สวัสดีค่ะ อันนี้คือกระทูคำตอบนะ ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำปรึกษาจากเด็กวัยรุ่นที่อายุไม่ถึง 15 ปี บางคำอาจแรงเกินไปต้องขออภัยด้วย แต่ต้องอ่านให้จบนะ (ถึงแม้คำปรึกษาอาจจะผิดๆไป เพราะยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ) เพราะนี่คือการระบาย 555 กระทู้นี้อาจไร้สาระ(มาก)นิดนึง แต่เราเข้าเรื่องกันเถอะ ก่อนที่ จขกท. จะไร้สาระมากกว่านี้ มาตอบปัญหาครอบครัวเริ่มแรกเลย
1.พ่อแม่ไม่เข้าใจ
ท่านกำหนดชีวิตเรา อันนี้คือเห็นหลายกระทู้แล้ว บางคนทนไม่ได้ถึงกับหนีออกจากบ้าน คือเข้ามากมายก่ายกองว่าความรู้สึกเป็นไง เพราะแม่เราชอบบอกว่า "ลูกจะทำอาชีพอะไรก็ได้นะ แต่ว่าถ้าเรียนครูแม่คงปลื้มมากกว่านี้" (อาจจะไม่ใช่เชิงบังคับอะนะ) แต่! ขอถามหน่อยค่ะคุณแม่ บางทีเด็กมันก็มีศักยภาพคนละแบบนะคะ แม่ควรจะสังเกตตั้งแต่น้องยังเป็นเด็ก 8-9 ขวบนะคะ แต่ถ้าน้องยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร คุณแม่ก็ลองพาน้องไปหาประสบการรอบตัวนะคะ เช่นพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ดีกว่าอยู่บ้านนะคะ แต่ว่าถ้าคุณแม่คนไหนงบไม่พอ คุณแม่ก็ลองหาอ่านหนังสือเยอะๆ หลายๆแบบ แล้วลองมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยมีการให้ความรู้ข้อเท็จจริงที่เราอ่านมาจากหนังสือแซกซ้อนเข้าไปในกิจกรรมด้วยค่ะ แต่ว่าถ้าลูกของคุณแม่โตกว่านี้สักประมาณ 12-15 ปี พวกนี้เขาจะมีความคิดของตัวเอง ถ้าเขาอยากทำอะไรคุณแม่ก็ให้คำแนะนำที่ดีต่อเขาค่ะ แต่คุณแม่ต้องศึกษาอาชีพที่เขาต้องการทำให้ละเอียดรอบคอบว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง แล้งก็เตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นค่ะ ส่วนถ้าลูกของคุณแม่เดินผิดทางจนสายไป และท้อแท้ในหน้าที่การงาน คุณแม่ต้องคอยเป็นที่ปรึกษาที่ดี พยายามเข้าใจเขาให้ได้ค่ะ และถ้าเขาทนกับงานที่ตนเองไม่รักไม่ไหว คุณแม่ต้องหางานสำรอง และเงินสำรองไว้ค่ะ เผื่อว่าออกจากงานมาแล้วไม่มีใครรับเข้าทำงาน เห็นไหมล่ะคะ การเป็นแม่น่าหนักใจเนอะ แต่คุณแม่ต้องสู้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ พยายามฟังเพลงคลายเครียดหรือว่าเข้าวัดทำบุญ ไหว้พระ ไปเที่ยว ทำในสิ่งที่คุณแม่มีความสุขก็พอค่ะ พยายามทำให้ใจเย็นๆบ้างก็ดีค่ะ จะได้ไม่ด่ากราด แหะๆ ส่วนคุณลูกค่ะ ต้องคอยหาข้อดีของอาชีพที่ตนเองอยากทำ เพื่อไปนำเสนอคุณแม่ แต่ถ้าคุณแม่ยังมีทิฐิก็ต้องทำใจค่ะ (เห็นใจคุณลูก) เราพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ถ้ามีหัวหน้าที่ทำงานหรือพนักงานคนไหนใครบ่นแบบไม่มีเหตุผลไม่ต้องตอบโต้ค่ะ แค่คิดในใจว่า 'เอ่อ...คนนี้คงบ้าอะ พ่อแม่คงสอนมาไม่ดี อย่าไปสนใจเถอะ' หรือ 'ทำไมคนนี้น่าสงสารจัง ที่ด่าคนแบบนี้คงไม่มีที่ระบายแน่ๆ' คิดแบบนี้ค่ะ(ถึงแม้มันจะดูเหมือนเหยียดไปบ้างก็เถอะ แต่ก็สะใจดี) แต่ว่าถ้างานที่เราทำไม่ดีจริงๆก็ต้องแก้ไขค่ะ แต่บางทีเขาก็เอาอารมณ์ส่วนตนมาใส่ส่วนรวมอะเนอะ ก็ต้องเข้าใจบ้าง ถ้าวันไหนรู้สึกท้อแท้ก็ฟังเพลง สูดหายใจเข้าลึกๆ พักใจเสียบ้าง บอกตัวเองว่าสู้ๆ เพื่อตัวเรา เพื่ออนาคตของเรา ต้องทำให้ได้! 2. พ่อแม่ไม่สนใจ
อันนี้เราเคยเจอนะ แบบว่าบางทีเราต้องการให้ท่านสนใจบ้าง แต่ท่านไม่สนใจเราเลย ท่านสนใจแต่เรื่องของคนอื่น อันนี้น้อยใจหลายครั้ง แต่ว่าเมื่อเราผ่านจุดนั้นไปได้ เาาจะรู้ว่า ไม่ต้องให้ใครมาสนใจเราหรอก แต่เราต้องสนใจตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองมีค่ามากขึ้น เช่น คิดว่าพรุ่งนี้มีงานไรบ้าง พรุ่งนี้เราจะทำอะไร จะไปที่ไหน ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำแบบนี้เราก็จะได้รู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าท่านไหนไม่ว่าง ก็หาเวลาสัก 5 นาที ลองมาคิดทบทวนว่าสิ่งที่เราทำไปมันถูกรึเปล่า ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว
3. บ้านคือที่พักใจ(จริงเหรอ?)
อันนี้ก็แล้วแต่แต่ละครอบครัวนะ แต่บ้านเราพอไปเรียนมาเหนื่อยไ กลับมาก็อยากจะพักบ้าง แต่มาแล้วโดนด่าเฉย เฮ้อ~ เหนื่อยใจค่ะ แต่เราต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ จขกท. ก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ ตอนนั้นท้อมาก ม้อจนอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ตอนนั้นเราคิดว่า ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้มันจะดีเหรอ ความฝันก็ยังไม่ได้ทำ นิยายเรื่องแรกในชีวิตก็ยังแต่งไม่จบ ไม่เอาล่ะ เราจะต้องสู้ จะต้องอยู่ต่อเพื่อความฝัน อยู่ต่อเพื่อรอความรวยที่เรากำลังจะสร้างมันขึ้นมา ห้ามตายตอนนี้
4. พ่อแม่ลำเอียง
อันนี้ก็โดนเหมือนกัน บางทีก็น้อยใจว่า ถึงแม้เราจะเป็นพี่คนโต แต่มันก็ไม่ยุติธรรมเลยที่ใฟ้เราแค่นี้ แต่! เราสามารถขจัดความรู้สึกนั้นได้ค่ะ เช่นเราอยากได้อะไรบางอย่างที่สามารถซื้อได้ เราก็เก็บเงินไว้
แต่อีกแบบก็คือ พี่คนโตมันผิดเสมอ โคตรเกลียดมาตรการนี้มากมายก่ายกอง จนเอาภูเขาสิบลูกมาต่อกันก็ไม่ปาน พอคิดแล้วมันปรี๊ดขึ้นสมอง ไม่รู้ว่าใครมันคิดมาตรการนี้ขึ้นมาได้ บางทีน้องมากวนจนทนไม่ไหว พอเอาคืนโดนด่าเฉย หึๆ แบบนี้น้องมันก็ได้ใจสิแม่ มันเริ่มก่อนนะ ถ้าแม่บอกว่าหนูเป็นพี่ มันเป็นน้องไม่รู้ประสีประสาอะไร ก็อย่าถือสามัน ถ้าแม่พูดแบบนี้ก็อย่าถือสาหนูนะ ถ้าหนูทำผิดอะ เพราะอายุหนูน้อยกว่าแม่ตั้งเยอะ อันนี้ไม่มีวิธีจัดการกับความรู้สึกตัวเองค่ะ แต่ที่จริงก็พอมีทางอยู่บ้างอะนะ เราเป็นคนที่ชอบเขียนนิยาย เพราะฉะนั้นการจด Diary เนี่ย คืองานอดิเรกอยู่แล้ว เราก็เลยเขียนระบายใส่ไปเลยค่ะ แล้วมันจะทำให้เราพอลดอารมณ์พวกนั้นลงไปได้บ้าง บางทีน้อยใจ ก็เปิดเพลงฟังซะนะ
ปล่อยใจให้ไปกับสายลมอย่าจมปลักกับอดีต เผื่อใจคิดถึงอนาคตบ้าง มองโลกในแง่ดี แต่ก็หามโกหกตัวเองเด็ดขาด แค่นี้ล่ะค่ะคุณก็จะมีความสุขในแบบที่คุณเป็นแล้ว
จบไปแล้วค่ะ กับการระบาย แต่จะมาใหม่นะคะ ถ้าใครมีความคิดเห็นอย่างไรบอกกันด้วยนะคะ
ปล.บางคำอาจแรงไป
ปล.บางทีอาจไร้สาระ
ปล.จะด่า จขกท. ว่าลูกอกตัญญูก็ได้นะคะ ไม่มีปัญหา ด่าแรงแค่ไหนก็แล้วแต่เลยจ้า
ปล.มีปัญหาอะไรก็มาเม้นระบายได้นะ ถ้าว่างจะตอบจ้า
- End -
พ่อแม่ไม่รัก พ่อแม่ไม่เข้าใจ ทำไงดี?
1.พ่อแม่ไม่เข้าใจ
ท่านกำหนดชีวิตเรา อันนี้คือเห็นหลายกระทู้แล้ว บางคนทนไม่ได้ถึงกับหนีออกจากบ้าน คือเข้ามากมายก่ายกองว่าความรู้สึกเป็นไง เพราะแม่เราชอบบอกว่า "ลูกจะทำอาชีพอะไรก็ได้นะ แต่ว่าถ้าเรียนครูแม่คงปลื้มมากกว่านี้" (อาจจะไม่ใช่เชิงบังคับอะนะ) แต่! ขอถามหน่อยค่ะคุณแม่ บางทีเด็กมันก็มีศักยภาพคนละแบบนะคะ แม่ควรจะสังเกตตั้งแต่น้องยังเป็นเด็ก 8-9 ขวบนะคะ แต่ถ้าน้องยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร คุณแม่ก็ลองพาน้องไปหาประสบการรอบตัวนะคะ เช่นพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ดีกว่าอยู่บ้านนะคะ แต่ว่าถ้าคุณแม่คนไหนงบไม่พอ คุณแม่ก็ลองหาอ่านหนังสือเยอะๆ หลายๆแบบ แล้วลองมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยมีการให้ความรู้ข้อเท็จจริงที่เราอ่านมาจากหนังสือแซกซ้อนเข้าไปในกิจกรรมด้วยค่ะ แต่ว่าถ้าลูกของคุณแม่โตกว่านี้สักประมาณ 12-15 ปี พวกนี้เขาจะมีความคิดของตัวเอง ถ้าเขาอยากทำอะไรคุณแม่ก็ให้คำแนะนำที่ดีต่อเขาค่ะ แต่คุณแม่ต้องศึกษาอาชีพที่เขาต้องการทำให้ละเอียดรอบคอบว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง แล้งก็เตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นค่ะ ส่วนถ้าลูกของคุณแม่เดินผิดทางจนสายไป และท้อแท้ในหน้าที่การงาน คุณแม่ต้องคอยเป็นที่ปรึกษาที่ดี พยายามเข้าใจเขาให้ได้ค่ะ และถ้าเขาทนกับงานที่ตนเองไม่รักไม่ไหว คุณแม่ต้องหางานสำรอง และเงินสำรองไว้ค่ะ เผื่อว่าออกจากงานมาแล้วไม่มีใครรับเข้าทำงาน เห็นไหมล่ะคะ การเป็นแม่น่าหนักใจเนอะ แต่คุณแม่ต้องสู้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ พยายามฟังเพลงคลายเครียดหรือว่าเข้าวัดทำบุญ ไหว้พระ ไปเที่ยว ทำในสิ่งที่คุณแม่มีความสุขก็พอค่ะ พยายามทำให้ใจเย็นๆบ้างก็ดีค่ะ จะได้ไม่ด่ากราด แหะๆ ส่วนคุณลูกค่ะ ต้องคอยหาข้อดีของอาชีพที่ตนเองอยากทำ เพื่อไปนำเสนอคุณแม่ แต่ถ้าคุณแม่ยังมีทิฐิก็ต้องทำใจค่ะ (เห็นใจคุณลูก) เราพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ถ้ามีหัวหน้าที่ทำงานหรือพนักงานคนไหนใครบ่นแบบไม่มีเหตุผลไม่ต้องตอบโต้ค่ะ แค่คิดในใจว่า 'เอ่อ...คนนี้คงบ้าอะ พ่อแม่คงสอนมาไม่ดี อย่าไปสนใจเถอะ' หรือ 'ทำไมคนนี้น่าสงสารจัง ที่ด่าคนแบบนี้คงไม่มีที่ระบายแน่ๆ' คิดแบบนี้ค่ะ(ถึงแม้มันจะดูเหมือนเหยียดไปบ้างก็เถอะ แต่ก็สะใจดี) แต่ว่าถ้างานที่เราทำไม่ดีจริงๆก็ต้องแก้ไขค่ะ แต่บางทีเขาก็เอาอารมณ์ส่วนตนมาใส่ส่วนรวมอะเนอะ ก็ต้องเข้าใจบ้าง ถ้าวันไหนรู้สึกท้อแท้ก็ฟังเพลง สูดหายใจเข้าลึกๆ พักใจเสียบ้าง บอกตัวเองว่าสู้ๆ เพื่อตัวเรา เพื่ออนาคตของเรา ต้องทำให้ได้! 2. พ่อแม่ไม่สนใจ
อันนี้เราเคยเจอนะ แบบว่าบางทีเราต้องการให้ท่านสนใจบ้าง แต่ท่านไม่สนใจเราเลย ท่านสนใจแต่เรื่องของคนอื่น อันนี้น้อยใจหลายครั้ง แต่ว่าเมื่อเราผ่านจุดนั้นไปได้ เาาจะรู้ว่า ไม่ต้องให้ใครมาสนใจเราหรอก แต่เราต้องสนใจตัวเอง พยายามทำให้ตัวเองมีค่ามากขึ้น เช่น คิดว่าพรุ่งนี้มีงานไรบ้าง พรุ่งนี้เราจะทำอะไร จะไปที่ไหน ต้องเตรียมอะไรบ้าง ทำแบบนี้เราก็จะได้รู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าท่านไหนไม่ว่าง ก็หาเวลาสัก 5 นาที ลองมาคิดทบทวนว่าสิ่งที่เราทำไปมันถูกรึเปล่า ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว
3. บ้านคือที่พักใจ(จริงเหรอ?)
อันนี้ก็แล้วแต่แต่ละครอบครัวนะ แต่บ้านเราพอไปเรียนมาเหนื่อยไ กลับมาก็อยากจะพักบ้าง แต่มาแล้วโดนด่าเฉย เฮ้อ~ เหนื่อยใจค่ะ แต่เราต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ จขกท. ก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ ตอนนั้นท้อมาก ม้อจนอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ตอนนั้นเราคิดว่า ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้มันจะดีเหรอ ความฝันก็ยังไม่ได้ทำ นิยายเรื่องแรกในชีวิตก็ยังแต่งไม่จบ ไม่เอาล่ะ เราจะต้องสู้ จะต้องอยู่ต่อเพื่อความฝัน อยู่ต่อเพื่อรอความรวยที่เรากำลังจะสร้างมันขึ้นมา ห้ามตายตอนนี้
4. พ่อแม่ลำเอียง
อันนี้ก็โดนเหมือนกัน บางทีก็น้อยใจว่า ถึงแม้เราจะเป็นพี่คนโต แต่มันก็ไม่ยุติธรรมเลยที่ใฟ้เราแค่นี้ แต่! เราสามารถขจัดความรู้สึกนั้นได้ค่ะ เช่นเราอยากได้อะไรบางอย่างที่สามารถซื้อได้ เราก็เก็บเงินไว้
แต่อีกแบบก็คือ พี่คนโตมันผิดเสมอ โคตรเกลียดมาตรการนี้มากมายก่ายกอง จนเอาภูเขาสิบลูกมาต่อกันก็ไม่ปาน พอคิดแล้วมันปรี๊ดขึ้นสมอง ไม่รู้ว่าใครมันคิดมาตรการนี้ขึ้นมาได้ บางทีน้องมากวนจนทนไม่ไหว พอเอาคืนโดนด่าเฉย หึๆ แบบนี้น้องมันก็ได้ใจสิแม่ มันเริ่มก่อนนะ ถ้าแม่บอกว่าหนูเป็นพี่ มันเป็นน้องไม่รู้ประสีประสาอะไร ก็อย่าถือสามัน ถ้าแม่พูดแบบนี้ก็อย่าถือสาหนูนะ ถ้าหนูทำผิดอะ เพราะอายุหนูน้อยกว่าแม่ตั้งเยอะ อันนี้ไม่มีวิธีจัดการกับความรู้สึกตัวเองค่ะ แต่ที่จริงก็พอมีทางอยู่บ้างอะนะ เราเป็นคนที่ชอบเขียนนิยาย เพราะฉะนั้นการจด Diary เนี่ย คืองานอดิเรกอยู่แล้ว เราก็เลยเขียนระบายใส่ไปเลยค่ะ แล้วมันจะทำให้เราพอลดอารมณ์พวกนั้นลงไปได้บ้าง บางทีน้อยใจ ก็เปิดเพลงฟังซะนะ
ปล่อยใจให้ไปกับสายลมอย่าจมปลักกับอดีต เผื่อใจคิดถึงอนาคตบ้าง มองโลกในแง่ดี แต่ก็หามโกหกตัวเองเด็ดขาด แค่นี้ล่ะค่ะคุณก็จะมีความสุขในแบบที่คุณเป็นแล้ว
จบไปแล้วค่ะ กับการระบาย แต่จะมาใหม่นะคะ ถ้าใครมีความคิดเห็นอย่างไรบอกกันด้วยนะคะ
ปล.บางคำอาจแรงไป
ปล.บางทีอาจไร้สาระ
ปล.จะด่า จขกท. ว่าลูกอกตัญญูก็ได้นะคะ ไม่มีปัญหา ด่าแรงแค่ไหนก็แล้วแต่เลยจ้า
ปล.มีปัญหาอะไรก็มาเม้นระบายได้นะ ถ้าว่างจะตอบจ้า
- End -