มันเป็นอย่างนี้นี่เอง : GM ลงทุน 2.2 พันล้านเหรียญสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา, จ้างงานเพิ่ม 2,200 คน

บริษัท GM (General Motors) จำกัด ได้ทำการปฏิรูปโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองดีทรอยต์-แฮมแทรมซีเค, ประเทศอเมริกาซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 35 ปีให้กลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% (รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว) โดยมีกำหนดการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

GM มีแผนที่สร้างรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ดังนี้
รถกระบะไฟฟ้า
รถ SUV ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ Cruise Origin

GM ได้สร้างกำหนดการทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมาแล้ว และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปีนี้ โรงงานแห่งนี้เคยใช้ผลิตรถยนต์ plug-in hybrid รุ่น Volt และรถยนต์ Cadiilac CT6 มาก่อนด้วย ซึ่งตอนนี้ปิดไลน์ผลิตไปหมดแล้วเพราะต้องการเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งโรงงาน

ณ ปัจจุบันนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองดีทรอยต์-แฮมแทรมซีเคนี้มีพนักงานมากกว่า 900 คนโดยพวกเค้าเหล่านั้นกำลังจะถูกพักงานภายในอาทิตย์หน้านี้ เนื่องจาก GM จะสั่งปิดปรับปรุงไลน์ผลิตของโรงงานแห่งนี้ให้กลายเป็นไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด หลังจากนั้นจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 2,200 คนแน่นอน
ทั้งนี้ทั้งนั้น GM วางเป้าว่าจะคลอดรถกระบะไฟฟ้าคันแรกจากโรงงานแห่งนี้ภายในฤดู fall (ต้นเดือนสิงหาคม)นี้อีกด้วย

ท่านประธานมาร์คแห่ง GM ได้แถลงการเกี่ยวกับเรื่องเซ็นสัญญาจ้างงานเพิ่ม 2,200 ตำแหน่งกับ Union Auto Workers และการที่ GM เปลี่ยนยุทธศาสตร์ของบริษัทตนเองไปลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบเต็มตัว โดยท่านประธานได้ย้ำว่า “electric vehicles (BEVs) are no longer a “hobby” at GM.” หรือแปลว่า เราจะจริงจังกับการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบถึงพริกถึงขิงแน่นอน
หมายเหตุ : คำว่า hobby แปลว่า งานอดิเรก ซึ่งตรงนี้ผมไม่สามารถแปลตรงตัวได้เลย แต่อย่างจะบอกว่า จริงๆ ที่ผ่านมา GM มองรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงของเล่นหรือการสร้างเพื่อประดับบารมีบริษัท แต่มารอบนี้พี่แกจัดหนัก เปิดงานแถลงแบบยิ่งใหญ่ไปเลยครับ



ที่มา : http://blink-drive.com/index.php/2020/02/18/gm-invest-2-2-billion-dollars/
ข่าวต้นทาง(ภาษาอังกฤษ) : https://www.forbes.com/sites/samabuelsamid/2020/01/27/gm-to-invest-22b-to-make-only-evs-at-detroit-factory/#3dab581a75be

ผมเห็นข่าวนี้แล้วไม่แปลกใจอะไรที่ทาง GM ถึงได้เลิกผลิตและขายรถในไทยและแถบเอเชีย เท่ากับว่าในขณะนี้ก็จะมี GM กับ Volkswagen ที่พัฒนาตัวเองเข้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งผมคิดว่า CEO ของทั้งสองบริษัทได้ปรับตัวเพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่แต่ล้มไปอย่าง Nokia หรือ Kodak เป็นแน่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่