รวบรวมคำถามคาใจ ประกัน Covid19

ผมคิดมานานมาก ว่าจะเขียนกระทู้เรื่องนี้ดีไหม แต่ ณ วันนี้ตัดสินใจได้แล้วครับว่า ต้องเขียน เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องในด้านการประกันภัยกับเพื่อนๆชาว pantip ทุกท่าน เพราะเนื่องจากว่าที่ผ่านมา เห็นกระทู้ประกันโควิดทุกวัน และวันละหลายๆกระทู้ ไม่ว่าจะเป็นทำที่ไหนดี แผนไหนดี ที่ไหนดี ควรทำไหม รวมถึงการเตือนภัยต่างๆ และแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับกับการทำประกัน โอ้ยๆๆมากมายก่ายกอง 
-----------------------------------------------------------------
เริ่มที่หลักการคิดแบบประกัน : ฉบับย่อ 
การประกันภัยคือ เครื่องมือที่ช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงประเภทหนึ่ง นั่นคือว่าเรากลัวที่จะเกิดภภัยนั้นๆ แล้วถ้าเกิดแล้วเราจะ Loss เยอะ เจ็บหนัก กระทบกระเทือนสภาพคล่อง ฯลฯ ซึ่งถ้ามีประกันนะ มันก็ยังช่วยบรรเทาผลกระทบได้บ้าง 

ประกันภัยสุขภาพเฉพาะโรค ชื่อมันก็บอกว่าเฉพาะโรค ดังนั้นตามหลักการคือ ถ้าเป็นโรคที่รับประกันแล้วจะ.................... (บริษัทอยากทำอะไรบ้าง) เช่น
1. จ่ายเงินการเสียชีวิต 
2. จ่ายเงินสินไหมค่าตกใจ (ประเภทเจอจ่าย)
3. จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล 
4. จ่ายเงินค่าชดเชยรายได้ 
5. จ่ายเงินกรณีเสียชีวิต อวัยวะ จากอุบัติเหตุ 
6. จ่ายเงินค่าทำศพ กรณีไม่หายใจจากโรคอื่น 
หรือข้ออื่นๆ เพิ่มเติมมา ประมาณว่าอยากจะคุ้มครองอะไรก็ใส่ๆ ยำๆ มันเข้าไป ซึ่งการยำเหล่านี้ จะย่อมมีค่า premium ในแต่ละสัญญา ถ้ายิ่งมี option เยอะ ก็จ่ายค่า premium เยอะ ในทางกลับกันถ้ามี option น้อย  ค่าเบี้ยประกันก็จะแสนถูก เป็นต้น

สมมติว่าผมเป็นบริษัทประกันภัยชื่อ ABC, ABC ก็ออก package มาว่าเธอๆมาซื้อ Covid-19 Insurance กับ ABC นะ เราจะให้
1. ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตจาก Covid-19 จำนวน 1M
2. เจอว่าเป็น จ่ายเลย 1 แสนบาท
3. มีค่ารักษาพยาบาลให้แบบเหมาจ่าย จำนวน 5 แสนบาท
4. ถ้านอน รพ นะ และเป็น Covid เราจะจ่ายให้วันละ 2000 บาทเลย ไม่เกิน XX วัน
5. ถ้าไม่เป็น Covid แต่ไม่หายใจจากอุบัติเหตุ จะจ่าย 1 แสนบาท 
โดยทั้งหมดนี้จ่ายค่าเบี้ยเพียง 1999.- บาท ต่อปี แต่บริษัทคู่แข่งของผมชื่อ กขค ดันออก package มาแข่ง แต่มี option เดียวคือ จ่ายเงินค่าตกใจในกรณีว่าเป็น Covid-19 จำนวน 2 แสนบาท โดยเก็บค่าเบี้ยเพียง 799.- บาท 

จะเห็นได้ว่า option ต่างๆ  ที่บริษัทเลือกมาจะแปรผันกับกับค่าเบี้ยประกันที่เค้าจะมาเก็บเรานั่นล่ะ ส่วนเราจะชอบแบบไหน ยังไง ก็แล้วแต่จะเลือก 
---------------------------------------------------------------
ทีนี้มาที่กลุ่มคำถาม
กลุ่มคำถามแรก : ควรทำดีไหม, ทำที่ไหนดี, แผนไหนโอเค, ทำหลายที่ได้มะ ฯลฯ
เราจะทำประกัน Covid เพราะอะไร
1. กลัวการเสียชีวิต : ประกันชีวิตตอบโจทย์ได้
2. กลัวการเป็นโรค แล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล :  ประกันสุขภาพตอบโจทย์ได้
3. กลัวขาดรายได้ เนื่องจากเป็นโรคแล้ว นอนรักษาตัวนาน รายได้ไม่มี : ประกันชดเชยรายได้ตอบโจทย์ได้
ดังนั้น ความเห็นส่วนตัว ถ้ากลัวแค่นี้ แล้วมีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ก็ไม่มีความจพเป็นต้องซื้อครับ นอกเสียจากเงินเหลือๆ และซื้อเพื่อความสบายใจ อนึ่งหากต้องการเงินปลอบขวัญ คุณก็ควรซื้อประกันที่เจอ จ่าย จบ เพิ่มเติมไป แค่นั้นก็น่าจะพอ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า พอแล้วนะ แกซื้อเยอะเเล้ว เพราะแต่ละคนอยู่บนปัจจัยพื้นฐานที่ต่างกัน ซึ่งตัวเองเท่นนั้นจะตอบเองว่าพอไหม 

แล้วแผนไหนที่โอเค : จริงๆคำถามนี้ ก็ไม่มีใครตอบได้ครับ เพราะถ้าเข้าใจมาตั้งแต่ต้น จะรู้ด้วยตัวเองว่าแผนที่ออกมานั้นมัน fit กับเราหรือป่าว เพื่อนคนนี้อาจบอกว่า โอ้ยไม่ต้องทำหรอก เสียดายเงิน ถ้าทำทำเฉพาะเจอจ่ายพอ (ก็เค้าอาจมีประกันชีวิต สุขภาพและชดเชยรายได้อยู่แล้วก็ไม่ต้องทำสิ) แต่เราสิ ไม่มีอะไรสักอย่าง แถมลูกก็ยังเล็ก มันต้องทำไหม และอาจไม่ทำเฉพาะ Covid-19 หรอก มันต้องทำทั้งหมด เพราะเราไม่คิดว่าจะเป็น Covid อย่างเดียว มันอาจมี Catastrophe อื่น เกิดขึ้นอีกในอนาคต ก็เป็นได้ 

อย่างที่บอก ประกันนี้มันแล้วแต่เรา อยากทำกี่ที่ก็ทำ ไม่มีใครห้าม ตราบได้ที่เงินเราเหลือๆ และเรากลัวว่าจะเป็นโรคนี้แน่ๆ และทั้งหมดทั้งมวล ย้ำอีกครั้งว่า การประกันภัยคือเครื่องมือช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงแทนเรา ไม่ใช่ทำเพื่อหวังรวย เพราะไม่มีใจากประกัน (ยกเว้นคนขายประกัน 555+) และฝากอีกว่า มนุษย์ไม่ใช่สิ่งของ ย่อมไม่สามารถตีตรา ประเมินมูลค่า ที่เป็นเม็ดเงินได้
 
กลุ่มคำถามที่ 2 : มันจะทำงานยังไง, เจอแล้วจะจ่ายเลยไหม, แล้วมันจะจ่ายยังไง ฯลฯ
ง่ายๆ มันก็ทำงานตามสัญญานั่นล่ะ ถ้าไม่ตกอยู่ในข้อยกเว้น และกรมธรรม์มีผลบังคับ แต่นิดนึงนะครับ เรื่องการจ่ายสินไหม เพราะบ้านเราแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 
1. กลุ่มเงินชดเชย และผลประโยชน์การเสียชีวิต : กลุ่มนี้มีกี่ที่ ทำงานพร้อมกัน จ่ายทุกที่ตามความคุ้มครองที่มี ไม่มีนะที่จ่ายรวมกันไม่เกิน XXX บาท เพราะถ้าเป็นงั้น เดี๋ยวจะมีการเกี่ยงกันระหว่างบริษัท เอ้าเธอจ่ายสิ เค้าเป็นลูกค้าเธอมาก่อน ไม่ๆๆสิ เธอต้องจ่ายเพราะเค้าซื้อของเธอเยอะกว่า นอกจากนั้น เราเป็นคนครับ มิสามารถตีมูลค่าเหมือนสิ่งของ สินทรัพย์ ได้ 
2. กลุ่มค่ารักษาพยาบาล : กลุ่มนี้จะทำงานทีละที่ ตามสิทธิ์ มีกี่เจ้าเราต้องเลือกเคลมครับ ค่อยๆเคลมไป จนกว่าจะเต็มสิทธิ์ความคุ้มครอง แล้วค่อยใช้เจ้าที่สอง สาม สี่ 

กลุ่มคำถามที่ 3 : กลโกงบริษัทกับแบบประกัน 
ไม่มีหรอก เอาตรงไหนไปโกง น่าจะเป็นกลโกงคนขายมากกว่า (อันนี้ต้องดูเป็นรายบุคคล) เพราะแบบกว่าจะออกมาได้ต้องผ่าน คปภ. และขอโทษนะครับ คปภ. รักพวกคุณๆลูกค้าที่น่ารัก มากกว่าบริษัทประกันอีก เวลา Dispute ทีไร ไม่เห็นบริษัทประกันจะชนะสักราย

ทีนี้มาดูเรื่องของสัญญาประกันนะครับ ถ้าเข้าใจหัวข้อ การคิดแบบประกัน ทุกอย่างจบ เพราะบริษัทอยากได้เบี้ยที่มากขึ้น เค้าก็พ่วงเรื่องอุบัติเหตุเข้ามา แค่นั้น สัญญามันเลยเป็นประมาณว่า การประกันภัยโควิด และประกันอุบัติเหตุ (ก็เค้าให้ประกันอุบัติเหตุ) ต้องมาดูในเล่มอีกทีครับ เค้าจะอธิบายแยกย่อยแต่ละหมวดความคุ้มครอง แนะนำให้อ่าน กธ ทุกบรรทัด อย่าอ่านแต่จั่วหัว เพราะใน กธ จะมีสัญญาย่อยๆ แต่ละภัยประกอบกัน ตามที่อธิบายข้างต้น 

กลุ่มคำถามสุดท้าย : การร้องเรียนบริษัทว่าทำไมออกเล่มช้า, ชื่อผิด, ที่อยู่ผิด, ติดต่อไม่ได้เลย ฯลฯ
บริษัทเค้ามีลูกน้องไม่เยอะนะครับ และ process การออก กธ ยังเป็น paper เกือบทั้งหมด (ทำไมเป็นงั้น แนะนำให้ถาม คปภ. กับคนออกกฎหมายครับ เพราะผมไม่น่าจะเกิดทัน Oops!!) ดังนั้นมันต้องใช้คนคีย์ คนอ่าน เพื่อพิจารณาออกกรมธรรม์ => ซึ่งมันก็อาจจะ
1. พิมพ์ตกหล่อน ผิดถูกบ้าง => มันแก้ได้ It's not the END of the WORLD 
2. ให้บริการล่าช้า ถึงช้ามาก => ก็คนซื้อเป็นหมื่นเป็นแสน แต่คนทำและคนดูแลมี 10 คน จะให้ทำไงหว่า? ก็เต็มที่แล้วอะ ซึ่งส่งผลให้เล่มออกช้า ติดต่อลำบาก บลาๆๆๆ ก็เข้าใจเค้าหน่อย อย่าว่าเค้า

อยากให้จำไว้เป็น Vaccine  ว่า "เมื่อใดก็ตามที่บริษัทรับเงินเราแล้ว ความคุ้มครองเกิดแล้ว"  ดังนั้น เล่มมันจะออกช้าบ้าง อะไรบ้าง นั่นมันคือเล่ม แต่ระหว่างนี้ เล่มไม่ออกแต่เกิด รับโชคขึ้นมา (กธ มีผลบังคับ เลยระยะเวลารอคอย (Waiting Period) แล้ว) ก็รักษาให้หายครับ แล้วค่อยติดต่อบริษัท ยื่นเรื่องเรียกร้องสินไหม โดยหลักการจะไม่เกิน 15 วัน ครับ ก็เคลมได้ครับ หรือถ้าได้ กธ มาแล้ว อ่านสัญญาแล้ว เห้ยย!! ไม่ใช่แบบที่เราคุยกัน เราก็แจ้งยกเลิก กธ โดยใช้สิทธิ์ Fee Look ได้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกิน 15 วัน นับถัดจากวันที่เราได้รับเล่มกรมธรรม์ โดยเราจะได้เบี้ยคืนเต็ม หักค่าใช้จ่ายในการออกเล่มกรมธรรม์  (ถ้ามี) 
-----------------------------------------------------------------

ผมหวังว่า กระทู้ผมคงเป็นประโยชน์ และหากเพื่อนๆท่านไหนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้เลยที่ความเห็น หรือ inbox มาส่วนตัวได้ครับ

#BetterTomorrow
P.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่