ก็เป็นอีกคนนึงนะครับ ที่มีปัญหาด้านเส้นผมและหนังศีรษะ อันดับแรกเลยเป็นเพราะกรรมพันธุ์เลยจ้า คุณพ่อจะเป็นคนที่ศีรษะเถิกไปเกือบครึ่งศีรษะแล้ว กับด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยได้ดูแล หรือใส่ใจอะไรกับเรื่องเส้นผมมาก สไตล์ผู้ชายทั่วไปนะครับ
ภาพก่อนทำของเราก็จะประมาณนี้ คือ เริ่มจะมีความเว้าเข้าไปบริเวณทั้ง 2 ง่ามด้านหน้า
แต่ด้วยความที่อายุล่วงเลยเข้าเลข 4 แล้ว เราก็ยังอยากจะดูเด็ก ดูดีอยู่เนอะ เพื่อเรื่องของบุคลิกภาพในหน้าที่การงานด้วย ก็เลยเริ่มทำการบ้าน หาข้อมูลเรื่องศัลยกรรมปลูกผมมาตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน ตอนนั้นเท่าที่ทราบก็คือจะมีทั้งแบบ FUT และ FUE เป็นหลัก
ซึ่งถ้าคนที่พอศึกษามาบ้างจะพอรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ผมขอสรุปสั้นๆ ให้คนที่กำลังสนใจดังนี้นะครับ
- FUT คือ การปลูกผมแบบที่ต้องรีดเอาหนังศีรษะด้านหลังออกมาตามจำนวนกราฟที่คุณหมอประเมิน แล้วเย็บปิดแผล ซึ่งว่ากันว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดี
- FUE คือ การใช้เครื่องมือหัวเจาะขนาดเล็ก เพื่อค่อยๆ เอารากผมด้านหลังออกมาทีละรากๆ โดยไม่ต้องผ่ากรีดหนังศีรษะด้านหลัง
ทั้ง 2 วิธีต่างกันแค่การนำรากผมออกมานะครับ ส่วนการเอาไปปักบริเวณที่ต้องการเหมือนกัน หรือถ้าคนถามถึงว่าเคยได้ยินแบบ Robot คือการใช้หุ่นยนต์มาช่วยในการปลูก อันที่จริงแล้วคือ เครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการเอารากผมออกมา ซึ่งก็ต้องใช้คนควบคุมอยู่ดี ซึ่งมีราคาแพงกว่าพอสมควร
เอาละ พอศึกษาข้อมูลมาได้พักใหญ่ ประจวบกับเวลาเหมาะสม ก็เลยนัดคุณหมอเข้าไปปรึกษา เพราะขืนปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ ต้องโดนเรียกคุณลุงก่อนวัยอันควรแน่ๆ ผมนัดปรึกษาคุณหมอนิน (พญ.ดิลกณิกนันท์ นามทองต้น) นามนิน คลินิก แถวอารีย์ คุณหมอก็บอกว่าจะทำการปลูกผมให้แบบ FUE แต่เป็นเทคนิคใหม่ มาจากเกาหลี ของผมเท่าที่คุณหมอวัดพื้นที่ให้ น่าจะราวๆ 2,000+ กราฟ (ใน 1 กราฟ จะมี 3-4 กอผม) ส่วนแนวผม hair line ด้านหน้า ก็ไม่ได้เอาต่ำมาก เน้นให้ธรรมชาติหน่อย ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าข้อดีของการปลูกเทคนิคใหม่นี้ดีอย่างไร ก็คือ
1. แผลหลังผ่าตัดจะสวยงาม ไม่มีเลือดเกรอะกรังเหมือนเทคนิคเก่าๆ ทำให้ดูแลทำความสะอาดง่าย
2. เรื่องสำคัญเลยคือ ความแน่นของกราฟ เพราะการปลูกแบบนี้จะไม่มีตุ่มขาวๆ เหมือนวิธีเดิม ทำให้สามาถปลูกได้ชิดกันแน่นมากขึ้น
3. อาการบวมช้ำหลังทำจะน้อยกว่าเทคนิคเดิม เพราะจะใช้อุปกรณ์พิเศษใส่รากผมแล้วปักเข้าไปเลย ไม่ต้องเจาะนำร่อง
4. คุณหมอจะใช้เทคนิคเอารากผมด้านหลังออกแบบที่เรายังไว้ผมยาวอยู่ ทำให้ยิ่งพักฟื้นน้อยลงไปอีก เพราะไม่ต้องโกน ต้องไถเหมือนแบบเก่า
เอาล่ะฟังแบบนี้ ก็ต้องลองแล้วล่ะ ถ้าดีจริง ทำไมจะไม่ทำล่ะคร้าบบบ !! ถึงจะราคาสูงหน่อย 140,000+ แต่คุณหมอลดให้ ก็เรียกว่าปาดเหงื่อกันเลย แต่ก็เอาวะ ไม่ได้ทำกันบ่อยๆ อ่ะเนอะ ก็เลยนัดคิวแล้วทำการจ่ายมัดจำมูลค่า 50,000 บาท
ก่อนผ่าตัดสิ่งที่ควรทำเลยก็คือ งดแอลกอฮอล์ล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ (กรณ๊สูบบุหรี่ก็ควรงดด้วยนะครับ) แล้วก็งดพวกวิตามิน หรืออาหารเสริมต่างๆ เพราะจะทำให้เลือดออกเยอะตอนผ่าตัดนะครับ สำหรับการผ่าตัดปลูกผม ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ เพราะใช้แค่การฉีดยาชา....และแล้วก็มาถึงวันผ่าตัดจ้า
เอาล่ะจ้า จะขึ้นเขียงแล้ว ปกติเป็นคนไม่ค่อยกลัวการผ่าตัดอยู่แล้ว อาจเพราะเรารู้อยู่ว่าทำยังไงด้วยอ่ะเนอะ
ก่อนทำก็จะต้องปรึกษาและสรุปเรื่อง Hair Line ด้านหน้ากับคุณหมออีกรอบ แล้วก็วัดจำนวนกราฟแบบใกล้เคียงกันอีกครั้งนะครับ แล้วก็เซ็นเอกสารก่อนผ่าตัด จากนั้นก็ตรวจวัดความดัน แล้วก็ที่สำคัญคือ เจาะเลือด เพื่อตรวจหาว่ามีเชื้อ HIV หรือไม่ ***เนื่องจากเป็นศัลยกรรมที่มีเลือดออกเยอะมากนะครับ ทำให้มีความเสี่ยงต้อคุณหมอ ผู้ช่วย หากโดนเข็มหรือมีดผ่าตัดที่ใช้เข้า*** ไม่เหมือนกับศัลยกรรมอื่นๆ เช่น ทำตา ทำจมูก ฯลฯ นะครับ ที่ไม่ต้องตรวจเลือดก็ทำได้
ซึ่งผลออกมาเรียบร้อยดี ก็เตรียมเข้าห้องผ่าตัดกันเล้ยยยย...ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่มาก เนื่องจากคุณหมอและทีมผู้ช่วยเป็นกันเองมาก ก็เลยไม่ค่อยเกร็งครับ ก็เริ่มจากนอนคว่ำกันก่อน เพื่อเอารากผมออกมา พอคุณหมอเตรียมยาชาเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มกันจ้า...พร้อมกับคำว่า นิดนึงนะค่า จึ้กกก !! เจ็บนะ แต่ทนได้ หลังจากนั้นฉีดอีกประมาณ 4-5 เข็ม แล้วก็นวดๆๆ ซักพักให้ยาชากระจายไปทั่วบริเวณ คุณหมอก็จะถามเราว่ารู้สึกอยู่มั้ย ตรงนี้เจ็บอยู่รึป่าว พอเราบอกว่าโอเคไม่รู้สึกอะไรแล้ว คุณหมอก็พร้อมลุยยยย...
ผ่านไป 3-4 ชั่วโมง ก็เป็นอันเสร็จ...เคสของเราจะช้ากว่าปกติหน่อย เพราะเป็นเทคนิค Long Hair คือยังผมยาวอยู่ ไม่ได้ไถผมออก คุณหมอก็จะต้องค่อยๆ ไถผมเราเป็นแนวขั้นบันได เพื่อซ่อนผม ให้ผมยาวแล้วลงมาปิดไได้นั่นเอง...คราวนี้ก็ให้ลุกขึ้นมาพัก ยืดเส้นยืดสาย ทานน้ำหรือไปเข้าห้องน้ำได้ ราวๆ ครึ่งชั่วโมง ระหว่างทำก็ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะชาไปหมดทั้งหัว 555 แต่ๆๆๆ นี่แค่ครึ่งแรกเท่าน้านนนนจ้า
เอาล่ะ ไปลุยต่อหลังจากพักมาประมาณนึง ก็กลับมานอนหงาย เพราะถึงคราวที่คุณหมอจะเจาะหัวกบาลเราแล้ว ฮ่าๆๆๆ สเต็ปตามเดิมจ้า คุณหมอจะฉีดยาชาให้เรารอบๆ บริเวณที่จะปลูกผม ก็จี๊ดจิกเตียงกันไปนิดนึง พอเริ่มชาแล้ว คุณหมอก็บรรเลงเลยจ้า แล้วก็อยากที่บอก เนื่องจากเทคนิคนี้คุณหมอจะเป็นคนปักเองทุกเส้น ไม่เหมือนวิธีเก่าที่ใช้ผู้เชี่ยวชาญหรือทีมงานช่วยปัก (ราคามันต่างกันตรงนี้) ก็เลยต้องใช้เวลาอีกเช่นกัน เพราะเป็นงานปราณีตมากๆ กว่าจะปักเข้าไปตามแนวผม ต้องคอยดูไลน์ผมเพื่อเวลางอกใหม่จะดูเป็นธรรมชาติ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาอีกราวๆ 4 ชั่วโมงได้ แม่เจ้า....
ไม่เจ็บเลย แต่เมื่อยมากกว่า 555 เพราะต้องนอนเฉยๆ อยู่หลายชั่วโมงอ่ะเนอะ พอคุณหมอบอกว่าเสร็จ เราก็เฮเลยจ้า... โอย เมื่อยมาก
หลังผ่าตัดเสร็จทันทีจ้า รีบขอมือถือมาถ่ายเลย อยากเห็น
ก็รวมๆ ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไรในตอนนั้นนะคับ แต่คุณหมอก็จะจ่ายพวกยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดมาให้กินเลย กันไว้ก่อน ก็เราพักแปบเดียว ตอนนั้นบนหัวไม่มีความรู้สึกอะไรเลยจ้ะ 55 เหมือนไม่มีหัว แต่ก็ยังขับรถกลับบ้านได้ปกตินะ ก็กลับไปนอนพัก แล้ววันรุ่งขึ้นก็สระผมได้เลย เพียงแต่ยังต้องเบามือหน่อยนะครับ เปิดฝักบัวแค่ให้น้ำไหลผ่าน ใช้แชมพูเด็กนะ อ่อนๆ เพราะผมที่ปลูกใหม่เค้ายังไม่ฝังรากไปแน่นหนามาก
ให้ดูกันแบบชัดๆ ว่าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ปลูกไป
หลังเป่าผมแห้งด้วยไอเย็น (ห้ามใช้ไอร้อนนะครับ) ก็จะมีผ้าโพกหัวให้แบบนี้ ก็ออกไปทำงานเลย
ด้านหลัง 1 วัน หลังผ่าตัด เหมือนไม่ได้ทำอะไรมา
เนื่องจากไม่มีเวลาพักฟื้น และจริงๆ ก็ไม่ต้องพักด้วย ก็เลยออกไปทำงานทั้งแบบนี้ล่ะครับ - - คนอาจจะมองนิดนึง แต่ก็ไม่สน 555 ก็ใช้ชีวิตได้ปกติเลย ขั้นตอนหลังจากนี้ ก็คือ ต้องดูแลกราฟผมที่ปลูกไปอย่างดีในช่วงแรก เพื่อให้รากผมนั้นฝังเข้าไปก่อน จากนั้นพอเริ่มเข้า 1 สัปดาห์ขึ้นไป ตรงแผลที่เห็นเป็นเลือดซิบๆ นั้น จะเป็นสะเก็ด แล้วก็จะค่อยๆ หลุดร่วงไป ซึ่งตัวช่วยที่ทำให้สะเก็ดหลุดเร็วคือ น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก นั่นเองครับ เอามาชะโลมแล้วนวดเบาๆ เมื่อสะเก็ดหลุดออก แผลก็จะกลับมาดูสวยงามปกติ เหมือนคนที่ไม่ได้ไปปลูกผมมา
อ้อ อีกเรื่องก็จะมีเรื่องอาการบวมบนใบหน้า ซึ่งเกิดมาจากยาชาที่คุณหมอฉีดเข้าไป มันจะค่อยๆ เดรนออกจากร่างกายเราผ่ารช่องทางต่างๆ ซึ่งแนะนำให้รัดผ้าตรงหน้าผากไว้ในช่วง 1-2 วันแรก ไม่งั้นหน้าอาจจะบวมหน่อย แต่เป็นเรื่องปกติ บวมประมาณ 2-3 วัน ก็จะค่อยๆ ยุบครับ ไม่ต้องกังวลอะไร
รูปอัพเดทหลังปลูก 2 สัปดาห์ สะเก็ดหลุดไปเยอะแล้ว แทบไม่เหลือ
กรอบหน้าใหม่มาทันทีจ้า ไม่ต้องไปทำอย่างอื่น ก็ดูเด็กขึ้น 555
ก็หลังจากนี้จะมีนัดคุณหมออีกทีประมาณ 1 เดือน ตอนนีก็ใช้ชีวิตปกติ อย่าไปกังวลกับมันมากครับ ปล่อยไปตามธรรมชาติเลย ตอนนี้ผ่านไปประมาณ 4 เดือนแล้ว มาดูกันครับ ตัดสินกันเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง 555 ไม่คอมเม้นดีกว่า
ตอนนี้ 3 เดือนจ้า
ตอนนี้ 4 เดือนเต็มๆ จ้า
แถมๆๆ อีกรูป 555
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้จ้า ... จริงๆ คุณหมอแจ้งว่าผมจะขึ้นเต็มที่ตั้งแต่ 6-12 เดือน ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์ 100% นั่นเอง สำหรับใครที่สนใจหรืออยากปรึกษาเรื่องปลูกผม ก็สอบถามได้นะครับ หลังไมค์มาได้เลย ยินดีตอบทุกคำถามครับ ^^
[SR] แก้ปัญหากรรมพันธุ์ศีรษะล้าน ด้วยการปลูกผม ทำแล้วมันดีจริงๆ แค่โฟกัสให้ตรงจุด ก็ดูเด็กลงได้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้