ทริปกระเตงลูกขึ้นรถไฟไปเล่นหิมะบ้านใครก็ไม่รู้ ณ Bell,NSW

กระทู้สนทนา
การเดินทางด้วยรถไฟขึ้นไป Blue Mountains ครั้งแรกของพวกเราในวันที่หิมะโปรยปราย
บ้านเราอ่ะอยู่ตีนเขา Blue Mountains, NSW แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา NSW ก็มีลมหนาวพัดแรงมาจากแอนตาร์กติกทำให้ในหลายๆพื้นที่บนเทือกเขาสีฟ้าหรือ Blue Mountains มีหิมะตกอย่างหนา ไอ้เราเห็นรูปเพื่อนที่ส่งมาให้ดูก็แอบอิจฉาแต่เสียดายวันนั้นเราติดภาระกิจแถมลูกสาวก็ไม่สบายอีกซะนี่ นานน๊านหิมะจะตกใกล้บ้านซะที บางพื้นที่นี่ในรอบ 10 ปีเลยนะ

เช้าวันอาทิตย์เราก็ตื่นสายตามปกติแล้วได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กคุยกับแด๊ดดี้ว่า เค้าอยากไปเล่นหิมะ

เราเลยตกลงกันว่า อีแม่จะเฝ้าลูกสาวให้ แล้วปล่อยให้หนุ่มๆไปกันสองคน

10 นาทีให้หลังสามีรู้สภาพตัวเองว่าป่วยไม่น่าจะไปไหว เลยบอกให้เราพาลูกชายไป

เย้!!! รีบแต่งตัวเลยลูกไม่ต้องห่วงเรื่องกินข้าวเช้า เดี๋ยวเราพกอะไรไปกินบนรถไฟก็ได้

ในขณะที่ลูกสาวนอนป่วยอยู่นั้น เธอก็รีบดีดตัวจากที่นอนแล้วพูดด้วยเสียงใสในทันทีว่า

ขอไปด้วยนะมัมมี่

อ้าว...เมื่อกี๊ยังป่วยอยู่เลยจะไหวหรอลูก เราไม่ได้เอารถเข็นไปนะ ต้องเดินตลอดทริป 

ลูกบอกไหวแล้วกุรีกุจอไปเตรียมตัว...

เอ้า ไหวก็ไป

เรารีบขึ้นรถจากจากสถานี Emu Plains ตั้งเป้าหมายไว้ที่ Katoomba ก็บ้านของสามสาวพี่น้อง Three Sisiters จุดชมวิวชื่อดังที่คนทั่วโลกเมื่อมาเยือนซิดนีย์ต้องมาเช็คอิน

พอรถไฟเปิดประตูมาเราก็ช็อคไป 3 วิ คนเต็มจนต้องยืนตรงประตูขนาดนั้นเลยหรอ

ก็แหมทุกวันอาทิตย์ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปแห่งหนใดใน NSW คุณก็เสียเงินแค่ $2.80 มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แถมวันนี้มีหิมะอีกด้วย คนในเมืองเค้าก็แห่นั่งรถไฟไปกัน ไอ้ที่วาดฝันไว้ว่าจะนั่งรถไฟชิลๆผลเป็นแบบนี้

 

จากสถานี Emu Plains ไป Katoomba ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 7 นาที สงสารลูกเหมือนกันเพราะไม่ได้กินอะไรมาเลย

ตอนแรกก็ยืน ผ่านไปนานหน่อยก็เริ่มนั่ง แล้วก็นอนมันตรงประตูนั่นแหละ โชคดีที่ทางขึ้นลงเค้าใช้ประตูฝั่งตรงข้าม

ตอนแรกลูกเราก็เขินๆเพราะมีคนยืนด้วยเยอะ แต่พอเริ่มหิวเด็กๆก็เริ่มปิคนิคกันตรงนั้นแหละ...

จนมาถึง Katoomba คนลงจนเหือบหมดรถไฟโล่ง 

แต่...ไหนอ่ะหิมะ เมื่อวานยังหนาเตอะ



เย้ !!!!!!!!!!!!! เราได้ที่นั่งแล้ว เด็กๆร้องด้วยความดีใจสุดๆ

เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่า ชีวิตมันตกต่ำสุดๆ 555

อีแม่ตัดสินใจเดินทางต่อไปอีก 2 สถานีจนถึง Blackheath เพราะเมื่อวานน้องที่รู้จักกันเพิ่งพาลูกมา

พอลงจากรถไฟตามทางก็มีร่องรอยของหิมะที่ถูกเหยียบอยู่ตามทาง

เราใกล้ความจริงแล้วลูก

เอางี้เดี๋ยวเราไปหาไรกินกันก่อนแล้วไปเล่นหิมะกัน

พอข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เราเห็นเด็กๆกำลังเล่นหิมะอย่างสนุกที่สนามหญ่าอันปกคลุมไปหิมะอันน้อยนิด

ลูกๆตื่นเต้นมากเรียกร้องอยากไปเล่นทันที

เดี๋ยวก่อนลูกเราควรหาอะไรลองท้องกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่น

โอ๊ย !!! อีแม่ คิดอะไรอยู่นั่นนี่มันก็ปาไปเกือบเที่ยงหิมะมันจะรอมะ

กว่าจะหาร้านที่พอจะมีที่ให้เรานั่ง


กว่าจะรออาหาร

กว่าลูกจะกิจเสร็จ

กว่าจะเดินไปที่สนามนั่น

กว่าจะแวะถ่ายรูป


อีกหลายกว่าจะนู่นกว่าจะนี่

จนไปถึงสนามนั่น

ไร้ซึ่งเด็กๆ

ไร้ซึ่งหิมะ

อีแม่ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเพราะด้วยความที่รีบชาร์จโทรศัพท์มาได้แค่ 60% ไม่ได้ชาร์จ power  bank สำรองไว้อีก

รบกวนผู้อ่านช่วยจินตนาการกันหน่อยนะคะ

เอาแล้วซินั่งรถไฟมาตั้งนานสองนานหิมะดันมาอันตรธานหายไปหมด

ไม่ซิมันต้องไม่จบแบบนี้

ในขณะที่ลูกชายผิดหวัง ก็เริ่มร้องไห้งอแงอยากจะกลับบ้าน

อีแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความหวังก็ชักชวนลูกว่าเราลองเดินไปตรงถนนเส้นข้างหลังดีมะ คนไม่น่าจะเยอะแล้วก็น่าจะมีหิมะเหลืออยู่

ลูกก็โอเคนะเดินตามกันมา ในขณะที่คนเล็กเดินไปร้องไห้ไป

หนูอยากกลับบ้านนนนนนนนนนนน

เรานั่งพักเจรจากันแป๊บ เราต้องถามความสมัครใจของเด็กๆซะหน่อยว่า

ถ้าลูกเลือกที่จะกลับบ้านนั่นหมายความว่าเราไม่ได้เล่นหิมะอย่างที่ตั้งใจไว้นะ

หรือลูกจะลองนั่งรถไฟต่อไปให้สุดๆ เราจะขึ้นไปบนเขาที่สูงขึ้นแม่ว่าเราน่าจะมีโอกาสได้เจอหิมะนะ

ลูกว่าไงดี

ลูกสาวตอบตกลงทันทีแม้ว่าตอนนั้นเธอจะบ่นปวดหัว แต่เราก็ให้กินยาละ

ส่วนลูกชายก็ตอบตกลงพร้อมหยดน้ำตา

ดีลูก...งั้นเราไปต่อกัน

จาก Blackheath เราตั้งใจนั่งไปจนสุดสายซึ่งจะไปยัง Lithgow เราขึ้นรถไฟตอน 12.43 แล้วไปถึงจุดหมายตอน 13.20    

คราวนี้เราได้นั่งชิลชวิวระหว่างทาง

   


เด็กๆตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นหิมะกำลังตก เห็นหิมะปกคลุมตามทาง แต่ก็แอบคิดถึงแด๊ดดี้จังน่าจะมาด้วยกัน

เราผ่านสถานี Bell ซึ่งมีหิมะหนามาก น่าเล่นมาก

อีแม่มั่นใจสุดๆว่าจุดหมายปลายทางที่เราจะไปมันจะเลิศมากกกกกกก

อดใจหน่อยนะลูก

พอถึง Lithgow

อ้าว ... ไหนอ่ะหิมะ

นี่ก็ปาไปบ่ายกว่าๆ

ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้

อีแม่เปลี่ยนแผนทันทีพร้อมหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่โดยสารมาบนรถไฟเดียวกัน จริงๆจะหาเพื่อนให้ลูกด้วยแหละ

เราตัดสินใจนั่งรถไฟกลับไป Bell เพราะมั่นใจว่าลูกจะได้เล่นหิมะแต่ๆก็เพิ่งผ่านมาเมื่อกี๊หิมะเพียบ

รถไฟออกจาก Lithgow ตอน 13.48 ถึงเป้าหมายซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายตอน 14.08

พอถึงสถานี Bell เท่านั้นแหละ

อ้าว ไหนอ่ะหิมะ

ไหนๆก็ลงรถไฟละเราและทุกๆคนที่ร่วมทางเดียวกันก็เดินรี่ไปที่หิมะข้างทางอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับที่เราได้ผ่านมา

แต่เด็กๆก็สนุกนะ


แต่ละคนพอถึงตรงนี้ก็หยิบหิมะปากันอย่างสนุกแล้วหิมะก็เละในพริบตา

ไปลูกไปหาหิมะตรงอื่นกันแล้วที่ตรงนั้นก็วงแตกต่างก็ไปตามหาหิมะของตัวเอง


หาหิมะในท่อ

หาหิมะตามกอหญ้าแห้ง หน้านายฟินมาก

ดีใจที่เห็นลูกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ

อย่างน้อยก็ได้ปั้นสโนว์แมนจิ๋วนะ

ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้

แบตก็ใกล้หมดแม่ขอสักรูป
 

อีแม่ผู้ไม่สิ้นหวังชวนลูกเดินหาหิมะต่อ จนเห็นป่าและคู่รักคู่หนึ่งที่โดยสารรถไฟขบวนเดียวกัน

ลูกๆมาดูนี่หิมะเพียบเลยไม่มีใครเล่นด้วย

อ้อ...นั่นมันพื้นที่ส่วนบุคคล

ถ่ายรูปหน่อยลูกแบตจะหมดละ

หิมะเยอะกว่าตรงเมื่อกี๊

นู่นไงลูกหิมะหนาเลย

เด็กๆวิ่งแจ้นหยิบหิมะปาใส่กันอย่างสนุก

โอ๊ยวิวดี...

ถ่ายรูปหน่อยลูกก่อนที่แบตจะห..........ม..........ด

หมดกันโทรศัพท์ดับสนิท

เราเล่นกันเพลินจนเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น

ชายแก่ร่างท้วมเปิดประตูบ้านออกมาพร้อมพูดว่า Hellooo

ตายละนี่เราอยู่หน้าบ้านเค้าเลยนะ

อีแม่รีบฉีกยิ้มพร้อมพูด Hello ,how are you ? ชายแก่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร อีแม่ก็รีบถามต่อเลยว่า ขอโทษนะคะที่พาเด็กๆเข้ามาเล่น คุณโอเคไหมคะ 

ในขณะที่คู่รักคู่นั้นที่เนียนตามเรามาก็พูดในทำนองเดียวกัน

คุณลุงใจดีตอบกลับว่า ไม่เป็นไรยินดีต้อนรับ นี่จะเดินไปเล่นตรงไหนก็ได้นะตามสบายเลย

ขอบคุณมากค่ะคุณลุง

อีแม่ดูลูกเล่นอย่างสนุกแล้วก็แอบอิจฉาคู่รักนั่นที่ถ่ายรูปกันอยู่ได้

ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้

อีแม่เดินไปเคาะระฆังที่แขวนไว้หน้าบ้านคุณลุง

คุณลุงเปิดประตูออกมา

เราก็บอกคุณลุงว่าขอโทษนะคะที่รบกวน พอดีโทรศัพท์แบตหมดเลยเช็คตารางรถไฟไม่ได้เลยค่ะ รบกวนขอชาร์จแบตหน่อยนะคะ

ลุงคงนึกแหละว่า กล้าเดินเข้ามาเล่นถึงนี่ละ จะทำอะไรก็เอาที่สบายใจเลยละกัน

สักพักคุณลุงก็ชวนคุณป้าออกมาทักทาย ป้าบอกว่าพวกหนูเป็นกลุ่มที่สองของวันนี้ละจ้ะ แล้วลุงก็พูดเสริมว่ากลุ่มแรกเป็นคนเกาหลี แล้วหนูล่ะมีพื้นเพมาจากไหน

หนูมากจากไทยค่ะ

สักพักลุงก็ถามว่าจะเอาโทรศัพท์เลยไหม คือลุงคงเข้าใจแหละว่าเราจะได้เอามาถ่ายรูปเด็กๆ

เปล่าหรอกเปลืองไฟบ้านลุง 555

ขอบคุณมากนะคะคุณลุงคุณป้า หนูได้แบตต่อชีวิตมาอีก 30% ไม่งั้นเราจะไม่มีรูปพวกนี้


ได้สโนว์แมนตัวใหญ่กว่าเดิม ลูกเตรียมหมวกมาพร้อม ส่วนจมูกใช้สตรอเบอร์รี่เสบียงของเรา

จากพื้นที่ขาวโพลนเล่นกันจนเป็นแบบนี้

เต้นกันอย่างสบายอารมณ์

ตอนที่เราเล่นกันหิมะตกลงมาเป็นช่วงๆด้วยนะ

แอบคิดถึงสามีจัง

จบแบบนี้แหละ


ด้วยความรีบลืมให้ลูกใส่บูทเล่นหิมะ ขากลับเลยเปียกตั้งแต่เท้ายันกางเกง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

แล้วถ้าเราไม่หน้าด้านเราก็จะอายอด

เพราะทุกการเดินทางย่อมมีเรื่องเล่า 

ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า
 

 
   

    

       
 

   
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่