คืนวิกฤต น้ำ สยอง

เรื่องที่ดิฉันจะมาเล่าให้ฟังต่อไปนี้
เป็นภัยที่เกิดขึ้นกับดิฉันแบบไม่ทันตั้งตัว จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
จึงอยากจะเอามาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟัง เผื่อถ้าใครได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ จะได้มีสติตั้งหลักได้ทันท่วงที
เรื่องราวมันเริ่มขึ้นจากที่ ช่วงวันหยุดยาว
ดิฉันกับแฟนได้เดินทางไปงานศพญาติของแฟนที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน
เราค้างคืนกันที่บ้านญาติแฟนอยู่คืนหนึ่ง
หลังจากตื่นเช้าแล้ว ช่วยงานเล็กๆน้อยๆเสร็จ ช่วงบ่ายๆ เราก็พากันเดินทางกลับ
ระหว่างเดินทางกลับ แฟนพาอ้อมไปอีกเส้นทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่เส้นทางที่มากันตอนแรก
ซึ่งมันจะผ่านจังหวัดใหญ่  จังหวัดหนึ่ง
ระหว่างขับรถ เรียบแม่น้ำไป อยู่ๆแฟนก็ชวนดิฉันหาที่พักแถวนั้น พักกันสักคืนก่อน
เพราะอากาศมันดี วิวก็สวย
อารมณ์แบบว่า อยากจะ พักผ่อนกับธรรมชาติบ้าง
ดิฉันก็ไม่ได้ขัดอะไร
เราก็เลยแวะหาที่พักกันแถวนั้น
มาได้ ที่พักคล้ายๆรีสอร์ทหลังเล็กๆ 
ดัานหลังมีลำธาร และมองไปทางลำธาร ฝั่งด้านหลังก็เหมือนเป็นเนินขึ้นไปคล้ายๆภูเขา  แต่ไม่สูงมาก
บรรยากาศก็ดูดี พอสมควรค่ะ 
ที่พักแต่ละหลังจะ อยู่ห่างกัน เป็นระยะ ระยะ พอประมาณ
แต่รู้สึกว่าจะมีคนมาพักไม่กี่หลังเอง
 
หลังจากเข้าที่พักได้
แฟนก็บอกว่า 
อยากจะอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง 
เอาไว้พรุ้งนี้เช้า เราก็ขับรถหาที่เที่ยวกันแถวๆนี้ แล้วก็กลับมาพักกันที่นี่อีกคืนหนึ่ง 
ค่อยกลับ กรุงเทพ
 
ดิฉันก็ว่าตาม นั้นค่ะ
 
ช่วงเย็นๆแฟนขับรถไปแวะตลาดนัด หาซื้ออะไรมากินกัน 
บรรยากาศก็ยังคงปกติค่ะ 
จนตอนขากลับ ช่วงที่นั่งอยู่ในรถ มองออกไปตรงหน้าต่างรถด้านหน้า
ก็เริ่มเห็นเมฆฝน ดำทมึนตั้งเค้า มาแต่ไกล
พอขับไปถึงรีสอร์ท ฝนก็เริ่มตกลงมาแล้วค่ะ
เราก็เลยอดไปเดินเล่นตรงริมรำธาร อย่างที่ตั้งใจกันไว้
 
พอทานมื้อค่ำกันเสร็จ ฝนถึงหยุดตก 
หลังจากอาบน้ำเข้านอนกันได้สักพัก ช่วงสลึมสลือกำลังจะหลับ
ดิฉันก็ได้ยินเสียงฝนตกลงมาอีก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอะ
นอนฟังเสียงฝนได้อยู่พักหนึ่ง ดิฉันก็ เผลอหลับไป

มารู้สึกตัวอีกที กลางดึก ตอนได้ยินเสียงแฟนเรียก
ดิฉันลืมตาขึ้นมาก็เห็นในห้องเปิดไฟไว้แล้ว
ได้ยินเสียงแฟนบอกว่า รีบๆเปลี่ยนชุดเร็ว  น้ำเต็มไปหมดเลย
ดิฉันรีบมองไปดูที่พื้น ตรงบริเวณที่แฟนยืนอยู่
เห็นน้ำนองพื้นสูงขึ้นมาเกือบเท่าตาตุ่มแฟนแล้ว
ดิฉันเลยรีบลุกจากเตียง ไปคว้าชุดเดินทางมาเปลี่ยน
ช่วงที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ เห็นแฟนพยายามเปิดประตู 
เห็นเขาดันประตูให้เปิดออก อยู่ไปมาพักหนึ่ง
พอออกแรงผลักจนสุดแรง ประตูก็เปิดอ้าออกตามแรงผลัก
เท่านั้นแหละ น้ำก็ทะลักเข้ามา สูงเกือบเท่าหัวเข่า
ดิฉันเห็นก็ตกใจมาก 
ข้างนอกมันท่วมขนาดนั้นแล้วหรือ
แฟนผลักประตูออกไปจนเปิดออกทั้งบาน 
น้ำก็ท่วมเข้ามาในห้อง อย่างเร็ว 
แป๊บเดียว น้ำก็ขึ้นมาถึงหัวเข่าดิฉันแล้วค่ะ
จนทำให้ดิฉัน หิ้วกระเป๋าเดินไปหาแฟนอย่างยากลำบาก
พอเดินไปถึงแฟน แฟนก็รีบคว้ามือดิฉันไว้
ไฟก็ดับพรึ๊บลง ดิฉันก็เผลอตัวร้องว้าย ออกมาอย่างลืมตัว
พอทุกอย่างมืดลง ก็ยิ่งทำให้ดิฉัน กลัวมากขึ้น
พอมาถึงตรงขอบประตู สายฝนก็พัดกระหน่ำมาโดนตัวดิฉัน 
พร้อมๆกับลมแรงปะทะเข้ากับหน้าดิฉัน จนรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที
ที่ขารู้สึกถึงมวลน้ำที่พัดผ่านหัวเข่าดิฉันอยู่ตลอดเวลา
ดิฉันตัวสั่นไปหมด ได้แต่เกาะ ตัวแฟนไว้ติดๆ
เขาพาดิฉันเดินไปที่รถที่จอดอยู่ตรงข้ามกับบ้าน
ช่วงที่กำลังเดินผ่านน้ำไป ดิฉันมองไปทางด้านหน้ารีสอร์ท
เห็นแต่ไฟท้ายรถคันหนึ่งกำลังขับออกจากรีสอร์ทขึ้นเนินถนนด้านหน้าไป
แล้วก็มีรถอีกคันกำลังขับไปตรงทางออก ตรงนั้น
พอดิฉันกับแฟนมาถึงรถ รีบขึ้นรถได้ แฟนก็สตาร์ทรถทันที
แฟนรีบถอยรถ แล้วขับตรงไปตรงทางออก ถนนใหญ่ 
ช่วงที่กำลังขับรถออกไป รู้สึกน้ำเริ่มพัดแรง จนแฟนบอกว่า
รู้สึกรถมันอืดมาก 
ค่อยๆขับไปจนถึง รถคันข้างหน้า  ที่กำลังจะขับขึ้นเนินออกไปตรงถนนใหญ่ 
ดิฉันก็ได้แต่ ภาวนา ให้รถคันนั้นมันขับออกไปได้ทีเถอะ 
เพราะมองไปก็เห็นน้ำที่ล้นลงมาจากถนน จะท่วมรถคันนั้นครึ่งคันอยู่แล้ว
แฟนรีบ ขับรถไปจ่อท้ายคันข้างหน้านั้น
ดิฉันก็ใจเต้น ตุ๋มๆ ต่อมๆ 
พอยิ่งขับไปใกล้ๆ น้ำตรงนั้นก็ยิ่งทะลักเข้ามาในรถ  
พอรถคันข้างหน้าเขาขับขึ้นเนินตรงถนนนั้นได้ หัวรถก็เชิดขึ้น
ท้ายรถคันนั้นก็จมลงไปในน้ำ เกือบถึงกระโปรงท้าย 
ดิฉันได้แต่ลุ้น  เร็วๆ เร็วๆ
แต่พอแฟนกำลังจะเร่งเครื่องตาม อยู่ๆก็มีแรงกระแทกของน้ำ
ฟาดเข้ามาตรงหน้ารถคันนั้น  จนดูเหมือนเป็นคลื่นใหญ่
แล้วรถคันหน้าก็ไหลถอยหลังมาทางรถเรา 
ดิฉันตกใจ ร้องว้าย  อย่างไม่ทันตั้งตัว
มองไปรอบตัวก็เห็นแต่มวลน้ำไหลเชี่ยวอยู่ข้างๆตัวรถ
ได้ยินแต่เสียงแฟน ร้องออกมา 
ระวัง
แล้ว ดิฉันก็รู้สึกถึงแรงกระแทกเกิดขึ้นตรงข้างหน้าดิฉัน
มองไปอีกทีก็เห็นท้ายรถคันนั้น ชนด้านหน้ารถเราอยู่
แล้วดิฉันก็รู้สึกว่ารถมันเบาๆ แล้วลอยอยู่ในน้ำ
รู้สึกรถมันถอยหลังได้เอง
แฟนบอกว่า รีบลงจากรถเร็ว 
ดิฉันทำอะไรไม่ถูก มองไปข้างหน้า เห็นแต่รถคันข้างหน้า
ถูกน้ำพัด จนมันหันมาขวางหน้ารถเราไว้
รถรื่นไถลย้อนกลับไปตามทางที่เราขับออกมา
แฟนก็ร้องบอกว่า เบรคไม่ได้ 
ดิฉันตกใจมาก ใจสั่นไปหมด 
แล้วรถมันก็ไหลไปตามน้ำเร็วมาก 
วินาทีนั้น คือ คิดอะไรไม่ออกเลย 
มองไปข้างหน้าก็เห็นรถคันหน้ามันพลิกตะแคงข้างแล้วค่ะ
แฟนรีบเอากระจกข้างลงทั้งสองข้าง 
แล้วก็บอกว่า ปีนออกมา
ดิฉันตัวเกร็ง สั่นไปหมด จับขอบหน้าต่างรถ มองออกไปข้างๆ
เห็นแต่รถไหลไปกับน้ำ น่ากลัวมาก
แล้วก็เลยร้องบอกแฟนไปว่า ไม่กล้า
ตอนนั้นรถมันไหลมาจนถึง บ้านหลังที่เราพัก
ได้ยินแต่เสียง คนตกน้ำ ตูม
มองไปอีกทีก็ไม่เห็นแฟนในรถแล้ว
ดิฉันตกใจ พยายามมองหาแฟน ว่าเขาปลอดภัยหรือเปล่า
แต่ปากได้แต่ร้องเสียงดังออกมา อย่างลืมตัว
จนรู้สึกท้ายรถมันกระแทกอะไรสักอย่าง แล้วก็หยุดชะงักลง
พอหันไปดู ด้านหลังมันเป็นต้นไม้ใหญ่ค่ะ
สักพักแฟนก็มาถึงตัวดิฉัน ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
ดิฉันบอกว่าไม่เป็นไร 
พอเขาดึงดิฉันออกมาจากหน้าต่างได้ 
น้ำก็พัดเอาทั้งดิฉันทั้งแฟนกลิ้งลงไปตามทาง
จนไปหยุดอยู่แถวๆข้างๆลำธาร 
พอมองไปฝังตรงข้าม แฟนก็พูดขึ้นว่า
ตรงนั้นมันเหมือนเนินนะ น้ำน่าจะท่วมไม่ถึง 
แล้วแฟนก็รีบดึงตัวดิฉันให้ข้ามลำธารไป
ตอนนั้นน้ำท่วมมาถึงเอวแล้วค่ะ 
พอดิฉันก้าวตามแฟนไปได้ไม่กี่ก้าว น้ำก็ขึ้นมาเกือบถึงหน้าอกดิฉันแล้ว
จนทำให้ดิฉันไม่กล้าเดินต่อไป ด้วยความกลัว
แฟนบอกว่า เร็วๆเดี๋ยวไม่ทัน 
ดิฉันก็ได้แต่ร้องไห้ แล้วก็บอกว่า กลัว กลัว
เขาก็มาจับตัวดิฉัน แล้วก็ให้ดิฉันขี่หลังเขา 
พอพาดิฉันข้ามลำธารมาได้เกือบจะถึงครึ่งทาง 
น้ำก็ท่วมมาถึงหน้าอกแฟนแล้วค่ะ
พอดิฉันหันกลับไปดูว่า เรามาไกลแค่ไหนแล้ว
อยู่ๆดิฉันก็เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่ม กลิ้งตกลงมาจากตรงข้างๆลำธาร
มองดูอีกทีเหมือนเป็นคนรูปร่างอ้วนๆ  
พอฟ้าแลบมาที ถึงเห็นว่าเป็นผู้ชาย
ดิฉันก็เลยบอกแฟนไปว่า มีคนตามเรามาด้วย
แฟนก็บอกว่า สงสัยคงเป็นคนในรถคันนั้นแหละ
พอหันไปอีกที ก็เห็นผู้ชายคนนั้นเดินตามหลังเราลงมาในลำธารแล้ว
พอแฟนพาดิฉันเดินมาเกือบๆใกล้จะถึงอีกฝั่ง 
อยู่ๆก็รู้สึกน้ำกระเพื่อมวูบขึ้นจนตัวเราสองคนลอยไปตามแรงกระเพื่อม
พอน้ำกระเพื่อมนั้นพัดหายไป แฟนก็จมพรวดลงไปอย่างเร็ว
จนดิฉันตกใจ 
เป็นอะไร
แฟนก็บอกว่า น้ำขึ้นเร็วมาก
ดิฉันมองไปเห็นแต่น้ำอยู่ระดับปากแฟนแล้วค่ะ
แล้วแฟนก็รีบพาดิฉันข้ามไปจนขึ้นอีกฝั่งได้
พอขึ้นไปยืนบนฝั่งได้ 
มองไปดูผู้ชายคนนั้นอีกที 
เขาข้ามมาถึงครึ่งทางแล้ว
แต่ว่า น้ำท่วมสูงขึ้นจนถึงคอเขาแล้ว
สักพักอยู่ๆก็ได้ยินเหมือนเสียงไม้หักดังมาจากตรงไหนไกลๆ
พอพากันหันไปดูทางต้นน้ำ
ก็เห็นเหมือนเป็น คล้ายๆกองผักตบ 
แต่พอเพ่งมองดูดีๆอีกทีมันเป็นกอไม้ เศษต้นไม้ ที่ถูกน้ำพัดมา
พอเห็นดังนั้น ดิฉันกับแฟนก็ รีบตะโกนบอกชายคนนั้น
เร็วๆ  เร็วๆ น้ำจะมาแล้ว
ไม่ทันขาดคำ น้ำก็กระเพื่อมขึ้นมาอีก
ร่างชายคนนั้นลอยขึ้นตามแรงกระเพื่อมของน้ำ 
ก่อนจะจมหายวับไป
แล้วสักพักก็โผล่พรวดขึ้นมากลางลำธาร 
ก่อนจะรีบว่ายน้ำเข้ามา 
เหลืออีกไม่ถึงกี่ช่วงตัว  ชายคนนั้นก็ร้องตะโกนมาทางดิฉันกับแฟน
ช่วยด้วย
ดิฉันมองไปเห็นแต่เขา เหมือนคนจะหมดแรงแล้วค่ะ
พยายามยื่นมือมาทางเรา
แฟนกำลังจะกระโดดลงไปช่วย 
อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง ซู่  กับเสียงไม้ปริแตกดังสนั่นขึ้น
แล้วน้ำลูกใหญ่ก็พัดมาซัดเอาชายคนนั้นหายไปต่อหน้าต่อตาเราทั้งคู่
ไม่นานพวกเศษกิ่งไม้ ต้นไม้ที่หักก็ลอยเกลื่อนมาตามน้ำอย่างแรง
ระดับน้ำตรงขอบฝั่งที่เรายืนอยู่ก็เอ่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จนแฟนดิฉ้น รีบหันมาตะโกนบอกดิฉัน 
วิ่ง
พอดิฉันกำลังจะหันไปวิ่ง รู้สึกน้ำก็แทรกมาดักหน้าดิฉันไว้แล้วค่ะ
ดิฉันกับแฟนเริ่มเดินลุยน้ำเท่าหัวเข่า รีบวิ่งขึ้นไปบนเนินให้มากที่สุด
แต่ข้างหน้ามืดมาก แล้วต้นไม้ก็เยอะ
น้ำที่พัดเข้ามาก็เริ่มไหลเชี่ยว แฟนวิ่งตามหลังดิฉันมา
สักพักก็ได้ยินเสียงแฟนร้อง โอ๊ย
พอหันไปก็เห็นแฟน ล้มลงไป
มือจับต้นไม้ไว้
ดิฉันถามว่าเป็นอะไร
แฟนก็บอกว่า ไม้ทิ่มขา
พอดิฉันกำลังจะเข้าไปดูใกล้ๆ 
อยู่ๆน้ำก็พัดมาแรงมาก จนตัวแฟนหลุดจากต้นไม้ลอยไปตามน้ำเลยค่ะ
ดิฉันได้แต่ร้องลั่น   พยายามเอื้อมมือไปคว้ามือแฟนไว้
เห็นแต่ร่างแฟนลอยไปติดอยู่ที่ต้นไม้อีกต้น ไม่ไกล
แล้วอยู่ๆตรง ที่ดิฉันยืนอยู่ น้ำก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยค่ะ
ได้ยินแต่แฟนตะโกนมาว่า 
หนีขึ้นที่สูง
ตรงที่ดิฉันอยู่ตอนนั้น น้ำท่วมมาถึงอกแล้วค่ะ
มองไปตรงดัานหลังแฟน เห็นน้ำไหลเชี่ยวมาก
แล้วแฟนก็รีบว่ายน้ำมาหาดิฉัน
เส้นยาแดงผ่าแปดมาก พอแฟนกระโจนออกมาจาก ต้นไม้นั้นได้
เศษไม้ที่มากับน้ำก็ทะลักเข้ากระแทกกับต้นไม้ที่แฟนอยู่ทันที
แฟนตะโกนว่าไปก่อนไม่ต้องห่วง
ดิฉันรีบวิ่งลุยน้ำไปในความมืด
รู้สึกเหมือนมีอะไรเสียดสีกับผิวดิฉันอยู่ใต้ผิวน้ำเต็มไปหมด
พอวิ่งขึ้นที่สูงไปได้สักพัก แฟนก็ตามมาทัน
เราพากันมาหยุดอยู่ตรงที่น้ำท่วมไม่ถึง
ต่างคนต่างหนาวตัวสั่น แฟนกอดดิฉันไว้แน่น
ทุกๆสิบนาที  น้ำจะขึ้นมาตลอด จนทำให้เราต้องขยับขึ้นไปในที่ที่สูงอีก
ตอนนั้นคือกลัวมาก ทั้งหนาว ทั้งตัวสั่นไปหมด
มองไปข้างหน้า ตรงฝั่งรีสอร์ท ท่วมจนไม่เห็นหลังคาเลย
ต้นไม้ที่เราวิ่งผ่านมาตรงทางขึ้นลำธารก็ ถูกน้ำท่วมจนมิด
กระแสน้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวมาก
 
ไม่รู้ว่ารออยู่แบบนั้นนานแค่ไหน
แต่พักใหญ่ๆ ก็เห็นเป็นเหมือนไฟอะไรอยู่กลางน้ำ
พอมองดูดีๆอีกที มันเป็นไฟฉาย ที่ติดอยู่บนหัวคนที่มากับเรือลำเล็กๆค่ะ
พอเราเห็นทั้งดิฉันทั้งแฟนก็ตะโกนเรียกพวกเขา
ตอนแรกเขาไม่ได้ยินเสียงเรียก 
ทำท่าเหมือนจะผ่านพวกเราไป
พอแฟนเป่าปากให้มีเสียงดังวี๊ด เขาก็เลยหันมา 
พอฉายไฟมาก็เจอพวกเราพอดี
โห .. โชคดีมาก

พอมาถึงพวกเรา 
ปรากฏว่ามันเป็นเรือที่ไม่ใช่เรือยางค่ะ
เป็นเรือไม้เก่าๆ แบบชาวบ้านชาวบ้าน 
เป็นลุงแก่ๆผิวคล้ำสองคน
พอขึ้นเรือได้ เขาไม่ได้พาเราไปส่งฝั่งรีสอร์ท
เขาบอกว่าฝั่งโน้นน้ำท่วมหมด ไม่มีที่ลงได้เลย
เนื่องจากเรือมันเล็ก 
เดี๋ยวเขาจะพาเราไปอยู่อีกที่ก่อน
รอเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลืออีกที
แล้วเขาก็พายเรือพาเราอ้อมไปทางด้านหลังเนินที่เราอยู่ค่ะ
พอไปถึง 
ดิฉันนั่งอยู่บนเรือ มองไปตรงฝั่ง
เห็นบ้านหลังหนึ่ง อยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกล
เดินไปไม่น่าเกินสิบก้าว ก็น่าจะถึงตัวบ้าน
มองตามแสงไฟฉายที่หัวลุงส่องขึ้นไปที่ฝั่ง
ก็เห็นเป็นบ้านไม้เก่าๆที่มีใต้ถุนยกสูง 
แล้วลุงสองคนนั้นก็บอกว่า 
รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเขาตามคนมาช่วย
พอขึ้นฝั่งได้ ดิฉันกับแฟนก็พากันเดินตรงไปที่บ้านหลังนั้น
เดินเข้าไปใกล้ๆ มองไปรอบๆตัวบ้านมืดมาก ไม่มีไฟฟ้า
สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่แรงมากนัก
สลับกับฟ้าร้อง ฟ้าแลบไปมาเป็นระยะระยะ
ขณะเดินเข้าไป ดิฉันมองขึ้นไปดูบ้านหลังนั้นดีๆอีกที  แสงฟ้าก็แลบมาพอดี
เห็นตัวบ้านชั้นบนเป็นไม้เก่าๆ ผุๆพังๆ
ที่ด้านบนเกือบถึงหลังคา
มีป้ายไม้ผุๆ ตัวหนังสือจางๆเขียนว่า ศูนย์ 
แล้วก็มองไม่เห็นตัวต่อไป เพราะตัวหนังสือมันลอกไปจนหมด 
มองเห็นแต่คำลงท้ายว่า อนามัย
แล้วฟ้าก็ร้องดังเปรี้ยงขึ้นจนดิฉันสะดุ้งโหยง
ก่อนที่แฟนจะรีบพาดิฉันวิ่งเข้าไปใต้ถุนบ้าน
โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ตอนที่ 2
พอเดินเข้าไปถึงใต้ถุนบ้าน ก็เห็นแคร่ไม้เก่าๆอยู่ใต้ถุนบ้าน
แฟนยืนถอดเสื้อแล้วเอามาบิดให้แห้ง ส่วนดิฉันก็พยายามดึงชายเสื้อมาบิดให้เหลือน้ำในเสื้อน้อยที่สุด
พอพากันนั่งลงตรงแคร่ไม้ได้สักพัก
แฟนก็ดึงขากางเกงขึ้นมาดูตรงแถวๆหน้าแข้ง
มองไปก็ไม่ค่อยเห็นแผลที่ขาแฟนเท่าไหร่ เพราะมันมืด
ก็เลยถามแฟนว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม
แฟนก็บอกว่า แสบๆ  
ดูแผลเสร็จ แฟนก็เริ่มมองไปรอบๆตัวบ้าน เพื่อสำรวจบรรยากาศรอบๆอีกที

อืม ไม่น่าจะมีคนอยู่นะ สภาพแบบนี้
เสียงแฟนพรึมพรำขึ้น
ดิฉันก็มองไปมารอบๆ ก่อนจะพูดขึ้น
เห็นป้ายเขียนว่า เป็นอนามัย แสดงว่าแถวนี้น่าจะเป็นชุมชนอยู่นะ
ไม่งั้นคงไม่มาสร้างอนามัยไว้แถวนี้
แล้วแฟนก็พูดขึ้นอีก
อืม..ถ้ามันร้างแบบนี้ ก็แสดงว่า ชุมชนคงไม่มีแล้วหละ
แล้วแฟนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดว่า
ลุงสองคนนั่น แกจะกลับมาหาเราอีกทีเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ดิฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบ
แฟนขยับมากอดดิฉันไว้ ให้เกิดไออุ่นให้กันและกัน
สักพักแฟนก็ขยับตัวให้ดิฉันเอาหัวพิงไหลเขา แล้วเขาก็เอาหัวมาพิงหัวดิฉันอีกทีหนึ่ง
นั่งหลับสัปหงกแบบนั้นอยู่พักใหญ่
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนมีลมพักแรงมาโดนตัวดิฉัน
ดิฉันสะดุ้งตื่น มองไปรอบๆตัว เห็นฝนยังคงตกอยู่เป็นละอองฝนเล็กๆ
พอดิฉันเริ่มได้สติ  แล้วก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหนาว
แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า แฟนตัวสั่นกึกๆขึ้นเหมือนกัน
ก็เลยถามแฟนว่า หนาวหรือ
แต่แฟนไม่ตอบ  
ดิฉันเลยปลุกแฟนให้ตื่น
แต่แฟนก็ไม่ตื่นค่ะ
พอดิฉันจับแขนเขา ก็รู้สึกแขนเขาเย็นมาก
แล้วพอเอามือไปจับตรงหน้าผากเขา ปรากฏว่าหน้าผากเขาร้อนมาก
อ้าว .. พี่ไม่สบายหรือ
เหมือนแฟนไม่ได้สติเลยค่ะ
ดิฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยตอนนั้น จะทำไงดี ลุงสองคนนั้นไม่รู้จะตามใครมาช่วยได้หรือเปล่า
แล้วดิฉันก็เลย ให้แฟนนอนลงไปบนแคร่ไม้ เอาหัวมาหนุนตักดิฉันไว้
ดิฉันก็ได้แต่นั่งอยู่แบบนั้น สักพัก
อยู่ๆแฟนก็พูดขึ้น เป็นเสียงเบาๆ
หิวน้ำ  หิวน้ำ
ดิฉันมองไปที่หน้าแฟน ก็เห็นแต่เขานอนหลับตาอยู่
ดิฉันก็เลยถามเขา จะกินน้ำหรือ
แต่แฟนก็เงียบ ไม่ได้ตอบอะไร
สงสัยจะเพ้อ เพราะพิษไข้
แล้วสักพักแฟนก็ พูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้น  แทงกิ้ว แทงกิ้ว
แล้วก็ทำปาก เหมือนกำลังกลืนน้ำ เสียงดัง แจ๊บ แจ๊บ ไปมา
ดิฉันได้แต่นึกในใจ มีละเมอเป็นภาษาฝรั่งด้วย
พอแฟนเงียบไป สักพัก
ก็เริ่มมีลมแรงพัดมาอีก ดิฉันก็หนาวสะท้านขึ้นมาอีก
แฟนนอนขดตัว เอาเข่าชิดแนบ อก  พร้อมๆกับสั่นเล็กน้อย
แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงหน้าต่างข้างบน กระแทกกับผนังบ้านดังปั้ง อย่างแรง
จนดิฉันสะดุ้ง ด้วยความตกใจ  
แต่ก็รีบดึงสติตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด
ก็แค่ลมพัดหน้าต่างเท่านั้น ไม่มีอะไร
พอลมเริ่มสงบลง อยู่ๆก็มีเสียงประตู ดัง แอ๊ด...ด  อยู่บนบ้าน
เหมือนมีใครกำลังเปิดประตูออกมาช้าๆ
พอดิฉันได้ยิน ก็นิ่งฟัง ตัวเกร็ง
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเดินไปตามพื้นบ้าน ไม้ลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าด
ค่อยๆเดินผ่านมา หยุดอยู่แถวๆข้างบนหัวดิฉัน
ตอนนั้น ดิฉันขนลุกซู่ไปหมด ได้แต่แหงนหน้ามองขึ้นไปดูตามเสียงที่ได้ยิน
คำถามในใจดิฉันก็ผุดขึ้นมาทันที
ใครอยู่ข้างบน
ใจดิฉันเต้นแรงทันที ที่ตั้งคำถามนั้นกับตัวเอง
ดิฉันได้แต่นิ่งเงียบ พยายามกลั้นลมหายใจ ให้เบาที่สุด
ตัวเกร็ง อย่างหวาดกลัว ชนิดที่ไม่อยากให้สิ่งข้างบนรู้ว่ามีดิฉันนั่งอยู่ตรงนี้
แล้วทุกอย่างก็เงียบลง แต่ใจของดิฉันยังคงเต้นแรง อย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตื่นเต้น
แล้วทันใดนั้นเอง เสียง ดังปั้ง ก็ดังแทรกความเงียบขึ้นมาอีก
จนดิฉันตกใจ เผลอตัวร้อง กรี๊ด ออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ดิฉันรีบเอามือมาปิดปากตัวเองไว้
หูได้ยินเสียง เหมือนคนลงกลอนหน้าต่าง
แล้วเสียงไม้ลั่นดัง เอี๊ยดอ๊าด เอี๊ยดอ๊าดก็ดังผ่านตรงข้างบนหัวดิฉัน เดินตรงมาทางหน้าบ้าน
ดิฉันได้แต่เอามือปิดปากตัวเองไว้ มองไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืด ด้วยใจระทึก
สักพักพอทุกอย่างเงียบ
ก็มีเสียงเล็กๆ ดังแทรกลงมาจากข้างบน

ใครคะ ใครอยู่ข้างล่าง

พอได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง
ดิฉันก็หายกลัวเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ

อ้าวมีคนอยู่หรอกหรือ

ดิฉันรีบเอาศรีษะแฟนวางลงบนแคร่ไม้เบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปหน้าบ้าน
แล้วดูที่หน้าต่าง

พอมองไปตรงหน้าต่างชั้นบน
เห็นเป็นเงาผู้หญิงผมยาว มองหน้าไม่ถนัด เพราะมันมืด
ยืนอยู่ตรงหน้าต่างนั้น

พอดิฉันเห็น ก็รีบพูดกับผู้หญิงคนนั้นไปว่า

ช่วยด้วยคะ  ช่วยเราด้วย

ผู้หญิงคนนั้นก็พูดกลับมา เป็นเสียงเล็กๆเบาๆว่า

ขึ้นมาข้างบนก่อนค่ะ

ดิฉันรีบวิ่งไปปลุกแฟน แฟนเหมือนเริ่มมีสตินิดๆ
สะลึมสะลือ แต่ก็ยังพอลุกเดินไหว
ดิฉันพยุงตัวแฟน พาเดินไปที่บันได เพื่อขึ้นไปบนตัวบ้าน

พอขึ้นบันไดไปถึงชั้นบน ประตูก็เปิดอ้าอยู่
มองไปข้างในมืดสลัวสลัว มีแค่แสงริบหรี่จากภายนอกลอดเข้ามาทางหน้าต่างด้านหน้า
พอพยุงแฟนเข้าไปข้างใน
พยายามยืนนิ่งๆอยู่สักพัก สายตาก็เริ่มปรับให้ชินกับความมืดได้
มองไปรอบๆตัว ก็มองเห็นเป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ  มีเหมือนเศษกระดาษตกเกลื่อน ที่พื้นพอสมควร
ฝั่งตรงข้ามประตูที่เราเข้ามา มีพวกของอะไรกองๆอยู่ พิงกำแพงฝั่งโน้นไว้
นอกนั้นก็เป็นพื้นที่โล่งๆ
ผู้หญิงคนนั้น ยืนอยู่ตรงมุมห้องมืดๆ ฝั่งเดียวกับประตูที่เราเข้ามา
และถัดจากประตูที่เราเข้ามา ก็มี ประตูของห้องด้านข้างอีกประตูหนึ่ง
ดิฉันพาแฟนไปนั่งพิงลงตรงผนัง ที่ข้างบนเป็นหน้าต่างที่ปิดอยู่
พอนั่งพิงลงไปแล้วมองไปข้างหน้าก็จะเห็นหน้าต่างทางหน้าบ้านเปิดอยู่ตรงกันข้ามพอดี
ดิฉันถามผู้หญิงคนนั้นว่า
ไม่มีไฟหรือเทียน หรือคะ

ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า ไม่มี
เพราะเธอก็ ถูกพวกกู้ภัยพามาที่นี่เหมือนกัน

ดิฉันก็เลยเข้าใจ  
อ๋อค่ะ

ตอนนั้นพยายามจะให้แฟนนอนไปกับพื้นบ้าน
แต่พอเอามือตัวเองมาดู หลังจากที่ท้าวมือไปที่พื้นตอนนั่งลงครั้งแรก
ก็เห็นเป็นฝุ่นติดมือมาหนาเลย
แสดงว่าที่พื้นนี้มันมีฝุ่นจับหนาพอสมควร
ดิฉันก็เลย พยายามเอามือปัดๆฝุ่นที่พื้นไป
ปรากฏว่าที่ ที่พื้นมันเป็นเสื่อน้ำมันค่ะ
พอเอามือปัดๆไปมาสักพัก ก็เห็นว่า บางจุดมันก็เป็นลอยขาด
พอปัดฝุ่นเสร็จ ก็เลยให้แฟนนอนหงายลงไปกับพื้นบ้าน
แล้วดิฉันก็ลุกไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ ตรงฝั่งหน้าบ้าน
แล้วก็ยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง ให้เม็ดฝนที่โปรยปรายอยู่เบาๆช่วยชะล้างมือให้
ช่วงที่กำลังล้างมืออยู่นอกหน้าต่าง
อยู่ๆก็มีเสียงไอ ดังขึ้นมาจากห้องข้างๆ
จนดิฉันตกใจ รีบหันไปดูด้านหลังดิฉัน
เห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ตรงมุมมืดๆ ข้างประตูห้องด้านข้างตรงนั้น
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า
ตากับยายอะค่ะ

ดิฉันก็เลยถามผู้หญิงคนนั้นไป
อยู่กันสามคนหรือคะ
ผู้หญิงคนนั้นก็ ตอบว่า ใช่
สักพักก็มีเสียงคนแก่ไอขึ้นมาอีก

ดิฉันเดินกลับไปนั่งข้างๆแฟน หลังพิงผนังบ้าน
แล้วก็ถามผู้หญิงคนนั้นว่า
เป็นคนแถวนี้หรือคะ
ผู้หญิงคนนั้น เดินไปตรงหน้าต่าง ยืนมองออกไปอย่างเหม่อลอย
แล้วก็พูดว่า
ใช่ค่ะ
ตอนนั้นดิฉันมองไป เห็นแต่ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นเป็นเงาดำมืดๆ
เพราะแสงในห้องมันมืดสลัวสลัว
ผมเธอยาวมาถึงเอว  หุ่นผอมเพียว รูปร่างสูงพอประมาณ
นุ่งผ้าถุง สีดำแต่มีลายตัดเป็นแนวขวางสีออกขาวๆ
ไล่ลงไปตามแนวผ้าถุง ที่เธอใส่
ลายตัดขวางนั้นเลือนเด่นอยู่ในความมืด
จนดูเหมือนชุดที่ ดูเป็นทางการ มากกว่าจะเป็นชุดที่ใส่เล่นอยู่กับบ้าน
หญิงคนนั้นยืนเหม่อลอย มองออกไปตรงนอกหน้าต่างอยู่เงียบๆ

ดิฉันไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบนาน ก็เลยพยายามชวนผู้หญิงคนนั้นคุย

อ้อ แถวนี้ เป็นหมู่บ้านหรือคะ
ทำไมเขามาสร้าง อนามัยไว้บนภูเขาแบบนี้หละ

ผู้หญิงคนนั้น หันมาทางดิฉัน ค่อยๆเดินมานั่งพับเพียบช้าๆอยู่ตรงข้างหน้าดิฉัน
ท่าทางที่นั่งแบบละเมียดละมัย หลังเหยียดตรง ของผู้หญิงคนนั้น
ทำให้ดิฉันขนลุกซู่ไปตามแผ่นหลัง อย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น
แต่ดิฉันก็ยังคงสังเกตดูหน้าเธอไม่ค่อยถนัดนัก

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้น
มันไม่ใช่อนามัยหรอกค่ะ

ที่นี่เมื่อก่อน มันเป็นบ้านเช่าของ ฝรั่งสองผัวเมีย
เขามาเช่าที่แถวนี้ แล้วก็สร้างบ้านหลังนี้ไว้

พอดิฉันได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
อ้าว เขามาเช่าอยู่กลางป่า กลางเขาแบบนี้เลยหรือ
ดิฉันรีบซักไซ้ต่อ
ผู้หญิงคนนั้นก็เล่าต่อ ประมาณว่า
ตั้งแต่สมัยเธอเด็กๆ บ้านหลังนี้ก็ถูกทิ้งร้างไว้แบบนี้ตั้งนานแล้ว
มีคนเล่าให้เธอฟังว่า ก่อนหน้าที่จะกลายเป็นบ้านร้าง
ฝรั่งสองผัวเมียนั่น เขาคล้ายๆมาทำเรื่อง วิจัยเกี่ยวกับพันธ์พืชอะไรสักอย่างอยู่ที่นี่
แล้ว มีอยู่ปีหนึ่ง ในหมู่บ้านละแวกนี้ เกิดโรคติดต่อระบาดอย่างหนัก
ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ทะยอยล้มตายกันไปทีละคนสองคน
ไม่มีทางราชการมาเหลียวแล
ยารักษาก็ใช้ รักษากันตามมีตามเกิด
แล้ววันหนึ่ง ฝรั่งสองผัวเมียนั้น เขาไปเจอชาวบ้านที่ป่วย โดยบังเอิญ
ก็เลยเอามารักษาที่บ้านหลังนี้
จนอาการดีขึ้น
พอชาวบ้านคนนั้นกลับไปเล่าให้คนในหมู่บ้านฟัง
ทุกคนก็ต่างพากันเดินทางมาที่บ้านหลังนี้กันยกใหญ่
จนเวลาผ่านไปโรคระบาดก็หายไปจากหมู่บ้าน
แต่ชาวบ้าน ที่เขาเจ็บป่วยก็ยังคงแวะเวียนมาขอรับการรักษา ไม่ขาด
คราวนี้ไม่ใช่แค่รักษาโรคระบาด แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็รักษาให้ ตั้งแต่เป็นไข้หวัด หรือจะหัวร้างข้างแตกมา
ก็รักษาให้
จนสุดท้าย ชาวบ้านเขาก็เลยช่วยกันทำป้าย ว่าเป็นศูนย์อนามัย มาติดให้
แล้วต่อมา พอทางราชการเขาเริ่ม ขยายความเจริญเข้ามาในชุมชน
เริ่มมีโรงพยาบาล  ผู้คนก็เลยมารักษาตัวกันที่นี่น้อยลง
เพราะกว่าจะเดินขึ้นเขามาถึงที่นี่ มันก็ไกลพอสมควร
ที่สุด ที่นี่ก็เลยถูกทิ้งร้างอย่างที่เห็นนี่แหละ


อ๋อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ดิฉันฟังแล้วก็คลายความสงสัย

คุยกันได้อยู่พักหนึ่ง
ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า
พักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่นานก็คงมีคนมาแล้ว

ดิฉันก็ได้แต่ ยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น
แล้วพอผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้น กำลังจะหันข้างเดินไป
อยู่ๆก็มีแสงฟ้าแลบ ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบเข้ากับช่วงแขนของเธอ
พรึ๊บ
ตาของดิฉันดันหันไปเห็นตรงเล็บมือของผู้หญิงคนนั้นพอดี
ดิฉันรู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันที ที่มองเห็นเล็บมือยาวๆที่ทาด้วยสีดำสนิท

บ้าจริง ทำไมต้องทาเล็บสีดำแบบนั้นด้วยนะ
ดิฉันได้แต่นึกในใจ

พอผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปในห้อง
ดิฉันก็ขยับตัวลงมานอนใกล้ๆแฟน
ตัวแฟนเย็นเฉียบ
พอเอามือจับที่หน้าผากดู ก็รู้สึกว่ายังตัวร้อนอยู่
ในใจดิฉันก็เริ่มพะวง ขึ้นมาทันที
ขออย่าให้เป็นอะไรมากเลย
พอได้นอนอยู่ข้างๆแฟนสักพัก ดิฉันก็เผลอหลับไป

มารู้สึกตัวอีกทีตอนรู้สึกหนาวที่ขา
ลืมตาขึ้นมามองไปที่ปลายเท้า บรรยากาศมันมืดมาก
ดิฉันรีบหดขาเข้ามาแนบตัว  
แล้วทันใดนั้นเอง ดิฉันก็ได้ยินเสียง เหมือนใครแง้มประตู ดัง แอ๊ด.. ขึ้นมาอีกช้าช้า
ดิฉันรีบหันไปดูทางเสียงนั้น
เห็นประตูห้องเปิดแง้มอยู่
ข้างในนั้นมืดสนิท
พอจ้องมองดูสักพัก
แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนมีร่างคนค่อยๆปรากฏตัวเป็นเงาจางๆขึ้นมาตรงหลังประตูนั้น ช้าๆ
เป็นเงาดำๆ ผมยาวแสกกลาง
ดวงตากลมโตค่อยๆเลือนเด่น
จนเห็นขอบตาขาวรางๆในความมืด
ใบหน้าสีขาวซีด ค่อยๆโผล่มาตัดกับความดำมืดจนลอยชัดอยู่ในอากาศ
แล้วใบหน้านั้นก็ค่อยๆยิ้มมาทางดิฉัน แต่แววตากลับแข็งทึ่อ ไม่กระพริบตา
จนลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
พอเห็นแบบนั้น ขนหัวดิฉันก็ลุกซู่ขึ้นอย่างสุดขีด รีบเอามือมาปิดปากไว้แน่น
พยายามกลั้นหายใจ ไม่ให้ตัวเองร้องเสียงดังออกมา
พลางหลับตา แล้วก็ซุกตัวไปข้างๆลำตัวแฟน
ดิฉันแกล้งทำเป็นหลับ นอนหันหลังให้ประตูบานนั้น
แต่ความรู้สึกวูบวาบวูบวาบ ก็แผ่ซ่านไปมาทั่วแผ่นหลังดิฉัน
มันมีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครยืนจ้องมองเราอยู่
อยู่ตรงประตูนั่นตลอดเวลา
ดิฉันได้แต่นอนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น  อย่างทำอะไรไม่ถูก
จนกระทั่งสักพักใหญ่ๆ
ก็เริ่มได้ยินเหมือนมีเสียงคนคุยกันอยู่ใต้ถุนบ้าน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ความคิดเห็นที่ 33
ตอนที่3  ตอนสุดท้าย

พอนอนฟังเสียงคุยกันนั้นสักพัก
ก็ได้ยินเขาพูดกันประมาณว่า

เที่ยวนี้น่าจะหมดแล้วนะ
ไม่มีใครแล้ว

พอดิฉันได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่หน้าต่าง ทันที
แล้วก็พูดว่า

ยังมีคนอยู่ค่า
ข้างบนค่า

ดิฉันรีบวิ่งไปที่ประตู ตรงทางลงบันได
มองลงบันไดไป ก็เริ่มเห็นแสงสว่างเรืองๆ ขึ้น
อ้าว เช้าแล้วหรือ
พอยืนรอสักพักก็มี ชายสองคน เดินออกมาตรงใต้ถุนบ้าน
แต่งชุดหน่วยกู้ภัยสีส้มๆ

พอเขาเห็นหน้าดิฉัน
ดิฉันก็เลยรีบ บอกเขาไปว่า
ช่วยด้วยค่ะ ข้างบนมีคนป่วย

แล้วชาย ที่เป็นหน่วยกู้ภัยสองคนนั้นก็เดินขึ้นบันไดมา
พอมาถึงตรงประตู ดิฉันก็รีบเดินนำเขาไปหาแฟน
แต่ตอนนั้นได้ยินเขาคุยกันเป็นภาษาอีสาน
คนแรกพูดว่าอะไรดิฉันก็ฟังไม่ออกค่ะ แต่ได้ยินเสียงพึมพรำกัน
แล้วอีกคนก็พูดขึ้นว่า
เดี่ยวค่อยกลับมาขนอีกรอบก็ได้

ดิฉันก็คิดในใจขึ้นมาทันที
อย่าบอกนะว่า เรือเต็ม แล้ว แล้วขนไปได้ทีละคน


พอเดินมาถึงตัวแฟนดิฉัน ผู้ชายคนหนึ่งก็มาช่วยประคองแฟนลุกขึ้น
อีกคนก็ยืนดูอยู่ตรงแถวๆหน้าประตูห้องด้านข้าง

ดิฉันก็เลยบอก ชายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นไปว่า
อ้อ มีอีกสามคน ในห้องนั้นหนะคะ ช่วยปลุกเขาหน่อย

ผู้ชายคนนั้น ทำหน้าเลิกลั่ก เลิกลั่ก ไปมา แต่ก็ไม่ได้เดินไปปลุกตามที่ดิฉันบอก

พอพยุงแฟนลุกขึ้นได้ แฟนก็ งัวเงีย งัวเงีย เหมือนจะได้สติหน่อยๆ
ดิฉันก็ช่วย ประคองแฟนเดินออกมา

พอใกล้จะถึงประตูที่จะเดินลงจากบ้าน
ดิฉันก็มองไปตรงประตูห้องข้างๆ เห็นมันเปิดแง้มค้างไว้อยู่ แบบที่ดิฉันเห็นเมื่อคืน
ก็เลยพูดกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนนั้นไปอีกว่า

มีคนอยู่ในห้องนั้นค่ะ  ปลุกเขาหน่อย

แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนนั้นก็ยืนนิ่งเฉยๆ ไม่พูดอะไร
ดิฉันก็เลย งง ๆ  
เอ๊ะ ทำไม เหมือนพูดไม่รู้เรื่อง

ดิฉันก็เลย พยุงแฟน พาเดินไปตรงหน้าประตูห้องข้างๆ

แล้วเสียงเจ้าหน้าที่คนที่ยืนอยู่ ก็พูดขึ้นว่า
ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นหรอกครับ

ดิฉันก็รีบ ตอบกลับไปทันทีว่า มีสิ
ว่าแล้วก็รีบ ผลักประตูเข้าไป
มองเข้าไปในห้อง
แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าดิฉัน ก็ทำให้ดิฉันถึงกับ ช็อคขึ้นมา จนเข่าอ่อน
สภาพที่ดิฉันเห็น คือ ศพที่ถูกห่อด้วยผ้าขาว
นอนเรียงกันอยู่กับพื้นห้อง สามศพ
ขนหัวดิฉันลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
รอบข้างเย็นเฉียบขึ้นมาจนรู้สึกหนาวๆร้อนๆ
ดิฉันรีบเอามือมาปิดปาก ได้แต่มองตาค้าง อย่างทำอะไรไม่ถูก
แสงยามเช้าเริ่มส่องแสงมานิดๆ
ทำให้ดิฉัน ชำเรืองไป มองเห็น ศพแรกที่อยู่ใกล้ๆ
มีปลายเล็บเท้าที่โผล่ออกมาจากผ้าห่อศพ
เป็นเล็บที่ทาด้วยสีดำสนิท  อย่างที่ดิฉันเห็นเมื่อคืน
เท่านั้นแหละ
ดิฉัน ร้องว้ายขึ้นมา รีบหลับตา แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที

ดิฉันรีบ ผงะถอยหลัง ออกมาจากห้องแล้วปิดประตูนั้น แบบขวัญผวา
ทุกคนเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร
เดินไป ก็ได้แต่คิดในใจไปคนเดียว
นี่เมื่อคืนเราอยู่กับศพหรือ
แล้วเงาในความมืดที่ดิฉันเห็นตรงช่องประตูที่แง้มอยู่
ก็ผุดขึ้นมาในหัวดิฉันตลอดทาง

จนพากันเดินไปจวนใกล้จะถึงเรือ
อยู่ๆแฟนก็พูดขึ้นว่า
ไม่พาฝรั่งคนนั้นไปด้วยหรือ
ดิฉันก็รีบถามแฟนว่า
ฝรั่งคนไหน
แฟนก็บอกว่า ที่ยืนอยู่ตรงชานบันได
ดิฉันก็หันกลับไปมองที่บ้านหลังนั้น ตามที่แฟนบอก
แต่ปรากฏว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงชานบันไดชั้นบนนั่น
แต่พอฟ้าแลบ พรึ๊บ ขึ้นมา
ดิฉันก็ต้องขนหัวลุกขึ้นอึก
เมื่อเจอร่างผู้หญิงผมยาว หน้าขาวซีด ยืนเด่นอยู่ตรงหน้าต่างบ้านหลังนั้น
ดิฉัน ร้องว้าย ขึ้นมา  รีบรนราน หันกลับมาเดินลงเรือทันที

ให้ตายเถอะ ยังไงก็อย่าให้ดิฉันกลับมาเห็นอะไรอย่างนี้อีกเลย
หัวใจจะวายเอาจริงๆค่ะ

พอลงเรือชูชีพได้ มันเป็นเรือยางสีดำ ลำเล็กๆ
ดิฉันให้แฟนอยู่ด้านหน้าสุด เอาหัวมานอนที่ตักดิฉัน
เจ้าหน้าที่นั่งพายเรืออยู่ด้านหลัง
ท้องฟ้ายังคงมีแสงสว่างไม่มาก
แต่ก็ยังพอทำให้เห็น ความเวิ้งว้าง ของห้วงน้ำที่แผ่กว้างไปทุกสาระทิศ
มองไปจนสุดตา มีแต่น้ำเต็มไปหมด
เจ้าหน้าที่พายเรือลอยไปตามน้ำช้าๆ
ดิฉันได้แต่นั่งหลับตา พักเอาแรง
นั่งอยู่บนเรือ บางช่วงก็โครงเครงไปมา เหมือนวูบหล่นไปตามกระแสน้ำ
บางช่วงก็พัดแรง บางช่วงก็สงบ
จนสักพักใหญ่ๆ
ดิฉันลืมตามองไปข้างหน้า ท้องฟ้าเริ่มสว่างพอสมควรแล้ว
มองไปไกลๆ เหมือนมีไฟไซเรน วับ วับ หลายๆอัน อยู่เป็นแนวยาวข้างหน้า
มองดีๆอีก มันเป็นไฟทีติดอยู่บนรถ ที่จอดอยู่บน ถนน หลายสิบคัน
ตรงนั้นเห็นคนออกันอยู่เยอะพอสมควร
ดิฉันรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ที่เห็น
แล้วพอมองดูดีๆอีกทีก็เห็นเรือลำหนึ่ง กำลังมุ่งตรงมาทางเรา
ดิฉันรีบ ยกมือโบกไปมา ด้วยความดีใจ
จนกระทั้ง พอเริ่มได้ยินเสียงเครื่องยนต์ใกล้เข้ามา
ดิฉันมองไป ก็เห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบโดดลงจากเรือที่มาช่วย
เห็นน้ำท่วมถึงประมาณหน้าอกเจ้าหน้าที่คนนั้น
แล้วเรือที่มาช่วยก็ดับเครื่องค่อยๆเข้ามาเทียบใกล้ๆ
ดิฉันดีใจมาก รีบปลุกแฟน
เราจะได้กลับบ้านแล้วพี่

พอเจ้าหน้าที่ถามว่า   เป็นอะไรหรือเปล่า
ดิฉันก็รีบตอบไปว่า เขาไม่สบาย

แล้วพอดิฉันกำลังจะขยับตัวลุกขึ้น
หันกลับไปมองเจ้าหน้าที่สองคนที่ พาเรามาส่ง
ดิฉันก็ถึงกับ อึ้ง จนต้องหันกลับมา ก้มสำรวจไปรอบๆตัวอีกที
เห้ย..
สิ่งที่ดิฉันเห็นด้านหลัง มันเป็นกิ่งไม้ใหญ่ๆที่โผล่มาจากขอนไม้ที่ลอยอยู่ในน้ำ
ตัวดิฉันกับแฟน นั่งอยู่บนกองฟางใหญ่ๆที่อยู่บนขอนไม้นั้นอีกที
คุณพระช่วย

ดิฉันได้แต่ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
พอเจ้าหน้าที่พาดิฉันกับแฟนขึ้นเรือได้
ดิฉันก็ได้แต่ถาม คนที่มาช่วยว่า เจ้าหน้าที่สองคนนั้นหละ
เขาไปไหนแล้ว

แล้วก็มีคนที่เขาโดดน้ำลงมาช่วยเราตอนแรกพูดขึ้นว่า
เจ้าหน้าที่ที่ไหนครับ  

ดิฉันก็รีบตอบไปว่า
สองคนที่ใส่ชุดสีส้มๆอะค่ะ

แล้วคนที่มาช่วยเราก็ตอบว่า

ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ไหนนะครับ เราเป็นหน่วยแรกที่พึ่งเข้ามาถึงที่นี่

จบบริบูรณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่