การลงทุนหุ้นในภาวะวิกฤติ
.
ในห้วงเดือนสิงหาคม 2562 ตลาดหุ้นตกระหน่ำอย่างหนัก และเข้าใจว่าหลายคนคงคิดว่ามันคงจะตกอย่างต่อเนื่อง แบบไม่มีก้นเหว ?
.
สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว เราไม่ใคร่สนใจดัชนีตลาดหุ้นเท่าไหร่นัก ... สิ่งที่เราสนใจก็คือ มูลค่าที่แท้จริงของกิจการที่เราจะลงทุนมากกว่า
.
ทว่า ... การที่ตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักหน่วงขนาดนี้ เราจะทำใจอย่างไร และจะมีวิธีการคิด และเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไร ลองติดตามกันดูนะครับ
.
ประการแรก ... “นี่คือโอกาส หรือวิกฤติกันแน่”
.
สำหรับภาพรวมของตลาด ต้องถือว่า ณ.วินาทีนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย แต่หลายคนอาจคิดว่านี่คือ โอกาส แท้ที่จริงแล้วมันเป็นแบบที่เราคิดหรือไม่ ?
.
หากเราดูสภาพแวดล้อมโดยองค์รวมจะพบว่า ... สงครามการค้าเป็นประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน การออกจากกลุ่มยูโรโซน ของประเทศอังกฤษก็ไม่ชัดเจน เศรษฐกิจยุโรปถดถอย มีการประท้วงอย่างรุนแรงที่ฮ่องกง และใกล้บ้านเราที่สุด ก็คือ สิงค์โปร์ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ อย่างไร ?
.
สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ มันยากที่เราจะทำใจคิดว่ามันเป็นเรื่องดี และเป็นโอกาสไปได้ แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว เรามักไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้ เราจะสนใจแต่ว่า กิจการที่เราจะซื้อในราคานี้มัน “คุ้มค่า” ที่จะลงทุนระยะยาวหรือไม่เท่านั้นเอง ... ว่าที่จริงความผันผวนเป็นเพื่อนของเราเสมอ เพราะมันทำให้เราได้เห็นหุ้นดีลดราคาลงมา
.
ประการที่สอง ... “หากมันเป็นวิกฤติที่ยาวนาน หรือยังตกไม่สุดจะทำอย่างไร ?”
.
คำถามนี้น่าสนใจ ... ถ้าหากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นมันอาจจะยาวนานกว่าที่เราคิด หรือมันยังตกไม่สุดจะทำอย่างไรกันดีนะ ?
.
คำตอบที่แน่ชัดคงต้องบอกว่า “ไม่มี” สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเราก็คือ เรารู้จักกิจการที่เราจะลงทุนระยะยาวดีแค่ไหน เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมันจะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า คิดว่าคงจะไม่ แต่มันจะตกลงไปลึกแค่ไหน หรือจะแย่อย่างยาวนานแบบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวิติศาสตร์โลก ... ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้รู้อย่างชัดเจนแน่ ๆ เพราะถ้าเขารู้จริง เขาคงมาจากโลกอนาคต
.
ประการที่สาม ... “โอกาสที่เกิดขึ้นน้อยครั้งในรอบปี”
.
บางครั้งช่วงจังหวะการเก็บหุ้นก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ มันอาจจะมีช่วงจังหวะที่พอใช้ได้อยู่บ้างในห้วงเวลาแต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์ แต่จังหวะการที่จะมีหุ้นลดราคาลงมามาก ๆ ในรอบปี ถือว่ามีน้อย
.
นักลงทุนที่เก่งมาก ๆ อาจจะเก็บเงินสดรอจังหวะที่ว่า แล้วก็หวดเข้าไปเต็มแรง แต่ผมอยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า จะมีซักกี่คนที่ทำได้จริง ? การกะเก็งจังหวะเพื่อเก็บหุ้นมันก็ไม่ต่างจากนักเก็งกำไรเท่าไหร่นัก แต่หากเราอยู่ในช่วงจังหวะที่ดีจริง ๆ ทำไมเราจะไม่สนใจมันล่ะ ?
.
ช่วงจังหวะในรอบปี อาจจะมีแค่หนเดียวของทั้งปีหรืออาจจะมีช่วงที่ดีกว่านี้ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ แต่ถ้าเราคิดว่าหุ้นที่เราสนใจมีราคา “ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว” เราจะไม่เก็บสะสมเข้าพอร์ตระยะยาวของเราหรือ ?
.
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ ... ไม่มีใครรู้จริงเรื่องอนาคตเรื่องภาวะเศรษฐกิจภาพรวมยิ่งยากเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ง่ายกว่าก็คือ การเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุน และถ้าเราคิดจะถือหุ้นระยะยาวอยู่แล้ว เช่น 5-10 ปี เวลาหุ้นมันลดราคาลงมาโดยไม่เกี่ยวกับพื้นฐานกิจการ เราก็ควรเก็บสะสมใช่หรือไม่ ? ผมคิดว่า ... คุณต้องตอบคำถามในใจนี้ด้วยตัวคุณเองเท่านั้นครับ #นายแว่นลงทุน

.
ฟังในรูปแบบคลิป
การลงทุนหุ้นในภาวะวิกฤติ ... อ่านเล่นวันหยุดสบาย ๆ ครับ
.
ในห้วงเดือนสิงหาคม 2562 ตลาดหุ้นตกระหน่ำอย่างหนัก และเข้าใจว่าหลายคนคงคิดว่ามันคงจะตกอย่างต่อเนื่อง แบบไม่มีก้นเหว ?
.
สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว เราไม่ใคร่สนใจดัชนีตลาดหุ้นเท่าไหร่นัก ... สิ่งที่เราสนใจก็คือ มูลค่าที่แท้จริงของกิจการที่เราจะลงทุนมากกว่า
.
ทว่า ... การที่ตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักหน่วงขนาดนี้ เราจะทำใจอย่างไร และจะมีวิธีการคิด และเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไร ลองติดตามกันดูนะครับ
.
ประการแรก ... “นี่คือโอกาส หรือวิกฤติกันแน่”
.
สำหรับภาพรวมของตลาด ต้องถือว่า ณ.วินาทีนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย แต่หลายคนอาจคิดว่านี่คือ โอกาส แท้ที่จริงแล้วมันเป็นแบบที่เราคิดหรือไม่ ?
.
หากเราดูสภาพแวดล้อมโดยองค์รวมจะพบว่า ... สงครามการค้าเป็นประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน การออกจากกลุ่มยูโรโซน ของประเทศอังกฤษก็ไม่ชัดเจน เศรษฐกิจยุโรปถดถอย มีการประท้วงอย่างรุนแรงที่ฮ่องกง และใกล้บ้านเราที่สุด ก็คือ สิงค์โปร์ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ อย่างไร ?
.
สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ มันยากที่เราจะทำใจคิดว่ามันเป็นเรื่องดี และเป็นโอกาสไปได้ แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว เรามักไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้ เราจะสนใจแต่ว่า กิจการที่เราจะซื้อในราคานี้มัน “คุ้มค่า” ที่จะลงทุนระยะยาวหรือไม่เท่านั้นเอง ... ว่าที่จริงความผันผวนเป็นเพื่อนของเราเสมอ เพราะมันทำให้เราได้เห็นหุ้นดีลดราคาลงมา
.
ประการที่สอง ... “หากมันเป็นวิกฤติที่ยาวนาน หรือยังตกไม่สุดจะทำอย่างไร ?”
.
คำถามนี้น่าสนใจ ... ถ้าหากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นมันอาจจะยาวนานกว่าที่เราคิด หรือมันยังตกไม่สุดจะทำอย่างไรกันดีนะ ?
.
คำตอบที่แน่ชัดคงต้องบอกว่า “ไม่มี” สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเราก็คือ เรารู้จักกิจการที่เราจะลงทุนระยะยาวดีแค่ไหน เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมันจะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า คิดว่าคงจะไม่ แต่มันจะตกลงไปลึกแค่ไหน หรือจะแย่อย่างยาวนานแบบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวิติศาสตร์โลก ... ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้รู้อย่างชัดเจนแน่ ๆ เพราะถ้าเขารู้จริง เขาคงมาจากโลกอนาคต
.
ประการที่สาม ... “โอกาสที่เกิดขึ้นน้อยครั้งในรอบปี”
.
บางครั้งช่วงจังหวะการเก็บหุ้นก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ มันอาจจะมีช่วงจังหวะที่พอใช้ได้อยู่บ้างในห้วงเวลาแต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์ แต่จังหวะการที่จะมีหุ้นลดราคาลงมามาก ๆ ในรอบปี ถือว่ามีน้อย
.
นักลงทุนที่เก่งมาก ๆ อาจจะเก็บเงินสดรอจังหวะที่ว่า แล้วก็หวดเข้าไปเต็มแรง แต่ผมอยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า จะมีซักกี่คนที่ทำได้จริง ? การกะเก็งจังหวะเพื่อเก็บหุ้นมันก็ไม่ต่างจากนักเก็งกำไรเท่าไหร่นัก แต่หากเราอยู่ในช่วงจังหวะที่ดีจริง ๆ ทำไมเราจะไม่สนใจมันล่ะ ?
.
ช่วงจังหวะในรอบปี อาจจะมีแค่หนเดียวของทั้งปีหรืออาจจะมีช่วงที่ดีกว่านี้ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ แต่ถ้าเราคิดว่าหุ้นที่เราสนใจมีราคา “ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว” เราจะไม่เก็บสะสมเข้าพอร์ตระยะยาวของเราหรือ ?
.
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ ... ไม่มีใครรู้จริงเรื่องอนาคตเรื่องภาวะเศรษฐกิจภาพรวมยิ่งยากเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ง่ายกว่าก็คือ การเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุน และถ้าเราคิดจะถือหุ้นระยะยาวอยู่แล้ว เช่น 5-10 ปี เวลาหุ้นมันลดราคาลงมาโดยไม่เกี่ยวกับพื้นฐานกิจการ เราก็ควรเก็บสะสมใช่หรือไม่ ? ผมคิดว่า ... คุณต้องตอบคำถามในใจนี้ด้วยตัวคุณเองเท่านั้นครับ #นายแว่นลงทุน
ฟังในรูปแบบคลิป