..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๓..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา





                                                                                  ..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )...........

       ตอนเดิมครับ

      
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

     
       ตอนที่  ๓

........เอก นั่งอยู่บนรถ มองเข้าไปด้านในรั้ว ไม้ผลหลายชนิดเป็นแนวเรียงราย ถัดเข้าไป เป็นแปลงผักนานาชนิด หลายแปลงโตเต็มที่ สีเขียวเข้มมองเห็นแต่ไกล บางแปลงเป็นเนินดินว่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าเพิ่งเก็บไป เอก นึกเหตุผลที่จะอ้างกับเจ้าของบ้าน ว่าตัวเองมาที่นี่เพราะพรรณไม้ตรงหน้า พลางเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่พบเมื่อคืน เธอ จะยอมแบ่งผัก ผลไม้ ขายให้เขา หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ แต่ถ้าเขาบอกไปว่า ชอบเกษตรปลอดสารพิษ แบบที่เห็นอยู่ในสวนนี้ เธอ คงยินดี
         
       เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัว ดังขึ้นมา ปลุกชายหนุ่ม ให้ออกมาจากฝันในทันใด เอก รู้สึกขัดใจ เพราะปกติ เวลานี้ ของวันหยุดเขาจะยังไม่ตื่น และจะไม่ชอบให้ใครมากวนใจตอนนอน จึงนิ่งเฉย ไม่สนใจเสียงเรียกเข้า และไม่มองดูเบอร์ แม้แต่นิดเดียว
        
       เสียงเรียกเข้า หยุดไปเมื่อดังติดต่อกันพอควรแล้วไม่มีคนรับ ครู่หนึ่ง ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เอก ถอนใจออกมา ยกโทรศัพท์ขึ้นอารมณ์เริ่มขุ่นมัว  แต่เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ เขาก็แปลกใจ จึงรวบรวมสติกลับมา แล้วเลื่อนหน้าจอรับสาย ก่อนพูดออกไป
        
       “ครับพ่อ” ไม่บ่อยนัก ที่พ่อจะโทรมาแต่เช้า ส่วนใหญ่ จะเป็นเพราะแม่นุ่ม บอกว่าคิดถึงเอกมั่ง ฝันไม่ดีมั่ง และบอกให้พ่อโทรหา ถ้า พ่อ ยังไม่ว่าง หรือโทรช้าไป แม่นุ่ม ก็จะนั่งทำหน้าไม่สบายใจอยู่ข้าง ๆ จนพ่อต้องหัวเราะออกมา กับความห่วงใยที่เธอ มีให้กับ ลูกเอก อย่างหมดใจ คราวนี้ แม่นุ่มฝันอะไรอีกล่ะ เอก ยิ้ม ออกมา ขณะรอฟัง
      
       “เอกอยู่ไหน” พ่อถามมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ 
        
       “ต่างจังหวัดครับพ่อ” เขาตอบไปตามความจริง ตายังคงมองเข้าไปในสวน
        
       “เออ สบายดีก็ดีแล้ว กลับบ้านเราเดี๋ยวนี้เลย” น้ำเสียงพ่อแปลก ๆ คำพูดก็ยังฟังไปคนละทางกับความคิดของเขา เอก กำลังชั่งใจ ว่าถ้าเป็นเรื่องฝัน ของแม่นุ่มละก็ เขา จะอยู่ที่นี่ต่อไป
        
       “พ่อมีอะไรครับ แม่นุ่มฝันร้ายอีกแล้วเหรอ” เอกถามยิ้ม ๆ รอฟังเสียงหัวเราะของพ่อที่จะตามมา
        
       “ไม่ใช่ ที่บ้านมีเรื่อง กลับมาแล้วพ่อจะเล่าให้ฟัง มาเลยนะ” พ่อ พูดจบพร้อมวางสาย สิ่งที่ได้ยิน ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด เอกมองเข้าไปในสวนด้วยความลังเล สูดลมหายใจเข้าลึกยาว มือจับด้ามเกียร์ไว้ไม่ขยับ ก่อนปล่อยลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วตัดใจ ใส่เกียร์ถอยหลัง เคลื่อนรถถอยไปยังถนนเส้นที่เลี้ยวลงมาช้า ๆ ด้วยใจนึกเสียดาย
        
       เอกมุ่งหน้ากลับบ้านตามที่พ่อบอก ตั้งใจว่าคุยกับพ่อแล้ว จะย้อนมาอีกหน ไม่น่าจะเกินวันพรุ่งนี้ คิดดังนั้นจึงเร่งความเร็วรถขึ้นไป ทิ้งบ้านสวนไว้ข้างหลัง แต่ในใจยังคิดถึงใบหน้าของเธอคนนั้นอยู่ตลอดเวลา ...

.......แนวรั้วสูงท่วมหัว รอบบ้านหลังใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าสร้างความรู้สึกแปลก ๆ ให้เกิดขึ้นกับเอก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะรถผ่านประตูรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน เอก เห็นคนเดินไปมาหลายคน ทำให้นึกถึงคำพูดของพ่อขึ้นมา แต่ว่า เรื่องอะไรล่ะ ถึงทำให้ในบ้านวุ่นวายได้ขนาดนี้ เขาคิดขณะนำรถเข้าจอดในช่องส่วนตัว
       
       “เอก เอก มาแล้ว แม่ห่วงหนูแทบแย่”  แม่นุ่ม เข้ามาหา เอก ตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาลงรถ เธอ กอดลูก นอก อก ไว้แน่น เหมือนกับห่างกันไปแรมปี ทั้งที่เอก เพิ่งไปเรียนเมื่อไม่กี่เดือน
       
       “โถ ผอมไปจมเลยพ่อคุณ กินข้าวกินปลามั่งหรือเปล่าเนี่ย บ้านนู้นเค้าทำอะไรให้กินมั่งล่ะ ถูกปากมั้ยลูก หือ” แม่นุ่มถามเป็นชุด เอก ได้แต่อมยิ้ม เพราะความห่วงใย ที่แม่นุ่ม มีให้เขาตลอดมานั้น เป็นไปด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ว่าเขาจะโตขนาดไหน แม่นุ่มก็ยังมอง เอก เป็นเด็กตลอดเวลา และเรียกหนู จนติดปาก 
      
       เอก โอบ แม่นุ่ม พร้อมพาเดินเข้าในตัวบ้าน รู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสได้ชัดเจน สัมผัส ที่เขาได้จาก แม่ คนนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก และคำตอบเรื่อง แม่ ที่แท้จริง จากปากพ่อ เมื่อเขาถาม ตอนโตพอจะพูดคุยรู้เรื่อง คือ แม่ของเอก ตายตั้งแต่เอกยังเล็ก และตั้งแต่วันนั้น แม่นุ่ม ก็คือแม่ของเขาตลอดมา
        
       แม่นุ่มเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง อาจมีความหวั่นไหวบางอย่างลึก ๆ ข้างใน เพราะแม่นุ่มเล่าให้ฟังว่า ลูกเธอตายตั้งแต่ยังเล็ก และสามี ก็หายหน้าไปเลย เรื่องนี้น่าจะจริง เพราะตั้งแต่ เอก จำความได้ ไม่เคยเห็น แม่นุ่ม ติดต่อใคร หรือคุยกับใครข้างนอกบ้าน แม้แต่ครั้งเดียว 
        
       พ่อ เล่าให้ฟังว่า แม่นุ่มมายืนร้องไห้หน้าบ้าน ของานทำ บอกลูกตาย และสามีทิ้งไป งานบ้านงานครัว ทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ที่พัก และอาหารเท่านั้นก็พอ ตอนนั้น เอก ยังแบเบาะ คว่ำยังไม่ได้ และพี่เลี้ยงคนเก่าขอลาออกพอดี พ่อเลยรับแม่นุ่มไว้ และให้งานพิเศษอีกต่างหาก นอกจากแม่บ้าน คือ เป็นแม่นม ของเอก พ่อบอกเอกว่า แม่นุ่มรับงานนี้ไว้ ด้วยความเต็มใจ ขณะใบหน้านองด้วยน้ำตา
        
       เดช ยืนรอลูกชายอยู่ตรงโต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง พลางส่งยิ้มให้ขณะแววตายังคงมีความกังวล แม่นุ่ม บอกเอกว่า จะไปเตรียมของกินในครัว ถ้าเอกคุยกับพ่อเสร็จแล้ว ให้ตามเข้าไป เขาพยักหน้ารับ มองตามหญิงที่เปรียบเสมือนแม่เข้าไปจนลับตา แล้วจึงเดินไปหาพ่อยกมือไหว้
        
       “สวัสดีครับพ่อ” ผู้เป็นพ่อโอบไหล่ลูกชาย ตบไหล่เบา ๆ พาเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ พลางถอนใจออกมา
        
       “มีอะไรเหรอครับพ่อ คนเต็มบ้านเลย” บ้านหลังนี้ ปกติก็มีคนพลุกพล่านตลอดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มากกว่าเดิม และใบหน้าของพ่อที่เคร่งเครียดอยู่ ทำให้ดูแล้วสถานการณ์ไม่น่าจะดีเท่าไร
          
       “ขโมยขึ้นบ้านเราเมื่อคืนก่อน” ผู้เป็นพ่อพูดช้า ๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ 
       
       “เหรอครับ แล้วได้อะไรไปมั่งล่ะพ่อ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงปกติ เป็นเรื่องธรรมดาของยุคที่เงินทองหายาก อะไรที่ทำให้ได้เงินมา ถึงแม้จะไม่ถูกต้อง หลายคนยอมดิ้นรนทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม
      
        “มันได้เงินไปนิดหน่อย แต่ทองหายไปยี่สิบกิโล” เดช มองหน้าลูกชายด้วยความห่วงใย ของที่หาย เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยกังวลเท่าไร แต่คนที่เข้ามาเอาไป คือ ชัย ทำให้เดช คิดว่า การนองเลือดครั้งใหญ่ กำลังคืบคลานเข้ามา และต้องมาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เขาห่วงคนรอบข้าง โดยเฉพาะลูกชายคนเดียว ที่คงหลีกไม่พ้นเรื่องนี้ไปได้ เพราะเป็นคนในครอบครัว
       
        “ดูเหมือนพ่อเครียด ๆ นะ” เอก สังเกตผู้เป็นพ่อตั้งแต่เริ่มเข้ามา ลำพังเรื่องเงินพ่อไม่น่ากังวลขนาดนี้
       
        “เอก รู้สึกว่าระยะนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ผู้เป็นพ่อถามไปอีกทาง เอก มองหน้าพ่อแล้วส่ายหน้า
       
        “ไม่มีนี่ครับ เช่นอะไรเหรอพ่อ” เขาสงสัยจริง ๆ 
       
        “เช่นว่า มีใครคอยตามอย่างน่าสงสัย หรือคนแปลกหน้ามาด้อม ๆ มอง ๆ อะไรอย่างนี้” เดช คิดว่า ชัย ต้องมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว จึงเริ่มรุกเข้ามา และอะไร ที่ ชัย จะทำต่อไป เขายังเดาไม่ออก
        
       เอก ส่ายหน้าช้า ๆ นึกในใจ ถ้าจะมีอะไรแปลก ๆ เข้ามาในชีวิตเขาตอนนี้ ก็คงเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเจอหน้าเธอ หญิงสาวชาวสวนคนนั้น คนที่ทำให้เขาเก็บไปฝัน จนนอนไม่หลับทั้งคืน
        
       “ยังไงช่วงนี้ระวังตัวไว้หน่อย สอบเสร็จแล้วรีบกลับมาอยู่บ้านเรา” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เอก พยักหน้า และคิดถึงที่บ้านสวนนั้น อยู่ในใจ
       
       เจ้าเบิ้ม เดินเข้ามาหาลูกพี่ด้วยก้าวยาว ๆ สายตาชำเลืองมอง เอก แวบนึง ก่อนไปหยุดยืนห่างจาก พี่เดช พอประมาณ แล้วเอ่ยขึ้นมา
        
       “เจอแล้วพี่เดช” เสียงห้าวใหญ่ออกมาจากลำคอที่หนาเป็นหนอก เสี่ยเดชยิ้มกริ่ม มองเจ้าลูกน้องตัวเอกด้วยตาเป็นประกาย
       
        “เจอทองแล้วเหรอวะ ที่ไหนไอ้เบิ้ม” น้ำเสียงแสดงความดีใจได้ยินชัด
        
       “ไม่ใช่ทอง พี่เดช แต่เจอชื่อ ลำดวน ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลทางเหนือ” เจ้าเบิ้มตอบเรียบ ๆ แต่เสียงยังคงห้าวตามปกติของมัน 
       
        เอกขยับตัว ทำท่าจะลุกขึ้น ผู้เป็นพ่อมองเห็นจึงพยักหน้าให้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วมุ่งหน้าไปทางครัว รู้สึกหิวแต่ยังไม่มีจังหวะ ตอนนี้ได้โอกาสที่ลูกน้องพ่อเข้ามา เขาจึงเดินตามกลิ่นกับข้าวหอมฟุ้งด้วยใจล่องลอยไปอีกทาง
        
       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้เอก คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง และเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเช้าเขาเกือบทำเสียเรื่องโดยไม่ตั้งใจ เพราะความรีบร้อนจนเกินพอดี ทำให้ลืมนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง 
        
       หญิงสาวชาวสวน คงไม่ปลื้มกับภาพของหนุ่มเจ้าสำอางสักเท่าไร แล้วเขาพรวดพราดเข้าไปด้วยรถหรู แต่งตัวมาดผู้ดีแบบนั้น เธอเห็นเข้าคงจะเมินมากกว่ามองมา คิดได้ดังนั้น เอก จึงเตรียมตัวสำหรับการเป็นคนปอน ๆ ไว้ในใจ ครั้งต่อไป เขาจะไปอีกมาดนึง ดีเสียด้วย ที่จะวัดใจเธอ ว่ามองคนที่อะไร เอก เดินยิ้มกริ่มใจลอย และสะดุ้งเมื่อเกือบชนแม่นุ่ม ที่ยืน อมยิ้มมองลูกเอก อย่างชอบใจในกิริยาที่เหม่อลอย
        
       ทางด้าน เดช หน้าตากลับเคร่งเครียดลงไปอีกครั้ง เมื่อข่าวที่ได้ยินไม่ตรงกับที่ตั้งใจคิด ลึก ๆ แล้ว ถ้าทองอยู่กับใครคนใดคนหนึ่งที่รับซื้อไว้ เขามั่นใจ ว่าสามารถนำกลับคืนมาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ชื่อลำดวน ทำให้วนกลับมาหา ชัย ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างยากขึ้นมา จริง ๆ แล้ว เดช ไม่ได้กลัวเพื่อนคนนี้สักเท่าไร แต่การไม่ต้องเผชิญหน้ากัน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
        
       “ผมจะไปดูให้ดีอีกครั้ง แล้วจะส่งข่าวมา เรื่องมันหลายปีแล้ว ตอนนี้อาจย้ายไปไหนต่อไหนก็ได้ แต่ถ้าได้ชื่อเด็ก ก็คงควานต่อไม่ยาก วันสองวันนี้ เจอตัวแน่ ผมรับรอง”
     
       เจ้าเบิ้ม บอกลูกพี่ด้วยความมั่นใจ โลกในปัจจุบัน การตามหาใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากเย็น แค่มีจุดให้เริ่มสักนิดหนึ่ง ก็เพียงพอ เสี่ยเดชพยักหน้าเนือย ๆ ไม่อยากคิด ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้าต่อไป รู้แค่เพียงอย่างเดียว ถ้าเจอลำดวน ก็ต้องเจอ ชัย อย่างเลี่ยงไม่ได้ แน่นอน.....

            ( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่