คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
มันมีหลายปัจจัยครับ ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนหน่อย
ปัจจัยเป็นไปได้หลายกรณีที่จะก่อให้เกิดทัศนะคติด้านลบจะมีหลักๆอยู่สองประเภท
1.โลกส่วนตัวสูง มีแนวโน่มที่จะสร้างความคิดต่อต้านสังคมสูง ผลกระทบไม่ว่าจะมาจากด้วยการถูก bully ถูกเลือกปฏิบัติ การโดนเอารัดเอาเปรียบเลยครอบแนวความคิดของตนเป็นส่วนใหญ่
2.ผลจะทบจากสังคม การถูกกดดันจากคนรอบตัว,ครอบครัว,เพื่อนฝูง,ที่ทำงาน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ บลาๆๆฯ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดค่อนข้างสูงสภาวะด้านอารมณ์ไม่แน่นอน
ส่วนของทางเยียวยามันแล้วแต่กรณีของแต่ละบุคคล อุปนิสัย/การปลูกฝัง/การใช้ชีวิต/สภาพแวดล้อม.ของแต่ละคน
บางกรณีใช้แค่ความเข้าใจโดยผิวเผิ่นไม่ได้เสมอไป
ยกตัวอย่างที่คล้ายๆกันเช่นข้อที่ 1
คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ยึดหลักแนวคิดส่วนตนเป็นหลัก มีความคิดสร้างสรรจิตนาการสูงแทบทุกคนและหาความสุขเล็กๆน้อยตัวคนเดียวได้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง มองโลกผ่านมุมแคบแต่ทัศนะวิสัยค่อนข้างไกล้มีเหตุมีผลอยู่ในตัว รักอิสระไม่ชอบการบีบบังคับหรือข้อฝูกมัดใดๆให้อึดอัด มีเส้นแบ่งให้เว้นระยะเพื่อความสบายของตน
ถ้ามองลึกพอความคิดด้านลบไม่ได้มาด้วยเจตนาโดยตรงแต่เป็นตะกอนความรู้สึกที่สะสมมานาน
บางคนก็ไม่ได้อยากจะให้ใครมาเข้าใจขนาดนั้น ขอแค่มีพื้นที่หนึ่งได้พูดอะไรบ้าง ไม่ใช่อะไรที่ระบายแบบนี้บ่อยๆและไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดเผยความรู้สึกลึกๆออกมา บางคนปล่อยไว้นานจนฟางเส้นสุดท้ายขาด
คนเหล่านี้มักจะถูกยกย่องให้เป็นไอคอนหลักาโรคซึมเศร้า ทั้งทีบางทีชีวิตก็ไม่ได้มีปมอะไรขนาดนั้น อะไรคือภาพจำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าคนกลุ่มนี้ชอบเก็บตัวกรีดข้อไม้ข้อมืออยู่ในห้องมืดๆคนเดียว
นี่แหละครับพ้อยท์ของมัน "ความเข้าใจบางทีมันก็ไม่ได้ง่าย"
บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในทุกๆเรื่อง ยิ่งเข้าใจยิ่งทำให้อีกฝ่ายดำผลุดดำไหว้กับความรู้สึกตัวเองเรื่อยๆไม่ทำให้อะไรดีขึ้น รับฟังได้แต่จะไปชี้แนะอะไรมากไปก็ไม่ควร
ทางเดียวที่จะเข้าใจคนเหล่านี้ให้ไม่ดูอึดอัดคือการเดินเข้าไปในขอบเขตของความไว้ใจ
คนมี safe zone ไม่ใช่คนที่จะเดินออกไปหาใครง่ายๆ จะทำให้อีกฝ่ายสบายใจต้องอยู่ในพื้นฐานเดียวกันของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ทำในแบบที่เราคิดเห็นว่าดีเราต้องคลุกคลีและรักษาระยะพอสมควร ไม่ว่าจะเรื่องความชอบหรือความคิดเห็นใดๆ ต้องเคารพการตัดสินใจอีกฝ่าย
จะไปเปลี่บนแปลงแนวคิดเขาได้ไม่ใช่ของกล้วยๆจะให้เขาคิดในแง่บวกเลยมันเหมือนเป็นการหักดิบ ยังไงเขาก็ไม่คิดตาม ต่อให้ไปร่าเริ่งใส่ยังไงเขาก็ดูออกว่าคุณแสร้งแค่ให้เขาสบายใจและทำได้แค่รองรับในบางเรื่องแค่นั้น
ถ้า จขกท.ใจเขาใจเรากับอีกฝ่ายมากพอก็น่าจะทราบดีว่าอะไรที่เขาทำแล้วมีความสุข ควรโฟกัสในจุดนี้จะดีกว่าครับ
มัวไปสนแต่เรื่องแย่ๆมันก็จะอยู่แบบนั้นทั้งสอง ทางเยียวยามันง่ายนิดเดียวแค่สนใจเรื่องที่ดีๆของอีกฝ่าย ยกตัวอย่าง ถ้าเขาชอบพวกครื่องสำอางแทนที่คุณจะชื้อไปให้ทำไมคุณไม่ลองแต่งหน้าแล้วเดินเขาไปหา อย่างน้อยๆก็น่าจะได้ซักฮาไม่ก็รอยยิ้มเล็กๆบ้างแหละ
อีกอย่างแทนที่จะให้คำปรึกษาคุณลองขอคำปรึกษาเรื่องที่เจ้าตัวถนัดดูบ้างสิ การที่คุณแสดงว่าเขาสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ จากแห้งเหี่ยวเขาอาจรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้วพูดกับคุณ พอที่รับฟังเบบเปิดใจได้มากขึ้น
ท้ายนี้ผมหวังว่าคงพอจะเอาไปปรับใช้ในข้อปฏิบัติไม่อย่างใดอย่างหนึ่งได้บ้าง
#ปล.ผมเคยดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามาก่อน ของพวกนี้มันละเอียดอ่อนพอจะทำให้เห็นว่าเราควรจะหาทางออกหรือควรจะหาทางเข้า สู้ๆครับ
ปัจจัยเป็นไปได้หลายกรณีที่จะก่อให้เกิดทัศนะคติด้านลบจะมีหลักๆอยู่สองประเภท
1.โลกส่วนตัวสูง มีแนวโน่มที่จะสร้างความคิดต่อต้านสังคมสูง ผลกระทบไม่ว่าจะมาจากด้วยการถูก bully ถูกเลือกปฏิบัติ การโดนเอารัดเอาเปรียบเลยครอบแนวความคิดของตนเป็นส่วนใหญ่
2.ผลจะทบจากสังคม การถูกกดดันจากคนรอบตัว,ครอบครัว,เพื่อนฝูง,ที่ทำงาน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ บลาๆๆฯ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดค่อนข้างสูงสภาวะด้านอารมณ์ไม่แน่นอน
ส่วนของทางเยียวยามันแล้วแต่กรณีของแต่ละบุคคล อุปนิสัย/การปลูกฝัง/การใช้ชีวิต/สภาพแวดล้อม.ของแต่ละคน
บางกรณีใช้แค่ความเข้าใจโดยผิวเผิ่นไม่ได้เสมอไป
ยกตัวอย่างที่คล้ายๆกันเช่นข้อที่ 1
คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ยึดหลักแนวคิดส่วนตนเป็นหลัก มีความคิดสร้างสรรจิตนาการสูงแทบทุกคนและหาความสุขเล็กๆน้อยตัวคนเดียวได้ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง มองโลกผ่านมุมแคบแต่ทัศนะวิสัยค่อนข้างไกล้มีเหตุมีผลอยู่ในตัว รักอิสระไม่ชอบการบีบบังคับหรือข้อฝูกมัดใดๆให้อึดอัด มีเส้นแบ่งให้เว้นระยะเพื่อความสบายของตน
ถ้ามองลึกพอความคิดด้านลบไม่ได้มาด้วยเจตนาโดยตรงแต่เป็นตะกอนความรู้สึกที่สะสมมานาน
บางคนก็ไม่ได้อยากจะให้ใครมาเข้าใจขนาดนั้น ขอแค่มีพื้นที่หนึ่งได้พูดอะไรบ้าง ไม่ใช่อะไรที่ระบายแบบนี้บ่อยๆและไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดเผยความรู้สึกลึกๆออกมา บางคนปล่อยไว้นานจนฟางเส้นสุดท้ายขาด
คนเหล่านี้มักจะถูกยกย่องให้เป็นไอคอนหลักาโรคซึมเศร้า ทั้งทีบางทีชีวิตก็ไม่ได้มีปมอะไรขนาดนั้น อะไรคือภาพจำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าคนกลุ่มนี้ชอบเก็บตัวกรีดข้อไม้ข้อมืออยู่ในห้องมืดๆคนเดียว
นี่แหละครับพ้อยท์ของมัน "ความเข้าใจบางทีมันก็ไม่ได้ง่าย"
บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในทุกๆเรื่อง ยิ่งเข้าใจยิ่งทำให้อีกฝ่ายดำผลุดดำไหว้กับความรู้สึกตัวเองเรื่อยๆไม่ทำให้อะไรดีขึ้น รับฟังได้แต่จะไปชี้แนะอะไรมากไปก็ไม่ควร
ทางเดียวที่จะเข้าใจคนเหล่านี้ให้ไม่ดูอึดอัดคือการเดินเข้าไปในขอบเขตของความไว้ใจ
คนมี safe zone ไม่ใช่คนที่จะเดินออกไปหาใครง่ายๆ จะทำให้อีกฝ่ายสบายใจต้องอยู่ในพื้นฐานเดียวกันของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ทำในแบบที่เราคิดเห็นว่าดีเราต้องคลุกคลีและรักษาระยะพอสมควร ไม่ว่าจะเรื่องความชอบหรือความคิดเห็นใดๆ ต้องเคารพการตัดสินใจอีกฝ่าย
จะไปเปลี่บนแปลงแนวคิดเขาได้ไม่ใช่ของกล้วยๆจะให้เขาคิดในแง่บวกเลยมันเหมือนเป็นการหักดิบ ยังไงเขาก็ไม่คิดตาม ต่อให้ไปร่าเริ่งใส่ยังไงเขาก็ดูออกว่าคุณแสร้งแค่ให้เขาสบายใจและทำได้แค่รองรับในบางเรื่องแค่นั้น
ถ้า จขกท.ใจเขาใจเรากับอีกฝ่ายมากพอก็น่าจะทราบดีว่าอะไรที่เขาทำแล้วมีความสุข ควรโฟกัสในจุดนี้จะดีกว่าครับ
มัวไปสนแต่เรื่องแย่ๆมันก็จะอยู่แบบนั้นทั้งสอง ทางเยียวยามันง่ายนิดเดียวแค่สนใจเรื่องที่ดีๆของอีกฝ่าย ยกตัวอย่าง ถ้าเขาชอบพวกครื่องสำอางแทนที่คุณจะชื้อไปให้ทำไมคุณไม่ลองแต่งหน้าแล้วเดินเขาไปหา อย่างน้อยๆก็น่าจะได้ซักฮาไม่ก็รอยยิ้มเล็กๆบ้างแหละ
อีกอย่างแทนที่จะให้คำปรึกษาคุณลองขอคำปรึกษาเรื่องที่เจ้าตัวถนัดดูบ้างสิ การที่คุณแสดงว่าเขาสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ จากแห้งเหี่ยวเขาอาจรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้วพูดกับคุณ พอที่รับฟังเบบเปิดใจได้มากขึ้น
ท้ายนี้ผมหวังว่าคงพอจะเอาไปปรับใช้ในข้อปฏิบัติไม่อย่างใดอย่างหนึ่งได้บ้าง
#ปล.ผมเคยดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามาก่อน ของพวกนี้มันละเอียดอ่อนพอจะทำให้เห็นว่าเราควรจะหาทางออกหรือควรจะหาทางเข้า สู้ๆครับ
แสดงความคิดเห็น
จะช่วยคนคนนึงที่กำลังเศร้าและคิดแต่แง่ลบยังไงดี ?
...จากที่คุยเค้าชอบคิดเเต่เรื่องแย่ๆ ชอบคิดในแง่ลบ ทั้งๆที่เรื่องนั้นเราฟังเเล้วเอ้อมันเป็นเรื่องที่ดีแต่เค้ากลับมองแต่ด้านที่ไม่ดีของเรื่องนั้น เราพยายามบอก พยายามช่วยพูดให้เค้าคิดในเเง่บวก เค้ารับฟังนะ แต่เหมือนฟังผ่านๆ ไม่ได้คิดตาม บางทีเค้าก็หาว่าเราไปบังคับ ซึ้งเราไม่ได้บังคับเลย ซึงสิ่งที่ผมพูดมันเป็นเชิงขอให้เค้าทำเพื่อตัวเองเค้าเอง แต่เค้ามองว่าเราไปบังคับ ผมรู้สึกทุกข์และไม่มีความสุขที่เห็นเค้าเป็นแบบนี้ อยากช่วย แต่เค้าค่อนข้างจะเป็นคนที่มีข้อเเม้เยอะ มันอย่างโน้นมันอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่เคยรำคาญเธอเลย หรือว่าควรจะเป็นแค่คนรับฟังพอไม่ต้องเสนออะไร ให้แค่เค้าได้ระบายพอ จะได้เหมือนว่าไม่ได้ไปเเนะนำหรือไปบังคับเค้า
...ผมว่าเรื่องนี้คนในครอบครัวเค้าไม่น่าจะรู้ว่าเค้ามีอาการแบบนี้ ผมควรบอกคนใรครอบครัวเค้ามั้ย แต่สิ่งที่กลัวคือถ้าบอกคนในครอบครัวเค้าไปแล้ว แต่คนในครอบเค้าไม่เข้าใจเค้าเหมือนที่เราเข้าใจจะกลายเป็นว่า ให้คนในครอบครัวไปบีบคั้นเค้าหรือป่าว ?
...บางทีตื่นมาเห็นข้อความที่เค้ามาระบาย ผมรู้สึกทุกข์ตามแต่เราก็ทำเหมือนไม่เป็นไร พยายามทำให้ตัวเองเป็นคนร่าเริง เพื่ออยากให้เวลาคุยกับเค้า ให้เค้ารู้สึกสนุกผ่อนคลายและไม่ทุกข์ แต่บอกเลยผมรู้สึกแย่ที่เห็นเค้าเป็นแบบนี้ ลำพังผมก็เครียดเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องการเมือง เรื่องโรคระบาด เรื่องของอนาคต เรื่องที่บ้าน ตจว. ผมคิดหนักทุกเรื่องผมพยายามตัดเรื่องที่สำคัญน้อยสุดออกเพื่อที่ผมจะได้ไม่เป็นบ้าซะก่อน ฮ่าๆๆ
คำถาม...
------------
1.มีใครที่เคยมีอาการแบบนี้บ้างมั้ยเครียด เบื่อ เหงา เศร้า เคว้งคว้าง แต่ไม่รู้สาเหตุ ?
2.พอจะมีหมอหรือผู้เชียวชาญที่ให้คำปรึกษาทางด้านนี้มั้ยครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยผมเป็นห่วงเค้ามาก
3.ใครมีคำแนะนำดีๆสามารถช่วยผมได้นะครับ Comment แนะนำได้เลยครับขอบคุณค้าบ