[CR] รีวิวหนังสือ เรียนรู้คลอดชีวิต ความท้าทายสู่ศตวรรษที่ 21 โดย UNESCO

(Learning Throughout Life: Challenges for the Twenty First Century by UNESCO) 
นิยามของการเรียนรู้ตลอดชีวิต แตกต่างกันตามชมชาติ ภาษา และวัฒนธรรม แม้นในเอเชียที่มีการเรียนรู้ส่วนใหญ่ผ่านทางศาสนาซึ่งแตกต่างกับในยุโรปที่มีการเรียนรู้เน้นในด้านปัจเจกบุคคลมาตั้งแต่อดีตโบราณ การเรียนรู้ไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มความรู้หรือทักษะ แต่ยังท้าทายในด้านแต่ยังเสริมสร้างในด้านผู้คน กลุมชน และประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิมนุษยชน สันติภาพ และความยุติธรรมในสังคม ที่เป็นอุดมการณ์ของ UNESCO การเรียนรู้ (Leaning) ไม่ใช่แค่เพียงระบบการศึกษา (education system) ที่เป็นระบบจัดตั้งขึ้นในสังคมของมนุษย์

การเรียนรู้ในนิยามของ UNESCO มีสี่เหลักได้แก่
เรียนเพื่อรู้ (Leaning to know) เป็นการเรียนรู้ทั่วไปในหัวข้อที่ผู้เรียนเลือก เพื่อจะเป็นใบนำทางไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการวางพื้นฐานทางด้านการศึกษาของผู้เรียน
เรียนเพื่อทำ (Learning to do) เป็นการเรียนรู้เพื่อทำงาน และแข่งขันในสถานการณ์ที่หลากหลายและการทำงานเป็นทีม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน นักศึกษาในการทำงานร่วมกันและการเข้าสังคม
เรียนเพื่อจะอยู่ร่วมกัน (Learning to live together) เป็นการเรียนรู้เพื่อเข้าใจในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม คุณค่าทางจิตวิญญาณ เพื่อให้ผู้คนมีเป้าหมายร่วมกันและจัดการกับความขัดแย้งได้อย่างฉลาดและก่อเกิดสันติภาพ
และ เรียนรู้เพื่อจะเป็น (Learning to be) เป็นเป้าหมายของแต่ละบุคคลในการรับผิดชอบต่อเป้าหมายร่วมกันในสังคมโดยรวมทั้งความอิสระและและการตัดสินใจของแต่ละคน
ในแต่ละประเทศมีปัญหาที่เกิดแตกต่างกัน วิธีการแก้ปัญหาก็แตกต่างกัน แต่การเรียนรู้จะช่วยพัฒนาและลดความเหลื่มล้ำที่เกิดขึ้นจากประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา ในหนังสือเล่มนี้ยังได้เล่าถึงนโยบายทางด้านการศึกษาของประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรป เอเชีย อเมริกา ตั้งแต่ระดับประถม มัธยม อาชีวะศึกษา ถึงมหาวิทยาลัย รวมไปถึงการเรียนทางไกล และการศึกษารูปแบบต่างๆ 
ทักษะที่นักเรียนนักศึกษาควรรู้ สำหรับโลกแห่งอนาคตมีสี่อย่าง ได้แก่ รู้ว่า”อะไร” (know what), รู้ว่า “ทำไม” (know why), รู้ว่า “อย่างไร” (know how), รู้ว่า “ใคร” (know who)  ทั้ง know what และ know why เป็นการเรียนรู้แบบดั้งเดิม แต่ในโลกในการทำงานยังต้องรู้ในด้าน know how และ know who ในมุมมองด้านการศึกษาในอนาคตยังเน้นไปสามองค์ประกอบหลักได้แก่ ด้านการศึกษา (Academic) ด้านอาชีพ (Vocational) และการสร้างเสริมประสบการณ์ (Experiential) ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเรียนรู้ในอนาคต 
ในหนังสือเล่มนี้ยังเล่าถึง ความสำเร็จในอดีต และความท้าทายในอนาคตด้านการศึกษาของประเทศต่างๆทั้งที่ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะปัญหาด้านการศึกษา ที่เกิดจากนโยบายภาครัฐ สี่อย่างได้แก่ 1) การเข้าถึงทางการศึกษาที่ไม่ได้ผล เช่น ในบางประเทศในอัฟริกา นักเรียนไม่ได้เรียนต่อเพราะยากจน ต้องออกจากการเรียนกลางคัน 2) ความไม่เท่าเทียมกันในด้านการศึกษา เช่น ในต่างจังหวัดขาดโอกาสและการส่งเสริมการศึกษาที่ไม่เท่ากับในเมือง 3) คุณภาพการศึกษา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนจะมีความรู้มาก แต่ในประเทศยากจน ถึงแม้นจะใช้ทรัพยากรของชาติในด้านการศึกษามาก แต่ประชาชนก็ยังมีความรู้ไม่มาก รวมถึงทักษะในการทำงานที่ต่ำ ที่จะพัฒนาประเทศต่อไป 4) ความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อ่อนแอ ในประเทศกำลังพัฒนา จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาได้ ปัญหาใหญ่ทั้งสี่ข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษาอย่างมากมาย
ในหนังสือนี้ยังเล่าถึงกรณีศึกษาของประเทศที่มีการพัฒนาด้านการศึกษาชั้นนำ เช่น อังกฤษ สเปน และ กรณีศึกษาของประเทศที่กำลังพัฒนาเช่น ลาตินอเมริก อัฟริกันตอนใต้ และอินเดีย 
หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ สำหรับบุคลากรที่อยู่ในวงการศึกษาไทย ได้เรียนรู้ เพื่อทราบข้อจำกัด และมุมมองในการแก้ปัญหาด้านการศึกษาของประเทศไทยเราเองครับ เล่มนี้ ผมให้ 4/5 ดาว
ผู้รีวิว นะนะ 12/12/2562
ชื่อสินค้า:   หนังสือ Learning Throughout Life: Challenges for the Twenty First Century by UNESCO
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่