ดวงตาแห่งซาฮาร่า
ดวงตาแห่งซาฮารา หรือที่เรียกกันว่า Richat Structure ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศมอริเตเนีย ในทะเลทรายซาฮารา ทวีปแอฟริกา คือหนึ่งในลักษณะของชั้นหินทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ มีรูปร่างลักษณะเป็นวงค่อนข้างกลมดูคล้ายกับดวงตาของคน มีเส้นรอบวงยาวถึง 40-50 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์หรือการพุ่งชนของอุกกาบาตในอดีต ดังที่หลายคนเชื่อกัน
เพราะแท้จริงแล้วดวงตาแห่งซาฮารานี้เกิดจากชั้นหินตะกอน หินแปร และหินอัคนี ที่แทรกสลับชั้นกันไปมาและถูกดันตัวขึ้นมาจากทุกทิศทาง จนเป็นลักษณะที่เรียกว่า Dome structure จากการแทรกดันของแมกมาใต้ผิวโลก ในช่วงที่แผ่นเปลือกโลกแอฟฟริกาและอเมริกาเหนือ แยกตัวออกจากกันเมื่อ 100 ล้านปีก่อนจากนั้นยอดของโดมถูกกัดกร่อน จนเหลือความสูงให้เห็นเพียงระดับปัจจุบัน
โดยจะเห็นได้ว่าชั้นหินแต่ละชั้น ( วงกลมหลายๆวงที่ซ้อนกัน 1 วงคือชั้นหิน 1 ชั้น) มีความสูงไม่เท่ากัน เนื่องจากหินแต่ละชนิดมีความคงทนต่อการกัดกร่อนต่างกัน โดยชั้นหินที่อยู่ตรงกลางมีอายุมากที่สุด นอกจากนี้เราสามารถเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียมใน Google Earth
Cr.GeologyChulalongkorn/photos
“ไข่น้ำแข็ง”
ก้อนน้ำแข็งรูปทรงคล้ายไข่หลายหมื่นก้อน ปกคลุมชายหาดในประเทศฟินแลนด์ จากผลของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
นายริสโต มัตทิลา ตากล้องสมัครเล่น เป็นหนึ่งในประชาชนที่พบเห็น “ไข่น้ำแข็ง” โดยบังเอิญ บนหาดมาร์จาเนียมีของเกาะไฮลูโต ในอ่าวบอธเนีย ซึ่งอยู่ระหว่างฟินแลนด์กับสวีเดน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เปิดเผยว่าการจะเกิดไข่น้ำแข็งได้ต้องมีสภาพอากาศหนาวเย็น ลมแรง และอุณหภูมิที่เหมาะสม ในแต่ละปีจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวโดยไข่น้ำแข็งก่อตัวจากน้ำแข็งขนาดเล็กบนพืดน้ำแข็ง หรือธารน้ำแข็ง ที่ถูกคลื่นทะเลลซัดไปมา ประกอบกับลมหนาว ส่งผลให้ไข่น้ำแข็งเป็นลูกทรงกลม มีพื้นผิวเรียบลื่น ส่วนไข่น้ำแข็งที่เกยตื้นขึ้นชายหาดนั้นเป็นเพราะถูกลมหรือคลื่นทะเลพัดพาเข้าฝั่ง
ก่อนหน้านี้มีปรากฏการณ์ไข่น้ำแข็งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อาทิ อ่าวมิชิแกน ใกล้นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา แลแคว้นไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ฟินแลนด์เองก็มีปรากฏการณ์ไข่น้ำแข็งเมื่อปี 2560 แต่เกิดขึ้นในอ่าวฟินแลนด์ ใกล้ชายฝั่งรัสเซีย
© Matichon ภาพประกอบข่าว
Cr.msn.com
" หินหลั่งเลือด " Pyura chilensis
”ไพยูราไชเลนซิส”(Pyura chilensis) หรือชาวเปรูเรียกว่า “พิอุเร่”(piure) มันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์น้ำเป็น เพรียงหินชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเหมือนก้อนหิน ซึ่งมี อวัยวะอยู่ด้านใน ที่สร้างเกราะห่อหุ้มร่างกายเพื่อเอาไว้ เพื่อใช้กรองอาหาร แล้วขับของเสียออกมาในรูปแบบปัสสาวะสารอาหารจะถูกกักเก็บเอาไว้ภายในของมันอยู่ในสภาพเหมือนเลือดเนื้อสีแดง ชาวบ้านเรียกมันว่า “ก้อนหลั่งเลือด”(Bloody Rocks)
แม้ว่าเพรียงหิน หรือ ก้อนหินมีชีวิต จะมีหน้าตาคล้ายก้อนหิน แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งพบได้แค่ในประเทศชิลี และ เปรู เนื้อของมันมีรสชาติขมเล็กน้อย แต่มีสารอาหารมากมาย สามารถทานสดๆหรือนำไปต้มซุปก็ได้ คนในท้องถิ่น ชอบนำไปตากแห้งก่อนแล้วค่อยนำมาทำอาหาร.
เพรียงหินที่มีลักษณะคล้ายหินมีผิวขรุขระนี้ สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ในช่วงชีวิตระยะแรกตัวเองจะเป็นเพศผู้และพัฒนาต่อมาเป็นเพศหญิงได้เอง อาหารหลักคือแพลงตอน สาหร่าย จุลินทรีย์ โดยการกรองอาหารผ่านรยางค์ การผสมพันธุ์ของเขาก็จะปล่อยสเปิร์มกับไข่ออกมาให้มันลอยไปผสมกันเอง พอผสมกันได้ก็จะลอยไปเกาะตามโขดหินริมฝั่ง หลังจากนั้นก็จะเจริญเติบโตจากอาหารที่ลอยมาตามกระแสน้ำขึ้นน้ำลง
Cr.soccersuck.com/
ฝนเลือด "blood rain"
"red rain" หรือ "blood rain" (ฝนเลือด) ปรากฏการณ์ฝนสีแดงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ สี่ปีที่แล้วที่เคราลาประเทศอินเดีย โดยที่ฝนสีแดงได้ตกต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนานถึงสองเดือน ซึ่งในปรากฎการณ์นี้มีรายงานว่าได้มีเสียง
ระเบิดดังขึ้นก่อนที่ฝนสีแดงจะเทลงมา ซึ่งโดยเบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอุกกาบาติที่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศและระเบิดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 25 กรกฎาคม โดยที่ฝุ่นละอองจากการระเบิดนั้นได้ทำให้เกิดสปอร์จำนวนมหาศาล ซึ่งสปอร์เหล่านั้นได้เข้าไปสะสมอยู่ในกลุ่มเมฆและทำให้น้ำฝนเป็นสีแดง
อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไมสปอร์จำนวนมหาศาลไม่ปลิวไปตามลมและตกไปสู่บ้านเรือนแถวนั้นบ้าง?...
น้ำฝนดังกล่าวได้ถูกรวบรวมและได้ถูกส่งข้ามโลกไปตรวจสอบที่แลปไมโครไบโอโลยีของมหาวิทยาลัย Sheffield ประเทศอังกฤษ สิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าสปอร์ดังกล่าวเป็นของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าบางทีแล้ว การที่ดาวหางพุ่งชนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อนได้นำเอาเซลของสิ่งมีชีวิตติดมาด้วยและเซลเหล่านั้นได้วิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกปัจจุบัน..
ดร. หลุยส์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย ผู้ซึ่งเป็นหัวหอกในการค้นคว้าครั้งนี้ ได้กล่าวไว้ในเว็บไซท์ของเขาว่า เมื่อเอาน้ำฝนดังกล่าวไปตรวจสอบก็ได้พบเซลส์ของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุคาร์บอนและอ๊อกซิเจนอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน อย่างไรก็ดีเขาไม่พบ DNA จากเซลส์ดังกล่าว ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้จะมี DNA เป็นส่วนประกอบ การที่ไม่มี DNA นั้นแสดงว่าเซลส์สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่ผลิตผลทางชีวภาพบนโลก อย่างไรก็ดี
ดร.หลุยส์ก็ไม่ได้ฟันธงลงไปว่าแท้จริงแล้วเซลส์นั้นมาจากต่างดาวจริง เนื่องจากว่าไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวมาก่อน (อย่างดีก็แค่ฟอสซิลของแบคทีเรียจากดาวอังคาร แต่นี่ก็เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปรากฎการณ์ฝนสีแดงในขณะนี้..
Cr.board.postjung.com/
รุ้งขาว
รุ้งกินน้ำที่เราเห็นทั่วๆ ไปตามปกติคือต้องมี 7 สี ไล่ลงมาตั้งแต่ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง แต่ "รุ้งกินน้ำ" ที่เราเห็นอยู่นี้ มีแค่สีเดียว คือสีขาว
ภาพความสวยงามทางธรรมชาตินี้ได้รับการบันทึกโดย Melvin Nicholson ซึ่งเกิดขึ้นในทุ่งทางตอนใต้ของ Glen Coe ในสกอตแลนด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่พบเห็นได้ยากนี้เรียกว่ารุ้งหมอก (Fogbow) เกิดจากการที่หยดน้ำบริเวณรุ้งกินน้ำนั้นมีขนาดเล็กและบางเบางมากจนไม่สามารถสะท้อนแสงได้
รุ้งขาวถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเกิดจากหยดน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า 0.05 มิลลิเมตร จนทำให้เกิดเป็นวงแหวนสีขาวสวยงามบนท้องฟ้า สำหรับนักเดินเรือมักเรียกรุ้งขาวนี้ว่า สุนัขทะเล (Sea Dogs)
Cr. ที่มา สำรวจโลก , BBC
กุหลาบทะเลทราย Dessert Rose Selenite
กุหลาบทะเลทรายนี้เป็นการก่อตัวจากมาจากแร่ยิปซั่มหรือแบไรต์ รวมกับเม็ดทรายจำนวนมากเข้าด้วยกัน โดยเฉลี่ยแล้วกุหลาบทะเลทรายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 1.3 ซม. ถึง 10 ซม. ดอกที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบจะอยู่ที่ 99 ซม. และมีความสูง 99 ซม. และหนักถึง 454 กิโลกรัม
กุหลาบทะเลทรายเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากยิปซั่มเซเลไนท์ พบมากในประเทศโมรอคโค ก่อตัวขึ้นในทะเลทรายโดยจากการกัดกร่อนของลมและทะเลบริเวณที่ใกล้กับกองยิปซั่มเซเลไนท์ มีรูปร่างแปลกคล้ายปีกนางฟ้ากระดูกปลาหรือดอกกุหลาบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน รูปร่างและขนาดของกุหลาบทะเลทรายนี้ ไม่ได้เป็น "ดอกไม้" เสมอไป
หินนี้ที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว มักนำมาใช้ในเรื่องของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ เหมาะสำหรับการทำสมาธิและบางส่วนถูกนำไปทำเครื่องประดับ
กุหลาบทะเลทรายสามารถก่อตัวได้ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกเช่นในทะเลทรายของอเมริกาเหนือออสเตรเลียอาร์เจนติน่า ตัวอย่างที่พบมีสีและเฉดสีต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วสีของพวกมันจะถูกกำหนดโดยทรายที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ โครงสร้างของหินนี้มีเกลือแร่ผสมอยู่ด้วยจึงมีความทนทานและกลีบดอกไม้นั้นมีความแข็งและแหลมซึ่งสามารถตัดนิ้วของคุณได้
Cr.travelerscoffee.ru/
เสาหินรูปทรงประหลาด Earth Pyramids
ผลงาน OtherWorld ของ Kilian Schönberger ที่ถ่ายได้จากเมืองโบลซาโน ประเทศอิตาลี ที่มีสภาพเป็นแท่งเสาประหลาดที่มีหินก้อนโตตั้งอยู่ด้านบน ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของลมและฝนจนทำให้เนินดินบางส่วนหายไป จนเหลือเพียงแท่งเสาแบบนี้ และมีหลายตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า Earth Pyramids
Cr.amarintv.com/
หินงอกหินย้อยทรงประหลาด
ลึกลกลงไปใต้พื้นผิวน้ำของคาบสมุทรยูคาทานเม็กซิโก ในระแวกทะเลสาบ เซโนเต ซาโปเต (Cenote Zapote) ยังมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่แหล่งน้ำที่เป็นทะเลสาบธรรมดาทั่วไป
ความลับของของทะเลสาบแห่งนี้อยู่ภายใต้ผิวน้ำนั่นก็คือ หินงอกหินย้อนรูปทรงแปลกประหลาดชวนให้พิศวง หินงอกหินย้อยเหล่านี้เกาะอยู่บนผนังถ้ำใต้บาล ความโดดเด่นของรูปทรงที่แตกต่างจากหินงอกหินย้อยซึ่งปกติมักจะเป็นทรงแหลมหยดลงมา แต่สำหรับที่นี่หินที่งอกออกมามีลักษณะรูปร่างเหมือนระฆังเพราะมีการบานออกบริเวณปลาย ผู้คนจึงให้ฉายาหินใต้ทะเลสาบแห่งนี้ในหลายชื่อ เช่น หินระฆังนรก, หินเท้าช้าง,หินหัวฝักบัว หรือหินปรัมเป็ต
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหินระฆังแห่งนี้เกิดจากปรากฎการณ์อะไร และทำไมใต้น้ำของทะเลสาบที่อื่นจึงไม่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงนี้ แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายยุคน้ำแข็งที่ทำให้เกิดการก่อตัวรูปทรงแบบนี้ขึ้นมา และถ้าใครไปท่องเที่ยวที่ทะเลสาบเซโนเต ซาโปเต แล้วอยากดำน้ำลงไปดูหินแปลก จะต้องมีความเชี่ยวชาญพอสมควร เพราะเหล่าหินงอกหินย้อยอยู่ลึกไปถึง 30 เมตร เลยทีเดียว
Cr.travel.thaiza.com/
Crown Shyness
Crown Shyness ปรากฏการณ์ “ต้นไม้เขิน” ช่องว่างยอดไม้ สวยน่าพิศวง
เวลาเดินป่าที่มีต้นไม้สูงๆ ถ้าลองแหงนมองขึ้นไปอาจจะเห็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “Crown Shyness” หรือ “ช่องว่างระหว่างยอดไม้” ที่จะพยายามไม่แตะกัน จนเกิดปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์ราวกับต้นไม้ทั้งป่ากำลังเขินกันและกัน สวยงามสุดพิศวงที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
"Crown Shyness" ทำให้เกิดภาพแปลกตาเหมือนเป็นรอยแตกบนท้องฟ้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้...พฤติกรรมของต้นไม้ในลักษณะนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในทศวรรษที่ 1920 ซึ่งมีคำสันนิษฐานไว้ต่างๆ นานา อาทิ ต้นไม้กำลังพยายามปกป้องกิ่งก้านของมันเพื่อไม่ให้เกิดการแตกหัก, เพื่อลดการแพร่กระจายของแมลงที่เป็นอันตราย หรือเกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง เป็นต้น
ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับกลุ่มต้นไม้ในสปีชีส์เดียวกัน เช่น ยูคาลิปตัส สนญี่ปุ่น (Japanese larch) สนซิทกา (Zitka spruce) แต่ก็สามารถพบในไม้ต่างสปีชีส์ได้ด้วยเช่นกัน
Cr.undubzapp.com/
Epic (2013) บุกอาณาจักรคนต้นไม้
ภาพยนตร์ผจญภัยแนวคอมเมดี้ เรื่องราวของโลกสุดอัศจรรย์ ผลงานจากผู้สร้างฯ Ice Age และ Rio เล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างฝ่ายที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้ และฝ่ายที่หวังจะทำลายธรรมชาติ จนกระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งตกไปอยู่ในโลกเร้นลับอย่างน่าอัศจรรย์
Cr.thainarak.net/
ปรากฏการณ์ธรรมชาติชวนพิศวง
ดวงตาแห่งซาฮารา หรือที่เรียกกันว่า Richat Structure ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศมอริเตเนีย ในทะเลทรายซาฮารา ทวีปแอฟริกา คือหนึ่งในลักษณะของชั้นหินทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ มีรูปร่างลักษณะเป็นวงค่อนข้างกลมดูคล้ายกับดวงตาของคน มีเส้นรอบวงยาวถึง 40-50 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้เกิดจากน้ำมือมนุษย์หรือการพุ่งชนของอุกกาบาตในอดีต ดังที่หลายคนเชื่อกัน
เพราะแท้จริงแล้วดวงตาแห่งซาฮารานี้เกิดจากชั้นหินตะกอน หินแปร และหินอัคนี ที่แทรกสลับชั้นกันไปมาและถูกดันตัวขึ้นมาจากทุกทิศทาง จนเป็นลักษณะที่เรียกว่า Dome structure จากการแทรกดันของแมกมาใต้ผิวโลก ในช่วงที่แผ่นเปลือกโลกแอฟฟริกาและอเมริกาเหนือ แยกตัวออกจากกันเมื่อ 100 ล้านปีก่อนจากนั้นยอดของโดมถูกกัดกร่อน จนเหลือความสูงให้เห็นเพียงระดับปัจจุบัน
โดยจะเห็นได้ว่าชั้นหินแต่ละชั้น ( วงกลมหลายๆวงที่ซ้อนกัน 1 วงคือชั้นหิน 1 ชั้น) มีความสูงไม่เท่ากัน เนื่องจากหินแต่ละชนิดมีความคงทนต่อการกัดกร่อนต่างกัน โดยชั้นหินที่อยู่ตรงกลางมีอายุมากที่สุด นอกจากนี้เราสามารถเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียมใน Google Earth
Cr.GeologyChulalongkorn/photos
“ไข่น้ำแข็ง”
ก้อนน้ำแข็งรูปทรงคล้ายไข่หลายหมื่นก้อน ปกคลุมชายหาดในประเทศฟินแลนด์ จากผลของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
นายริสโต มัตทิลา ตากล้องสมัครเล่น เป็นหนึ่งในประชาชนที่พบเห็น “ไข่น้ำแข็ง” โดยบังเอิญ บนหาดมาร์จาเนียมีของเกาะไฮลูโต ในอ่าวบอธเนีย ซึ่งอยู่ระหว่างฟินแลนด์กับสวีเดน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เปิดเผยว่าการจะเกิดไข่น้ำแข็งได้ต้องมีสภาพอากาศหนาวเย็น ลมแรง และอุณหภูมิที่เหมาะสม ในแต่ละปีจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวโดยไข่น้ำแข็งก่อตัวจากน้ำแข็งขนาดเล็กบนพืดน้ำแข็ง หรือธารน้ำแข็ง ที่ถูกคลื่นทะเลลซัดไปมา ประกอบกับลมหนาว ส่งผลให้ไข่น้ำแข็งเป็นลูกทรงกลม มีพื้นผิวเรียบลื่น ส่วนไข่น้ำแข็งที่เกยตื้นขึ้นชายหาดนั้นเป็นเพราะถูกลมหรือคลื่นทะเลพัดพาเข้าฝั่ง
ก่อนหน้านี้มีปรากฏการณ์ไข่น้ำแข็งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อาทิ อ่าวมิชิแกน ใกล้นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา แลแคว้นไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ฟินแลนด์เองก็มีปรากฏการณ์ไข่น้ำแข็งเมื่อปี 2560 แต่เกิดขึ้นในอ่าวฟินแลนด์ ใกล้ชายฝั่งรัสเซีย
© Matichon ภาพประกอบข่าว
Cr.msn.com
" หินหลั่งเลือด " Pyura chilensis
”ไพยูราไชเลนซิส”(Pyura chilensis) หรือชาวเปรูเรียกว่า “พิอุเร่”(piure) มันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์น้ำเป็น เพรียงหินชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเหมือนก้อนหิน ซึ่งมี อวัยวะอยู่ด้านใน ที่สร้างเกราะห่อหุ้มร่างกายเพื่อเอาไว้ เพื่อใช้กรองอาหาร แล้วขับของเสียออกมาในรูปแบบปัสสาวะสารอาหารจะถูกกักเก็บเอาไว้ภายในของมันอยู่ในสภาพเหมือนเลือดเนื้อสีแดง ชาวบ้านเรียกมันว่า “ก้อนหลั่งเลือด”(Bloody Rocks)
แม้ว่าเพรียงหิน หรือ ก้อนหินมีชีวิต จะมีหน้าตาคล้ายก้อนหิน แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งพบได้แค่ในประเทศชิลี และ เปรู เนื้อของมันมีรสชาติขมเล็กน้อย แต่มีสารอาหารมากมาย สามารถทานสดๆหรือนำไปต้มซุปก็ได้ คนในท้องถิ่น ชอบนำไปตากแห้งก่อนแล้วค่อยนำมาทำอาหาร.
เพรียงหินที่มีลักษณะคล้ายหินมีผิวขรุขระนี้ สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ในช่วงชีวิตระยะแรกตัวเองจะเป็นเพศผู้และพัฒนาต่อมาเป็นเพศหญิงได้เอง อาหารหลักคือแพลงตอน สาหร่าย จุลินทรีย์ โดยการกรองอาหารผ่านรยางค์ การผสมพันธุ์ของเขาก็จะปล่อยสเปิร์มกับไข่ออกมาให้มันลอยไปผสมกันเอง พอผสมกันได้ก็จะลอยไปเกาะตามโขดหินริมฝั่ง หลังจากนั้นก็จะเจริญเติบโตจากอาหารที่ลอยมาตามกระแสน้ำขึ้นน้ำลง
Cr.soccersuck.com/
ฝนเลือด "blood rain"
"red rain" หรือ "blood rain" (ฝนเลือด) ปรากฏการณ์ฝนสีแดงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ สี่ปีที่แล้วที่เคราลาประเทศอินเดีย โดยที่ฝนสีแดงได้ตกต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนานถึงสองเดือน ซึ่งในปรากฎการณ์นี้มีรายงานว่าได้มีเสียง
ระเบิดดังขึ้นก่อนที่ฝนสีแดงจะเทลงมา ซึ่งโดยเบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอุกกาบาติที่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศและระเบิดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 25 กรกฎาคม โดยที่ฝุ่นละอองจากการระเบิดนั้นได้ทำให้เกิดสปอร์จำนวนมหาศาล ซึ่งสปอร์เหล่านั้นได้เข้าไปสะสมอยู่ในกลุ่มเมฆและทำให้น้ำฝนเป็นสีแดง
อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไมสปอร์จำนวนมหาศาลไม่ปลิวไปตามลมและตกไปสู่บ้านเรือนแถวนั้นบ้าง?...
น้ำฝนดังกล่าวได้ถูกรวบรวมและได้ถูกส่งข้ามโลกไปตรวจสอบที่แลปไมโครไบโอโลยีของมหาวิทยาลัย Sheffield ประเทศอังกฤษ สิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าสปอร์ดังกล่าวเป็นของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าบางทีแล้ว การที่ดาวหางพุ่งชนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อนได้นำเอาเซลของสิ่งมีชีวิตติดมาด้วยและเซลเหล่านั้นได้วิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกปัจจุบัน..
ดร. หลุยส์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย ผู้ซึ่งเป็นหัวหอกในการค้นคว้าครั้งนี้ ได้กล่าวไว้ในเว็บไซท์ของเขาว่า เมื่อเอาน้ำฝนดังกล่าวไปตรวจสอบก็ได้พบเซลส์ของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุคาร์บอนและอ๊อกซิเจนอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน อย่างไรก็ดีเขาไม่พบ DNA จากเซลส์ดังกล่าว ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้จะมี DNA เป็นส่วนประกอบ การที่ไม่มี DNA นั้นแสดงว่าเซลส์สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่ผลิตผลทางชีวภาพบนโลก อย่างไรก็ดี
ดร.หลุยส์ก็ไม่ได้ฟันธงลงไปว่าแท้จริงแล้วเซลส์นั้นมาจากต่างดาวจริง เนื่องจากว่าไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวมาก่อน (อย่างดีก็แค่ฟอสซิลของแบคทีเรียจากดาวอังคาร แต่นี่ก็เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปรากฎการณ์ฝนสีแดงในขณะนี้..
Cr.board.postjung.com/
รุ้งขาว
รุ้งกินน้ำที่เราเห็นทั่วๆ ไปตามปกติคือต้องมี 7 สี ไล่ลงมาตั้งแต่ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง แต่ "รุ้งกินน้ำ" ที่เราเห็นอยู่นี้ มีแค่สีเดียว คือสีขาว
ภาพความสวยงามทางธรรมชาตินี้ได้รับการบันทึกโดย Melvin Nicholson ซึ่งเกิดขึ้นในทุ่งทางตอนใต้ของ Glen Coe ในสกอตแลนด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่พบเห็นได้ยากนี้เรียกว่ารุ้งหมอก (Fogbow) เกิดจากการที่หยดน้ำบริเวณรุ้งกินน้ำนั้นมีขนาดเล็กและบางเบางมากจนไม่สามารถสะท้อนแสงได้
รุ้งขาวถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเกิดจากหยดน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า 0.05 มิลลิเมตร จนทำให้เกิดเป็นวงแหวนสีขาวสวยงามบนท้องฟ้า สำหรับนักเดินเรือมักเรียกรุ้งขาวนี้ว่า สุนัขทะเล (Sea Dogs)
Cr. ที่มา สำรวจโลก , BBC
กุหลาบทะเลทราย Dessert Rose Selenite
กุหลาบทะเลทรายนี้เป็นการก่อตัวจากมาจากแร่ยิปซั่มหรือแบไรต์ รวมกับเม็ดทรายจำนวนมากเข้าด้วยกัน โดยเฉลี่ยแล้วกุหลาบทะเลทรายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 1.3 ซม. ถึง 10 ซม. ดอกที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบจะอยู่ที่ 99 ซม. และมีความสูง 99 ซม. และหนักถึง 454 กิโลกรัม
กุหลาบทะเลทรายเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากยิปซั่มเซเลไนท์ พบมากในประเทศโมรอคโค ก่อตัวขึ้นในทะเลทรายโดยจากการกัดกร่อนของลมและทะเลบริเวณที่ใกล้กับกองยิปซั่มเซเลไนท์ มีรูปร่างแปลกคล้ายปีกนางฟ้ากระดูกปลาหรือดอกกุหลาบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนำมาทำเป็นของตกแต่งบ้าน รูปร่างและขนาดของกุหลาบทะเลทรายนี้ ไม่ได้เป็น "ดอกไม้" เสมอไป
หินนี้ที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว มักนำมาใช้ในเรื่องของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ เหมาะสำหรับการทำสมาธิและบางส่วนถูกนำไปทำเครื่องประดับ
กุหลาบทะเลทรายสามารถก่อตัวได้ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกเช่นในทะเลทรายของอเมริกาเหนือออสเตรเลียอาร์เจนติน่า ตัวอย่างที่พบมีสีและเฉดสีต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วสีของพวกมันจะถูกกำหนดโดยทรายที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ โครงสร้างของหินนี้มีเกลือแร่ผสมอยู่ด้วยจึงมีความทนทานและกลีบดอกไม้นั้นมีความแข็งและแหลมซึ่งสามารถตัดนิ้วของคุณได้
Cr.travelerscoffee.ru/
เสาหินรูปทรงประหลาด Earth Pyramids
ผลงาน OtherWorld ของ Kilian Schönberger ที่ถ่ายได้จากเมืองโบลซาโน ประเทศอิตาลี ที่มีสภาพเป็นแท่งเสาประหลาดที่มีหินก้อนโตตั้งอยู่ด้านบน ซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของลมและฝนจนทำให้เนินดินบางส่วนหายไป จนเหลือเพียงแท่งเสาแบบนี้ และมีหลายตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า Earth Pyramids
Cr.amarintv.com/
หินงอกหินย้อยทรงประหลาด
ลึกลกลงไปใต้พื้นผิวน้ำของคาบสมุทรยูคาทานเม็กซิโก ในระแวกทะเลสาบ เซโนเต ซาโปเต (Cenote Zapote) ยังมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่แหล่งน้ำที่เป็นทะเลสาบธรรมดาทั่วไป
ความลับของของทะเลสาบแห่งนี้อยู่ภายใต้ผิวน้ำนั่นก็คือ หินงอกหินย้อนรูปทรงแปลกประหลาดชวนให้พิศวง หินงอกหินย้อยเหล่านี้เกาะอยู่บนผนังถ้ำใต้บาล ความโดดเด่นของรูปทรงที่แตกต่างจากหินงอกหินย้อยซึ่งปกติมักจะเป็นทรงแหลมหยดลงมา แต่สำหรับที่นี่หินที่งอกออกมามีลักษณะรูปร่างเหมือนระฆังเพราะมีการบานออกบริเวณปลาย ผู้คนจึงให้ฉายาหินใต้ทะเลสาบแห่งนี้ในหลายชื่อ เช่น หินระฆังนรก, หินเท้าช้าง,หินหัวฝักบัว หรือหินปรัมเป็ต
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าหินระฆังแห่งนี้เกิดจากปรากฎการณ์อะไร และทำไมใต้น้ำของทะเลสาบที่อื่นจึงไม่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงนี้ แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายยุคน้ำแข็งที่ทำให้เกิดการก่อตัวรูปทรงแบบนี้ขึ้นมา และถ้าใครไปท่องเที่ยวที่ทะเลสาบเซโนเต ซาโปเต แล้วอยากดำน้ำลงไปดูหินแปลก จะต้องมีความเชี่ยวชาญพอสมควร เพราะเหล่าหินงอกหินย้อยอยู่ลึกไปถึง 30 เมตร เลยทีเดียว
Cr.travel.thaiza.com/
Crown Shyness
Crown Shyness ปรากฏการณ์ “ต้นไม้เขิน” ช่องว่างยอดไม้ สวยน่าพิศวง
เวลาเดินป่าที่มีต้นไม้สูงๆ ถ้าลองแหงนมองขึ้นไปอาจจะเห็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “Crown Shyness” หรือ “ช่องว่างระหว่างยอดไม้” ที่จะพยายามไม่แตะกัน จนเกิดปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์ราวกับต้นไม้ทั้งป่ากำลังเขินกันและกัน สวยงามสุดพิศวงที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
"Crown Shyness" ทำให้เกิดภาพแปลกตาเหมือนเป็นรอยแตกบนท้องฟ้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้...พฤติกรรมของต้นไม้ในลักษณะนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในทศวรรษที่ 1920 ซึ่งมีคำสันนิษฐานไว้ต่างๆ นานา อาทิ ต้นไม้กำลังพยายามปกป้องกิ่งก้านของมันเพื่อไม่ให้เกิดการแตกหัก, เพื่อลดการแพร่กระจายของแมลงที่เป็นอันตราย หรือเกี่ยวกับการสังเคราะห์แสง เป็นต้น
ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับกลุ่มต้นไม้ในสปีชีส์เดียวกัน เช่น ยูคาลิปตัส สนญี่ปุ่น (Japanese larch) สนซิทกา (Zitka spruce) แต่ก็สามารถพบในไม้ต่างสปีชีส์ได้ด้วยเช่นกัน
Cr.undubzapp.com/
Epic (2013) บุกอาณาจักรคนต้นไม้
ภาพยนตร์ผจญภัยแนวคอมเมดี้ เรื่องราวของโลกสุดอัศจรรย์ ผลงานจากผู้สร้างฯ Ice Age และ Rio เล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างฝ่ายที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้ และฝ่ายที่หวังจะทำลายธรรมชาติ จนกระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งตกไปอยู่ในโลกเร้นลับอย่างน่าอัศจรรย์
Cr.thainarak.net/