“ไม้หน้าสาม” เศร้าจับใจกับ “เจ๊ดัดจริต-สุดารัตน์เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย” ที่ไปดราม่าน้ำตาหลั่งริน

“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า”ปักหมุด “จรรยาบรรณ”-“อุดมการณ์” มั่นคง ตรงไปตรงมา ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” จับยามสามตาสอดส่องพฤติกรรม “ตลกบนหลังคารถ” ที่ขันอาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน และชาติบ้านเมือง จะยึดมั่นในผลประโยชน์ส่วนรวมหรือส่วนตนกันแน่???...
ได้ฤกษ์ปี่กลองเชิดสภาผู้แทนราษฎรประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2563 “สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน” (ปธ.วิปฝ่ายค้าน) บอกว่า รูปแบบการอภิปรายจะใช้วิธีแบบลูกเสือ คือ มีผู้อภิปรายทั่วไปก่อน จากนั้นนายหมู่จะเป็นผู้เติมเต็มสรุปข้อมูลเป็นบางช่วงเพื่อให้เนื้อหาครอบคลุม โดยจัดหัวหอกชำแหละงบฯไว้ 12 คน...
จะชี้ให้เห็น 4 ประเด็นหลัก คือ การใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนหรือไม่แก้ปัญหาตอบโจทย์ประเทศได้สูงสุดหรือไม่ ใช้งบประมาณได้ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ และจัดงบประมาณโปร่งใสถูกต้องหรือไม่ และยืนยันว่าไม่ได้จ้องล้มรัฐบาล ในขณะที่ซีกรัฐบาลมั่นอกมั่นใจว่างบฯปี’63 จะผ่านวาระ 1 อย่างแน่นอน ก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น เพราะหากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ผ่าน ก็จะยิ่งซ้ำเติมความบอบช้ำทางเศรษฐกิจพี่น้องประชาชนสาหัสเข้าไปอีก “ไม้หน้าสาม” เชื่อว่าฝ่ายค้านเองก็น่าจะยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์โดยรวมของบ้านเมือง “เสียงปริ่มน้ำ” ของรัฐบาลคงได้เห็นคะแนนโหวตลงมติในการประชุมสภาฯครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดถึงความมั่นคงของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในอนาคตอีกด้วย “ไม้หน้าสาม”หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายค้านคงไม่ฉกฉวยโอกาสตามสันดานเดิมจมเรือแป๊ะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง...
nn จับชีพจรความเคลื่อนไหวพรรคภูมิใจไทย จากนโยบาย “ปลูกกัญชาเสรี” วันนี้ไปไม่ถึงไหน ประชาชนที่กาบัตรลงคะแนนให้ภูมิใจไทยเคลิ้มไปกับนโยบายร้อนแรงปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น รวยๆๆ ปีละกว่า 4 แสนบาท ทว่าวันนี้ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่นั่งเก้าอี้ รองนายกฯควบ เสนาบดีสาธารณสุขกลับออกมาชักธงรบบดขยี้แบน 3 สารเคมีในภาคการเกษตร ซ้ำยังเดิมพันหนัก ถ้าแบน 3 สารไม่สำเร็จ รมต.ภูมิใจไทยจะพร้อมใจไขก๊อก จะปากไวใจเร็วอย่างไรไม่ทราบ แต่พอเอาเข้าใจจริงๆ “มนัญญาไทยเศรษฐ์” รมช.เกษตรฯ กลับออกตัวแรงสวนหัวหน้าพรรคทันควันว่า พี่ไม่ลาออกแน่!!!...
nn “ไม้หน้าสาม” เชียร์สุดแรงเกิด หากทำเพื่อปกป้องชีวิตสุขภาพของเกษตรกรตลอดจนคนไทยบนผืนแผ่นดินนี้ ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกินอาหารปนเปื้อนสารเคมีอันตราย “พาราควอต, คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต” แต่ปัญหาสุขภาพของเกษตรกร ผู้บริโภคไม่จบไปหากแต่แค่แบน 3 สารที่ว่านี้ เพราะวันนี้เลาๆ ว่า กลุ่มทุ่นใหม่เตรียมรับมีดรอตัดชิ้นเนื้อก้อนโตเข้าปาก แปลกแต่จริงแบน 3 สารอันตราย ให้ไปใช้สารเคมีตัวใหม่ จากกลุ่มทุนใหม่ งานนี้มีเดิมพันธุรกิจหลายหมื่นล้าน“ใครได้-ใครเสีย” เลิกเสียทีเถอะจับประชาชนเป็นตัวประกัน คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า...
nn สุดท้ายปลายทางของเกมนี้จะยุติลงเช่นไร “หนีเสือปะจระเข้” หรือไม่???เพราะรมต.ที่ออกมาดาหน้าแบนสารอันตราย ไม่มีอะไรการันตีความอยู่รอดปลอดภัยของประชาชนเลยว่า สารเคมีตัวใหม่ที่ตั้งโต๊ะรอคอยมายาวนานหลายปี จะไม่อันตรายเหมือน 3 สารหรือไม่ ถ้าแน่จริง ก็ควรประกาศเป็นวาระแห่งชาติปักธงประเทศไทยจะทำ“เกษตรอินทรีย์” ดีใหม่ มีแปลงสาธิตแปลงทดลองจับต้องได้ ทฤษฎีพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ เกษตรกรจำนวนมากน้อมนำไปปฏิบัติทำจริง...เห็นผลจริง ตลาดโลกเปิดกว้างรับสินค้าออร์แกนิก ถ้ารมต.ทำอย่างนี้จะยอมศิโรราบว่าท่านทำเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนคนไทยโดยแท้ ไม่ใช่เดินเกมเพื่อกลุ่มทุนใหม่!!!...
nnแนวร่วมที่สนับสนุนแบน 3 พิษ ควรพึงสังวรและรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองและกลุ่มทุนที่สูบเลือดเนื้อพี่น้องเกษตรกรด้วย...
nn “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม” เห็นกันจริงชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้ากับคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อพุธที่ผ่านมาในคดีหมายเลขดำ 1762/2554 ที่เป็นคดีทางแพ่งให้แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำนวน3 คน ประกอบด้วย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนกว่า 21 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการเผาตึกย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อันเนื่องจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 โดยให้ชดใช้ค่าเสียหายไม่เกิน 2 ปี รวมถึงให้จ่ายค่าธรรมเนียมและค่าทนายความให้กับฝ่ายโจทก์อีกด้วย บวกกับอีกคดีที่แกนนำนปช. 3 เกลอถูกนักธุรกิจและผู้อาศัยย่านถนนราชปรารภ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่ง ศาลฎีกาก็ได้มีคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ 6646-6647/2561 ให้จำเลยซึ่งเป็นแกนนำ นปช. 3 คน คือ จตุพร, ณัฐวุฒิ และอีกคนหนึ่งที่แตกต่างไปคือเป็น อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง โดยให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนกว่า 19 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมๆ แล้วก็ราวๆ 21 ล้านบาท บวกตัวเลขกลม 21+21 ก็ปาเข้าไป 40 กว่าล้าน ประวิงเวลาดอกเบี้ยเดินก็ทะลุ 50 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่ “กี้ร์” อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จะชิงหลบหนีคดีไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยให้ศรีภรรยาไปนอนเรือนจำในข้อหาจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน หลังจากมีคำพิพากษาให้จำคุกและยึดทรัพย์ในคดีอาญาหลายคดีก่อนหน้านี้ และยังไม่รู้ว่าจะมีคดีทำนองนี้อีกอยู่ในกระบวนการพิจารณาอีกกี่คดี...
nn รวมถึงคดีอาญาที่มี “คุกรองรับ” ต่างกรรมต่างวาระติดคุกหัวโต ไม่ต้องมาโอดโอยให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม เพราะทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีต้นสายปลายเหตุมาจากการกระทำของแกนนำนปช.ทั้งสิ้นกับ “นิยามที่ว่า-สู้แล้วรวย” อาจเป็นภาพลวงตา สุขเพียงชั่วข้ามคืน ทว่าชีวิตแห่งความเป็นจริง“มหาโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดินตัวพ่อตัวแม่” หยิบชิ้นปลามันเล่นแร่แปรธาตุ หอบเงินภาษีพี่น้องประชาชนไปเสวยสุขในต่างแดน คือภาพแห่งความเป็นจริงที่แสนจะเจ็บปวดแต่กระนั้น ยังมีคนเขลาเบาปัญญาไปเคารพบูชากราบไหว้ในต่างแดน “ทักษิณคิด...เพื่อไทยทำ” จำได้หรือไม่กับสโลแกนนี้ยังวนเวียนหลอกหลอนจวบจนทุกวันนี้...
nn“ไม้หน้าสาม” เศร้าจับใจกับ “เจ๊ดัดจริต-สุดารัตน์เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย” ที่ไปดราม่าน้ำตาหลั่งรินถึงนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวรกรรม“ไม้หน้าสาม” ก็มองโลกสวยเข้าใจว่าเสียใจที่บอลทีมชาติยูเออีที่ให้ผู้มีพระคุณหลบซ่อนแอบใต้อุ้งเดินทางมาแข่งฟุตบอลโลก 2020 รอบคัดเลือกแพ้ทีมชาติไทย 1 ต่อ 2 ประตู แบบสะใจคนไทยทั้งประเทศ ที่ไหนได้เรื่องจริงคือ “เจ๊ดัดจริต” ไปออดอ้อนเว้าวอนปรึกษา “ทักษิณ” เกี่ยวกับการส่งตัวผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. หลังจากที่ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ประกาศลงชิงเก้าอี้พ่อเมืองหลวงในนามอิสระ ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีท่าทีว่าจะไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคแต่ทว่าน้ำตาเจ๊ดัดจริต ที่ปัจจุบันแค่นักแสดงปลายแถวตีบทไม่แตกลีลาไม่เป็นธรรมชาติไม่อาจทำให้หน้าเหลี่ยมเปลี่ยนใจ ยังคงยืนกรานที่จะให้พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครชิงชัยเก้าอี้ผู้ว่าฯ เพราะประเมินแล้วว่า อาจจะพ่ายแพ้ “ไม้หน้าสาม” ขอเตือนสติเจ๊หน่อย คนเคยคุ้นเคยว่ายังไม่สายที่จะกลับมาสู่เส้นทางสัมมาทิฐิ “อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว” คนแบบไหนสั่งให้ลูกน้องไปตาย ติดคุกติดตะรางแทนตนเองและญาติพี่น้อง คนแบบไหนยุยงปลุกปั่นให้ “ไทยฆ่าไทยเผาบ้านเมืองตัวเอง” แม้แต่อดีตรัฐบุรุษอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ปกป้องสถาบันเบื้องสูง แม้จะสิ้นลมหายใจจากแผ่นดินนี้ยังหวงหาคิดถึงความทุกข์ร้อนประชาชนคนยากจน นำเงินที่เก็บออมทั้งชีวิต ซึ่งมีตัวเลขหลายร้อยล้านบาทบริจาคเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนยากคนจน แต่ในสายตาของทักษิณกลับมองว่า “ป๋าเปรมคือขวากหนามของเขา” ซ้ำยังยุยงให้ไพร่แดงเกลียดชังป๋าเปรม “ไม้หน้าสาม” ยังหวังลึกๆ แม้จะริบหรี่ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ย่อมมีสติปัญญาไตร่ตรองแยกชั่วแยกดีได้ จะทำให้คุณค่าของความเป็นคนเต็มคนขึ้น ซึ่งต้องตอบแทนคุณแผ่นดินเกิด สดใส-บริบูรณ์...nn
ไม้หน้าสาม

https://www.naewna.com/politic/columnist/41770
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่