นิทาน เรื่องเล่าจากต้นโอ๊ค

กระทู้สนทนา

ณ ดินแดนไกลแสนไกล มีต้นโอ๊กต้นใหญ่สูงตระหง่านยืน โดดเดี่ยวท่ามกลาง ต้นไม้ต่างชนิด ต้นโอ๊ก ยืนอยู่ที่นี่เติบโตผ่านร้อนหนาวมาร่วมร้อยปี เห็นทั้งสัตว์ป่า และ ผู้คนผ่านไปมา จนครบ วัตจักร สิ่งมีชีวิตมากมาย ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนฤดูกาลที่ผ่านไปในแต่ละปี เมื่อก่อนนั้นเคยมีหมู่บ้านอยู่แถวบริเวณที่ต้นโอ๊กยืนอยู่ แต่เวลาผ่านไป ก็มีเหตุทำให้ผู้คนก็ย้ายจากไป เป็นเวลา 10  ปีผ่าน

จนวันหนึ่ง มีชายหนุ่ม  เดินผ่านมาเป็นนักเดินทางหลงป่า และชายหนุ่มได้มาหยุดใต้ต้นโอ๊กเพื่อพักเหนื่อย  และ เขาไม่เหลือน้ำติดตัวมาอีกแล้ว ชายหนุ่มมีทีท่าโรยรา และ ทรุดตัวลงแล้วหลับไปใต้ต้นโอ๊กใหญ่

หยดน้ำเล็กๆ หยดลงบนใบหน้า และบริเวณริมฝีปากชายหนุ่มผู้หลงทาง จนเขาได้สติ และ อ้าปากรับน้ำที่หยดลงมา จนรู้สึกชุ่มชื่นฟื้นตัว และ ลืมตา
ลุกขึ้นนั่ง เขามองเห็นฝนโปรยปรายนิดๆ ทั่วท้องฟ้าและรู้สึกหนาวและไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จนกระทั่งได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

"หลงทางใช่ไหม? "เสียงจากต้นโอ๊ก

ชายหนุ่มมองหาเสียง แต่ไม่เห็นคน จนในที่สุดมองเงยหน้าขึ้น และ ก็มีเสียงดังขึ้นอีก

" ถ้าจะไปหาหมู่บ้าน จงตรงไปทางทิศเหนือ "ต้นโอ๊กส่งเสียงอีกครั้ง

ชายหนุ่ม ตกใจแต่ยังตั้งสติได้ จึงถามต้นโอ๊กใหญว่า ทำไมแถวนี้จึงร้างผู้คน เพราะตอนเด็กๆ พ่อเคยพาเขามาแถวนี้ ยังมีหมู่บ้านอยู่เลย

ต้นโอ๊กเห็นชายหนุ่มอายุน้อย สงสัย จึงเล่าให้ฟังว่า

สมัยก่อนนั้น มีหมู่บ้านสองหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ และทั้งสองหมู่บ้าน ก็ไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนอาหารกันเสมอ
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็ค้นพบ ต้นไม้สองต้น ที่เป็นต้นไม้วิเศษ ชื่อว่า ต้นไม้แห่งปีศาจ และ ต้นไม้แห่งเทพเจ้า ตั้งอยู่เคียงคู่กัน ไม่ไกลจากที่นี่
โดยต้นไม้แห่งปีศาจ จะใช้กิ่งไม้ใหญ่ ฟาดคนเลว อย่างหนัก หากไม่ตาย ก็มักจะพิการ แต่ถ้าเป็นคนดี ต้นไม้เทพเจ้า ก็จะเอื้อมกิ่งไม้ใหญ่กว่า มาปกป้องไว้เป็นต้นไม้วิเศษประจำสองหมู่บ้าน

มีประเพณีของสองหมู่บ้าน เริ่มขึ้นในการพิสูจน์ เวลาจับคนร้ายได้ ให้เดินผ่านต้นไม้ คู่นี้ หากใครรอด ถือว่าเป็นคนดี ซึ่ง ตอนแรกๆนั้น คนที่จะถูกจับมาพิสูจน์ มักจะเป็น หัวขโมย โจร คนร้าย และทุกราย ไม่มีใครรอด ต้นไม้ปีศาจ ฟาดจนตายทุกคน และ ต้นไม้เทพเจ้าไม่เคยขยับเลย เป็นเวลาหลายปีผ่าน

จนกระทั่งสองหมู่บ้าน เริ่มปลอดจาก ขโมย ผู้ร้าย แต่ก็มีเหตุการณ์ ให้พิสูจน์กันต่อเนื่องมา เมื่อคนทั้งสองหมู่บ้าน เริ่มหาอาหารในท้องที่เดียวกัน เกิดความไม่ชัดเจนในอาณาเขตการล่าสัตว์ และปลูกพืช ทำให้เกิดกรณีพิพาท ว่า ใครถูก ใครผิด ใครดี ใครเลว เป็นต้นเรื่องทำให้ มีการท้าพิสูจน์ความดีกัน กับต้นไม้ ปีศาจ และ ต้นไม้เทพเจ้า

และ ผลของการพิสูจน์ ในช่วงแรก หมู่บ้านที่หนึ่ง ส่ง ครู และ หมอ มา ส่วนหมู่บ้านที่สอง ส่ง หลวงพ่อประจำโบสถ์ กับ นายอำเภอมาเป็นตัวแทน ซึ่งทั้ง 4 คนมั่นใจว่า ตนเองนั้นเป็นคนดีแน่นอน และผลปรากฏ ว่า ทั้ง 4 คนเดินผ่านต้นไม้สองต้น และโดนต้นไม้ปีศาจ ฟาดจนตายทั้งหมด และ ต้นไม้เทพเจ้าไม่เคยขยับเช่นเดียวกับตอน ผู้ร้าย ขโมย เดินผ่านเช่นกัน

คนจากทั้งสองหมู่บ้านต่างตกใจ และ เริ่มคุยกันหนาหูว่า ไม่คิดว่า คนที่ส่งไป จะเป็นคนเลว หรือ ทำนองว่า ทั้ง 4 คนที่ใครๆก็คิดว่าดี ที่แท้ก็เป็นคนเลว

และหลังจากนั้น ทั้งสองหมู่บ้าน ก็ยังพยายามกันอีก เพื่อสิทธิ์ในการล่าสัตว์ และปลูกพืช จะได้ชัดเจนในอาณาเขต โดย เริ่มส่ง หญิงพรหมจรรย์ แม่บ้านใจดี ช่างไม้ แม้แต่ นักบุญ และทุกคนก็โดนต้นไม้ฟาดจนตาย  ไม่มีใครเคยได้รับการปกป้องจากต้นไม้เทพเจ้าเลยแม้แต่คนเดียว

ผู้คนเริ่มหมดศรัทธาต่อกันและกัน หมู่บ้านแรกเริ่มมีคนอพยพ และ หายไปจนสิ้น ขณะที่หมู่บ้านที่สอง ก็ไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตนเองว่า ได้อยู่ในเมืองคนบาปหรือไม่กันแน่ ก็ทยอยย้ายไปเมืองอื่นกันหมด จนทั้งสองเมืองกลายเป็นเมืองร้าง

ต้นโอ๊ก เล่าถึงตอนนี้ หนุ่มผู้หลงทาง ก็ถามถึง ที่ตั้งของต้นไม้ทั้งสองต้น ว่าอยู่ที่ใด และ ต้นโอ๊ก ก็รู้ได้ทันทีว่า หนุ่มหลงทาง กำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้บอกที่ตั้งต้นไม้วิเศษ ทั้งสอง ให้หนุ่มหลงทางรู้ โดยจงมุ่งไป ตะวันออก แล้วเจ้าจะพบ ต้นไม้ทั้งสอง ต้นสีดำเป็นต้นไม้ปีศาจ และ ต้นสีขาวเป็นต้นไม้เทพเจ้า และอวยพรให้ หนุ่มนักเดินทางโชคดี

หนุ่มนักเดินทาง เดินมาจนพบต้นไม้ทั้งสอง ยืนคู่กัน สง่า และน่าเกรงขาม มีช่องกว้างมาพอสำหรับคนจำนวนหนึ่งเดินผ่านไปพร้อมกันได้

ชายหนุ่มกำลังคิดจะพิสูจน์ตัวเอง ว่าเป็นคนดีหรือ คนเลว เพราะเขามั่นใจว่า เขาเป็นคนดี และชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปถึงระยะสุดท้าย แค่อีกก้าวเดียว เขาจะรู้ได้ว่า จะโดนต้นไม้ปีศาจฟาด หรือต้นไม้เทพเจ้าจะปกป้องเขา ....

ต้นโอ๊กร้อยปี ได้มีโอกาสเห็นเงาจากทิศตะวันออกเป็นชายหนุ่มเดินกลับมายังต้นโอ๊กอีกครั้ง หรือว่า เขาจะเป็นคนดี คนแรกที่ต้นไม้เทพเจ้าปกป้องกันแน่

" โอ้ เจ้าหนุ่ม เจ้าคงจะเป็นคนดี ในรอบ 150 ปีที่ข้าได้พบ ไม่เคยมีใครรอดกลับมาได้เลย ช่วยสลักชื่อเจ้าให้ไว้ที่ลำต้นของข้าหน่อยเถิด ข้าจะเล่าให้คนรุ่นต่อไปได้รับรู้ ความดีของเจ้า ตระกูลของเจ้า " ต้นโอ๊กส่งเสียงอย่าง ยินดี

ชายหนุ่มเดินไป เอามือวางที่ต้นโอ๊ก แล้วก้มผากแนบกับมือที่วางบนต้นโอ๊ก เขาหยิบมีดพกมา วาดรูปไว้ สามรูป แล้วเขายิ้มให้ต้นโอ๊ก และไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินจากไป ในทิศเหนือ ตามที่ ต้นโอ๊กบอกว่ามีหมู่บ้านใหม่ และไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย

100 ปีต่อมา มีเด็กหนุ่มเดินทางมายังที่ต้นโอ๊ก อีกคนหนึ่ง ในมือมีแผนที่ แต่หนุ่มคนนี้ไม่ได้หลงทาง เขาเดินไปที่ ต้นโอ๊ก และเอ่ยคำทักทาย
" สวัสดี คุณต้นโอ๊ก " ชายหนุ่มกล่าว

ต้นโอ๊ก มองหนุ่มน้อยคนนี้ และมองอย่างพิจารณา ต้นโอ๊ก และได้เห็นเด็กหนุ่มหน้าตา เหมือนคนดี เมื่อ 100 ปีก่อน ทำให้ ต้นโอ๊ก ดีใจเป็นอย่างยิ่ง และ เอ่ยทักกลับว่า

" สวัสดี หนุ่มน้อยคนดี เจ้าไม่แก่ลงเลย " ต้นโอ๊ก เอ่ยอย่างยินดี

" เจ้าหลงทางรึพ่อหนุ่มคนดี " ต้นโอ๊ก หวังจะช่วยบอกทางอีกครั้ง

หนุ่มน้อย " เปล่าครับ ผมมาหาคุณ เพราะตาของผมเล่าเรื่องคุณให้ฟัง และก่อนท่านเสีย ได้สั่งไว้ว่า คุณคือผู้ช่วยชีวิตตาไว้ " เด็กหนุ่มบอกถึงตัวตนว่าเป็นใคร เขาคือ หลานของคนดีนั่นเอง

" โอ้ เจ้าเป็นหลาหนุ่มคนดี นั่นเอง มิน่า หน้าตาเจ้าเหมือนกับเขามากทีเดียว  เขาเป็นคนดี คนเดียวที่ข้าเคยพบ ตาของเจ้าเป็นคนดีจริงๆ จงภูมิใจเถิด ตลอด 100 ปีมีนักเดินทางหลงป่า ผ่านมา และ ข้าได้เล่าเรื่องของท่านตาของเจ้า ให้นักเดินทางฟัง มากมาย ได้ฟัง และเขาเหล่านั้นล้วนชื่นชม และเชื่อในความดีของคน เหมือนที่ข้ารู้มาตลอด  " ต้นโอ๊กกล่าวอย่างมีความสุข

เด็กหนุ่ม มองต้นโอ๊กอย่างจริงใจ และกล่าวว่า " คุณตาของผมได้เสียไปแล้วครับ แต่ก่อนจากไป ท่านให้มาส่งข้อความถึงคุณ "ว่า ในวันนั้นคุณตาของผมตัดสินใจถอยหลังจากการทดสอบ แล้วกลับมาหาคุณ และ ได้สลักรูป คนหนึ่งคน กับ หัวใจสองดวงไว้ที่ต้นไม้ แทนจะสลักชื่อตามที่คุณขอ "

ต้นโอ๊ก ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความสงสัย และถามเหตุผลว่า รูปนั้นหมายถึงอะไร ?

เด็กหนุ่ม : " คุณตาบอกว่า

คนเรามีทั้งความดี และ ความเลว ในตัวทุกคน คนหนึ่งคน มีจิตใจสองด้าน ดี และ เลว ดังนั้น ต้นไม้แห่งเทพเจ้า จะไม่มีวันขยับเลย เพราะการทำความดีนั้น ไม่อาจหักล้างความเลวที่ทำได้  และนั่นหมายความว่า คนที่ตายไปทั้งหมด มีทั้งความดี และ ความเลว ไม่ว่าใครจะเดินเข้าไป ก็ต้องพบกับต้นไม้ปีศาจอย่างไม่มีทางเลี่ยง  ดังนั้คุณตาผมจึงรู้ว่ามีความดีในตัวมากกว่าความเลว ซึ่งแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับ การอยู่ในสังคมแล้ว  แต่จะให้มีแต่ความดีอย่างเดียว คนแบบนั้นคงจะไม่มีในโลกนี้ “

ต้นโอ๊กจึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ก่อนเด็กหนุ่มจะกล่าวลา กลับไปทางทิศเหนือ หมู่บ้านที่เขาจากมา และ แม้ต้นโอ๊กใคร่ครวญถึงความเข้าใจผิดตลอด 100 ปี ของตน แต่อย่างน้อย การเล่าเรื่องที่แม้จะเข้าใจผิดให้กับนักเดินทางที่ผ่านมาได้รับรู้ ก็ทำให้ คนจำนวนมาก ยังเชื่อในความดีอยู่ และ ต้นโอ๊กก็ตระหนักได้ว่า และโลกนี้กว้างใหญ่ มีหลายอย่างที่ แม้ผู้ที่อยู่มานานก็ไม่สามารถจะรอบรู้ได้หมดทุกอย่างนั่นเอง ....

จบบริบูรณ์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Thaks : Youtube
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่