JJNY : 4in1 หมวดเจี๊ยบซัดตู่ดักทางอย่าซื้ออาวุธ/อัดรัฐเท200ล.ซื้อตึกในสวิสฯ/5พรรคจิ๋วโวยรบ./ข้าวโคราชกว่าพันไร่ยืนต้นตาย

"หมวดเจี๊ยบ" ซัด รัฐบาล "บิ๊กตู่" อย่าโกหก ปชช. ดักทาง อย่าไปซื้ออาวุธ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1693445

"หมวดเจี๊ยบ" ซัด รัฐบาล "บิ๊กตู่" อย่าโกหกปชช. สหรัฐฯ ตัด GSP เหตุ ไม่ยอมให้ตั้งสหภาพแรงงาน ดักทาง ที่บอกจะเอาบางเรื่องไปต่อรองกับสหรัฐฯ คงไม่ใช่ไปซื้ออาวุธอีกนะ 

วันที่ 30 ต.ค. ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหยุดโกหกประชาชน อย่าอ้างมั่วๆ ว่า สหรัฐตัด GSP สินค้าไทยเพราะไทยไม่ยอมให้แรงงานต่างด้าว ตั้งสหภาพแรงงาน เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่รัฐบาลประยุทธ์ถูกร้องเรียน แต่ข้อร้องเรียนหลัก ๆ ของ สมาพันธ์แรงงานและสภาอุตสาหกรรมแรงงานสหรัฐฯ หรือ AFL-CIO คือ การที่ รัฐบาลประยุทธ์ ไม่คุ้มครองสิทธิแรงงาน และลูกจ้างชาวไทย โดยเฉพาะกรณี ปล่อยให้แกนนำสหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟ 7 คน ถูกหักเงินเดือน จนบางคนเหลือเงินกินข้าวแค่เดือนละ 270 บาท เป็นเวลา 10 ปี ในขณะที่บางคนที่เกษียณไปแล้วถูกริบเงินบำนาญ เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย และดอกเบี้ย รวม 25 ล้านบาท ให้การรถไฟฯ เพียงเพราะแกนนำสหภาพการรถไฟ รณรงค์เรื่องมาตรฐานการทำงานที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้เรียกร้องประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเริ่มโดนหักเงินเดือนตั้งแต่ พ.ย 2018 ดังนั้นห้ามโทษรัฐบาลยิ่งลักษณ์

นอกจากนี้ รัฐบาลยังปล่อยให้มีการจับลูกจ้าง บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ทั้งๆ ที่ ลูกจ้างรวมตัวประท้วงนายจ้างตามสิทธิ ดังนั้น รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ควรปลุกกระแสคลั่งชาติ โดยอ้างว่า เป็นเรื่องการบีบให้ไทยยอมรับการจัดตั้งสหภาพแรงงานต่างด้าว เพราะนั่นไม่ใช่สาระสำคัญของคำร้องทุกข์ของ องค์กร AFL-CIO รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ควรบิดเบือนความจริง แล้วปลุกกระแสคลั่งชาติเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนเอง แต่ควรนำตำหนิเหล่านั้นมาเป็นแนวทางปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิของประชาชนทุกสาขาอาชีพ เพื่อไม่ให้ต่างชาติใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อกีดกันทางการค้าของประเทศไทยด้วย

ส่วนที่ คนในรัฐบาลบอกว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนสากลนั้น สงสัยพวกท่านคงคิดไปเองฝ่ายเดียว เพราะคนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลเอาภาษีที่เก็บไปมาใช้ดูแลสวัสดิการประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทัดเทียมมาตรฐานสากล

และอยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อายต่างชาติ งั้นหรือ ที่ท่านดูแลแรงงานไทยไม่ดี จนเขาต้องไปขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ผ่านขบวนการแรงงานสากลต่างๆ เพื่อให้ช่วยกดดันรัฐบาลไทยอีกต่อหนึ่ง ผลว่ารัฐบาลประยุทธ์ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้เขาได้ เพราะเขาเจรจากับรัฐบาลหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการเหลียวแล

และหวังว่า รัฐบาลประยุทธ์ จะไม่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง เพื่อหาเรื่องซื้ออาวุธ โดยอ้างว่า จำเป็นต้องต่อรองขอ GSP จากสหรัฐฯ เพราะขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ได้รับรายงานจากกรรมาธิการฯ ที่กำลังพิจารณาแปรญัตติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย พ.ศ 2563 ว่าการจัดงบประมาณ มีลักษณะน่าสงสัย เช่น ตั้งงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ไปแขวนไว้เป็นงบกองทุนที่ไม่มีการระบุแผนงานโครงการที่ชัดเจน จึงตรวจสอบไม่ได้ และยังมีการจัดงบในแผนบูรณาการที่สามารถโยกไปใช้ข้ามกระทรวงได้ ซึ่งอาจเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการใช้เงินได้ง่าย จึงน่ากลัวว่า จะนำไปใช้ซื้ออาวุธโดยอ้างว่า เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางการค้าหรือไม่ ดังนั้น รัฐบาลควรพูดให้ชัดว่า ที่รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม บอกว่า จะเอาบางเรื่องไปต่อรองกับสหรัฐฯ  เรื่อง GSP นั้น ใช่การเสนอซื้ออาวุธจากอเมริกาหรือไม่ ซึ่งหวังว่า จะไม่มีการใช้เวทีการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะจัดขึ้นที่ไทย ในช่วงต้นเดือน พ.ย นี้ เป็นเวทีตกลงซื้อขายอาวุธ ทั้งๆ ที่ คนไทยจำนวนมากทยอยฆ่าตัวตายหนีหนี้ก็แล้วกัน



วรวัจน์ อัดรัฐเทงบ 200 ล้าน ซื้อตึกผู้แทนการค้าในสวิสฯ ซัดไม่เหมาะ-ชาวบ้านจะตายอยู่แล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3016311

วรวัจน์ อัดรัฐเทงบ 200 ล้าน ซื้อตึกผู้แทนการค้าในสวิสฯ ซัดไม่เหมาะ ชี้ชาวบ้านจะตายอยู่แล้ว
วรวัจน์ – เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ที่ตั้งไว้ 7.5 พันล้านบาท ยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ตอบคำถามคณะกรรมาธิการไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตกรณีสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ใช้งบประมาณ 203 ล้านบาท ซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนการค้าไทยถาวรประจำองค์การการค้าโลก และองค์การทรัพย์สินทางปัญญา ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าคุ้มค่าหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณปี 2563 เป็นงบประมาณขาดดุล และกู้เงินจากต่างประเทศมาทำงบประมาณเกือบ 5 แสนล้านบาท

ขณะที่อาคารหลังนี้เช่ามาเป็นเวลา 24 ปีแล้ว จึงต้องพิจารณาว่าจะเอางบประมาณซึ่งมาจากการกู้ไปซื้อจะคุ้มกับค่าดอกเบี้ย และค่าดูแลที่ต้องเสียหรือไม่ เมื่อเทียบกับค่าเช่าที่เช่าอยู่ กรรมาธิการซีกฝ่ายค้านคัดค้านแนวคิดดังกล่าว เพราะเห็นว่าในสภาพที่ประเทศมีหนี้สิน ต้องกู้เงินมาจ่ายงบประมาณติดต่อกันนานป็น 10 ปี และอย่างน้อยต้องกู้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปี เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องนี้ภายใต้สถานการณ์ของประเทศ และประชาชนกำลังเดือดร้อน ขาดรายได้ บริษัทต่างๆ ปิดกิจการ มีการคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมีคนตกงานอีกไม่น้อยกว่า 500,000 คน จึงเป็นสภาพการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้จ่ายเม็ดเงินไหลออกไปต่างประเทศ

จึงควรกลับไปใช้วิธีเช่าเหมือนที่เคยทำมาก่อน และนำเงินตรงนั้นมาช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในประเทศ แต่ซีกรัฐบาลตั้งแต่นายวีระกร คำประกอบ นางนันทนา สงฆ์ประชา และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ก็ยืนยันว่าต้องซื้อ เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศ ขนาดเอาสภาพเศรษฐกิจชาวบ้านมาเปรียบเทียบแล้ว ก็ยังไม่ฟังกัน

”ผมจึงได้ขอสงวนคำแปรญัตติเอาไว้พูดกันในสภา เพื่อชี้แจงถึงการคัดค้านการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ชาวบ้านจะตายอยู่แล้วยังจะใช้เงินแบบนี้อีก หากให้ 1 กระทรวงเกรงว่าในอนาคตจะมีอีกหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงต่างประเทศ หน่วยงานกองทัพ เป็นต้น ของบประมาณเพื่อซื้ออาคารเช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่