สวัสดีครับ
ตั้งแต่ผมไม่ได้ทำงานประจำเพื่อมาดูแม่
ก็ต้องพยายามทำทุกอย่างที่ง่ายๆ และเร็วๆ เพื่อจะได้แอบมีเวลาไปชิว
แต่ใจผมอยากนำเสนอให้คนที่อยู่หอ
แบบมีกระติกน้ำร้อนใบเดียว และจนนิดๆ ได้ลองทำ
ด้วยโลกนี้ไม่ได้มีแต่มาม่า
เคล็ดลับคือต้องซื้อกระติกน้ำร้อนที่อ้วนๆ และคุมอุณหภูมิได้
สมมุตินี่เป็นเวลา 6.30 น. จะเห็นว่า
1. เลเยอร์แรกสุด คือผ้าเช็ดมือที่ซักเมื่อคืน
ผมจะตากให้แห้งบนกระติกน้ำร้อน
คือเริ่มตากตั้งแต่ 20.00 น.

โปรดสังเกตว่ากระติกร้อนได้ถึง 98 C
2. layer ถัดไปคือขนมปังไรย์

ขนมปังใส่เมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.
3. layer ถัดไปคือ ฟักทอง ใส่เมื่อ 5.30 น.

โปรดสังเกตว่าจะต้องมีไม้คั่นไม่ให้สัมผัสกับจาน
ของที่นึ่งถ้าสัมผัสจานโดยตรง มันจะแช่อยูในหยดน้ำร้อน
ทำให้ผิวเสีย ไม้นี้ reuse จากไม้คนกาแฟของสตาร์บัคส์
4. layer ถัดไปคือถั่วแดง

อันนี้ต้องใส่ก่อนคือเวลา 20.00 ที่ temp 60 C
และเปลี่ยนเป็น 98 C ที่เวลา 22.00 น.
จากนั้นก็นอน แล้วตื่นมาใส่ฟักทองตอนตี 5.30
นี่เป็นภาพถั่วแดงกับฟักทอง

กาแฟก็ซื้อของชาวเขา ราคาถูก เอามาตำกับครก
และกรองโดยใช้แผ่นกรองซูซูกิ แต่ไม่ซื้อที่รองกรอง
ทำเองโดยใช้กะลามะพร้าวเผา (ทำง่ายเพราะปอกมาแล้ว)

มองถึงความประหยัด แต่ไม่หยุดความชิว
นี่เป็นตัวอย่างอาหารที่กินกับแม่สองคน (คนละวันกับตอนแรก)

ราคาต่อคน
แครอท 1/4 หัว = 2.5 บาท
กระถินกับสะเดา = 0 บาท
มะเฟือง = 0 บาท
พีนัทบัตเตอร์ = 3 บาท
นมขวดเล็ก = 10 บาท หรือไวตามิลค์ครึ่งกล่องใหญ่ = 5 บาท
ขนมปังไรย์ = 10 บาท หรือธรรมดา = 2 บาท
กาแฟ = 10 บาท
แผ่นกรอง = 2 บาท
อาจเพิ่มไข่ (อบไมโครเวฟ) หรือหมูปิ้ง (แต่ผมไม่กินหมู) = 10 บาท
สรุปคือ คนละ 24.5 บาท
ชิวและหรูแบบไม่อายใคร
ส่วนเหตุผลที่ควรใช้กระติกน้ำร้อน และไม่ควรใช้สิ่งอื่นคือ
1.คุมอุณหภูมิได้
2.กะเวลาได้ และ reliable มาก
3.ระบบ safety ดี ไม่ชอร์ต ไม่ไหม้
4.ทำแล้วนอนได้เลย
5.ไม่แห้งเกินไป
6.สุกเร็ว
7. ประหยัด
ทำอาหารเช้าแบบคลีนๆ ดูฝรั่งๆ ด้วยกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า (เท่านั้น)
ตั้งแต่ผมไม่ได้ทำงานประจำเพื่อมาดูแม่
ก็ต้องพยายามทำทุกอย่างที่ง่ายๆ และเร็วๆ เพื่อจะได้แอบมีเวลาไปชิว
แต่ใจผมอยากนำเสนอให้คนที่อยู่หอ
แบบมีกระติกน้ำร้อนใบเดียว และจนนิดๆ ได้ลองทำ
ด้วยโลกนี้ไม่ได้มีแต่มาม่า
เคล็ดลับคือต้องซื้อกระติกน้ำร้อนที่อ้วนๆ และคุมอุณหภูมิได้
สมมุตินี่เป็นเวลา 6.30 น. จะเห็นว่า
1. เลเยอร์แรกสุด คือผ้าเช็ดมือที่ซักเมื่อคืน
ผมจะตากให้แห้งบนกระติกน้ำร้อน
คือเริ่มตากตั้งแต่ 20.00 น.
โปรดสังเกตว่ากระติกร้อนได้ถึง 98 C
2. layer ถัดไปคือขนมปังไรย์
ขนมปังใส่เมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.
3. layer ถัดไปคือ ฟักทอง ใส่เมื่อ 5.30 น.
โปรดสังเกตว่าจะต้องมีไม้คั่นไม่ให้สัมผัสกับจาน
ของที่นึ่งถ้าสัมผัสจานโดยตรง มันจะแช่อยูในหยดน้ำร้อน
ทำให้ผิวเสีย ไม้นี้ reuse จากไม้คนกาแฟของสตาร์บัคส์
4. layer ถัดไปคือถั่วแดง
อันนี้ต้องใส่ก่อนคือเวลา 20.00 ที่ temp 60 C
และเปลี่ยนเป็น 98 C ที่เวลา 22.00 น.
จากนั้นก็นอน แล้วตื่นมาใส่ฟักทองตอนตี 5.30
นี่เป็นภาพถั่วแดงกับฟักทอง
กาแฟก็ซื้อของชาวเขา ราคาถูก เอามาตำกับครก
และกรองโดยใช้แผ่นกรองซูซูกิ แต่ไม่ซื้อที่รองกรอง
ทำเองโดยใช้กะลามะพร้าวเผา (ทำง่ายเพราะปอกมาแล้ว)
มองถึงความประหยัด แต่ไม่หยุดความชิว
นี่เป็นตัวอย่างอาหารที่กินกับแม่สองคน (คนละวันกับตอนแรก)
ราคาต่อคน
แครอท 1/4 หัว = 2.5 บาท
กระถินกับสะเดา = 0 บาท
มะเฟือง = 0 บาท
พีนัทบัตเตอร์ = 3 บาท
นมขวดเล็ก = 10 บาท หรือไวตามิลค์ครึ่งกล่องใหญ่ = 5 บาท
ขนมปังไรย์ = 10 บาท หรือธรรมดา = 2 บาท
กาแฟ = 10 บาท
แผ่นกรอง = 2 บาท
อาจเพิ่มไข่ (อบไมโครเวฟ) หรือหมูปิ้ง (แต่ผมไม่กินหมู) = 10 บาท
สรุปคือ คนละ 24.5 บาท
ชิวและหรูแบบไม่อายใคร
ส่วนเหตุผลที่ควรใช้กระติกน้ำร้อน และไม่ควรใช้สิ่งอื่นคือ
1.คุมอุณหภูมิได้
2.กะเวลาได้ และ reliable มาก
3.ระบบ safety ดี ไม่ชอร์ต ไม่ไหม้
4.ทำแล้วนอนได้เลย
5.ไม่แห้งเกินไป
6.สุกเร็ว
7. ประหยัด