที่ถูกลืม รัฐบาลไม่เห็นหัวนั่นเอง และปล่อยตายไปเลย
ถ้านายทุนหรือคนข้างบนรู้จักแบ่งปันให้คนข้างล่างบ้าง ทุกคนจะรอด อาหารมีให้ทุกวัน แต่ถ้าทุกคนโลภกอบโกยเกินความจำเป็น จะต้องมีคนที่ตาย
" เงินไม่ได้ทำให้คุณใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น"
Baharat ผู้เชื่อในพระเจ้า ดีใจมาก พยายามปีนขึ้นไปชั้นบนสุด เข้าใกล้พระเจ้ามากที่สุด แต่ก็ถูกคนคอยขัดแข้งขัดขาอยู่ดี
พระเจ้าช่วยพวกเราในคุกไม่ได้ ต่อให้พวกเขาร่ำรวยแค่ไหน " ไม่มีใครอยากเห็นคุณขึ้นไปได้ดีกว่า"
ต่อให้รวยแค่ไหน ก็หลีกหนีระบบทุนนิยมไม่ได้ คุณต้องอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาล และนายทุนที่เหนือกว่า หาใช่พระเจ้าไม่
พระเจ้าเล่นตลกและทอดทิ้งคุณได้เสมอ
" I cannot do this alone." จะเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต้องร่วมมือกันทำ
มีทั้งคนที่เชื่อฟังและไม่เชื่อฟัง สุดท้ายพูดดีๆไม่เข้าใจก็ต้องใช้ไม้หนัก
"ของที่นำเข้ามาในคุก คือตัวแทนสื่อถึงสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ"
หมา (เพื่อนต่างสายพันธุ์), กีตาร์ (ดนตรี), เงิน, อ่างยาง (Enjoy Life), มีด (อาวุธป้องกันตัว), คัมภีร์ไบเบิ้ล หรือ เชือก (ที่ไปหาพระเจ้า)
คนที่ถืออาวุธ คือพวกระแวง ถ้าไม่ไว้ป้องกันตัวก็ทำร้ายคนอื่น
พระเอกถือหนังสือที่สื่อถึง ทัศนคติความเชื่อและความรู้ของเขา
"เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ เมื่อทรัพยากรไม่มี ต่อให้มีเงิน ก็ซื้อไม่ได้"
มีคนคุกคนนึง เอากองเงินเข้ามา แต่ในคุกนี้เงินไม่มีประโยชน์ เป็นแค่เศษกระดาษธรรมดา
"ยอมเสียสละเพื่อลูกหลานในอนาคต"
ชายผิวดำยอมให้เค้กก้อนสุดท้ายแก่เด็กที่อยู่ชั้นท้ายสุด ทั้งๆที่สำคัญกับเขามาก และเค้กนั่นคือสิ่งที่เขาปกป้องมาตลอดด้วยชีวิต
" สารไม่ต้องการผู้ส่งสารหรอก " = อายุของเราอยู่ไม่ถึงหรอก มันเป็นเรื่องของอนาคต
ไม่รู้หรอกว่าเมื่อเด็กไปถึงข้างบนแล้วจะเป็นยังไงต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต
ผู้ส่งสารแค่อยากบอกว่า เรายังมีความหวังอยู่ ว่าลูกหลานในอนาคตของเราจะรอด
" ถ้าเราเอาแต่ take จะไม่หลงเหลืออะไรให้แก่ลูกหลานในอนาคตเลย"
เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา หลายคนก็พร้อมที่จะหลอกคนอื่น พร้อมขูดเลือดขูดเนื้อคนอื่นทันทีเพื่อให้ตัวเองรอด
ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือเป็นเพื่อนกันแล้วก็ตาม
มีทั้งคนที่กังวลเกินเหตุ ชิงฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าตนจะติดเชื้อ หรือคนที่ธุรกิจล่มมีหนี้สินจนต้องฆ่าตัวตาย
ถ้าในหนังก็คือพอรู้ว่าได้อยู่ชั้นล่างก็โดดลงมาทันที บางคนแค่อยู่ชั้นกลางๆ ยังไม่ชั้นล่างก็ชิงโดดก่อนแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้