จากข้อความในจดหมายต่อไปนี้ คุณคิดว่า กสทช. มองปัญหาการถูกสมัครบริการ SMS โฆษณากวนใจในลักษณะใด?

จริง ๆ กระทู้นี้มันเกิดจากจดหมายตอบกลับที่ผมไม่คิดว่าจะได้จาก กสทช. เนื่องจากนี่ก็เกือบจะสองเดือนแล้วที่ส่งไปและก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องตอบชี้แจงอะไร แต่ก็ยังส่งมาแต่ดันส่งไปผิดที่อยู่ทางไปรษณีย์ พออ่านข้อความในจดหมายนี้ก็เกิดเครื่องหมายคำถามหลาย ๆ จุดจึงอยากนำมาแบ่งปันสอบถามเพื่อนสมาชิกว่าอ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรกัน

มีนาคม 2562 ผมได้รับ SMS แจ้งสมัครบริการ SMS ดูดวงยี่ห้อหนึ่งในขณะที่โทรศัพท์มือถือ Nokia 7 Plus ของผมซึ่งก็ไม่ได้ติดตั้ง App ที่ผิดปรกติ (ลงไว้แค่ Apple Music, Microsoft Outlook, แอปของค่าย) ไม่ได้ต่อ Wifi วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งในระหว่างที่ผมกด *137 เพื่อยกเลิกการสมัครบริการ (ที่ไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร) มันก็มี SMS ที่ถูกตีว่าเป็นการใช้บริการดังกล่าวเข้ามาและคิดค่าบริการไปแล้ว 3 บาท ซึ่งผมก็รีบแจ้งทาง CC ของค่ายนั้นถามหาเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ได้คำตอบมาในทำนองว่า ผมน่าจะไปสมัครบริการด้วยวิธีการ "เฉพาะเจาะจง" บางอย่าง ไม่ได้มีการยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดใด ผมก็คาดคั้นเอาหลักฐานการสมัครบริการซึ่งหลักฐานที่ทางค่ายเอามาแสดงก็พบว่ามันเป็นการสมัครบริการเท็จอย่างชัดเจน ซึ่งจากข้อมูลนั้นค่ายเองก็น่าจะมีความสามารถในการตรวจสอบได้ว่ามันเป็นการสมัครบริการผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นหรือไม่ จนผมเองต้องทักไปว่าอันนี้มันเป็นเท็จนะ ทางค่ายจึงแจ้งว่าพบข้อผิดพลาดในการสมัครบริการและยกเลิก ซึ่งผมเห็นว่าค่ายเองยังไม่รู้เองแต่แรกและคิดเงินได้ต้องให้ผมเองพิสูจน์ว่ามันเป็นการสมัครบริการมิชอบ มันน่าจะเข้าข่าย "ประกาศ กสทช. เรื่องการกระทำที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคกิจการโทรคมนาคมโดยอาศัยการใช้เครือข่ายหรือการโฆษณาอันมีลักษณะเป็นการค้ากำไรเกินควรหรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ พ.ศ. 2558" ผมจึงรวบรวมหลักฐานส่งให้ กสทช. เพื่อให้ลงโทษค่าย (ผมรู้ว่า กสทช.​ ไม่ได้มีอำนาจลงโทษผู้ให้บริการ SMS) และได้ดำเนินการย้ายค่ายออกจากค่ายเดิมเนื่องจากเห็นความไม่เป็นมืออาชีพในการดำเนินการและความไม่น่าไว้วางใจที่จะใช้บริการระบบที่ดำเนินการของเขา

ผ่านไป 6 เดือน ระหว่างนั้นก็มีการเด้งไปเด้งมาระหว่าง กสทช. กับค่ายมือถือ เป็นคำชี้แจงจากทางค่ายที่ กสทช.​ เองก็อ่านไม่เข้าใจ (เป็นหน้าข้อมูลที่แสดงว่ามีการสมัครบริการเมื่อใด ยกเลิกเมื่อใด) แล้วบอกให้ผมยอมรับคำชี้แจง ซึ่งผมก็ไม่ยอมรับ ชี้จุดผิดพลาดอยู่ตลอดในกระบวนการ และก็ขอให้ดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่องการกระทำที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบฯ กับค่าย มีการให้ค่ายประสานให้ผู้ให้บริการ SMS โทรมาชี้แจง ซึ่งก็ชี้แจงอะไรที่ผมก็รู้อยู่แล้วและก็ไม่มีการยอมรับว่าร่วมมือกับทางค่าย (ยอมรับผิดฝ่ายเดียว ไม่ได้สืบหาต่อว่าใครเป็นผู้กระทำการสมัครเท็จนี้ด้วยเพราะอ้างว่าข้อมูลที่เก็บในระบบตัวเองมันผิดพลาด ตามต่อไม่ได้) และก็มีการเจรจาจากทางค่ายเพื่อให้อยากยุติเรื่องโดยการเสนอผลประโยชน์ให้ (อันนี้ไม่ได้แจ้งกับ กสทช. เพราะไม่อยากไปทำให้คนที่มีหน้าที่มาเคลียร์เดือดร้อน) ซึ่งผมก็ไม่เคยยอมรับผลประโยชน์ดังกล่าวนะ แต่สุดท้ายคำตัดสินของ กสทช. ที่ออกมาช่วงต้นเดือนตุลาคม 2562 มีใจความว่า กสทช. แม้จะเห็นว่ามันมีความมิชอบในการสมัครบริการ SMS แต่ กสทช. ก็ไม่มีอำนาจไปลงโทษอะไรได้โดยอ้าง พรบ. กสทช. 2553 และ พรบ. กทค. 2544 (ผมไม่ทราบว่าเขาเข้าใจไหมว่าผมจะให้ลงโทษค่าย ไม่ใช่ผู้ให้บริการ SMS) และมองว่าการที่ค่ายคืนเงิน 3 บาทนั้น เป็นการเยียวยาผมแล้ว และสั่งยุติเรื่องร้องเรียนไป (ซึ่งผมก็ได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาลปกครองกลางแล้ว)

แต่หลังจากคำตัดสิน ผมก็ได้มีหนังสือตอบกลับ กสทช. ไป 1 ฉบับ (ก่อนที่จะอุทธรณ์) เนื่องจากการตีความคำตัดสินของผมเองที่คิดว่า กสทช. ไม่ยอมใช้อำนาจตามประกาศ กสทช. เรื่องการกระทำที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบฯ (ไปอ้าง พรบ. กสทช. 2553, พรบ. กทค. 2544) ซึ่งตามความเข้าใจของคนทั่วไปน่าจะคิดว่า กสทช. มีอำนาจนี้ เนื่องจากมีกรรมการ กสทช. ท่านหนึ่ง รวมถึงเลขาธิการฯ และผู้รักษาการตำแหน่ง ได้มีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน หลายครั้งหลายโอกาส ทำให้เราเข้าใจว่า กสทช. เองสามารถใช้อำนาจตามประกาศนี้ดำเนินการใดในลักษณะการตักเตือนหรือลงโทษค่าย (ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม) ได้ ต้องการให้ส่งคำตัดสินนี้เข้าที่ประชุม กสทช. เพื่อพิจารณากับคำตัดสินนี้ (เพราะเห็นว่าหน่วยงานใกล้กันน่าจะดำเนินการได้เลย ไม่ต้องไปรอคำตัดสินอุทธรณ์จากศาลปกครองกลาง ที่ผมก็จะขอให้ทำแบบนี้อยู่แล้ว) ซึ่งผู้รักษาการตำแหน่ง เลขาธิการ กสทช. ที่เซ็นหนังสือตัดสินเรื่องร้องเรียนของผมก็ได้ตอบกลับมาตามข้อความต่อไปนี้ (ผมตัดย่อหน้าอารัมภบท ย่อหน้าจึงเรียนมาเพื่อทราบออก อันที่เป็นตัวเอียง คือส่วนที่ผมขอขยายความเพิ่ม)

"สำนักงาน กสทช. ขอเรียนว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นกรณีที่บริษัทฯ ค่าย แก้ไขปัญหาโดยการคืนเงินค่าสมัคร SMS ให้แก่...ผม แล้ว ซึ่งเป็นประเด็นไม่ซับซ้อนต่อการแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนตามมติ กสทช. ครั้งที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 อันนี้คือมติที่เขาใช้ตีตกกรณี SMS โฆษณาทุกข้อร้องเรียน และเห็นว่า ได้ดำเนินการรับและพิจาณาเรื่องร้องเรียนครบถ้วนตามกระบวนการตามประกาศ กสทช. เรื่อง กระบวนการรับและพิจาณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2559 และหากท่านซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนไม่พอใจคำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมสามารถใช้สิทธิฟ้องศาลปกครองได้ ตามที่ได้แจ้งไว้ในคำสั่ง ลงวันที่... วันที่ในหนังสือคำสั่งที่ผมแทบจะอ่านเลขไทยในหนังสือที่ได้รับไม่ออก ส่วนกรณีที่ผู้ร้องเรียนต้องการให้ลงโทษผู้ประกอบการนั้น เห็นว่า ผู้ส่งข้อความสั้น (SMS) เป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารและบังเทิงผ่านข้อความสั้นชื่อ... ไม่ใช่ค่ายมือถือ ซึ่งมิใช่ผู้รับใบอนุญาตประกอบการกิจการโทรคมนาคมตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 จึงไม่อยู่ในอำนาจ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ที่จะดำเนินการให้ได้ อย่างไรก็ดี กรณีการให้บริการข้อความสั้น (SMS) สำนักงาน กสทช. ได้กำชับให้ผู้รับใบอนูญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมใช้ความระมัดระวังในการเรียกเก็บค่าบริการข้อความสั้น (SMS) ที่ผู้ใช้บริการไม่ได้สมัคร และขอให้กำชับผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารและบันเทิงผ่านข้อความสั้น (SMS) ให้บริการดำเนินการเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการของตนเองโดยเมื่อมีปัญหาข้อโต้แย้งการสมัครใช้บริการจะต้องมีหลักฐานที่แสดงหรือพิสูจน์ได้ว่า ผู้ใช้บริการมีการสมัครบริการข้อความสั้นดังกล่าวจริงเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นปัญหาข้อโต้แย้งในการเรียกเก็บค่าบริการข้อความสั้น (SMS) โดยไม่ได้สมัคร"

จึงเป็นคำถามว่าจากคำชี้แจงนี้ เพื่อนสมาชิกที่ได้อ่านมีความเห็นว่า กสทช. มองปัญหาการถูกสมัครบริการ SMS โฆษณากวนใจในลักษณะใด?
*** ปิดโหวต วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 เวลา 19:31:24 น.
1. จากข้อความในจดหมายต่อไปนี้ คุณคิดว่าผู้มีอำนาจมองปัญหา SMS โฆษณากวนในลักษณะใด?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่