“ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณหญิงแม่หาให้ ผม! ผมไม่รู้จะทำยังไง”
ภูติ นอนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนที่นอนกับชายคนรักในคอนโดย่านชานเมือง ซึ่งซื้อไว้สำหรับร่วมรักกับชัช หรือชัชพงษ์โดยเฉพาะ ครอบครัวของภูติไม่มีใครรู้ถึงรสนิยมชายรักชายของเขา ด้วยฐานะและหน้าตาของวงค์ตระกูลไม่สามารถทำให้เขาเป็นตัวของตัวเองได้ จึงต้องปิดบังไว้อย่างมิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ผมไม่อยากให้คุณตกเป็นของคนอื่น”
ชัชพงษ์ที่นอนตัวเปลือยเปล่าเช่นกันข้างๆภูติหันตะแคงหน้ามาทางเขาหลังจากพูดจบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาสวมกอดตัวเขาไว้แน่น ความรักของทั้งสองคนที่มีให้กันไม่ได้แตกต่างไปจากความรักของหญิงชายทั่วไป ถึงสมัยนี้จะยอมรับกันมากแล้วในสังคม แต่ทว่าคู่รักของเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้วยทางครอบครัวของภูติเองยังไม่ยอมรับกับเรื่องแบบนี้ จึงทำให้ต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างแน่นหนา
“ผมไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากคุณ แต่ผมขัดคุณหญิงแม่ไม่ได้คุณก็รู้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
ภูติตอบ ในขณะที่มืออีกข้างยกมาลูบศีรษะของชัชพงษ์ ด้วยความรักและรู้สึกเสียใจที่ต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ตนเองไม่รัก แถมไม่ใช่รสนิยมที่ชื่นชอบด้วย แต่ถึงแม้เขาจะชอบผู้ชายภูติก็ไม่เคยชอบผู้ชายไปทั่ว มั่วไปเรื่อย เขาชอบชัชพงษ์คนเดียวเท่านั้น
หลังจากร่วมรักกันเสร็จ นอนเอาแรงสักพักทั้งสองคนก็ลุกไปอาบน้ำแยกย้ายกันกลับไปที่ของตนเอง ทำเหมือนว่าไม่รู้จักกัน ไม่เคยนัดกันกินข้าวสองต่อสอง ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันสองคน ทำงานกันคนละที่ใช้ชีวิตไปวันๆตามแบบฉบับของตัวเอง แต่ในหนึ่งเดือน หรือ สองเดือนทั้งสองคนต้องมาร่วมรักกันที่คอนโดย่านชานเมืองแห่งนี้เสมอ จะไม่โทรหรือคุยพร่ำเพรื่อเหมือนคู่รักหญิงชาย สองคนดูความเคลื่นไหวของกันและกันผ่านโซเชียลเท่านั้น ถึงเป็นแบบนี้ภูติกับชัชพงษ์ก็ไม่เคยนอกใจกัน
....
คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุง คุณหญิงช่อผกากำลังนั่งดูสร้อยเพชรเม็ดงาม มรดกตกทอดจากผู้เป็นแม่ ภายในใจคิดว่าจะยกชุดนี้ให้เป็นของหมั้นให้กับลูกชายคนกลางและลูกสะใภ้ที่ตนเองหาให้ ซึ่งก็คือลูกสาวของคุณหญิงราตรี เพื่อนสนิทของตน
หลังจากที่สามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เธอก็เลี้ยงลูกสามคนเพียงคนเดียวมาตลอด ลูกชายสามคนของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวังเสียใจสักครั้ง เธอได้รับมรดกตกทอดของสามี และของพ่อกับแม่ ธุรกิจมากมายเธอเป็นคนบริหารจัดการเองทั้งหมด เมื่อลูกชายเรียนจบเธอจึงวางมือ ให้ลูกๆเข้ามาช่วยบริหารต่อไป
ปรีติ ลูกชายคนโตของเธอแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปเรียบร้อย เธอให้เครื่องเพชรที่เป็นมรดกตกทอดเป็นของหมั้นเหมือนกัน กิตติลูกชายคนเล็กก็แต่งงานไปในปีที่แล้ว เหลือก็แต่ภูติลูกชายคนกลางคนเดียวที่ทำตัวเจ้าสำราญ เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหาแฟน มีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐาน อายุก็มากขึ้น ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธออดห่วงไม่ได้
เสียงมือถือดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากคุณหญิงราตรีนั่นเอง คงกำลังจะมาถึงบ้านของตนแล้ว ที่นัดกันไว้ว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย
“สวัสดีจะคุณน้อง ใกล้มาถึงหรือยังจ๊ะ” คุณหญิงช่อผกากดรับสาย
“ใกล้ถึงแล้วค่ะคุณพี่ คุณภูอยู่บ้านมั้ยค่ะ น้องปานก็มาด้วย นี่คุณแม่บอกไม่ต้องมาๆ ก็ดื้อจะมาด้วยบอกอยากเจอพี่ภูของเค้าให้ได้ค่ะ”
“ตาภูไม่อยู่หรอกจะทำธุระ แต่อีกหน่อยก็คงจะมา เพราะคุณพี่บอกแล้วว่า หนูปานกับคุณน้องจะมา”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ อันที่จริงคุณน้องอยากพาน้องปานมาเยี่ยมคุณพี่ต่างหากค่ะ พึ่งกลับมาจากเมืองนอกบ่นอยากเจอคุณป้ากับพี่ภู คุณน้องก็เลยพามาค่ะ”
เมื่อวางสายจากคุณหญิงราตรี ช่อผกาเก็บเครื่องเพชรเข้าตู้เซฟ เดินลงมาจากห้องนอนของตนมานั่งรอเพื่อนสนิทที่ห้องรับแขก ไม่นานก็มีรถเก๋งยุโรปสีดำแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน มีผู้ชายเปิดประตูรถลงมาจากฝั่งคนขับ เดินมาเปิดประตูรถให้อีกสองคนที่นั่งเบาะหลัง เป็นใครไปไม่ได้นั่นก็คือคุณหญิงราตรีกับลูกสาว
คุณหญิงช่อผกาเดินออกมารับสองคนหน้าบ้าน กล่าวทักทายกันพอหอมปากหอมคอจึงพากันเดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่โซฟาหรูราคาแพง ห้องกว้างสวยงามตามแบบฉบับเศรษฐีผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง
“หนูปานเรียนจบแล้วมาช่วยงานคุณแม่เลยมั้ยจ๊ะ หรือขอใช้ชีวิตอิสระหลังเรียนจบก่อน” คุณหญิงช่อยิ้มหลังจากนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อย หันหน้าถามลูกสาวเพื่อน
“ปานว่าจะเข้ามาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ อยากให้ท่านมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น”
ปานชีวา ตอบผู้เป็นป้า เธอยังไม่รู้ว่าทั้งสองครอบครัวหมั้นหมายกันไว้ให้เธอกับภูติแต่งงานกัน เธอคิดกับภูติแค่พี่ชายคนหนึ่งที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ และอีกอย่างเธอก็ดูออกว่ารสนิยมของผู้ชายคนนี้เป็นยังไง
“เป็นเด็กดีจังเลยนะคะ” คุณหญิงช่อหันหน้ามาหาคุณหญิงราตรี
“เอ่อ คุณพี่คะตาภูจะกลับมาตอนไหนคะ จะว่าไปบ้านคุณพี่ดูเงียบๆกว่าปกติเนอะ ตั้งแต่ตากิตติแต่งงานไปอีกคน”
คุณหญิงราตรีพูดขึ้น ที่รู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้เงียบไปจริงๆ นอกจากคนรับใช้แม่บ้าน ก็มีแค่คุณหญิงช่อและลูกชายคนกลางอยู่กันเพียงสองคน ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน เคยช่วยเหลือเกื้อกูลทางธุรกิจกันอยู่เนืองๆ ทำให้สงสารและเห็นใจจากใจจริง สามีก็ตายจากตั้งแต่ลูกชายยังเล็กๆ ถ้าได้ลูกสาวของตนมาอยู่เป็นเพื่อน มีหลานสักคนสองคน เพื่อนผู้พี่คนนี้คงไม่เหงา
ไม่นานก็มีรถสปอร์ตสีดำวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน เจ้าของรถคันนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากภูติ ภูติพัฒน์นั่นเอง
ภูติลงมาจากรถ ทราบล่วงหน้าแล้วว่าสองแม่ลูกเพื่อนของคุณหญิงแม่มาบ้าน เขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“สวัสดีครับคุณน้าราตรี น้องปาน”
ภูติกล่าวทักทายแขกผู้มาเยือนก่อน จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างๆผู้เป็นแม่ ชำเลืองมองปานชีวาที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ไปเรียนเมืองนอกหลายปี เขาจำได้ว่าก่อนไปยังขี้เหร่อยู่เลย กลับมาคราวนี้สวยขึ้นเป็นกอง ถึงอย่างไรเขาก็มองปานชีวาแค่น้องสาวคนหนึ่ง ไม่มีความสนใจแบบชู้สาวแต่อย่างไร เขารักชัชพงษ์ต่างหาก และผู้หญิงคนนี้เหรอจะมาเป็นคู่ครองของเขา ด้วยสเปคไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่แรกทำให้เขาเผลอมองปานชีวาด้วยสายตาไม่ชอบ
“ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีค่ะพี่ภู สบายดีนะคะ”
ปานชีวากล่าวทักทาย ไม่ค่อยชอบสายตาของผู้พี่ตอนนี้เอามากๆเลย ปกติภูติไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ ความจริงต้องดีใจที่เธอกลับมาเหมือนทุกครั้งช่วงที่เธอยังเรียนไม่จบกลับมาช่วงปิดเทอมสิ ไม่ใช่มามองกันด้วยสายตาแบบนี้ ปานชีวายังไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มีเพียงภูติที่รู้เรื่องก่อนหน้าที่เธอจะกลับมานานแล้ว
“ที่น้ามาวันนี้ว่าจะมาหาฤกษ์งามยามดีงานหมั้นของเรากับน้องปานจะ” คุณหญิงราตรีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ห๊า! อะไรนะคะคุณแม่ ทำไมปานไม่รู้เรื่อง คุณแม่คะที่ปานชวนคุณแม่มาบ้านคุณหญิงป้าเพราะปานคิดถึงพี่ภู พี่ติ และน้องกิตนะคะ ปานไปเรียนเมืองนอกตั้งนาน ไม่ได้เจอ เลยอยากมาหา ไม่ได้จะหมั้นกับใครนะคะ”
ปานชีวาตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่ เธอไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ แต่สายตาของภูติยังมองเหมือนเธอสร้างภาพ ปานชีวาเข้าใจสายตาที่ภูติมองเธอเมื่อสักครู่แล้ว ว่าทำไม ด้วยความที่เธอรู้ว่ารสนิยมเขาเป็นยังไง นี่สินะสาเหตุที่ทำให้เธอโดนมองค้อนเมื่อสักครู่
“ไม่ต้องอายหรอกหนูปาน พี่ภูเขารักหนูปานนะ ถามถึงทุกวันว่าเมื่อไหร่หนูปานจะกลับเมืองไทย ป้าเลยว่าจะหมั้นไว้ก่อน หนูปานขัดอะไรมั้ยจ๊ะ หรือว่ามีแฟนอยู่แล้ว” คุณหญิงช่อพูดแทนลูกชาย ทั้งที่ภูติไม่เคยถามถึงสักครั้ง
“เอ่อปาน..ปาน”
“น้องปานยังไม่มีแฟนค่ะ จะมีแฟนได้ยังไงละคะ เค้ารักพี่ภูของเค้าจะตาย ใช่มั้ยคะลูก” คุณหญิงราตรีชิงพูดก่อนๆที่ลูกสาวจะทำเรื่องพัง ตอบไปว่ามีแฟนแล้ว
ส่วนภูติไม่พูดไม่คัดค้านคนเป็นแม่ เพราะไม่อยากขัดใจ แม่เลี้ยงเขามาตัวคนเดียว ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ เพราะรักพ่อมาก เขาจะทำให้แม่เสียใจได้อย่างไร แม่ไม่เคยขัดใจเขาสักครั้ง และเขาจะไม่ขัดใจความสุขของแม่เช่นกัน แต่! เมื่อก่อนแม่ไม่เคยคิดจะหาเมียให้กับเขา พอปานชีวากลับมาจากเรียนเมืองนอก กลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และทำตามที่พูดจริงจะให้เขาหมั้นกับลูกของคุณหญิงราตรี ภูติจึงคิดว่าหรือจะเป็นปานชีวาเองที่ยุแม่ของเขาคิดเรื่องนี้
“พี่ภูก็โสดน๊าหนูปาน ป้าการันตี หมั้นกันไว้ก่อน ศึกษาดูใจกันก่อนสักปีค่อยแต่งกัน”
คุณหญิงช่อผกาพูดขึ้น โดยไม่ได้สังเกตลูกชายของตนเองที่ออกอาการตกใจกับคำพูดของตนเมื่อสักครู่ คนที่สังเกตเห็นจะเป็นปานชีวาคนเดียว
ปานชีวารู้สึกพะอืดพะอมที่จะต้องแต่งงานกับภูติที่มีรสนิยมชายรักชาย เธอรักภูติแบบพี่ชาย สนิทกันแบบพี่ชายมาตลอด รู้ความลับนี้มาตลอดโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเธอรู้ บัดนี้จะต้องมาแต่งงานกัน เธอรู้สึกรับไม่ได้
...
“แม่ไม่ได้บังคับลูกนะตาภู ถ้าเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่จนอายุป่านนี้แม่ก็ยังไม่เคยเห็นลูกพาผู้หญิงเข้าบ้านสักคน หนูปานเธอก็นิสัยดี การศึกษาดี แม่เห็นว่าคู่ควรกับลูกนะ แม่จึงอยากจะหมั้นให้ลูก” คุณหญิงช่อพูดกับลูกชายหลังจากสองแม่ลูกกลับไปแล้ว
“ผมไม่ได้รักปานนะครับ และปานก็ไม่ได้รักผม”
“แล้วลูกรักใคร ลูกมีแฟนอยู่แล้วเหรอ พามาพบแม่สิ เธอเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร จะกั๊กไว้ทำไม แค่เป็นคนดีและเป็นผู้หญิงแม่ก็พอใจแล้ว”
ช่อผกาพูดแทงใจดำลูกชาย กลัวว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นจริง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆตนเองคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ความจริงเธอไม่อยากจะบังคับหรือห้ามในความเป็นตัวลูกๆ เนื่องด้วยเรื่องธุรกิจ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของสามี ทำให้ต้องห้าม และจะทำให้เสียชื่อเสียงไม่ได้
“ผมขอเวลาครับแม่ ผมยังไม่พร้อมมีครอบครัว”
“ตอนไหนล่ะตาภูแม่แก่แล้วนะ อีกอย่างอายุเราก็ไม่ใช่น้อยๆ น้องมันแซงมีลูกก่อนแล้วไม่เห็นเหรอ”
“ก็นั่นไงครับแม่ หลานลูกพี่ติ ลูกไอ้กิตยังไม่พอเหรอ ผมดูแลตัวเองได้ถึงตัวคนเดียว”
“แต่แม่อยากเห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่งั้นแม่คงตายตาไม่หลับ แม่ให้เวลาเราหนึ่งปี และหมั้นกับหนูปานไว้ก่อน ถ้าเราเจอคนที่ชอบ แม่ยอมเป็นขี้ปากคุณหญิงราตรีถอนหมั้นให้ลูกเอง”
ถึงอย่างไรภูติก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ภายในหนึ่งปีเขาจะหาแฟนมาจากไหน เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขารักขัชพงษ์ คงหนีไม่พ้นต้องแต่งงานกับปานชีวาเหมือนเดิม
.... จบบท
เจ้าสาวจำเป็น บทที่ 1
ภูติ นอนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนที่นอนกับชายคนรักในคอนโดย่านชานเมือง ซึ่งซื้อไว้สำหรับร่วมรักกับชัช หรือชัชพงษ์โดยเฉพาะ ครอบครัวของภูติไม่มีใครรู้ถึงรสนิยมชายรักชายของเขา ด้วยฐานะและหน้าตาของวงค์ตระกูลไม่สามารถทำให้เขาเป็นตัวของตัวเองได้ จึงต้องปิดบังไว้อย่างมิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ผมไม่อยากให้คุณตกเป็นของคนอื่น”
ชัชพงษ์ที่นอนตัวเปลือยเปล่าเช่นกันข้างๆภูติหันตะแคงหน้ามาทางเขาหลังจากพูดจบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาสวมกอดตัวเขาไว้แน่น ความรักของทั้งสองคนที่มีให้กันไม่ได้แตกต่างไปจากความรักของหญิงชายทั่วไป ถึงสมัยนี้จะยอมรับกันมากแล้วในสังคม แต่ทว่าคู่รักของเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้วยทางครอบครัวของภูติเองยังไม่ยอมรับกับเรื่องแบบนี้ จึงทำให้ต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างแน่นหนา
“ผมไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากคุณ แต่ผมขัดคุณหญิงแม่ไม่ได้คุณก็รู้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
ภูติตอบ ในขณะที่มืออีกข้างยกมาลูบศีรษะของชัชพงษ์ ด้วยความรักและรู้สึกเสียใจที่ต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ตนเองไม่รัก แถมไม่ใช่รสนิยมที่ชื่นชอบด้วย แต่ถึงแม้เขาจะชอบผู้ชายภูติก็ไม่เคยชอบผู้ชายไปทั่ว มั่วไปเรื่อย เขาชอบชัชพงษ์คนเดียวเท่านั้น
หลังจากร่วมรักกันเสร็จ นอนเอาแรงสักพักทั้งสองคนก็ลุกไปอาบน้ำแยกย้ายกันกลับไปที่ของตนเอง ทำเหมือนว่าไม่รู้จักกัน ไม่เคยนัดกันกินข้าวสองต่อสอง ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันสองคน ทำงานกันคนละที่ใช้ชีวิตไปวันๆตามแบบฉบับของตัวเอง แต่ในหนึ่งเดือน หรือ สองเดือนทั้งสองคนต้องมาร่วมรักกันที่คอนโดย่านชานเมืองแห่งนี้เสมอ จะไม่โทรหรือคุยพร่ำเพรื่อเหมือนคู่รักหญิงชาย สองคนดูความเคลื่นไหวของกันและกันผ่านโซเชียลเท่านั้น ถึงเป็นแบบนี้ภูติกับชัชพงษ์ก็ไม่เคยนอกใจกัน
....
คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุง คุณหญิงช่อผกากำลังนั่งดูสร้อยเพชรเม็ดงาม มรดกตกทอดจากผู้เป็นแม่ ภายในใจคิดว่าจะยกชุดนี้ให้เป็นของหมั้นให้กับลูกชายคนกลางและลูกสะใภ้ที่ตนเองหาให้ ซึ่งก็คือลูกสาวของคุณหญิงราตรี เพื่อนสนิทของตน
หลังจากที่สามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เธอก็เลี้ยงลูกสามคนเพียงคนเดียวมาตลอด ลูกชายสามคนของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวังเสียใจสักครั้ง เธอได้รับมรดกตกทอดของสามี และของพ่อกับแม่ ธุรกิจมากมายเธอเป็นคนบริหารจัดการเองทั้งหมด เมื่อลูกชายเรียนจบเธอจึงวางมือ ให้ลูกๆเข้ามาช่วยบริหารต่อไป
ปรีติ ลูกชายคนโตของเธอแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปเรียบร้อย เธอให้เครื่องเพชรที่เป็นมรดกตกทอดเป็นของหมั้นเหมือนกัน กิตติลูกชายคนเล็กก็แต่งงานไปในปีที่แล้ว เหลือก็แต่ภูติลูกชายคนกลางคนเดียวที่ทำตัวเจ้าสำราญ เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหาแฟน มีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐาน อายุก็มากขึ้น ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธออดห่วงไม่ได้
เสียงมือถือดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากคุณหญิงราตรีนั่นเอง คงกำลังจะมาถึงบ้านของตนแล้ว ที่นัดกันไว้ว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย
“สวัสดีจะคุณน้อง ใกล้มาถึงหรือยังจ๊ะ” คุณหญิงช่อผกากดรับสาย
“ใกล้ถึงแล้วค่ะคุณพี่ คุณภูอยู่บ้านมั้ยค่ะ น้องปานก็มาด้วย นี่คุณแม่บอกไม่ต้องมาๆ ก็ดื้อจะมาด้วยบอกอยากเจอพี่ภูของเค้าให้ได้ค่ะ”
“ตาภูไม่อยู่หรอกจะทำธุระ แต่อีกหน่อยก็คงจะมา เพราะคุณพี่บอกแล้วว่า หนูปานกับคุณน้องจะมา”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ อันที่จริงคุณน้องอยากพาน้องปานมาเยี่ยมคุณพี่ต่างหากค่ะ พึ่งกลับมาจากเมืองนอกบ่นอยากเจอคุณป้ากับพี่ภู คุณน้องก็เลยพามาค่ะ”
เมื่อวางสายจากคุณหญิงราตรี ช่อผกาเก็บเครื่องเพชรเข้าตู้เซฟ เดินลงมาจากห้องนอนของตนมานั่งรอเพื่อนสนิทที่ห้องรับแขก ไม่นานก็มีรถเก๋งยุโรปสีดำแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน มีผู้ชายเปิดประตูรถลงมาจากฝั่งคนขับ เดินมาเปิดประตูรถให้อีกสองคนที่นั่งเบาะหลัง เป็นใครไปไม่ได้นั่นก็คือคุณหญิงราตรีกับลูกสาว
คุณหญิงช่อผกาเดินออกมารับสองคนหน้าบ้าน กล่าวทักทายกันพอหอมปากหอมคอจึงพากันเดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกที่โซฟาหรูราคาแพง ห้องกว้างสวยงามตามแบบฉบับเศรษฐีผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง
“หนูปานเรียนจบแล้วมาช่วยงานคุณแม่เลยมั้ยจ๊ะ หรือขอใช้ชีวิตอิสระหลังเรียนจบก่อน” คุณหญิงช่อยิ้มหลังจากนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อย หันหน้าถามลูกสาวเพื่อน
“ปานว่าจะเข้ามาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ อยากให้ท่านมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น”
ปานชีวา ตอบผู้เป็นป้า เธอยังไม่รู้ว่าทั้งสองครอบครัวหมั้นหมายกันไว้ให้เธอกับภูติแต่งงานกัน เธอคิดกับภูติแค่พี่ชายคนหนึ่งที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ และอีกอย่างเธอก็ดูออกว่ารสนิยมของผู้ชายคนนี้เป็นยังไง
“เป็นเด็กดีจังเลยนะคะ” คุณหญิงช่อหันหน้ามาหาคุณหญิงราตรี
“เอ่อ คุณพี่คะตาภูจะกลับมาตอนไหนคะ จะว่าไปบ้านคุณพี่ดูเงียบๆกว่าปกติเนอะ ตั้งแต่ตากิตติแต่งงานไปอีกคน”
คุณหญิงราตรีพูดขึ้น ที่รู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้เงียบไปจริงๆ นอกจากคนรับใช้แม่บ้าน ก็มีแค่คุณหญิงช่อและลูกชายคนกลางอยู่กันเพียงสองคน ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน เคยช่วยเหลือเกื้อกูลทางธุรกิจกันอยู่เนืองๆ ทำให้สงสารและเห็นใจจากใจจริง สามีก็ตายจากตั้งแต่ลูกชายยังเล็กๆ ถ้าได้ลูกสาวของตนมาอยู่เป็นเพื่อน มีหลานสักคนสองคน เพื่อนผู้พี่คนนี้คงไม่เหงา
ไม่นานก็มีรถสปอร์ตสีดำวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน เจ้าของรถคันนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากภูติ ภูติพัฒน์นั่นเอง
ภูติลงมาจากรถ ทราบล่วงหน้าแล้วว่าสองแม่ลูกเพื่อนของคุณหญิงแม่มาบ้าน เขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“สวัสดีครับคุณน้าราตรี น้องปาน”
ภูติกล่าวทักทายแขกผู้มาเยือนก่อน จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างๆผู้เป็นแม่ ชำเลืองมองปานชีวาที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ไปเรียนเมืองนอกหลายปี เขาจำได้ว่าก่อนไปยังขี้เหร่อยู่เลย กลับมาคราวนี้สวยขึ้นเป็นกอง ถึงอย่างไรเขาก็มองปานชีวาแค่น้องสาวคนหนึ่ง ไม่มีความสนใจแบบชู้สาวแต่อย่างไร เขารักชัชพงษ์ต่างหาก และผู้หญิงคนนี้เหรอจะมาเป็นคู่ครองของเขา ด้วยสเปคไม่ได้ชอบผู้หญิงแต่แรกทำให้เขาเผลอมองปานชีวาด้วยสายตาไม่ชอบ
“ไหว้พระเถอะลูก”
“สวัสดีค่ะพี่ภู สบายดีนะคะ”
ปานชีวากล่าวทักทาย ไม่ค่อยชอบสายตาของผู้พี่ตอนนี้เอามากๆเลย ปกติภูติไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ ความจริงต้องดีใจที่เธอกลับมาเหมือนทุกครั้งช่วงที่เธอยังเรียนไม่จบกลับมาช่วงปิดเทอมสิ ไม่ใช่มามองกันด้วยสายตาแบบนี้ ปานชีวายังไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มีเพียงภูติที่รู้เรื่องก่อนหน้าที่เธอจะกลับมานานแล้ว
“ที่น้ามาวันนี้ว่าจะมาหาฤกษ์งามยามดีงานหมั้นของเรากับน้องปานจะ” คุณหญิงราตรีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ห๊า! อะไรนะคะคุณแม่ ทำไมปานไม่รู้เรื่อง คุณแม่คะที่ปานชวนคุณแม่มาบ้านคุณหญิงป้าเพราะปานคิดถึงพี่ภู พี่ติ และน้องกิตนะคะ ปานไปเรียนเมืองนอกตั้งนาน ไม่ได้เจอ เลยอยากมาหา ไม่ได้จะหมั้นกับใครนะคะ”
ปานชีวาตกใจกับคำพูดของผู้เป็นแม่ เธอไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ แต่สายตาของภูติยังมองเหมือนเธอสร้างภาพ ปานชีวาเข้าใจสายตาที่ภูติมองเธอเมื่อสักครู่แล้ว ว่าทำไม ด้วยความที่เธอรู้ว่ารสนิยมเขาเป็นยังไง นี่สินะสาเหตุที่ทำให้เธอโดนมองค้อนเมื่อสักครู่
“ไม่ต้องอายหรอกหนูปาน พี่ภูเขารักหนูปานนะ ถามถึงทุกวันว่าเมื่อไหร่หนูปานจะกลับเมืองไทย ป้าเลยว่าจะหมั้นไว้ก่อน หนูปานขัดอะไรมั้ยจ๊ะ หรือว่ามีแฟนอยู่แล้ว” คุณหญิงช่อพูดแทนลูกชาย ทั้งที่ภูติไม่เคยถามถึงสักครั้ง
“เอ่อปาน..ปาน”
“น้องปานยังไม่มีแฟนค่ะ จะมีแฟนได้ยังไงละคะ เค้ารักพี่ภูของเค้าจะตาย ใช่มั้ยคะลูก” คุณหญิงราตรีชิงพูดก่อนๆที่ลูกสาวจะทำเรื่องพัง ตอบไปว่ามีแฟนแล้ว
ส่วนภูติไม่พูดไม่คัดค้านคนเป็นแม่ เพราะไม่อยากขัดใจ แม่เลี้ยงเขามาตัวคนเดียว ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ เพราะรักพ่อมาก เขาจะทำให้แม่เสียใจได้อย่างไร แม่ไม่เคยขัดใจเขาสักครั้ง และเขาจะไม่ขัดใจความสุขของแม่เช่นกัน แต่! เมื่อก่อนแม่ไม่เคยคิดจะหาเมียให้กับเขา พอปานชีวากลับมาจากเรียนเมืองนอก กลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และทำตามที่พูดจริงจะให้เขาหมั้นกับลูกของคุณหญิงราตรี ภูติจึงคิดว่าหรือจะเป็นปานชีวาเองที่ยุแม่ของเขาคิดเรื่องนี้
“พี่ภูก็โสดน๊าหนูปาน ป้าการันตี หมั้นกันไว้ก่อน ศึกษาดูใจกันก่อนสักปีค่อยแต่งกัน”
คุณหญิงช่อผกาพูดขึ้น โดยไม่ได้สังเกตลูกชายของตนเองที่ออกอาการตกใจกับคำพูดของตนเมื่อสักครู่ คนที่สังเกตเห็นจะเป็นปานชีวาคนเดียว
ปานชีวารู้สึกพะอืดพะอมที่จะต้องแต่งงานกับภูติที่มีรสนิยมชายรักชาย เธอรักภูติแบบพี่ชาย สนิทกันแบบพี่ชายมาตลอด รู้ความลับนี้มาตลอดโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเธอรู้ บัดนี้จะต้องมาแต่งงานกัน เธอรู้สึกรับไม่ได้
...
“แม่ไม่ได้บังคับลูกนะตาภู ถ้าเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่จนอายุป่านนี้แม่ก็ยังไม่เคยเห็นลูกพาผู้หญิงเข้าบ้านสักคน หนูปานเธอก็นิสัยดี การศึกษาดี แม่เห็นว่าคู่ควรกับลูกนะ แม่จึงอยากจะหมั้นให้ลูก” คุณหญิงช่อพูดกับลูกชายหลังจากสองแม่ลูกกลับไปแล้ว
“ผมไม่ได้รักปานนะครับ และปานก็ไม่ได้รักผม”
“แล้วลูกรักใคร ลูกมีแฟนอยู่แล้วเหรอ พามาพบแม่สิ เธอเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร จะกั๊กไว้ทำไม แค่เป็นคนดีและเป็นผู้หญิงแม่ก็พอใจแล้ว”
ช่อผกาพูดแทงใจดำลูกชาย กลัวว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นจริง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆตนเองคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ความจริงเธอไม่อยากจะบังคับหรือห้ามในความเป็นตัวลูกๆ เนื่องด้วยเรื่องธุรกิจ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของสามี ทำให้ต้องห้าม และจะทำให้เสียชื่อเสียงไม่ได้
“ผมขอเวลาครับแม่ ผมยังไม่พร้อมมีครอบครัว”
“ตอนไหนล่ะตาภูแม่แก่แล้วนะ อีกอย่างอายุเราก็ไม่ใช่น้อยๆ น้องมันแซงมีลูกก่อนแล้วไม่เห็นเหรอ”
“ก็นั่นไงครับแม่ หลานลูกพี่ติ ลูกไอ้กิตยังไม่พอเหรอ ผมดูแลตัวเองได้ถึงตัวคนเดียว”
“แต่แม่อยากเห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่งั้นแม่คงตายตาไม่หลับ แม่ให้เวลาเราหนึ่งปี และหมั้นกับหนูปานไว้ก่อน ถ้าเราเจอคนที่ชอบ แม่ยอมเป็นขี้ปากคุณหญิงราตรีถอนหมั้นให้ลูกเอง”
ถึงอย่างไรภูติก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ภายในหนึ่งปีเขาจะหาแฟนมาจากไหน เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขารักขัชพงษ์ คงหนีไม่พ้นต้องแต่งงานกับปานชีวาเหมือนเดิม
.... จบบท