บทความตามใจฉัน “สาเหตุที่สาว ๆ ชอบซุบซิบ ฝั่งวิทย์และเทวตำนาน”

บทความตามใจฉัน “สาเหตุที่สาว ๆ ชอบซุบซิบ ฝั่งวิทย์และเทวตำนาน”
 
จากกระทู้หนึ่งในพันทิปชื่อว่า
“หนูเป็นเด็กใหม่ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ๆ ในออฟฟิศต้องแบ่งกลุ่มนินทากัน”
https://pantip.com/topic/39607706
ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบทความว่าทำไหมสาว ๆ ถึงชอบซุบซิบนินทากัน
 

 
จากหนังสือ “ผู้หญิงคับ ! ผมโง่จริงไม่ได้แกล้งโง่” เคยมีการอธิบายถึงสาเหตุที่ผู้หญิงชอบซุบซิบกันว่าเพราะเป็นเรื่องของโครงสร้างทางสมองของเพศหญิง
 
จากบทความ Why No One Can Stop Gossiping, Including You ใน Link ข้างล่าง
manrepeller.com/2019/01/psychology-of-gossip.html
ได้อธิบายว่าเป็นโครงสร้างทางธรรมชาติเพื่อช่วยในการอยู่รอดโดยการแชร์ข้อมูลข่าวสารกัน
 
แต่ถ้าเป็นบทความสำหรับสาววัยทำงานหรือวัยรุ่น พบว่ามีบทความหนึ่งที่เสนอแนวคิดว่าการซุบซิบเป็นโครงสร้างทางธรรมชาติเพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายเผ่าพันธ์กับเพศชายที่หมายตาไว้โดยการแชร์ข้อมูลที่เป็นผลลบต่อคู่แข่งและเห็นเหตุการณ์แบบนี้ได้บ่อยในละครไทย
 

 
แล้วในสมัยก่อนเค้ามองเรื่องนี้กันอย่างไร
ในบาง website อธิบายว่าในศาสนาคริส การซุบซิบถูกบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายนำมาซึ่งความโกรธ ความอิจฉา การปองร้าย ความโลก การฆาตกรรม เป็นต้น (ไม่ทราบว่ามีเรื่องราวแบบนี้ในไบเบิลจริง ๆ รึไม่ เพจเองก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ) แต่ก็ยังไม่พบว่าความเชื่อในสาเหตุของการซุบซิบนั้นมาจากไหน
 
ถ้าเอาเข้าจริงการ การซุบซิบนั้นไม่ได้จำกัดแต่ในเพศหญิง แม้แต่บุรุษกับซุบซิบได้เหมือนกัน
 

 
ประวัติของการซุบซิบนั้นสามารถสืบกลับไปได้ถึงนิทานเก่าแก่เช่น The King Has Donkey Ears! หรือ พระราชามีหูลา ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับกษัตริย์ไมดาสที่เคยครอง Phrygia (ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตุรกี) ยุค 8 ปีก่อนคริสกาล 

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับช่างตัดผมที่รู้ความลับของพระราชาว่ามีหูเป็นหูลาและทุกข์ทรมานกับความลับที่ตนรู้นี้จนไปขุดหลุมในทุ่งหญ้าเล่าความลับนี้ลงไปในหลุมและฝังกลบ (ในฉบับนิทานเด็กที่เคยอ่านเล่าว่าช่างตัดผมตะโกนเล่าความลับลงในบ่อน้ำ) ต่อมาต้นหญ้าที่ขึ้นบนหลุมที่ช่างตัดผมฝังกลบก็ส่งเสียงกระซิบกระซาบว่าพระราชามีหูลาต่อ ๆ กันไปจนความลับนี้กระจายไปทั่วในที่สุด

สิ่งที่น่าสนใจในนิทานนี้คือการนำเสนอว่าแม้แต่สรรพสัตว์และต้นไม้ใบหญ้าก็ซุบซิบเช่นเดียวกันไม่ต่างกับคน เป็นการสอนอ้อม ๆ ความลับเมื่อออกจากปากก็จะไม่ลับอีกต่อไป เพียงแต่รอวันที่จะเผยออกมา
 
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบสาเหตุที่เชื่อว่าเป็นต้นตอของการซุบซิบตามความเชื่อสมัยโบราณ
 

 
เมื่อมนุษย์ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากอะไร บางครั้งก็จะใช้จินตนาการในการหาคำตอบแทน
ความเชื่อในสาเหตุของการซุบซิบ(เฉพาะของผู้หญิง)มีบันทึกอยู่ในมหากาฬ “มหาภารตะ” ซึ่งถูกแต่งขึ้นประมาณ 400-300 ปีก่อนคริสกาล(บางแหล่งเชื่อว่ามีอายุมากถึง 800 ปีก่อนคริสกาล) ซึ่งพูดได้ว่าข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุของการชอบซุบซิบของผู้หญิงนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนคริสกาลเลยทีเดียวและเชื่อว่าคนแต่งก็น่าจะติดใจสงสัยเรื่องนี้ไม่น้อย
 
มหาภารตะ เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งของสองตระกูลสายเลือดกษัตริย์แห่งกรุงหัสตินาปุระ ระหว่างตระกูลเการพและตระกูลปาณฑพซึ่งนำโดย ยุธิษฐิระ(ยุทธ ธิ ที ระ) และน้องชายอีก 4 คนรวมเป็น 5 พี่น้อง ซึ่งความขัดแย้งได้นำไปสู่สงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรที่พ่อลูก ลุงป้า น้าอา ปู่หลาน ญาติพี่น้อง ศิษย์อาจารย์ เข้าเข่นฆ่ากันเอง จากกองทัพหลักล้านคนเหลือรอดชีวิตมาเพียงสิบกว่าคนเมื่อจบสงคราม
 

 
หลังจบสงครามก็มีการจัดพิธีศพและอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต ขณะที่จัดพิธีอยู่พระนางกุนตีแม่ของพี่น้องปาณฑพทั้ง 5 ก็เดินเข้ามาหายุธิษฐิระเพื่อบอกว่ายังมีร่างไร้วิญญาณอีกหนึ่งร่างที่ยังไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้
 
ยุธิษฐิระได้ฟังสักพักก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร นั้นก็คือกรรณะที่บุตรและญาติพี่น้องตายหมดสิ้นไปแล้วจึงไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้ (บางเวอร์ชั่นเล่าว่ายังมีบุตรของกรรณะเหลืออยู่ 1 คน)
 
 
ยุธิษฐิระไม่พอใจแม่มาก กรรณะถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของพี่น้องทั้ง 5 เป็นคนวรรณะต่ำที่ริจะมาเทียบวรรณะกษัตริย์ จึงถามแม่กลับไปว่า
ทำไมต้องไปทำบุญให้คนที่พวกตนเกลียดเข้าไส้แบบนี้ 


 
พระนางกุนตีจึงบอกความจริงที่ตนปกปิดมาตลอดชีวิตแก่ยุธิษฐิระว่ากรรณะแท้จริงแล้วเป็นพี่ชายคนโตของพี่น้องทั้ง 5
 
หลังทราบความจริงพี่น้องทั้ง 5 เสียใจมากโดยเฉพาะอรชุนที่เป็นคนสังหารกรรณะเองกับมือ
หลังยุธิษฐิระทำบุญให้แก่กรรณะแล้วก็เปร่งวาจาสิทธิ์ออกมาว่า

“นับแต่นี้ต่อไป จะไม่มีผู้หญิงคนใดเก็บความลับไว้กับตัวได้อีกต่อไป”

หลังจากนั้นเหล่าผู้หญิงทั่วทั้งโลกก็เริ่มมีนิสัยชอบซุบซิบขึ้นมา 
เมื่อได้รับรู้เรื่องอะไรมาก็จะทนเก็บไว้กับตัวไม่ได้ต้องไปเล่าให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ฟัง 
และเรื่องราวนั้นก็จะค่อย ๆ กระจายไปทั่วในที่สุด
 

 
 
 
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน” 
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่