แชร์ประสบการณ์ไปงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ KTC ครับ

..
                    วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้คืออยากจะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับงานนี้ครับเพราะ แรกเริ่มเดิมที ที่จะไปร่วมงานนี้คือหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วไม่มีเลย มีแค่ข้อมูลของทางกรมบังคับคดี ที่บอกเพียงแค่ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้ มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่รายละเอียดที่ผมอยากรู้คือไม่มีเลย คนที่เคยไปร่วมงานแล้วผลเป็นอย่างไร ข้อมูลการลดหนี้เป็นแบบไหน การไกล่เกลี่ยคือยังไง บรรยากาศในงานหาแล้วไม่มีเลยครับ 

     จะขอเล่าไปเรื่อยๆนะครับ ข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นเลย ตั้งแต่หยุดจ่าย รอหมาย ไปศาล ชำระเงิน และปิดหนี้ อาจจะน่าเบื่อ แต่ผมก็เชื่อว่า จะมีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นหนี้เสียของ KTC 

                    งานมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาษทางคดี ที่ทาง KTC กับ กรมบังคับคดีร่วมกันจัดงาน ซึ่งงานนี้จัดขึ้นปีละหลายครั้งครับ เวียนตามภาคต่างๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้พื้นที่นั้นๆ ส่วนการแจ้งจัดงานจากทาง KTC อาจจะเป็นจดหมายแจ้งลูกหนี้ตามภูมิลำเนา สำหรับผมอยู่ บุรีรัมย์ มาทำงานที่ชลบุรี และไปร่วมงานที่เชียงใหม่ครับ แต่ไม่เคยได้จดหมายนะ เพราะพี่สาวที่อยู่บ้าน ไม่เคยโทรมาบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย (อาจจะส่งไปแต่พี่สาวไม่เปิดอ่าน ฮ่ะๆ ) แต่ที่ไปร่วมงานนี้ได้เพราะ ได้คุยกับ จนท. ที่ดูแลบัญชีของผมโดยเฉพาะครับ  

     ผมมีบัตร KTC อยู่ 3 ใบ วงเงินเดียวกัน 149,000 บาท ที่ต้องปล่อยคือช่วงนั้นถูกเลิกจ้างครับ คือพังหมดชีวิตช่วงนั้น ต้องปล่อยทุกอย่าง เพื่อเริ่มต้นใหม่ ตามกระทู้เก่าที่เคยเล่าไปแล้ว  ผมหยุดจ่ายเมื่อประมาณเดือนมินายน ปี 59 หลังหยุดจ่าย 3 เดือน เข้าเดือนที่ 4 ไม่เกิน 6 เดือนหลังหยุดจ่าย เราก็เตรียมรับหมายศาลจากทาง KTC ได้เลย ผมได้รับหมายศาลราวๆ เดือนเดือนตุลาครับ และไปศาลเดือนพฤศจิกา และเริ่มจ่ายเดือน มกรา ปี 60 

                    การไปศาล ก็ดูในหมายได้เลยครับ ผมได้เป็นวันอังคาร เวลา 16.30 เป็นคดีนอกเวลาราชการครับ บรรยกาศตอนไปศาลก็ไปแจ้งที่เคาร์เตอร์หน้าศาล จนท. จะบอกว่าห้องไหน เราก็ไปรอห้องนั้น วันที่ผมไป ก็จะมีคนอื่นๆ ที่เป็นลูกหนี้ KTC หลายคนครับในจังหวัดนั้นๆ แล้วก็จะมีทนายของทาง KTC มาพูดคุยกับเรา บรรยากาศเหมือนๆ ในห้องประชุมครับ เค้าก็จะเอาข้อมูลของเรามาคุย ว่าหนี้เท่าไหร่ จ่ายเลยลดให้เท่าไหร่ หรือเอาแบบผ่อน สูงสุด ก็ 36 งวด เงื่อนไขตัวเลือกมีไม่มากครับ ถ้าเราตกลงก็เซ็นเอกสาร ผมเลือก ผ่อน 36 งวดครับ เพราะตอนนั้นยังไม่มีเงินปิดงวดเดียว เมื่อเราตกลงแล้ว ทนายก็จะเอาเอกสารเราไปให้ศาลท่านเซ็นต์ แล้วศาลท่านก็จะออกมาคุยกับเรา คุยกันภาษาง่ายๆครับ ผ่อนคลาย ว่า เราเป็นหนี้เท่านี้ ตกลงจ่ายแบบนี้ อย่าผิดนัดชำระนะ ไม่งั้นจะโดนตามยึดทรัพย์ ไรทำนองนี้ ถ้ามีอะไรติดขัดก็ให้คุยกับทนายในช่วงระหว่างที่ชำระ (แต่ในทางปฎิบัติคือเราได้คุยกับ จนท. ที่ดูแลบัญชีเราโดยตรงครับ ไม่ใช่ทนาย) ไม่มีหรอกครับ ที่ต้องไปยืนหน้าบันลงบันลังก์ ไม่ต้องกลัวครับ (เฉพาะคดีพิเศษหลังเวลาราชการน่าจะเป็นประมาณนี้ครับ)หลังจากเซ็นต์เอกสารและได้พบศาลก็กลับบ้าน รอชำระงวดแรกเดือนมกรา ปี 60 แบบนี้เขาเรียกว่า พิพากษาตามยอมนะครับ ส่วนถ้าใครไม่ยอม ไม่ตกลง อันนี้รอท่านอื่นแหล่ะกัน ว่ายังไงต่อ 

ทางทนายจะให้เอกสารเรามา 1 ฉบับครับ หน้าตาแบบนี้ พร้อมรายละเอียดต่างๆ 
ยอดแต่ละบัตรของผม ตัวเลขกลมๆ คือ 
ใบแรก 3,600 ผ่อนต่อเดือนยอดไม่น้อยกว่า 100 บาท  
ใบที่สอง 46,500 ผ่อนต่อเดือนยอดไม่น้อยกว่า 500 บาท 
ใบสุดท้าย 103,000  ผ่อนต่อเดือนยอดไม่น้อยกว่า 1,500 บาท ตามลำดับครับ  
ภายใน 36 งวดต้องชำระให้จบ 
                    ในระหว่างนี้ผมมีบัตรธนาคารอื่นอีก 2 ใบที่ต้องเครียร์ครับ คือ SCB และ KBank ก็เลือก SCB ก่อน แล้วตามด้วย KBank เลือกเครียร์บัตรที่น้อยไปหามากครับ ยอดแฮร์คัท 30,000 กว่าและ 40,000 ตามลำดับโพกัสที่ละบัตร ส่วน KTC ก็ชำระขึ้นต่ำตามที่ได้ทำยอมเอาไว้ ในระหว่าง 3 ปีที่ตกลงกับทาง KTC   ปีแรก จ่ายขึ้นต่ำก่อน เพราะเครียร์บัตร SCB ครับ พอปีที่ 2 บัตร KTC ก็ยังจ่ายขั้นต่ำอยู่ และเลือกเครียร์บัตร KBank และปีสุดท้ายปีที่ 3 เลือกโพกัส ที่ KTC พอจบ 2 ใบแรกผมก็จะมีเงินมาจัดการบัตร KTC ยอด 3,600 กับ 46,500 เดือนเมษายนมีโบนัสหมื่นกว่าบาทออก ก็เลยโทรติดต่อ จนท. เพื่อจ่ายปิดแฮร์คัท ได้ที่ยอด 22,000 (ยอด 3,600 จ่ายจบปกติไม่ได้ขอส่วนลด) ตอนนั้น จนท. ไม่ได้บอกอะไรเราก็เลยไม่รู้ (มาถึงตอนนี้รู้สึกเสียดายมากครับ ถ้าไปงานไกล่เกลี่ยที่จัดขึ้นในช่วงนั้น ยอดน่าจะน้อยกว่านี้มาก เพราะแบบนี้เลยอยากจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา)

          เริ่มพฤษภาคม ผมก็เริ่มมาโพกัสที่บัตรใบสุดท้ายที่ยอดเยอะที่สุด จากการที่ชำระมาเรื่อยๆ ในช่วง 2 ปี ยอดก็ลดลงมาบ้างครับ เช็คกับทาง จนท. เหลือประมาณ 80,000 ถ้าปิดเลยชำระที่ยอด 56,000 แต่ก็ไม่ได้ปิดครับเพราะเงินไม่มี แต่อยากทราบยอดเพื่อวางแผนในช่วงเวลาที่เหลือ ช่วง พฤษภาคมถึงตุลาคม เร่งช่วงนี้ครับเพราะจะเข้าเส้นชัยแล้ว 555  โค้งสุดท้าย ก่อนครบกำหนด 36 งวด ผมก็ทุ่มจ่ายที่บัตรนี้บัตรเดียวเดือนละ 5,000-7,000 ยอดก็ลดเร็วครับ จบตุลาคม ก็เลยโทรไปเช็คกับ จนท. ว่ายอดคงเหลือเท่าไหร่ และถ้าปิดจะได้ส่วนลดเท่าไหร่ เพื่อวางแผนการใช้เงินใน 2 เดือนที่เหลือ เพราะธันวาคม ผมมีโบนัส 10,000 บาท และเงินเดือนรวมโอทีจะได้อยู่ที่ประมาณ 23,000 บาท รวมกัน ก็ 33,000 
         
          จนท. แจ้งมาหนี้คงเหลือตัวเลขกลม ๆ ก็ 47,000 บาท ถ้าชำระเพื่อปิด ได้ที่ยอด 24,000 บาท มาถึงตรงนี้ ผมก็อยากปิดครับ แต่ตัวเองไม่มีเงินเลย เลยไปยืมเงินน้องสะใภ้มาปิด จ่ายคืนให้น้อง 2 เดือน สิ้นเดือน พฤศจิกา 7,000 และอีก 17,000 คืนให้ ตอนโบนัสออกปีใหม่ น้องสะใภ้เราก็ดีครับ พอได้เงินมาผมก็โทรติดต่อ จนท. ไปใหม่ ว่าขอลดลงอีกสักนิดได้ไหม ขอยอด 20,000 ถ้วน หรือสัก 22,000 ไรเงี่ย  คือตอนนี้กำเงินในมือพร้อมจ่ายแล้วถ้าต่อขอลดลงอีก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คิดแบบนั้น แต่ไม่มีผลครับ จนท.แจ้งไม่สามารถลดให้ได้ด้วยประการทั้งปวง (นี้ยังไม่คิดเรื่องที่ว่า ถ้าครบ 36 งวดแล้ว ผมจะขอผ่อนอีก สัก 2 งวด จะได้หรือเปล่าเพราะหาไม่ได้จริงๆ แต่ยังทำงานอยู่ ตอนไปทำยอมที่ศาล ท่านก็บอกถ้ามีอะไรให้คุยกันตกลงกันจากที่ตกลงกันที่ศาล 36 จากที่เคยส่งมาตลอด 36 งวดตรงเวลาตลอดไม่เคยขาด ถ้าเงินเดือนรวมโบนัสสิ้นปีแล้วยังไม่พอจ่ายในงวดสุดท้าย ก็จะขอต่อเวลาอีกสัก 2 งวด ก็สามารถจบหนี้ได้ )

**จขกท. เงินเดือน 14,000 บาท และมีโอทีเดือนละประมาณ 7,000 และค่ากะเดือนละ 1,000 ครับ รายได้แต่ละเดือนจะประมาณนี้ โบนัสสิ้นปี 10,000 บาท และโบนัสเมษาอีก 1 เดือนกว่า **

                    ต่อนะครับ หลังจากที่โทรไปขอลดยอดกับ จนท.แล้ว คือลดไม่ได้ จนท. ก็น่ารักครับ  แจ้งผมมาว่า มีอีกทางเลือกเดียวคือต้องไปงาน มหกรรมที่ว่านี้ครับ ที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่ ในวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ถ้าชำระครั้งเดียว จ่ายแค่ 7,000 บาท  ผมก็ห๊ะ!!! คือตอนแรกที่ได้ยินคืออะไร  7,000 มันใช่หรอ คือ ซ๊อคกับยอดนี้ครับ  จากยอด 47,000 ถ้าปิดแฮร์คัทปกติโทรไปแจ้ง ส่งเอกสารแจ้งเรื่อง ปิดที่ยอด 24,000 แต่ถ้าไปงานนี้ เหลือแค่ 7,000 ผมก็ถามย้ำว่า ปิดครั้งเดียว 7,000 จริงๆ ใช่ไหม จนท. ก็เฟริมกับมาว่า 7,000 จริงๆ และถามเราว่า สนใจจะไปร่วมงานไหม ถ้าไป ก็จะได้ลงทะเบียนไว้ให้เลย ผมก็ตกลงสิครับ ไปก็ไป จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน นั่งการบินไทยไปเก๋ ๆขาไป 1400 บาท ขากลับ 1450  บาท พักโฮสเทลคืนแรก บ้านเมฆ 450  ใกล้โลตัสปางสวนแก้ว และคืน 2 ไปนอน Haihostel ใกล้ๆ ประตูท่าแพ ตอนเย็นก็ไปเดินถนนคนเดินครับ ได้เสื้อสวยๆทางเหนือมาฝากพี่ๆ คนที่ช่วยเหลือเราช่วงที่เราแย่ และลำบาก ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ตอนนี้เราโอเคแล้ว ก็อยากจะทำอะไรให้พวกเขาบ้าง

          งานมหกรรมไกล่เกลี่ยนะครับ เอาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่า ใช่ไกล่เกลี่ยไหม เพราะลูกหนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรมาก เพราะได้ยินคนที่เข้าไปก่อนหน้า แล้วก็บ่นออกมาว่า ไกล่เกลี่ยอะไร มีแต่บีบลูกหนี้ ขออะไรก็ไม่ได้ ได้ยินมาแบบนั้น แต่สำหรับผมนะ งานนี้คือดีครับ ดีมากๆเลย มีข้อเสนอดีๆสำหรับการใช้หนี้มาให้เลือก คือ KTC เค้าจะมี แพ็คเก็จมาให้ครับ  1-2-3-4  ว่าเราต้องการแบบไหน 
1        ชำระปิดงวดเดียว ลดดอกเบี้ยเลย 100% เอาแต่เงินต้น
2        ผ่อนชำระ 3 งวด ลดดอกเบี้ย 80% 
3        ผ่อนชำระ 6 งวด ลดดอกเบี้ย 70%
4        ผ่อนชำระ 12 งวด ลดดอกเบี้ย 60%
และสำหรับคนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมาย ก็สามารถติดต่อสอบถามพูดคุยกับ จนท. กฎหมายจากทางกรมบังคับคดีได้ครับ งานนี้เค้าก็มาบริการ 
อันนี้เป็นบรรยากาศภายในงานครับ เตรียมแค่สำเนาบัตรประชาชนใบเดียว สามารถมอบอำนาจให้คนอื่นไปแทนได้ครับ 
มอบอำนาจ
-สำเนาบัตรประชาชนลูกค้า  1 ฉบับ
-สำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ 1 ฉบับ
-หนังสือมอบอำนาจ 1 ฉบับ

เมื่อไปถึงงานก็ไปลงทะเบียนที่โต๊ะด้านหน้างานก่อนครับ ยื่นสำเนาบัตรประชาชน แล้ว จนท.จะให้เบอร์คิวเรามา เราก็เข้าไปข้างในได้เลย  มีน้ำและอาหารฟรีครับ บริการตัวเอง 

พอเข้ามาข้างใน ก็ไม่ต้องอายนะครับเพราะทุกคนที่มาที่นี้ เป็นหนี้กันหมดทุกคน 555 ทุกเพศทุกวัย 
ด้านหน้าเวทีมีป้ายบอก คุณมาถูกงานครับ 
มีจอโปรเจคเตอร์บอกลำดับคิว เราก็นั่งรอเรียกสิครับ จะมี จนท. ประกาศเรียกคิวนะครับ เช่น “ขอเชิญ หมายเลข A0250 ที่ช่องเจรจา 5 ค่ะ” ถึงคิวเรา เราก็เข้าไป
ที่โต๊ะเจรจานะครับ จนท. ก็จะเอาข้อมูลมาให้เราดูครับ ว่า จะเลือกชำระแบบไหน 

                    ของผมไม่อะไรมาก เพราะมีธงในใจอยู่แล้ว จ่ายงวดเดียวจบครบหนี้  ก็คุยแปบเดียว เมื่อเราเลือกและตกลงรับตามเงื่อนไขแล้ว จนท. จะให้เซ็นเอกสารครับ 1ชุด 2 Copy KTC เก็บไว้ใบหนึ่ง เอาไปคืน จนท.ที่ดูแลบัญชีเรา เพื่อทำเอกสารใบปิดมาให้เราไปชำระ และเราได้กลับมาชุดหนึ่ง แล้วก็เป็นอันเสร็จ กลับบ้านได้ 
แต่พวกรายละเอียดอื่น เช่น การเจรจาไกล่เกลี่ย ในส่วนของลูกหนี้ขอเป็นข้อเสนออื่นๆ ที่นอกเหลือจาก KTC เสนอมา สามารถบรรลุการเจรจากันได้ไหม อันนี้ไม่รู้นะครับ 

เพียงแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จการร่วมงาน รอ จนท. KTC ติดต่อกลับ เพื่อทำเรื่องชำระและรับใบปิดครับ ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก ท่านใดที่ต้องการจะชำระแบบนี้ ลองสอบถาม จนท. ที่ดูแลบัญชีดูนะครับ เขามีเวียนกันจัดงานตามภาคต่างๆ ผมว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับคนที่อยากจะจบหนี้เพราะประหยัดไปได้เยอะเลย

สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่า สู้ๆครับ สำหรับคนที่มีหนี้ ใช้คืนเขาไปเรื่อยๆ เดียวมันก็หมดครับ คิดบวกไว้ นี้แหล่ะคือประสบการณ์ชีวิตที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น สวัสดี..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่