..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๑..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                     


                                                                                 

                                                                                      ..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )...........

       ตอนที่  ๑

.........บ้านหลังใหญ่ชานเมือง ที่มีแนวรั้วสูงท่วมหัว และต้นไม้ร่มรื่นล้อมรอบ บัดนี้  มีแต่ความชุลมุน เมื่อเสียงสัญญาณกันขโมยดังลั่นขึ้นมา ตอนเที่ยงคืนพอดี
        
       เสี่ยสุรเดช ออกอาการหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อเสียงเอะอะโวยวายปลุกเขาขึ้นมากลางดึก ด้วยวัยเพิ่งย่างสี่สิบห้า และรูปร่างสูงใหญ่ แต่ได้สัดส่วนสมชาย ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว เดินไม่กี่ก้าวก็ลงบันไดจากชั้นบน ออกไปยืนอยู่หน้าประตูรั้วเข้าบ้าน มองลูกน้อง สี่ห้าคน ที่กำลังใช้วิทยุคลื่นสั้นพูดคุยกับพรรคพวกตามจุดต่าง ๆ เสียงโต้ตอบดังก้องทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง
        
       “อะไรกันวะ สัญญาณมันเตือนอะไร” คำถามแรกทำเจ้าพวกที่ยืนอยู่หน้าตื่นไปตาม ๆ กัน
       
       “ขโมยเข้าบ้านครับเสี่ย” เจ้าป้อม ลูกพี่ใหญ่ของพวกลิ่วล้อเสี่ย รายงานด้วยน้ำเสียงกังวล เกรงจะถูกตำหนิ ว่าบกพร่องในการงาน
        
       “เอ็งรู้ได้ไง มันขับรถอะไรมา” เสี่ยถามขึ้นมา พลางขยับเดินเข้าหารั้วด้านข้าง มองซ้ายมองขวา หาสิ่งแปลกปลอม เจ้าป้อมเดินตาม ตอบอย่างระมัดระวัง
        
       “ไม่มีรถสักคันครับเสี่ย มันตัดลวดหนามบนรั้ว ปีนเข้าด้านหลัง” เสี่ยเดชทำหน้าครุ่นคิด โจรกระจอกปีนเข้ามาตัวเปล่า จะได้อะไรคุ้มกับที่เสี่ยงเชียวหรือ คิดพลางเร่งฝีเท้าเลาะแนวรั้วไป ครู่หนึ่งก็เดินถึงจุดที่ขโมยปีนเข้ามา มีลูกน้องเสี่ยยืนอยู่สามคน คนหนึ่งฉายไฟขึ้นส่องด้านบนของกำแพง ลวดหนามที่ขึงเรียงขึ้นไปสามเส้นถูกตัดขาดห้อยลงมา เปิดเป็นช่องให้คนนอกปีนเข้าอย่างสบาย
        
       บริเวณนี้เป็นโรงเรือนกล้วยไม้ และเพาะชำไม้ประดับของเสี่ย ผู้บุกรุกจึงหย่อนตัวลงบนหลังคา แล้วปีนลงมาอย่างง่ายดาย ตอนกลับน่าจะกลับทางนี้เช่นกัน
        
       เสี่ยสุรเดช เงยหน้ามอง ช่องทางที่โจรเข้ามาในบ้าน แล้วคิดในใจ น่าจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย เพราะ ไม่รู้ว่าคนในบ้านมีนับสิบ เมื่อเข้ามาแล้ว บังเอิญไปโดนสัญญาณกันขโมยดัง ก็เลยเผ่นไปหมด ไม่เหลือร่องรอยอย่างอื่น นอกจากลวดหนามที่โดนตัดขาดห้อยอยู่
       
       “คืนนี้มันคงไม่ย้อนมาแล้วละ แต่ยังไง พวกเอ็งก็ต้องคอยดูทั้งคืน เอาไว้ตอนเช้า ค่อยให้ช่างมาซ่อมลวดหนามข้างบน” 
       
       สั่งงานแล้ว เสี่ยเดชเดินส่ายหัว ไปทางหน้าบ้าน ถ้าสัญญาณไม่ดัง ก็ไม่แน่ เพราะเจ้าพวกลูกน้องพากันเฮฮาตั้งแต่เย็น ด้วยไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน จึงไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้
        
       อีกทั้งธุรกิจค้ายาของเสี่ย ที่โยงใยกับคนหลากหลาย และฉายา เสือเดช ยังคงติดตรึงอยู่ในใจผู้คน แม้ว่าเสี่ย จะวางมือมานานแต่ งานที่สร้างรายได้ในปัจจุบัน กลับทำให้ ความน่าเกรงขามเพิ่มขึ้นกว่าตอนเป็นขุนโจร อีกเท่าตัว
        
       เสี่ยสุรเดช เดินกลับเข้าในตัวบ้าน ดึกมากแล้ว รอบตัวตกอยู่ในความเงียบสงัด เขาเดินผ่านชุดโซฟารับแขกไปที่บันได มองเลยไปทางครัว ห้องแม่นุ่ม อยู่ถัดเข้าไปนิด  หญิงวัยห้าสิบนี้อยู่ทำงานด้วยตั้งแต่เขามาบ้านหลังนี้วันแรก เป็นทั้งแม่บ้าน แม่ครัว และแม่นมของลูกชายเสี่ย ซึ่งบัดนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว
        
       เขาเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นบน ห้องแรกปิดสนิทอยู่ เป็นของ เอก ลูกชายวัย ยี่สิบเอ็ด  ตอนนี้อยู่มหาลัยเพราะใกล้สอบ อีกประมาณสองอาทิตย์จึงจะกลับมา
      
       ห้องถัดไปเป็นห้องเก็บของมีค่าต่าง ๆ ที่มีมากมาย จนบางส่วนนำเข้าธนาคารไม่ได้ จึงต้องเก็บไว้ในห้องนี้ ส่วนใหญ่เป็นทองคำแท่ง และเงินสด แต่ก็ทำความสบายใจให้เกิดขึ้นกับเสี่ยอย่างมาก เพราะทรัพย์สินอยู่ในบ้านของตัวเอง
        
       เสี่ยใหญ่ อดีตเสือร้าย นึกถึงวันเก่า ๆ ที่โลดโผนอยู่ในวงการ กับเพื่อนร่วมสาบานอีกสองคน ที่รวมเป็นสามอันตราย ทำได้ทั้งปล้นเงียบ และลุยกันต่อหน้า ต่างพากันเฉียดเป็นเฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่ง เสือริน พลาดท่าในงานสุดท้าย โดนยิงเข้าแสกหน้าพอดี จึงเหลือแค่สองคน คือเขา และเสือชัย 
        
       ขาดเสือรินไปคน ความมั่นใจก็ลดลงไปเกือบครึ่ง เหมือนกับแขนหายไปข้างหนึ่งกันเลยทีเดียว เพราะ ริน เป็นผู้ชำนาญด้านกุญแจทุกชนิด ประตูจะแน่นหนาขนาดไหน ไม่เกินความสามารถของเสือรินไปได้ ใช้เวลาแค่เดินเข้าไปแล้วทำท่าไขกุญแจเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน เพียงนับหนึ่งไม่ถึงสามประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
        
       จริง ๆ แล้ว เรื่องสะเดาะกุญแจใครคนใดคนหนึ่งในทีมก็ทำได้ แต่ในที่นี้พูดถึงความชำนาญ ซึ่งเสือริน จะโดดเด่นเป็นพิเศษ ส่วนตู้เซฟ ตัวเสี่ยเดชจะคล่องกว่าเพื่อน 
        
       ถ้าเรื่องสัญญาณกันขโมย และกล้องวงจรปิด ต้องยกให้ ชัย ความสามารถ ของชัย นอกจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว สิ่งที่สืบทอดมาจากเสือรุ่นพ่อ คือ เขาสามารถทำให้คน และสุนัขรอบ ๆ บริเวณ หลับสนิทได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับการที่จะเข้าไปยกของมีค่าออกมา
        
       เสี่ยเดช ยิ้มกว้างออกมา เมื่อนึกถึง ชัย เพื่อนรัก ที่กลับกลายมาเป็นศัตรู เพราะหลังจากที่ เสือริน สิ้นชื่อไม่นาน เขาทั้งสอง เกิดไปชอบผู้หญิงคนเดียวกัน  แต่เธอคนนั้น ลำดวน กลับมีใจให้ ชัย และตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน โดยที่ชัย บอกกับเดช ในนาทีสุดท้ายก่อนลงมือทำงานชิ้นสำคัญ ว่าขอวางมือ พร้อมทั้งเดินจากไป
        
       ความแค้น ความรัก ศักดิ์ศรี  หรืออะไรก็เกินคาดเดา เสี่ยเดช รวมลูกน้องได้ห้าคน บุกไปฉุด ลำดวน มาจากไร่ของชัย งานนั้น ลูกน้อง เสี่ยตายไปสาม แต่ชัย ก็โดนกระสุนเข้าไปหลายนัด จนต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว อยู่เป็นปี 
       
       เมื่อ ชัย อาการดีขึ้น เขาบุกบ้านเสี่ยเดช เพื่อชิงตัวลำดวนคืน ไม่มีใครหยุดยั้งความระห่ำของชัยได้ แม้จะโดนยิงเข้าไปจัง ๆ หลายนัด เขาก็ยังพาร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือด พาลำดวนกลับไปจนได้ ท่ามกลางร่างไร้ลมหายใจของลูกสมุนเสี่ย ที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่หกคน จากวันนั้น ถึงวันนี้ เป็นเวลาร่วมยี่สิบปี ที่ทั้งชัย และลำดวน พากันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
        
       เสี่ย เดินเลยไปถึงห้องที่สาม ซึ่งเป็นห้องนอนของตัวเอง เปิดประตูเข้าไป มองความกว้างขวางของห้องแล้วเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในห้อง ตามลำพัง
        
       เขาไม่รู้สึกง่วง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คิดถึงอดีตของตัวเอง และนึกขำในใจ ว่า ถ้าเป็นทีมของเขา ในอดีตละก็ สัญญาณกันขโมยไม่มีทางดังขึ้นได้ อย่างแน่นอน
        
       พอถึงตรงนี้ เสี่ยก็คิดถึงกล้องวงจรปิด จึงเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งเครื่องบันทึกภาพ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วมองดูบนจอ ภาพบนจอสิบหกภาพ ตามมุมต่าง ๆ ที่ตั้งกล้องไว้ ปรากฎในสายตา
        
       เสี่ยเดช เลือกภาพรั้วด้านหลัง ที่มีคนปีนเข้ามา แล้วขยายเต็มจอ นั่งมองด้วยความตั้งใจ และย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน
        
       ห้าทุ่มตรงตามเวลาที่เครื่องบันทึกไว้ ภาพบนจอไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ  นอกจากรั้วคอนกรีตสูงสองเมตรครึ่ง และเสาเหล็กที่ตั้งไว้เป็นระยะ แต่ละช่วงจะมีลวดหนามขึงตึงขวางอยู่สามเส้น เส้นบนสุดอยู่ปลายเสาที่เอนเฉียงออกด้านนอก ทำให้ยากต่อการบุกรุกเข้ามา 
        
       หลังคาโรงเรือน สูงขึ้นไปครึ่งกำแพง ทำให้ย่นระยะห่างจากบนสุดถึงพื้นดินไปได้พอควร ตรงนี้ต้องแก้ไขโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครเข้ามาแบบนี้  เลยไม่ได้คิดป้องกัน อีกอย่าง คนในบ้านมีมาก ต่างคนต่างคิดว่าไม่มีใครกล้า แต่ตอนนี้มีแล้ว ส่วนลูกน้องชุดของเจ้าป้อมก็คงต้องคุยกันใหม่แล้ว เสี่ยเดช คิดพลางยิ้มกว้างออกมา มือคลิกเมาส์เลื่อนเวลาเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ตาจ้องมองแนวรั้วในภาพไม่กะพริบ
        
       ครู่ใหญ่ ๆ เสี่ยมองดูเวลามุมซ้ายของหน้าจอ เหนือภาพขึ้นไป ตัวเลขบนนั้นคือ ๐๐ : ๒๐ : ๓๘  เสี่ยเดช ขมวดคิ้ว เพราะสายตาเห็นสิ่งผิดปกติในภาพนั้น เขาเร่งย้อนกลับไป -  มา สองครั้งก่อนมาหยุดที่เวลาปัจจุบัน ตีหนึ่ง ยี่สิบห้านาที ภาพที่ปรากฎบนจอ ลวดหนามบนรั้วที่เห็นอยู่นั้น ยังคงขึงตึงอยู่อย่างเดิม
        
      เสี่ยเดช ลุกขึ้นยืนทันที มือขยับเมาส์ไปที่ภาพรอบตัวบ้าน เลือกบริเวณประตูหน้าบ้านมาหนึ่งภาพ เหนือประตูมีกล้องติดอยู่ ใครเข้า – ออก เห็นหน้าได้ชัดเจนหลบไม่ได้เด็ดขาด บัดนี้ ภาพในเวลาปัจจุบัน อยู่ตรงหน้าเสี่ยเดช อย่างชัดเจน เผยให้เห็นบันไดทางขึ้น ทางเดินเข้ามา และ สนามหญ้าข้าง ๆ ส่วนหนึ่ง 
        
       สิ่งที่ทำให้ เสี่ย มั่นใจ ว่าคราวนี้ เสียทีแน่แล้ว ก็คือ ไม่มีแมลงกลางคืน บินวนอยู่หน้ากล้อง แม้แต่ตัวเดียว ภาพทั้งหมด นิ่งสนิท ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ นอกจากตัวเลขแสดงเวลา ที่เปลี่ยนไป ทุกหนึ่งวินาที 
       
       เสี่ยเดชเดินไปยังประตูห้อง เปิดแล้วเดินออก ก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องเก็บสมบัติอย่างเร่งรีบ การแฮกกล้องวงจรปิด ไม่ใช่ของใหม่ เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แค่รู้ไอพี ยี่ห้อกล้อง แล้วโหลดโปรแกรมบางอย่างมา ก็สั่งงานทั้งระบบแทนเจ้าของบ้านได้สบาย นั่นหมายความว่า ต้องเป็นกล้องตามท้องตลาดทั่วไป โดยเฉพาะบางยี่ห้อที่นำเข้าจากจีน
        
       แต่กล้องชุดนี้ของเสี่ยเดช เขามั่นใจว่าคัดยี่ห้อและคุณภาพมาอย่างดี ดังนั้น ผู้ที่สามารถทำแบบนี้ได้ ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน 
        
       ไม่กี่ก้าวเขาก็เดินถึงห้องเก็บของมีค่า เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูพร้อมสูดลมหายใจเข้ายาว จริงดังคาด ประตูไม่ได้ล็อกไว้ เขาดึงประตูเปิด เดินเข้าไปพร้อมกวาดสายตาสำรวจรอบ ๆ แวบเดียว ก็รู้ว่าเงินสดจำนวนหนึ่งที่กองอยู่บนโต๊ะได้หายไป และเขาก็ต้องหายใจเข้าลึกยาวพร้อมปล่อยออกมาอย่างแรง เมื่อมองเห็นประตูตู้เซฟตรงหน้าเปิดแง้มอยู่  
        
       ตอนนี้ ความคิดเรื่องโจรกระจอก ปีนเข้ามาโดนสัญญาณกันขโมยดัง ได้หายไปจากใจของ เสี่ยเดช เรียบร้อย คงเหลือแต่ความสงสัย ว่าใคร ที่ทำได้ขนาดนี้ เขาเดินมาหยุดยืนที่หน้าตู้เซฟ เอื้อมมือจับบานประตูหนาหนักดึงเปิดออกช้า ๆ และกัดฟันแน่นด้วยความแค้น เมื่อกระเป๋าผ้าใส่ทองคำแท่ง สี่ใบ ใบหนึ่งหนักประมาณห้ากิโลกรัม ได้หายไปทั้งหมด
        
       เขาเอื้อมมือคว้าวิทยุคลื่นสั้นขึ้นมา บอกเจ้าป้อมให้รวมทุกคนรออยู่ข้างล่าง เมื่อสั่งเสร็จ เสี่ยเดชก็หันหลังกลับ เดินไปที่ประตูยกมือแตะเตรียมผลักออกไป พลัน สายตาก็พบกับ กระดาษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ถูกปักติดแน่นกับประตู ด้วยมีดเดินป่าคมกริบ ในนั้นมีลายเส้นที่วาดด้วยปากกา เป็นรูปวงกลมที่ถูกเส้นตรงขีดผ่านกลาง Φ เมื่อเห็นดังนั้น เสี่ยเดช จึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร เสือริน ตายไปแล้ว คนที่มีความสามารถ ขนาดนี้ และรู้จักสัญลักษณ์นี้ เหลือเพียงเขา และ เสือชัย...  

 
       ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่