ศักดิ์และนิดามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน เป็นบุญวาสนาและความโชคดีของทั้งสองคนหรืออย่างไรไม่แน่ใจ ตั้งแต่คลอดลูกชายคนนี้มาชีวิตดีขึ้นหน้ามือเป็นหลังมือ หน้าที่การงานของทั้งสองคนเจริญเติบโต ได้เลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนสูงขึ้น ทำให้พอใช้หนี้และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ประกอบกับได้โบนัสสิ้นปี ทำให้กลับมามีเงินเก็บในบัญชีอีกครั้ง
การใช้จ่ายของศักดิ์ยังเหมือนเดิม ชอบใช้ของแบรนด์เนม ยิ่งมีเงินเยอะเขายิ่งใช้จ่ายตามใจชอบ แต่เขาก็ยังซื้อของให้ภรรยาเสมอ คิดเองเออเองว่านิดาอยากได้ ใช้เงินไม่คิดเหมือนเดิม ทั้งที่ซื้อมานิดาก็บ่นแต่เขาก็ยังทำ ชอบแต่งตัว ทำตัวเป็นผู้ชายเจ้าสำราญ ถึงศักดิ์จะเป็นแบบนี้ก็ยังรักเดียวใจเดียว ส่วนนิดาก็กลับมาแต่งตัวได้อีกครั้ง กลับมาสวยเหมือนเดิม ลูกชายของทั้งสองคนก็น่ารักน่าชัง
“เด็กชาย รัชศักดิ์ กัปวัฒนสูตร น้องกัปตัน ลูกพ่อศักดิ์ครับ”
เด็กน้อยวัยสี่ขวบตอบคำถามของคนเป็นพ่อ เมื่อถูกถามที่ขณะกำลังนั่งเล่นของเล่นในห้อง
“นิดาเราไปดูบ้านโครงการนั้นดีกว่า เรามีเงินพอที่จะซื้อบ้านแล้วนะ สงสารกัปตัน อยากให้มีพื้นที่เล่นดีกว่านี้”
ศักดิ์เสนอความคิดเห็น ขณะนั่งเล่นกับลูกชายข้างเตียงในห้องเช่า เขามองว่ามันแคบเหลือเกิน ไม่มีที่ให้ลูกชายวิ่งเล่น และเขาทำงานมากี่ปีระดับหัวหน้างานอย่างเขาจะมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้ยังไง
“ดูเป็นเป็นทาวน์เฮ้าส์นะจะได้ไม่แพง” นิดาซึ่งยังไม่พร้อมที่จะซื้อบ้าน งวดรถกระบะพึ่งจะหมดสามีจะหาหนี้มาใส่หัวอีกแล้ว
“ไม่! อยากได้บ้านแฝด ศักดิ์มองๆไว้แล้ว ราคาพอรับได้ ลูกจะได้อยู่สบาย พ่อแม่ลงมาหาหลานก็จะได้อยู่สบาย” คนอย่างประเสริฐศักดิ์มีหรือทำอะไรจะน้อยหน้าคนอื่น ต้องเด่นต้องดัง ต้องดีกว่าคนอื่นเสมอ
“เอาพออยู่ได้ก็พอแล้วมั๊งนิดาว่า”
เธอไม่เห็นด้วยสักนิด นิดารู้ว่าบ้านโครงการที่ศักดิ์ว่าอยู่แถวไหน ราคาเท่าไหร่ มันแพงมาก บ้านหลังใหญ่สวยก็จริง แต่เธอกลัวจะไปไม่รอด อยู่ทาวน์เฮ้าส์สองชั้นหนึ่งคูหาก็ถือว่าดีแล้ว แต่คนอย่างประเสริฐศักดิ์เหรอจะยอม ทำอะไรต้องอลังการงานสร้างเสมอ
และแล้วนิดาเธอก็ขัดความต้องการของศักดิ์ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมกู้ธนาคารซื้อบ้านหลังที่ศักดิ์ต้องการ ผ่อนเดือนล่ะสองหมื่นเกือบสามหมื่นกว่าบาท แทนที่จะเก็บเงินไว้ให้ลูกเข้าโรงเรียน แต่ต้องเอามาสิ้นเปลืองกับความหรูหราของสามี
นานวันเข้าถึงจะผ่อนบ้านแพง ศักดิ์ทำตัวหรูหราไฮโซ ส่วนนิดาก็กลับมาแต่งตัวปกติ ก็ไม่ได้กระทบกับเงินในกระเป๋า ความเป็นอยู่ยังดีเช่นปกติ เพราะจ่ายแค่ค่าผ่อนบ้าน งวดรถก็หมดแล้ว ปีหน้าลูกชายก็จะเข้าโรงเรียน
ประเสริฐศักดิ์เลือกโรงเรียนให้ลูกชายอย่างดี เป็นโรงเรียนคาทอลิก ค่าเทอมค่อนข้างแพง ศักดิ์ไม่สนใจลูกชายคนเดียวของเขาต้องมีชีวิตที่ดี
ชีวิตของสองคนเฟื่องฟูมากที่สุดหลังจากที่มีลูกชายมาเติมเต็ม มีเงินเก็บในบัญชี มีเงินใช้ไม่ขาดมือทำให้ประเสริฐศักดิ์คิดจะทำการใหญ่ไปอีก เพราะคนอย่างเขาไม่คิดจะเป็นลูกน้องคนอื่นไปจนแก่แน่นอน แต่ไม่ประเมินความสามารถตนเอง
ด้วยความที่ทำงานกับบริษัทส่งออกต่างประเทศ บวกกับสะสมประสบการณ์มานานหลายปี ทำให้เขาคิดทำการใหญ่ และด้วยความที่มีนิสัยทะเยอทะยานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้ตัดสินใจออกจากงานมาทำธุระกิจของตนเองอีกครั้ง
“นิดาศักดิ์จะทำธุระกิจซื้อมาขายไป นิดาคอยเช็คเมล์และออเดอร์ลูกค้าให้ด้วยนะ ส่วนลูกค้าศักดิ์หาเอง”
“คิดดีแล้วใช่มั้ย กี่ครั้งแล้วที่ล้มไม่เป็นท่า กี่ครั้งที่นิดาต้องคอยแก้ปัญหาให้”
“ครั้งนี้รับรองไม่ล้มแน่นิดา ศักดิ์สัญญา ใครจะอยากเป็นลูกน้องคนอื่นยันแก่”
นิดาไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งนี้แต่ขัดคนอย่างเขาไม่ได้ ถ้าศักดิ์คิดจะทำอะไรอยากได้อะไรเขาต้องเอามาให้ได้ เช่นรถและบ้าน
นิดาคิดว่าการกลับมาทำธุรกิจครั้งนี้ไม่พ้นเธอเองที่ต้องเป็นคนดูแลรับผิดชอบ เหมือนแต่ก่อนที่ผ่านมา และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดทุกอย่าง ประเสริฐศักดิ์คิดอยากทำนู่นทำนี่ แต่ไม่มีหัวการค้า ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคนรับผิดชอบแทน ทำงานประจำแล้วต้องกลับมาดูงานกับศักดิ์อีก
ประเสริฐศักดิ์มีหน้าที่แค่แต่งตัวดูดี ไปพบปะลูกค้าแค่นั้นเอง แรกๆเขาเป็นคนหาลูกค้า หาออเดอร์เอง หลังๆมาเป็นนิดาที่คอยหาลูกค้าและออเดอร์แทน ส่วนตัวเองก็สบายไป เขาไม่คิดจะช่วยเธอแม้แต่น้อย พอบอกให้หาลูกค้าเองเขาก็อ้างว่าเธอหาลูกค้ากระเป๋าหนักได้กว่าเขาหาเอง
“นิดาออกจากงานประจำ มาช่วยกันทำได้มั้ย มันกำลังรุ่งนะ” ประเสริฐศักดิ์บอกให้นิดาออกจากงานประจำมาช่วยตนเอง ทั้งที่ก็นิดาเองนั่นแหละเป็นคนทำทุกอย่าง
“ไม่! นิดากลัวถ้าไปไม่รอด จะไม่มีเงิน ทำงานประจำด้วยนี่แหละ “
“อืมก็ได้ ศักดิ์จะซื้อรถอีกคันนะ ใช้กระบะมันไม่น่าเชื่อถือ ลูกค้ามีแต่คนกระเป๋าหนักๆ รวยๆ ดูมีภูมิฐานทั้งนั้น “
นิดาไม่ขัดรู้ว่าถ้าคัดค้านไปก็เท่านั้น ศักดิ์ก็ซื้ออยู่ดี ธุระกิจมีทีท่าว่าจะไปได้สวย เงินหมุนเวียนตลอด ประเสริฐศักดิ์ตัดสินใจซื้อรถปาเจโร่สปอร์ทป้ายแดงคันใหม่ เพื่อเอาไปใช้ในการพบปะลูกค้า แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากนี้หายนะกำลังจะมาเยือน
รายจ่ายแต่ละเดือนที่ต้องจ่ายถึงรถกระบะจะไม่มีงวดแล้วก็ตาม ก็ยังค่าบ้านสองหมื่นกว่าบาท งวดรถยนต์หมื่นห้าพัน ค่าเทอมลูกเกือบห้าหมื่น ทำให้แต่ละเดือนนิดากับศักดิ์ต้องหาเงินมาให้ได้ห้าหมื่นขึ้นถึงจะพอใช้ ทั้งค่ากินของลูกชายไปโรงเรียน ค่ารถรับส่งนักเรียนและอื่นๆอีกมากมาย
พอมีรถคันใหม่เข้ามาค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ศักดิ์ยังคงใช้เงินเหมือนเดิมในส่วนของเขา เขาให้เงินค่ากินลูกและนิดาลดลงให้เหตุผลว่าต้องเอามาเป็นค่าผ่อนรถคันใหม่ แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนของตนเองยังเท่าเดิม
“นิดากับลูกหัดประหยัดบ้างนะ” ศักดิ์บ่น
“นิดากับลูกประหยัดอยู่แล้ว ศักดิ์นั่นแหละควรลดค่าใช้จ่ายของตัวเองลงบ้าง”
เถียงกันไปก็เท่านั้นนิดาทำได้แค่เงียบ เมื่อรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ความเครียดก็ตามมา นิดาหักโหมงานหนัก หารายได้เสริมอีกทาง เพื่อที่จะให้มีเงินพอใช้ในแต่ละเดือน และไม่อยากลดค่าขนมของลูกซึ่งถูกแบ่งเอาไปจ่ายงวดรถคันใหม่ ส่วนประเสริฐศักดิ์คอยแต่งตัวดีขับรถคันใหญ่ออกไปพบปะลูกค้าเฉยๆ คนหาออเดอร์ยังเป็นนิดาเหมือนเดิม ศักดิ์เห็นว่านิดาทำได้ ตนเองสบายจึงปล่อยให้นิดารับหน้าที่นี้ไป
“ศักดิ์ช่วยนิดาหาลูกค้าบ้างนะ ไม่ใช่คอยแต่จะแต่งตัวหล่อๆออกไปเจอลูกค้าแค่นั้น” นิดาบ่นด้วยความน้อยใจและเหนื่อยเต็มทน
“ก็นิดาหาลูกค้าเก่ง ศักดิ์หาลูกค้าไม่ค่อยได้”
“หาไม่ค่อยได้หรือไม่หากันแน่” นิดาพูดทั้งน้ำตา เธอเหนื่อยเธอเหนื่อยเต็มทนแล้ว
พอนิดาหักโหมงานหนัก ทำงานทั้งงานประจำ ขายของออนไลน์ และคอยหาลูกค้าให้กับสามี ทำให้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนล้า ทำให้หลงๆลืมๆบ้าง บางครั้งก็ลืมออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ลืมอ่านเมล์ลูกค้า ส่งงานไม่ตรงตามนัดบ้าง พอเป็นแบบนี้นานๆเข้าทำให้ลูกค้าค่อยๆหายไป เมื่อไม่มีลูกค้า ไม่มีออเดอร์ ทำให้เงินหมุนเวียนค่อยๆหมดไปด้วย ต้องควักเงินเก็บออกมาสำรองจ่าย และในที่สุดเงินเก็บก็หมดไปพร้อมกับลูกค้าที่หายไป ทำให้ธุรกิจซื้อมาขายไปของสองคนเจ้งไม่เป็นท่า
เมื่อไม่มีเงินสะพัด ธุระกิจก็ไปไม่รอด ศักดิ์ก็ว่างงานทำให้การหาเงินจ่ายค่าผ่อนรถคันใหม่ ผ่อนบ้าน และค่าเทอมของลูกชายไม่ทัน เพราะเธอหาเงินเพียงคนเดียว ส่วนศักดิ์ว่างงานไม่มีทีท่าว่าจะหางานทำ คอยใช้เงินกับเธออย่างเดียว นิดาทำได้เพียงบ่น เมื่อหาเงินไม่ทันก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน กลับมาเป็นหนี้อีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว นิดาตัดสินใจส่งลูกกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ของเธอที่ต่างจังหวัด
“กัปตันครับ ไปอยู่บ้านกับตายายอย่าซนนะ เป็นเด็กดียายกับตาถึงจะรัก”
นิดาตัดสินใจย้ายลูกชายไปเรียนที่บ้านเกิดของตน นำลูกชายไปฝากพ่อแม่เลี้ยง ให้เรียนโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เนื่องจากลูกชายของเธอเรียนโรงเรียนสองภาษามาก่อน เมื่อย้ายไปเรียนที่บ้านทำให้กลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้อง เป็นที่รักใคร่ของครู ภาษาอังกฤษก็เก่งกว่าเพื่อน เมื่อมีการประกวดแข่งขันลูกชายของนิดาได้เป็นตัวแทนเสมอ เธอภูมิใจมากถึงแม้จะอายคนนินทาก็ตาม
ประเสริฐศักดิ์กลายเป็นคนว่างงาน ไม่ยอมหางานทำอยู่บ้านเฉยๆ เมื่อนิดาบ่นเขาก็ให้เหตุผลว่าสมัครแต่เขาไม่รับ และประเสริฐศักดิ์ไม่เข็ดยังต้องการที่จะทำธุระกิจอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ซื้อมาขายไป นิดาไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่ยอมทำตามอีกแล้ว
เมื่อนิดาทำงานคนเดียวเงินไม่พอใช้ ค่าใช้จ่ายทั้งบ้าน ทั้งรถ ทั้งส่งลูก ทำให้เธอขาดส่งงวดรถในแต่ละเดือน และสุดท้ายรถคันใหญ่คันสวย ปาเจโร่ที่ดาวน์มาได้เพียงปีกว่าๆก็ต้องถูกยึดไปในที่สุด เหลือเพียงรถกระบะสี่ประตูคันเดียว เพราะเธอผ่อนหมดแล้ว
“ศักดิ์เมื่อไหร่เมริงจะหางานทำ กูเหนื่อยแล้วนะที่ต้องทำงานคนเดียว ที่ต้องหาเลี้ยงเมริง” นิดาไม่มีภาษาดอกไม้ให้กับประเสริฐศักดิ์อีกต่อไป
...จบบท...
มายารัก... บทที่ 6
การใช้จ่ายของศักดิ์ยังเหมือนเดิม ชอบใช้ของแบรนด์เนม ยิ่งมีเงินเยอะเขายิ่งใช้จ่ายตามใจชอบ แต่เขาก็ยังซื้อของให้ภรรยาเสมอ คิดเองเออเองว่านิดาอยากได้ ใช้เงินไม่คิดเหมือนเดิม ทั้งที่ซื้อมานิดาก็บ่นแต่เขาก็ยังทำ ชอบแต่งตัว ทำตัวเป็นผู้ชายเจ้าสำราญ ถึงศักดิ์จะเป็นแบบนี้ก็ยังรักเดียวใจเดียว ส่วนนิดาก็กลับมาแต่งตัวได้อีกครั้ง กลับมาสวยเหมือนเดิม ลูกชายของทั้งสองคนก็น่ารักน่าชัง
“เด็กชาย รัชศักดิ์ กัปวัฒนสูตร น้องกัปตัน ลูกพ่อศักดิ์ครับ”
เด็กน้อยวัยสี่ขวบตอบคำถามของคนเป็นพ่อ เมื่อถูกถามที่ขณะกำลังนั่งเล่นของเล่นในห้อง
“นิดาเราไปดูบ้านโครงการนั้นดีกว่า เรามีเงินพอที่จะซื้อบ้านแล้วนะ สงสารกัปตัน อยากให้มีพื้นที่เล่นดีกว่านี้”
ศักดิ์เสนอความคิดเห็น ขณะนั่งเล่นกับลูกชายข้างเตียงในห้องเช่า เขามองว่ามันแคบเหลือเกิน ไม่มีที่ให้ลูกชายวิ่งเล่น และเขาทำงานมากี่ปีระดับหัวหน้างานอย่างเขาจะมาอยู่ห้องเช่าซอมซ่อแบบนี้ได้ยังไง
“ดูเป็นเป็นทาวน์เฮ้าส์นะจะได้ไม่แพง” นิดาซึ่งยังไม่พร้อมที่จะซื้อบ้าน งวดรถกระบะพึ่งจะหมดสามีจะหาหนี้มาใส่หัวอีกแล้ว
“ไม่! อยากได้บ้านแฝด ศักดิ์มองๆไว้แล้ว ราคาพอรับได้ ลูกจะได้อยู่สบาย พ่อแม่ลงมาหาหลานก็จะได้อยู่สบาย” คนอย่างประเสริฐศักดิ์มีหรือทำอะไรจะน้อยหน้าคนอื่น ต้องเด่นต้องดัง ต้องดีกว่าคนอื่นเสมอ
“เอาพออยู่ได้ก็พอแล้วมั๊งนิดาว่า”
เธอไม่เห็นด้วยสักนิด นิดารู้ว่าบ้านโครงการที่ศักดิ์ว่าอยู่แถวไหน ราคาเท่าไหร่ มันแพงมาก บ้านหลังใหญ่สวยก็จริง แต่เธอกลัวจะไปไม่รอด อยู่ทาวน์เฮ้าส์สองชั้นหนึ่งคูหาก็ถือว่าดีแล้ว แต่คนอย่างประเสริฐศักดิ์เหรอจะยอม ทำอะไรต้องอลังการงานสร้างเสมอ
และแล้วนิดาเธอก็ขัดความต้องการของศักดิ์ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมกู้ธนาคารซื้อบ้านหลังที่ศักดิ์ต้องการ ผ่อนเดือนล่ะสองหมื่นเกือบสามหมื่นกว่าบาท แทนที่จะเก็บเงินไว้ให้ลูกเข้าโรงเรียน แต่ต้องเอามาสิ้นเปลืองกับความหรูหราของสามี
นานวันเข้าถึงจะผ่อนบ้านแพง ศักดิ์ทำตัวหรูหราไฮโซ ส่วนนิดาก็กลับมาแต่งตัวปกติ ก็ไม่ได้กระทบกับเงินในกระเป๋า ความเป็นอยู่ยังดีเช่นปกติ เพราะจ่ายแค่ค่าผ่อนบ้าน งวดรถก็หมดแล้ว ปีหน้าลูกชายก็จะเข้าโรงเรียน
ประเสริฐศักดิ์เลือกโรงเรียนให้ลูกชายอย่างดี เป็นโรงเรียนคาทอลิก ค่าเทอมค่อนข้างแพง ศักดิ์ไม่สนใจลูกชายคนเดียวของเขาต้องมีชีวิตที่ดี
ชีวิตของสองคนเฟื่องฟูมากที่สุดหลังจากที่มีลูกชายมาเติมเต็ม มีเงินเก็บในบัญชี มีเงินใช้ไม่ขาดมือทำให้ประเสริฐศักดิ์คิดจะทำการใหญ่ไปอีก เพราะคนอย่างเขาไม่คิดจะเป็นลูกน้องคนอื่นไปจนแก่แน่นอน แต่ไม่ประเมินความสามารถตนเอง
ด้วยความที่ทำงานกับบริษัทส่งออกต่างประเทศ บวกกับสะสมประสบการณ์มานานหลายปี ทำให้เขาคิดทำการใหญ่ และด้วยความที่มีนิสัยทะเยอทะยานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้ตัดสินใจออกจากงานมาทำธุระกิจของตนเองอีกครั้ง
“นิดาศักดิ์จะทำธุระกิจซื้อมาขายไป นิดาคอยเช็คเมล์และออเดอร์ลูกค้าให้ด้วยนะ ส่วนลูกค้าศักดิ์หาเอง”
“คิดดีแล้วใช่มั้ย กี่ครั้งแล้วที่ล้มไม่เป็นท่า กี่ครั้งที่นิดาต้องคอยแก้ปัญหาให้”
“ครั้งนี้รับรองไม่ล้มแน่นิดา ศักดิ์สัญญา ใครจะอยากเป็นลูกน้องคนอื่นยันแก่”
นิดาไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งนี้แต่ขัดคนอย่างเขาไม่ได้ ถ้าศักดิ์คิดจะทำอะไรอยากได้อะไรเขาต้องเอามาให้ได้ เช่นรถและบ้าน
นิดาคิดว่าการกลับมาทำธุรกิจครั้งนี้ไม่พ้นเธอเองที่ต้องเป็นคนดูแลรับผิดชอบ เหมือนแต่ก่อนที่ผ่านมา และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดทุกอย่าง ประเสริฐศักดิ์คิดอยากทำนู่นทำนี่ แต่ไม่มีหัวการค้า ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคนรับผิดชอบแทน ทำงานประจำแล้วต้องกลับมาดูงานกับศักดิ์อีก
ประเสริฐศักดิ์มีหน้าที่แค่แต่งตัวดูดี ไปพบปะลูกค้าแค่นั้นเอง แรกๆเขาเป็นคนหาลูกค้า หาออเดอร์เอง หลังๆมาเป็นนิดาที่คอยหาลูกค้าและออเดอร์แทน ส่วนตัวเองก็สบายไป เขาไม่คิดจะช่วยเธอแม้แต่น้อย พอบอกให้หาลูกค้าเองเขาก็อ้างว่าเธอหาลูกค้ากระเป๋าหนักได้กว่าเขาหาเอง
“นิดาออกจากงานประจำ มาช่วยกันทำได้มั้ย มันกำลังรุ่งนะ” ประเสริฐศักดิ์บอกให้นิดาออกจากงานประจำมาช่วยตนเอง ทั้งที่ก็นิดาเองนั่นแหละเป็นคนทำทุกอย่าง
“ไม่! นิดากลัวถ้าไปไม่รอด จะไม่มีเงิน ทำงานประจำด้วยนี่แหละ “
“อืมก็ได้ ศักดิ์จะซื้อรถอีกคันนะ ใช้กระบะมันไม่น่าเชื่อถือ ลูกค้ามีแต่คนกระเป๋าหนักๆ รวยๆ ดูมีภูมิฐานทั้งนั้น “
นิดาไม่ขัดรู้ว่าถ้าคัดค้านไปก็เท่านั้น ศักดิ์ก็ซื้ออยู่ดี ธุระกิจมีทีท่าว่าจะไปได้สวย เงินหมุนเวียนตลอด ประเสริฐศักดิ์ตัดสินใจซื้อรถปาเจโร่สปอร์ทป้ายแดงคันใหม่ เพื่อเอาไปใช้ในการพบปะลูกค้า แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากนี้หายนะกำลังจะมาเยือน
รายจ่ายแต่ละเดือนที่ต้องจ่ายถึงรถกระบะจะไม่มีงวดแล้วก็ตาม ก็ยังค่าบ้านสองหมื่นกว่าบาท งวดรถยนต์หมื่นห้าพัน ค่าเทอมลูกเกือบห้าหมื่น ทำให้แต่ละเดือนนิดากับศักดิ์ต้องหาเงินมาให้ได้ห้าหมื่นขึ้นถึงจะพอใช้ ทั้งค่ากินของลูกชายไปโรงเรียน ค่ารถรับส่งนักเรียนและอื่นๆอีกมากมาย
พอมีรถคันใหม่เข้ามาค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ศักดิ์ยังคงใช้เงินเหมือนเดิมในส่วนของเขา เขาให้เงินค่ากินลูกและนิดาลดลงให้เหตุผลว่าต้องเอามาเป็นค่าผ่อนรถคันใหม่ แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนของตนเองยังเท่าเดิม
“นิดากับลูกหัดประหยัดบ้างนะ” ศักดิ์บ่น
“นิดากับลูกประหยัดอยู่แล้ว ศักดิ์นั่นแหละควรลดค่าใช้จ่ายของตัวเองลงบ้าง”
เถียงกันไปก็เท่านั้นนิดาทำได้แค่เงียบ เมื่อรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ความเครียดก็ตามมา นิดาหักโหมงานหนัก หารายได้เสริมอีกทาง เพื่อที่จะให้มีเงินพอใช้ในแต่ละเดือน และไม่อยากลดค่าขนมของลูกซึ่งถูกแบ่งเอาไปจ่ายงวดรถคันใหม่ ส่วนประเสริฐศักดิ์คอยแต่งตัวดีขับรถคันใหญ่ออกไปพบปะลูกค้าเฉยๆ คนหาออเดอร์ยังเป็นนิดาเหมือนเดิม ศักดิ์เห็นว่านิดาทำได้ ตนเองสบายจึงปล่อยให้นิดารับหน้าที่นี้ไป
“ศักดิ์ช่วยนิดาหาลูกค้าบ้างนะ ไม่ใช่คอยแต่จะแต่งตัวหล่อๆออกไปเจอลูกค้าแค่นั้น” นิดาบ่นด้วยความน้อยใจและเหนื่อยเต็มทน
“ก็นิดาหาลูกค้าเก่ง ศักดิ์หาลูกค้าไม่ค่อยได้”
“หาไม่ค่อยได้หรือไม่หากันแน่” นิดาพูดทั้งน้ำตา เธอเหนื่อยเธอเหนื่อยเต็มทนแล้ว
พอนิดาหักโหมงานหนัก ทำงานทั้งงานประจำ ขายของออนไลน์ และคอยหาลูกค้าให้กับสามี ทำให้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนล้า ทำให้หลงๆลืมๆบ้าง บางครั้งก็ลืมออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ลืมอ่านเมล์ลูกค้า ส่งงานไม่ตรงตามนัดบ้าง พอเป็นแบบนี้นานๆเข้าทำให้ลูกค้าค่อยๆหายไป เมื่อไม่มีลูกค้า ไม่มีออเดอร์ ทำให้เงินหมุนเวียนค่อยๆหมดไปด้วย ต้องควักเงินเก็บออกมาสำรองจ่าย และในที่สุดเงินเก็บก็หมดไปพร้อมกับลูกค้าที่หายไป ทำให้ธุรกิจซื้อมาขายไปของสองคนเจ้งไม่เป็นท่า
เมื่อไม่มีเงินสะพัด ธุระกิจก็ไปไม่รอด ศักดิ์ก็ว่างงานทำให้การหาเงินจ่ายค่าผ่อนรถคันใหม่ ผ่อนบ้าน และค่าเทอมของลูกชายไม่ทัน เพราะเธอหาเงินเพียงคนเดียว ส่วนศักดิ์ว่างงานไม่มีทีท่าว่าจะหางานทำ คอยใช้เงินกับเธออย่างเดียว นิดาทำได้เพียงบ่น เมื่อหาเงินไม่ทันก็ต้องกู้หนี้ยืมสิน กลับมาเป็นหนี้อีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว นิดาตัดสินใจส่งลูกกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ของเธอที่ต่างจังหวัด
“กัปตันครับ ไปอยู่บ้านกับตายายอย่าซนนะ เป็นเด็กดียายกับตาถึงจะรัก”
นิดาตัดสินใจย้ายลูกชายไปเรียนที่บ้านเกิดของตน นำลูกชายไปฝากพ่อแม่เลี้ยง ให้เรียนโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เนื่องจากลูกชายของเธอเรียนโรงเรียนสองภาษามาก่อน เมื่อย้ายไปเรียนที่บ้านทำให้กลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้อง เป็นที่รักใคร่ของครู ภาษาอังกฤษก็เก่งกว่าเพื่อน เมื่อมีการประกวดแข่งขันลูกชายของนิดาได้เป็นตัวแทนเสมอ เธอภูมิใจมากถึงแม้จะอายคนนินทาก็ตาม
ประเสริฐศักดิ์กลายเป็นคนว่างงาน ไม่ยอมหางานทำอยู่บ้านเฉยๆ เมื่อนิดาบ่นเขาก็ให้เหตุผลว่าสมัครแต่เขาไม่รับ และประเสริฐศักดิ์ไม่เข็ดยังต้องการที่จะทำธุระกิจอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ซื้อมาขายไป นิดาไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่ยอมทำตามอีกแล้ว
เมื่อนิดาทำงานคนเดียวเงินไม่พอใช้ ค่าใช้จ่ายทั้งบ้าน ทั้งรถ ทั้งส่งลูก ทำให้เธอขาดส่งงวดรถในแต่ละเดือน และสุดท้ายรถคันใหญ่คันสวย ปาเจโร่ที่ดาวน์มาได้เพียงปีกว่าๆก็ต้องถูกยึดไปในที่สุด เหลือเพียงรถกระบะสี่ประตูคันเดียว เพราะเธอผ่อนหมดแล้ว
“ศักดิ์เมื่อไหร่เมริงจะหางานทำ กูเหนื่อยแล้วนะที่ต้องทำงานคนเดียว ที่ต้องหาเลี้ยงเมริง” นิดาไม่มีภาษาดอกไม้ให้กับประเสริฐศักดิ์อีกต่อไป
...จบบท...