การเดินทางด้วยรถไฟขึ้นไป Blue Mountains ครั้งแรกของพวกเราในวันที่หิมะโปรยปราย
บ้านเราอ่ะอยู่ตีนเขา Blue Mountains, NSW แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา NSW ก็มีลมหนาวพัดแรงมาจากแอนตาร์กติกทำให้ในหลายๆพื้นที่บนเทือกเขาสีฟ้าหรือ Blue Mountains มีหิมะตกอย่างหนา ไอ้เราเห็นรูปเพื่อนที่ส่งมาให้ดูก็แอบอิจฉาแต่เสียดายวันนั้นเราติดภาระกิจแถมลูกสาวก็ไม่สบายอีกซะนี่ นานน๊านหิมะจะตกใกล้บ้านซะที บางพื้นที่นี่ในรอบ 10 ปีเลยนะ
เช้าวันอาทิตย์เราก็ตื่นสายตามปกติแล้วได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กคุยกับแด๊ดดี้ว่า เค้าอยากไปเล่นหิมะ
เราเลยตกลงกันว่า อีแม่จะเฝ้าลูกสาวให้ แล้วปล่อยให้หนุ่มๆไปกันสองคน
10 นาทีให้หลังสามีรู้สภาพตัวเองว่าป่วยไม่น่าจะไปไหว เลยบอกให้เราพาลูกชายไป
เย้!!! รีบแต่งตัวเลยลูกไม่ต้องห่วงเรื่องกินข้าวเช้า เดี๋ยวเราพกอะไรไปกินบนรถไฟก็ได้
ในขณะที่ลูกสาวนอนป่วยอยู่นั้น เธอก็รีบดีดตัวจากที่นอนแล้วพูดด้วยเสียงใสในทันทีว่า
ขอไปด้วยนะมัมมี่
อ้าว...เมื่อกี๊ยังป่วยอยู่เลยจะไหวหรอลูก เราไม่ได้เอารถเข็นไปนะ ต้องเดินตลอดทริป
ลูกบอกไหวแล้วกุรีกุจอไปเตรียมตัว...
เอ้า ไหวก็ไป
เรารีบขึ้นรถจากจากสถานี Emu Plains ตั้งเป้าหมายไว้ที่ Katoomba ก็บ้านของสามสาวพี่น้อง Three Sisiters จุดชมวิวชื่อดังที่คนทั่วโลกเมื่อมาเยือนซิดนีย์ต้องมาเช็คอิน
พอรถไฟเปิดประตูมาเราก็ช็อคไป 3 วิ คนเต็มจนต้องยืนตรงประตูขนาดนั้นเลยหรอ
ก็แหมทุกวันอาทิตย์ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปแห่งหนใดใน NSW คุณก็เสียเงินแค่ $2.80 มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แถมวันนี้มีหิมะอีกด้วย คนในเมืองเค้าก็แห่นั่งรถไฟไปกัน ไอ้ที่วาดฝันไว้ว่าจะนั่งรถไฟชิลๆผลเป็นแบบนี้

จากสถานี Emu Plains ไป Katoomba ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 7 นาที สงสารลูกเหมือนกันเพราะไม่ได้กินอะไรมาเลย
ตอนแรกก็ยืน ผ่านไปนานหน่อยก็เริ่มนั่ง แล้วก็นอนมันตรงประตูนั่นแหละ โชคดีที่ทางขึ้นลงเค้าใช้ประตูฝั่งตรงข้าม
ตอนแรกลูกเราก็เขินๆเพราะมีคนยืนด้วยเยอะ แต่พอเริ่มหิวเด็กๆก็เริ่มปิคนิคกันตรงนั้นแหละ...
จนมาถึง Katoomba คนลงจนเหือบหมดรถไฟโล่ง
แต่...ไหนอ่ะหิมะ เมื่อวานยังหนาเตอะ

ล
เย้ !!!!!!!!!!!!! เราได้ที่นั่งแล้ว เด็กๆร้องด้วยความดีใจสุดๆ
เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่า ชีวิตมันตกต่ำสุดๆ 555
อีแม่ตัดสินใจเดินทางต่อไปอีก 2 สถานีจนถึง Blackheath เพราะเมื่อวานน้องที่รู้จักกันเพิ่งพาลูกมา
พอลงจากรถไฟตามทางก็มีร่องรอยของหิมะที่ถูกเหยียบอยู่ตามทาง
เราใกล้ความจริงแล้วลูก
เอางี้เดี๋ยวเราไปหาไรกินกันก่อนแล้วไปเล่นหิมะกัน
พอข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เราเห็นเด็กๆกำลังเล่นหิมะอย่างสนุกที่สนามหญ่าอันปกคลุมไปหิมะอันน้อยนิด
ลูกๆตื่นเต้นมากเรียกร้องอยากไปเล่นทันที
เดี๋ยวก่อนลูกเราควรหาอะไรลองท้องกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่น
โอ๊ย !!! อีแม่ คิดอะไรอยู่นั่นนี่มันก็ปาไปเกือบเที่ยงหิมะมันจะรอมะ
กว่าจะหาร้านที่พอจะมีที่ให้เรานั่ง

กว่าจะรออาหาร
กว่าลูกจะกิจเสร็จ
กว่าจะเดินไปที่สนามนั่น
กว่าจะแวะถ่ายรูป

อีกหลายกว่าจะนู่นกว่าจะนี่
จนไปถึงสนามนั่น
ไร้ซึ่งเด็กๆ
ไร้ซึ่งหิมะ
อีแม่ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเพราะด้วยความที่รีบชาร์จโทรศัพท์มาได้แค่ 60% ไม่ได้ชาร์จ power bank สำรองไว้อีก
รบกวนผู้อ่านช่วยจินตนาการกันหน่อยนะคะ
เอาแล้วซินั่งรถไฟมาตั้งนานสองนานหิมะดันมาอันตรธานหายไปหมด
ไม่ซิมันต้องไม่จบแบบนี้
ในขณะที่ลูกชายผิดหวัง ก็เริ่มร้องไห้งอแงอยากจะกลับบ้าน
อีแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความหวังก็ชักชวนลูกว่าเราลองเดินไปตรงถนนเส้นข้างหลังดีมะ คนไม่น่าจะเยอะแล้วก็น่าจะมีหิมะเหลืออยู่
ลูกก็โอเคนะเดินตามกันมา ในขณะที่คนเล็กเดินไปร้องไห้ไป
หนูอยากกลับบ้านนนนนนนนนนนน
เรานั่งพักเจรจากันแป๊บ เราต้องถามความสมัครใจของเด็กๆซะหน่อยว่า
ถ้าลูกเลือกที่จะกลับบ้านนั่นหมายความว่าเราไม่ได้เล่นหิมะอย่างที่ตั้งใจไว้นะ
หรือลูกจะลองนั่งรถไฟต่อไปให้สุดๆ เราจะขึ้นไปบนเขาที่สูงขึ้นแม่ว่าเราน่าจะมีโอกาสได้เจอหิมะนะ
ลูกว่าไงดี
ลูกสาวตอบตกลงทันทีแม้ว่าตอนนั้นเธอจะบ่นปวดหัว แต่เราก็ให้กินยาละ
ส่วนลูกชายก็ตอบตกลงพร้อมหยดน้ำตา
ดีลูก...งั้นเราไปต่อกัน
จาก Blackheath เราตั้งใจนั่งไปจนสุดสายซึ่งจะไปยัง Lithgow เราขึ้นรถไฟตอน 12.43 แล้วไปถึงจุดหมายตอน 13.20
คราวนี้เราได้นั่งชิลชวิวระหว่างทาง

เด็กๆตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นหิมะกำลังตก เห็นหิมะปกคลุมตามทาง แต่ก็แอบคิดถึงแด๊ดดี้จังน่าจะมาด้วยกัน
เราผ่านสถานี Bell ซึ่งมีหิมะหนามาก น่าเล่นมาก
อีแม่มั่นใจสุดๆว่าจุดหมายปลายทางที่เราจะไปมันจะเลิศมากกกกกกก
อดใจหน่อยนะลูก
พอถึง Lithgow
อ้าว ... ไหนอ่ะหิมะ
นี่ก็ปาไปบ่ายกว่าๆ
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
อีแม่เปลี่ยนแผนทันทีพร้อมหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่โดยสารมาบนรถไฟเดียวกัน จริงๆจะหาเพื่อนให้ลูกด้วยแหละ
เราตัดสินใจนั่งรถไฟกลับไป Bell เพราะมั่นใจว่าลูกจะได้เล่นหิมะแต่ๆก็เพิ่งผ่านมาเมื่อกี๊หิมะเพียบ
รถไฟออกจาก Lithgow ตอน 13.48 ถึงเป้าหมายซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายตอน 14.08
พอถึงสถานี Bell เท่านั้นแหละ
อ้าว ไหนอ่ะหิมะ
ไหนๆก็ลงรถไฟละเราและทุกๆคนที่ร่วมทางเดียวกันก็เดินรี่ไปที่หิมะข้างทางอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับที่เราได้ผ่านมา
แต่เด็กๆก็สนุกนะ

แต่ละคนพอถึงตรงนี้ก็หยิบหิมะปากันอย่างสนุกแล้วหิมะก็เละในพริบตา
ไปลูกไปหาหิมะตรงอื่นกันแล้วที่ตรงนั้นก็วงแตกต่างก็ไปตามหาหิมะของตัวเอง

หาหิมะในท่อ

หาหิมะตามกอหญ้าแห้ง หน้านายฟินมาก

ดีใจที่เห็นลูกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ


อย่างน้อยก็ได้ปั้นสโนว์แมนจิ๋วนะ
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
แบตก็ใกล้หมดแม่ขอสักรูป

อีแม่ผู้ไม่สิ้นหวังชวนลูกเดินหาหิมะต่อ จนเห็นป่าและคู่รักคู่หนึ่งที่โดยสารรถไฟขบวนเดียวกัน
ลูกๆมาดูนี่หิมะเพียบเลยไม่มีใครเล่นด้วย
อ้อ...นั่นมันพื้นที่ส่วนบุคคล
ถ่ายรูปหน่อยลูกแบตจะหมดละ

หิมะเยอะกว่าตรงเมื่อกี๊
นู่นไงลูกหิมะหนาเลย
เด็กๆวิ่งแจ้นหยิบหิมะปาใส่กันอย่างสนุก
โอ๊ยวิวดี...
ถ่ายรูปหน่อยลูกก่อนที่แบตจะห..........ม..........ด
หมดกันโทรศัพท์ดับสนิท
เราเล่นกันเพลินจนเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น
ชายแก่ร่างท้วมเปิดประตูบ้านออกมาพร้อมพูดว่า Hellooo
ตายละนี่เราอยู่หน้าบ้านเค้าเลยนะ
อีแม่รีบฉีกยิ้มพร้อมพูด Hello ,how are you ? ชายแก่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร อีแม่ก็รีบถามต่อเลยว่า ขอโทษนะคะที่พาเด็กๆเข้ามาเล่น คุณโอเคไหมคะ
ในขณะที่คู่รักคู่นั้นที่เนียนตามเรามาก็พูดในทำนองเดียวกัน
คุณลุงใจดีตอบกลับว่า ไม่เป็นไรยินดีต้อนรับ นี่จะเดินไปเล่นตรงไหนก็ได้นะตามสบายเลย
ขอบคุณมากค่ะคุณลุง
อีแม่ดูลูกเล่นอย่างสนุกแล้วก็แอบอิจฉาคู่รักนั่นที่ถ่ายรูปกันอยู่ได้
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
อีแม่เดินไปเคาะระฆังที่แขวนไว้หน้าบ้านคุณลุง
คุณลุงเปิดประตูออกมา
เราก็บอกคุณลุงว่าขอโทษนะคะที่รบกวน พอดีโทรศัพท์แบตหมดเลยเช็คตารางรถไฟไม่ได้เลยค่ะ รบกวนขอชาร์จแบตหน่อยนะคะ
ลุงคงนึกแหละว่า กล้าเดินเข้ามาเล่นถึงนี่ละ จะทำอะไรก็เอาที่สบายใจเลยละกัน
สักพักคุณลุงก็ชวนคุณป้าออกมาทักทาย ป้าบอกว่าพวกหนูเป็นกลุ่มที่สองของวันนี้ละจ้ะ แล้วลุงก็พูดเสริมว่ากลุ่มแรกเป็นคนเกาหลี แล้วหนูล่ะมีพื้นเพมาจากไหน
หนูมากจากไทยค่ะ
สักพักลุงก็ถามว่าจะเอาโทรศัพท์เลยไหม คือลุงคงเข้าใจแหละว่าเราจะได้เอามาถ่ายรูปเด็กๆ
เปล่าหรอกเปลืองไฟบ้านลุง 555
ขอบคุณมากนะคะคุณลุงคุณป้า หนูได้แบตต่อชีวิตมาอีก 30% ไม่งั้นเราจะไม่มีรูปพวกนี้

ได้สโนว์แมนตัวใหญ่กว่าเดิม ลูกเตรียมหมวกมาพร้อม ส่วนจมูกใช้สตรอเบอร์รี่เสบียงของเรา

จากพื้นที่ขาวโพลนเล่นกันจนเป็นแบบนี้

เต้นกันอย่างสบายอารมณ์

ตอนที่เราเล่นกันหิมะตกลงมาเป็นช่วงๆด้วยนะ
แอบคิดถึงสามีจัง
จบแบบนี้แหละ

ด้วยความรีบลืมให้ลูกใส่บูทเล่นหิมะ ขากลับเลยเปียกตั้งแต่เท้ายันกางเกง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
แล้วถ้าเราไม่หน้าด้านเราก็จะอายอด
เพราะทุกการเดินทางย่อมมีเรื่องเล่า
ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า
ทริปกระเตงลูกขึ้นรถไฟไปเล่นหิมะบ้านใครก็ไม่รู้ ณ Bell,NSW
เช้าวันอาทิตย์เราก็ตื่นสายตามปกติแล้วได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กคุยกับแด๊ดดี้ว่า เค้าอยากไปเล่นหิมะ
เราเลยตกลงกันว่า อีแม่จะเฝ้าลูกสาวให้ แล้วปล่อยให้หนุ่มๆไปกันสองคน
10 นาทีให้หลังสามีรู้สภาพตัวเองว่าป่วยไม่น่าจะไปไหว เลยบอกให้เราพาลูกชายไป
เย้!!! รีบแต่งตัวเลยลูกไม่ต้องห่วงเรื่องกินข้าวเช้า เดี๋ยวเราพกอะไรไปกินบนรถไฟก็ได้
ในขณะที่ลูกสาวนอนป่วยอยู่นั้น เธอก็รีบดีดตัวจากที่นอนแล้วพูดด้วยเสียงใสในทันทีว่า
ขอไปด้วยนะมัมมี่
อ้าว...เมื่อกี๊ยังป่วยอยู่เลยจะไหวหรอลูก เราไม่ได้เอารถเข็นไปนะ ต้องเดินตลอดทริป
ลูกบอกไหวแล้วกุรีกุจอไปเตรียมตัว...
เอ้า ไหวก็ไป
เรารีบขึ้นรถจากจากสถานี Emu Plains ตั้งเป้าหมายไว้ที่ Katoomba ก็บ้านของสามสาวพี่น้อง Three Sisiters จุดชมวิวชื่อดังที่คนทั่วโลกเมื่อมาเยือนซิดนีย์ต้องมาเช็คอิน
พอรถไฟเปิดประตูมาเราก็ช็อคไป 3 วิ คนเต็มจนต้องยืนตรงประตูขนาดนั้นเลยหรอ
ก็แหมทุกวันอาทิตย์ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปแห่งหนใดใน NSW คุณก็เสียเงินแค่ $2.80 มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม แถมวันนี้มีหิมะอีกด้วย คนในเมืองเค้าก็แห่นั่งรถไฟไปกัน ไอ้ที่วาดฝันไว้ว่าจะนั่งรถไฟชิลๆผลเป็นแบบนี้
จากสถานี Emu Plains ไป Katoomba ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 7 นาที สงสารลูกเหมือนกันเพราะไม่ได้กินอะไรมาเลย
ตอนแรกก็ยืน ผ่านไปนานหน่อยก็เริ่มนั่ง แล้วก็นอนมันตรงประตูนั่นแหละ โชคดีที่ทางขึ้นลงเค้าใช้ประตูฝั่งตรงข้าม
ตอนแรกลูกเราก็เขินๆเพราะมีคนยืนด้วยเยอะ แต่พอเริ่มหิวเด็กๆก็เริ่มปิคนิคกันตรงนั้นแหละ...
จนมาถึง Katoomba คนลงจนเหือบหมดรถไฟโล่ง
แต่...ไหนอ่ะหิมะ เมื่อวานยังหนาเตอะ
เย้ !!!!!!!!!!!!! เราได้ที่นั่งแล้ว เด็กๆร้องด้วยความดีใจสุดๆ
เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่า ชีวิตมันตกต่ำสุดๆ 555
อีแม่ตัดสินใจเดินทางต่อไปอีก 2 สถานีจนถึง Blackheath เพราะเมื่อวานน้องที่รู้จักกันเพิ่งพาลูกมา
พอลงจากรถไฟตามทางก็มีร่องรอยของหิมะที่ถูกเหยียบอยู่ตามทาง
เราใกล้ความจริงแล้วลูก
เอางี้เดี๋ยวเราไปหาไรกินกันก่อนแล้วไปเล่นหิมะกัน
พอข้ามถนนไปอีกฝั่งก็เราเห็นเด็กๆกำลังเล่นหิมะอย่างสนุกที่สนามหญ่าอันปกคลุมไปหิมะอันน้อยนิด
ลูกๆตื่นเต้นมากเรียกร้องอยากไปเล่นทันที
เดี๋ยวก่อนลูกเราควรหาอะไรลองท้องกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่น
โอ๊ย !!! อีแม่ คิดอะไรอยู่นั่นนี่มันก็ปาไปเกือบเที่ยงหิมะมันจะรอมะ
กว่าจะหาร้านที่พอจะมีที่ให้เรานั่ง
กว่าจะรออาหาร
กว่าลูกจะกิจเสร็จ
กว่าจะเดินไปที่สนามนั่น
กว่าจะแวะถ่ายรูป
อีกหลายกว่าจะนู่นกว่าจะนี่
จนไปถึงสนามนั่น
ไร้ซึ่งเด็กๆ
ไร้ซึ่งหิมะ
อีแม่ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเพราะด้วยความที่รีบชาร์จโทรศัพท์มาได้แค่ 60% ไม่ได้ชาร์จ power bank สำรองไว้อีก
รบกวนผู้อ่านช่วยจินตนาการกันหน่อยนะคะ
เอาแล้วซินั่งรถไฟมาตั้งนานสองนานหิมะดันมาอันตรธานหายไปหมด
ไม่ซิมันต้องไม่จบแบบนี้
ในขณะที่ลูกชายผิดหวัง ก็เริ่มร้องไห้งอแงอยากจะกลับบ้าน
อีแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความหวังก็ชักชวนลูกว่าเราลองเดินไปตรงถนนเส้นข้างหลังดีมะ คนไม่น่าจะเยอะแล้วก็น่าจะมีหิมะเหลืออยู่
ลูกก็โอเคนะเดินตามกันมา ในขณะที่คนเล็กเดินไปร้องไห้ไป
หนูอยากกลับบ้านนนนนนนนนนนน
เรานั่งพักเจรจากันแป๊บ เราต้องถามความสมัครใจของเด็กๆซะหน่อยว่า
ถ้าลูกเลือกที่จะกลับบ้านนั่นหมายความว่าเราไม่ได้เล่นหิมะอย่างที่ตั้งใจไว้นะ
หรือลูกจะลองนั่งรถไฟต่อไปให้สุดๆ เราจะขึ้นไปบนเขาที่สูงขึ้นแม่ว่าเราน่าจะมีโอกาสได้เจอหิมะนะ
ลูกว่าไงดี
ลูกสาวตอบตกลงทันทีแม้ว่าตอนนั้นเธอจะบ่นปวดหัว แต่เราก็ให้กินยาละ
ส่วนลูกชายก็ตอบตกลงพร้อมหยดน้ำตา
ดีลูก...งั้นเราไปต่อกัน
จาก Blackheath เราตั้งใจนั่งไปจนสุดสายซึ่งจะไปยัง Lithgow เราขึ้นรถไฟตอน 12.43 แล้วไปถึงจุดหมายตอน 13.20
คราวนี้เราได้นั่งชิลชวิวระหว่างทาง
เด็กๆตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นหิมะกำลังตก เห็นหิมะปกคลุมตามทาง แต่ก็แอบคิดถึงแด๊ดดี้จังน่าจะมาด้วยกัน
เราผ่านสถานี Bell ซึ่งมีหิมะหนามาก น่าเล่นมาก
อีแม่มั่นใจสุดๆว่าจุดหมายปลายทางที่เราจะไปมันจะเลิศมากกกกกกก
อดใจหน่อยนะลูก
พอถึง Lithgow
อ้าว ... ไหนอ่ะหิมะ
นี่ก็ปาไปบ่ายกว่าๆ
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
อีแม่เปลี่ยนแผนทันทีพร้อมหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่โดยสารมาบนรถไฟเดียวกัน จริงๆจะหาเพื่อนให้ลูกด้วยแหละ
เราตัดสินใจนั่งรถไฟกลับไป Bell เพราะมั่นใจว่าลูกจะได้เล่นหิมะแต่ๆก็เพิ่งผ่านมาเมื่อกี๊หิมะเพียบ
รถไฟออกจาก Lithgow ตอน 13.48 ถึงเป้าหมายซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายตอน 14.08
พอถึงสถานี Bell เท่านั้นแหละ
อ้าว ไหนอ่ะหิมะ
ไหนๆก็ลงรถไฟละเราและทุกๆคนที่ร่วมทางเดียวกันก็เดินรี่ไปที่หิมะข้างทางอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับที่เราได้ผ่านมา
แต่เด็กๆก็สนุกนะ
แต่ละคนพอถึงตรงนี้ก็หยิบหิมะปากันอย่างสนุกแล้วหิมะก็เละในพริบตา
ไปลูกไปหาหิมะตรงอื่นกันแล้วที่ตรงนั้นก็วงแตกต่างก็ไปตามหาหิมะของตัวเอง
หาหิมะในท่อ
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
แบตก็ใกล้หมดแม่ขอสักรูป
อีแม่ผู้ไม่สิ้นหวังชวนลูกเดินหาหิมะต่อ จนเห็นป่าและคู่รักคู่หนึ่งที่โดยสารรถไฟขบวนเดียวกัน
ลูกๆมาดูนี่หิมะเพียบเลยไม่มีใครเล่นด้วย
อ้อ...นั่นมันพื้นที่ส่วนบุคคล
ถ่ายรูปหน่อยลูกแบตจะหมดละ
นู่นไงลูกหิมะหนาเลย
เด็กๆวิ่งแจ้นหยิบหิมะปาใส่กันอย่างสนุก
โอ๊ยวิวดี...
ถ่ายรูปหน่อยลูกก่อนที่แบตจะห..........ม..........ด
หมดกันโทรศัพท์ดับสนิท
เราเล่นกันเพลินจนเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น
ชายแก่ร่างท้วมเปิดประตูบ้านออกมาพร้อมพูดว่า Hellooo
ตายละนี่เราอยู่หน้าบ้านเค้าเลยนะ
อีแม่รีบฉีกยิ้มพร้อมพูด Hello ,how are you ? ชายแก่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร อีแม่ก็รีบถามต่อเลยว่า ขอโทษนะคะที่พาเด็กๆเข้ามาเล่น คุณโอเคไหมคะ
ในขณะที่คู่รักคู่นั้นที่เนียนตามเรามาก็พูดในทำนองเดียวกัน
คุณลุงใจดีตอบกลับว่า ไม่เป็นไรยินดีต้อนรับ นี่จะเดินไปเล่นตรงไหนก็ได้นะตามสบายเลย
ขอบคุณมากค่ะคุณลุง
อีแม่ดูลูกเล่นอย่างสนุกแล้วก็แอบอิจฉาคู่รักนั่นที่ถ่ายรูปกันอยู่ได้
ไม่นะมันต้องไม่จบแบบนี้
อีแม่เดินไปเคาะระฆังที่แขวนไว้หน้าบ้านคุณลุง
คุณลุงเปิดประตูออกมา
เราก็บอกคุณลุงว่าขอโทษนะคะที่รบกวน พอดีโทรศัพท์แบตหมดเลยเช็คตารางรถไฟไม่ได้เลยค่ะ รบกวนขอชาร์จแบตหน่อยนะคะ
ลุงคงนึกแหละว่า กล้าเดินเข้ามาเล่นถึงนี่ละ จะทำอะไรก็เอาที่สบายใจเลยละกัน
สักพักคุณลุงก็ชวนคุณป้าออกมาทักทาย ป้าบอกว่าพวกหนูเป็นกลุ่มที่สองของวันนี้ละจ้ะ แล้วลุงก็พูดเสริมว่ากลุ่มแรกเป็นคนเกาหลี แล้วหนูล่ะมีพื้นเพมาจากไหน
หนูมากจากไทยค่ะ
สักพักลุงก็ถามว่าจะเอาโทรศัพท์เลยไหม คือลุงคงเข้าใจแหละว่าเราจะได้เอามาถ่ายรูปเด็กๆ
เปล่าหรอกเปลืองไฟบ้านลุง 555
ขอบคุณมากนะคะคุณลุงคุณป้า หนูได้แบตต่อชีวิตมาอีก 30% ไม่งั้นเราจะไม่มีรูปพวกนี้
แอบคิดถึงสามีจัง
จบแบบนี้แหละ
ด้วยความรีบลืมให้ลูกใส่บูทเล่นหิมะ ขากลับเลยเปียกตั้งแต่เท้ายันกางเกง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
แล้วถ้าเราไม่หน้าด้านเราก็จะอายอด
เพราะทุกการเดินทางย่อมมีเรื่องเล่า
ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า