วัดป่า...มหาสนุก 16

วัดป่า...มหาสนุก 16

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

อย่างที่เคยเล่าไปตั้งแต่แรก ๆ แล้วว่าที่ วัดป่า........ ใน จ.กาฬสินทธุ์ แห่งนี้
เป็นป่าช้าเก่าแก่มานานเป็นร้อยปีแล้ว มีการเผาแบบ สด ๆ และ ฝังแบบ ดิบ ๆ มากมาย
วิญญาณ ที่ห่วงร่างของตัวเอง หรือพวกผูกอาฆาต รวมถึงที่ไม่มีทางไป วนเวียนอยู่มากมาย
แถมด้วย....การมีสภาพเหมือน สถานีรถไฟหัวลำโพง หรือ สนามบิน 
คือเป็น จุดพัก จุดเปลี่ยน ของการเดินทางต่อไปในภพภูมิที่ตัวจะต้องเป็นไป
เหมือนผู้โดยสาร ที่มารอตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน
บางรายเพิ่งตาย มาสด ๆ ร้อน ๆ.....ก็มารอตั๋ว รอคนมารับเพื่อเดินทางต่อไป
บางราย ก็เพิ่งกลับมาจาก นรกบ้าง สวรรค์บ้าง ก็มารอตั๋ว เพื่อไปต่อ
ไอ้ที่ตกค้างเพราะทำเวรทำกรรมบางอย่าง ไปก็ไม่ได้ อยู่ก็ลำบาก ประดักประเดิดก็มี
หรือบางท่าน เป็นคนที่มาวัด เพื่อฝึกหัดปฏิบัติธรรม เดินจงกรม ทำสมาธิภาวนา อยู่เสมอไม่ได้ขาด
พอตายลงแล้ว แต่จิตเจตจำนง ยังคงรักชอบการ ปฏิบัติฯ ภาวนา เค้าก็มีพลังมากพอที่จะ อยู่กับวัดเพื่อ...ภาวนาต่อไป
ที่นี่ จึงเต็มไปด้วย ผี วิญญาณ ทั้งดี ทั้งร้าย จึงต้องมี...เทพเทวา 
ที่ท่านมีกรรมให้ต้องมาทำหน้าที่ควบคุมดูแล จัดสรรความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลวงพ่อ...ท่านเคยเล่าว่า ในตอนที่ท่านมาทีวัดแห่งนี้ วันแรก ๆ เลย
มีผู้ชาย รูปร่างสง่าน่าเกรงขาม แต่งตัวนุ่งห่มด้วย....ผ้าขาว
มากราบท่าน แล้วรายงานตัวว่า...เป็นผู้ดูแลอยู่ที่นี่ ขอนิมนต์ให้หลวงพ่อ มาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ความร่มเย็นเป็นสุขอยู่ที่นี่ เถิด
หลวงพ่อ....ท่านเรียกว่า....ปู่ผ้าขาว
หลังจากวันนั้นแล้วตลอดเวลา 30 ปี ปู่ผ้าขาว ก็มากราบพบท่านบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
พวก ครูบา ทั้งหลายก็บอกว่า...เคยได้สัมผัส พบเจอบ้าง แล้วก็ทำหน้าทำตา แปลก ๆ กัน ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

หลังจากที่ หลวงพ่อ...เล่าเรื่อง ปู่ผ้าขาวแล้ว
คืนหนึ่ง ผมกำลังเดินจงกรม ในบรรยากาศที่มืดมิดไปด้วยร่มครึ้มของต้นไม้ มีแต่เพียงแสงดาว บนท้องฟ้าเท่านั้น 
กำลังเดินเพลิน...ใจมันดันทะลึ่ง นีกไปถึง ปู่ผ้าขาว และสีหน้าของพวก ครูบา ว่าที่พวกท่านทำหน้าอย่างนั้นหมายถึงอะไร
พอเดินสุดทางจงกรม ก็ต้องกลับตัวแล้วเงยหน้าขึ้น....โอ้โฮ มองไปไกล ๆ ในที่....มืดมิด มีแต่ต้นไม้ใหญ่
มีเงาตะคุ่ม รูปร่างดั่งคน....นุ่งห่มผ้าขาว ยืนอยู่ไกล ๆ หันมาทางผม
ในสภาพรอบข้างที่มีแต่ความมืด แสงดาว ส่องกระทบผ้าสีขาว สะท้อนส่องประกายชัดเจนมาก
โอ๊ยยยย....หัวใจจะวาย สติแทบโดดหนีไปจากตัว รีบหายใจลึก ๆ 
ภาวนา...พุทโธ ถี่ยิบ พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ
แล้วก้มหน้าก้มตา เดินจงกรม ต่อไป ....อ้อ ผมเข้าใจแล้วว่าที่พวก ครูบา ทำหน้าอย่างนั้น น่ะ หมายถึงอะไร.....เข้าใจ๊  เข้าใจ

ครูบา หลายท่านเคยเตือนว่า....อย่าขี้เกียจ หรืออู้ อิดออด ต่อการปฏิบัติฯ ภาวนา น่ะ
พวกผี พวกเทวดา ที่นี่เป็นลูกน้องของหลวงพ่อ....ท้างง นั้น
หลายท่าน หลายคน เคยโดนดีกันมาแล้ว บางทีนอนเพลินจนโดน...กระชากขา ก็มีมาแล้ว
ส่วนผมเอง น่ะเหรอ...เห๊อะ ๆๆๆ  เจอไปหลายครั้งเหมือนกัน
ครั้งแรกภาวนา มาหลายวันแล้ว ตอนกลางวันไปช่วยงานก่อสร้างที่ในวัดด้วย เมื่อถึงตอนที่ นั่งสมาธิ มันเลยง่วง มาก
พอกำลังได้ที่...มันเลยตกภวังค์ ทำท่าจะหลับเอาด้วย
แล้วก็มีเสียงตะโกนเรียก ชื่อของผมอยู่ที่หน้า กุฏิ .....ผมตกใจตื่นจากภวังค์ รีบตะโกนรับเสียงเรียก ครับ ครับ ครับ
แล้วรีบลุกขึ้นสะบัดหัวให้หายง่วง ออกไปที่หน้ากุฏิ...แต่ไม่มีใครสักคน เงียบเชียบ พยายามมองหา ก็ไม่มีใคร มีแต่ป่ามีแต่ต้นไม้
รีบเดินออกไป ถามหาว่า ครูบา ท่านใดมาเรียกใช้ผมเหรอครับ แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ถึงได้เข้าใจแล้วว่า...ถูกเตือนจากลูกน้องของ หลวงพ่อ

เมื่อตอนที่บวชเป็น พระ แล้วก็เคยขี้เกียจเหมือนกัน ...โธ่ ก็มันเหนื่อย อ่ะ
เป็นพระป่า ไม่ได้สบายสักนิดเลยนะ งานหนักมาก ถึงมากที่สุด กิน...เอ๊ยย ฉันน้อย นอน ก็น้อย แถมงานวัด งานภาวนาสู้กับกิเลสทั้งวันทั้งคืน
มีอยู่วันหนึ่ง ได้ทราบว่าวันนี่ หลวงพ่อ....ได้รับนิมนต์ไปข้างนอก กว่าจะกลับก็น่าจะเย็นค่ำ นั่นแหละ
ขอสารภาพว่า วันนั้นมัน...ขี้เกียจ ซะเหลือเกิน ทำงานหนัก ๆ มาหลายวันแล้ว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
พอได้ยินว่า วันนี้หลวงพ่อ ไม่อยู่....ใจมันคึกคัก อะฮ้าาา สบายละกรู วันนี้ขออู้หน่อยเถอะ ไม่ได้นอนสบาย ๆ ปล่อยจิต ปล่อยใจ มานานแล้วววว
เมื่อกระบวนการ ฉันเช้า เสร็จก็ต้องไปเดินจงกรม นั่งสมาธิถึงเที่ยง แต่วันนี้ขอสลับเวลา ขอนอนก่อนเถอะโอกาสดี ๆ อย่างนี้หายาก
ต้องขอบอกให้เข้าใจกันก่อน....พระ ที่วัดนี้ไม่ว่าจะทำอะไร หรือกำลังทำอะไรอยู่ 
หลวงพ่อ....ท่านรู้หมด รู้ทุกอย่างทั้ง ๆ ไม่เห็น แต่ท่านรู้แม้รายละเอียดด้วยซ้ำไป ก็ไม่รู้ว่าท่าน รู้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่แปลกใจ
ไอ้เราก็คิดว่า...ท่านต้องมีรัศมีทำการ หยั่งรู้ ในวงจำกัดด้านระยะทางบ้างละน่า
ในวัด ท่านน่าจะรู้ แต่ถ้าไปไกล ๆ ตามระยะทางออก น่าจะไม่รู้หรอก
พอย่องไปดูรถมารับหลวงพ่อแล่นออกไปแล้ว รอเวลาให้ไปได้ไกล ๆ หน่อย
แทนที่จะไปเดินจงกรม ตามปรกตด ...แต่ผมก็จัดแจงเข้ากุฏิ ที่เป็นลักษณะชั้นเดียว ยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง ๆ 
เอาละวะ เช้านี้อากาศ ดี๊ ดี เหมาะแก่การนอนเอาแรงอย่างที่สุด ...
เดี๋ยวเราค่อยไปเดินภาวนาเอาตอนเที่ยงก็แล้วกัน สลับเวลานิดหน่อยคงไม่น่าเกลียด 
ว่าแล้วเอาหมอนขิด ใบแข็ง ๆมาหนุนหัว....นอนเลย กะว่าขอหลับจริง ๆ จัง ๆ ขอเว้นการระวังจิตสัก 2 ชั่วโมง ฟรีทามส์สักครั้ง

ด้วยความเคยชิน ก็ภาวนา พุทโธ ..พุทโธ..พุทโธ..พุทโธ ไปด้วย แล้วปล่อยใจสบาย วูบบบบ ไปเลย
หลับสนิทจริง ๆ ขาดสติลืมตัวปล่อยหมด
ได้แค่พักเดียว น่าจะไม่กี่นาที ได้ยินเสียง ใครสักคนที่อยู่บนชั้น 2 ของกุฏิเรา....เดินกระทืบเท้า ตึง...ตึง...ตึง...ตึง...ตึง
ตอนนั้นในภวังค์ที่หลับไหล ก็นึกในใจว่า....โอ๊ยยย ใครวะ เดินไม่เกรงใจพระจะหลับ จะนอนเลย
ทำไมมันเดิน กระทืบเท้าโครม ๆ แบบนี้ ....ไม่เกรงใจคนที่อยู่ชั้นล่างบ้างเลย
แล้วเสียงเดิน กระทืบโครม ๆ ที่ว่า ก็หนักขึ้น ดังขึ้น. ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง...
โว้ยยย ใครมันอยู่ชั้นบน วะ มันเดินแบบนี้ได้ยังไง...วะ
แล้วในความคิด สติ นิด ๆ เริ่มกลับมา....เอ๊ ใครมันอยู่ที่ชั้น 2 นะ
เอ๊ะ. เรานอนอยู่ในกุฏิ ของเรานี่ หว่า
เฮ้ยยย กุฏิ ของเรามันมีแค่ชั้นเดียวเองนะ....ม่ายมีชั้น 2 ที่ไหนกัน
อ้าวว แล้วใครมันขึ้นไปเดินบนหลังคา ล่ะอีทีนี้
เอ๊...หลังคาสังกะสี มันไม่ใช่เสียงแบบนี้ นะโว้ย
ได้สติ รีบลึมตาขั้นมองบนเพดาน....เสียงเดินกระทึบเท้า ก็ยังดัง.... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ไม่ได้หยุด
แถมเดิน จากซ้าย ไปขวา จากสุดมุมด้านนึง ไปอีกด้านนึง อย่างต่อเนื่อง ดังงง สม่ำเสมอ
 ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง...
ผมรู้ได้ทันที...ถูกลูกน้องของ หลวงพ่อ มาเตือนให้ไปเดินจงกรม แน่นอนเลย
รีบพูดขึ้น....รู้แล้ว ๆๆๆๆ จะไปเดินจงกรมแล้ว
แต่เสียงเดินอยู่บนหลังคา.... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ก็ยังไม่หยุด
ระหว่างที่ลุกขึ้นเก็บหมอน จัดแจงทุกอย่างให้เข้าที่ เสียงก็ยังตังต่อเนื่อง...ไม่ใช่ว่าได้ยินแค่ในหัว หรือนึกไปเองนะ มันดังข้างนอกจริง ๆ อ่ะ
จนเดินลงมาจากกุฏิ เสียงยังดังไล่หลังอยู่เลย....หันกลับไปยืนมอง
เออว่ะ...กุฏิ เรามีแค่ชั้นเดียว จริงๆ ด้วย  
และมันก็ยังดัง  ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... ตึ๊งงง... จริง ๆ ด้วย
เลยตะโกน ดัง ๆ ใส่กุฏิตัวเอง...เออ ๆๆๆๆ รู้แล้ว ๆๆ ไปแล้ว ไปเดินฯ แล้วน่ะ
หันหลังออกไปที่เดินจงกรม ที่ห่างออกไป ก็ยังมีเสียงไล่หลัง ให้เจ็บใจอีกแน่ะ...เห๊อะ

พอตอนเย็นค่ำ หลวงพ่อ...กลับมาเตรียมทำวัตร สวดมนต์เย็น ท่านเห็นผม แล้วยิ้ม..เย็น ๆ ที่มุมปาก แต่ไม่พูดอะไร
ผมรีบ ยกมือพนม ก้มหัว นึกในใจ...ขอโทษ ขอขมา เข็ดแล้วคร้าบบ ไม่ทำอีกแล้ว คร้าบบบบ
แหมมม อายท่านแทบตาย

แสดงให้เห็นว่า...รัศมีทำการของท่าน ไม่จำกัดระยะทาง อ่ะ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 17
https://pantip.com/topic/39198213
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ ปฏิบัติธรรม ศาสนา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่