สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน รีวิวนี้เป็นรีวิวการเดินทางไปเที่ยวแสวงหาบุญกันครั้งแรกของพวกเราทั้งสามคนและเป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของเราด้วยค่ะ
ปล.อาจมีคำไม่สุภาพเพื่อเป็นอรรถรสในการอ่านนะคะ
ในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 เราวางแผนกับเพื่อนว่าจะไปเจอกันที่หมอชิตซึ่งเราเองเดินทางออกมาจากระยองเพื่อไปเจอเพื่อนอีกคนที่บางแสนเพื่อเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อนอีกคนเดินทางมาจากจันทบุรีซึ่งมากับพี่เทคแล้วจะไปรอเราที่หมอชิต แต่ว่าเราเองได้นั่งรถจากระยองไปถึงบางแสนตั้งแต่บ่ายๆ รอเพื่อนที่ต้องเรียนเลิกประมาณ5 โมงครึ่ง เราก็ไปจองตั๋วรถที่จะไปหมอชิตแต่ในขณะที่ไปหาตั๋วนั้นประเด็นคือรถแถวนั้นไม่มีคันไหนไปถึงหมอชิตเลยมีแต่ไปลงเอกมัย ซึ่งคิดในใจชหหหห แล้ว เราก็พยายามหาอีกจนไปเจอตรงหนองมน เป็นรถที่ถึงหมอชิตแล้วเราก็ถามคนจ่ายว่า
เรา ; รถมากี่โมงคะ
คนจ่ายตั๋ว; มา 6 โมง 10
เรา ; 6โมง10 แน่ๆใช่ไหมคะไม่มีเรท
คนจ่ายตั๋ว ; ใช่ค่ะ

ที่ถามเพราะกลัวไปถึงหมอชิตไม่ทันแล้วต่อรถไฟรอบสี่ทุ่มไม่ทันกัน เลยต้องถามย้ำเราก็เลยเร่งเพื่อน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามคาด อ.ปล่อยเรทไปเกือบสิบนาทีปล่อยเรทไม่พอเพื่อนเราขอกลับก่อนก็ไม่ให้กลับเพื่อนเรานี่หัวร้อนสุด พอปล่อยปุ้ปเพื่อนเรารีบบึ่งรถมาอาบน้ำที่หอรีบแบบรีบมากเพราะกลัวไม่ทันรถรีบสุดๆ พอเตรียมตัวเสร็จพวกเราก็รีบบึ่งมอไซต์ไปหนองมนแบบไม่คิดชีวิตแบบไม่คิดว่าขาทั้งสองข้างจะไปเกี่ยวกับรถคันอื่นหรือไม่ ไปเพื่อที่จะให้ทันรถและพอเราไปถึงคิวรถตอน 6 โมง เราก็ยืนรอกันถึง6 โมง10 แบบคิดว่ารถต้องมาแล้วแต่แล้วรถก็ยังไม่มา รอไปจนถึง 6 โมงครึ่ง รถก็ยังไม่มาเรากับเพื่อนชะเง้อคอมองกันว่ารถจะมาเมื่อไหร่นะจนจะทุ่มนึงรถก็ยังไม่มาซักทีเริ่มเครียดละ แต่เราก็ยังยืนรอต่อไปจนรถมา แต่รถมาแล้วมันยังไม่จบเพราะมันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งกว่าจะออกจากบางแสนได้ นานมากรถติดมากติดแบบเหมือนไม่เคยติดมาก่อน ติดแบบต้องร้องขอชีวิต เราก็ภาวนาให้รถไปเร็วๆ และก็นั่งกันจนมาถึงทางด่วนบางนาเราก็ก็คิดว่าจะอุ่นใจแล้วแต่ก็ไม่รถก็ยังติดไม่เลิกลาซักทีเพื่อนเราที่มาจากจันพี่เทคพามาส่งก็พาเพื่อนเราไปส่งที่สัตหีบเพราะพี่เทคเพื่อนเราจะไปสัตหีบต่อซึ่งเพื่อนเรา รอรถที่นั่นนานมากกกกกก พอได้ขึ้นรถเสร็จก็ไม่ได้ราบรื่นอีกตามเคยก็เพื่อนบอกว่าฝั่งเพื่อนรถติดมากพอๆกันเลย เราเริ่มคิดกันแหละว่าจะทันรถไฟไหมแต่พอไปถึงหมอชิตประมาณเกือบสามทุ่มครึ่ง เพื่อนเราที่มาจากจันก็ยังไม่มาเพราะรถติดมากจนเพื่อนเราต้องไปขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งเพื่อมาให้ถึงหมอชิตเรามาเจอกันตอนประมาณ สี่ทุ่มแล้วแผนที่เราวางไว้กันเละตุ้มเป้ะ รถไฟก็ตก ที่ไปก็ไม่มี พวกเราเลยไปเดินกันในเจเจ เดินกันจนทั่วจนเจเจ เดินกันแบบไม่มีที่ไปจริงๆ จนเจอทางออกคือ ไปนั่งกินปิ้งย่างย้อมใจกัน ไปนั่งวางแผนกันใหม่ว่าจะเอาไงกันดี แต่ก็ยังไม่ลงรอยเราก็ยังไม่หยุดเราก็เดินกันต่อไปเดินกันให้ทั่วและช่วงประมาณเที่ยงคืนตี1 เราก็ไปนั่งกินนมเย็นที่จตุจักรเพราะจตุจักรเปิดทั้งคืนกินมันเข้าไปกินแบบย้อมใจกันสุดๆ นั่งคุยว่าเอาไงกันดีแต่ก็ยังไม่ลงรอยกันอีก จนไปจบกันตอนตีสองตีสามที่ร้านยำในจตุจักรนี่แหละ คือ เราก็วางแผนว่าพวกเราจะไปไหว้พระที่ CTW ก่อนแล้วไปไหว้พระแม่ที่วัดแขกตอน6โมง แล้วเราก็จะขึ้นรถไฟรอบเจ็ดโมง ซึ่งคิดแล้วว่าทันแน่นอนไม่ตกชัวร์ แต่คือสภาพตอนที่วางแผนกันตอนนั้นคือตึงกันมากแบบง่วงมาก ไม่ได้นอนทั้งคืนหน้าแต่ละคนนี่มันเป็นหนังปลาทูแม่กลองเลยจ้า เราก็นั่งจนแล้วจนเล่าจนถึงตีห้าร้านยำป้าแกก็ยังไม่ปิดเราก็ทนนั่งอยู่กันต้องขอบคุณป้าแกจริงๆใจดีมากที่ไม่ปิดร้านไล่เราเพราะถ้าไม่ได้ร้านป้าแกก็คงไม่รู้จะไปที่ไหนกัน แล้วพวกเราก็ได้ ไปขึ้น BTS กันรอบแรกไปลง ชิดลมเพื่อจะไปไหว้พระตามแผนเราก็รีบเดินรีบจ้ำกันไปแต่หารู้ไม่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นไปอย่างที่คิดอีกแล้ว จะไปไหว้พระพรหมกัน ศาลพระพรหมยังไม่เปิดจ้าก็เฟลกันไปเราก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเราก็เดินไปอีกไปไหว้พระพิฆเนศกัน เดินไปถึงร้านดอกไม้ก็ซื้อดอกไม้กันถามป้าว่า
เรา; ป้าคะพระพิฆเนศเปิดแล้วใช่ไหมคะ
ป้า ; เปิดตลอดจ้าไปไหว้ได้เลย
พวกเราก็โอเคซื้อดอกไม้กันไปพอเดินไปถึงพระพิฆเนศ ถึงกับงงกันเลยจ้าคือศาลพระพิฆเนศยังไม่เปิดจ้าแล้วที่ป้าบอกคือไร งงกันไปหมดซึ่งตอนนั้นจะหกโมงละต้องไปไหว้วัดแขกต่อ เราก็ได้แค่ยกมือไหว้กันข้างนอกรั้วเราก็โบกแท็กซี่กันเลยจ้าไปวัดแขกพอขึ้นรถปุ้ป รถผ่านหน้าศาลพระพรหมซึ่งเปิดแล้วจ้า พวกเรานี่แบบมองกันแบบงงมาก พอถึงวัดแขก ซึ่งวัดแขกเปิดแล้วเป็นไปตามที่วางไว้ ในความผิดหวังก็ยังมีความโชคดีอยู่เราก็เข้าไปไหว้กันไม่มีอะไรติดขัด แต่พอออกมาจากวัดก็เหมือนเด็กสามคนหลงทางในเมืองคือไม่รู้ว่า mrt อยู่ไหน ถามคนแถวนั้นบอกข้ามถนนไปอยู่ตรงนู้นเค้าก็ได้แต่ชี้ไป พวกเราก็งงกัน พวกเราจึงตัดสินใจโบกแท็กซี่อีกครั้งไปลงหัวลำโพงซึ่งคิดไว้แล้วว่าต้องทันแน่ๆ รอบ7โมง แต่คือความพีคคือลุงขับแท็กซี่บอกว่าจอดข้างหน้ามันเดินไกลลูกเดี๋ยวลุงวนไปส่งข้างในเราก็จ้าโอเค พอไปถึงข้างในรถติดจ้าติดนานมากเราก็บอกลุงมันจะไม่ทันนะลุง ลุงบอกทันน่าเหลือเฟือเราก็กลัวไม่ทันแต่แล้วก็ทันอีกประมาณห้านาทีเกือบ7โมง เรารีบบึ่งไปจองตั๋วรถไฟสามที่ รีบจนรับตั๋วมาเกือบลืมตังทอน เราก็รีบไปถ่ายรูปกันว่าถึงหัวลำโพงแล้วนะถ่ายเสร็จก็รีบไปยืนรอรถไฟ เราก็รอขึ้นรถไฟอย่างใจจดจ่อเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟไกลๆ ก็จินตนาการไว้เลยว่าต้องตากลมมองต้นไม้เรื่อยๆแบบสบายๆแต่หารู้ไม่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามฝันจ้า รถไฟดีเลจ้า ความรู้สึกเหหหหหหห้มากเลยจ้า

ถึงหัวลำโพงแล้วจ้าาาา



รีบกันแบบสุดพลังพอได้ขึ้นรถไฟปุ้ปเราก็จัดแจงที่นั่งกันเรียบร้อย ได้นั่งกันชิวกะนอนกันซักงีบพักขาแบบกันซักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ฝันอีกแล้วจ้า ตั๋วที่เราได้มาไม่มีเลขที่นั่ง คือถ้าเจ้าของที่มาเราก็ต้องลุก แล้วซึ่งรถไฟขบวนที่เรานั่งนั้นอัดแน่นเป็นปลากระป๋องแน่นจนแบบร้องเหหหหหห้หนักมาก

นี่คือสภาพคนบนรถไฟแน่นมากกกกก
พอถึงเวลาที่เจ้าของที่มาพวกเราก็ต้องยอมจำนนยอมลุกกันแต่โดยดีเราลุกกันตั้งแต่สถานีที่อยู่ในกรุงเทพอะเราจำไม่ได้ว่าสถานีอะไร แล้วก็ต้องยืนกันจนถึงลพบุรีเรากับเพื่อนก็ไปหาที่ยืนกันซึ่งได้ที่ยืนคือหน้าห้องน้ำแล้วเวลาลูกหาบขายของเข้ามาเรากับเพื่อนอีกคนเนี่ยต้องเข้าไปหลบในห้องน้ำ คือแบบว่าห้องน้ำก็คือว่า… คุณพระคุณเจ้า กั้นหายใจกันไม่คิดชีวิต แล้วพีคกว่าคือมีมนุษย์ลุงคนนึงมาเข้าห้องน้ำเรากับเพื่อนเขยิบให้พอออกมาเสร็จปุ้ปลุงยืนหน้าห้องน้ำบอกไม่ไปละอยู่ตรงนี้แหละ เรากับเพื่อนนี่มองหน้ากันงงมากตอนนั้นง่วงก็ง่วงเพลียก็เพลีย ยืนก็เบียด ที่นั่งก็ไม่มี
ห้องน้ำนี้ที่เราต้องเข้าไปหลบจ้าาาา

ห้องนี้คือฝั่งตรงข้ามจ้าาาาา
แต่ก่อนหน้านั้นเราโชคดีเจอป้าใจดีคนนึงก็ชวนเราคุยถามเราไปไหนกัน เราก็คุยกับป้าเค้าป้าใจดีมากเอาจริงๆแล้ว ก็มีป้าอีกคนนึงเราก็คุยกับเขาถามป้าว่าลงที่ไหนป้าบอกลงที่ลพบุรีเหมือนกันป้าเค้าก็บอกว่ามาแบบนี้ประจำแหละพวกเราก็รู้สึกอุ่นใจนะเวลาเจอคนใจดีคุยกับเรานะ แต่เราก็ต้องยืนแล้วยืนอีกไปเรื่อยๆ จนมีที่นั่งว่างที่นึงเราก็พลัดกันนั่ง บางทีก็นั่งขอบบ้างยืนบ้างในที่สุดเราก็ไปถึงลพบุรี 10 โมง พอถึงสถานีลพบุรี เราก็ต้องขอถ่ายรูปกับป้ายสถานีซักหน่อยเราเจอฝรั่งใจดีขอให้ถ่ายรูปให้ เค้าใจดีมากถ่ายให้เราสามคน

ถึงลพบุรีแล้วจ้าาาาา
พอถ่ายรูปเสร็จเราก็ยืนคิดกันว่าเอาไงกันต่อดีไปไหนต่อดีเพราะเราตั้งใจจะขึ้นเขากันตอนกลางคืน เราจึงเดินไปตรงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวว่าเราจะไปเขาวงพระจันทร์ยังไงเพราะเราอ่านจากรีวิวมีรถเหมาขึ้นไป ศูนย์บอกให้เดินย้อนกลับไปจะมีรถอยู่พอเราเดินไปถึง เจอราคาเหมาเข้าไปถึงกับเดินกลับเลยจ้าเพราะแพงมากเหมาไป600กลับอีก600 เราแบบไม่โอเคมากเลยเดินกลับแล้วเราก็ถามคนแถวนั้นว่าจะไปเขาวงพระจันทร์ยังไงเค้าบอกว่าให้ไปยืนรอรถตรงหน้าพระปรางสามยอด ซึ่งจะมีรถผ่านไปลง บขส เราก็เดินไปรอกันแต่ซึ่งประเด็นคือเพื่อนเรากลัวลิงมาก แบบไม่ถูกชะตากับลิงเลยแต่ต้องไปยืนรอรถกันหน้าพระปรางคือแบบระแวงก็ระแวง กลัวก็กลัว


น้องลิงเจี๊ยกๆ

ตอนถ่ายก็กล้าๆกลัวๆก็เลยได้มาแค่นี้
แต่ก็ยืนรอแปปเดียวรถก็มาก็ถามคนขับว่าผ่าน บขส ไหมคะเค้าบอกก็ผ่านเราก็กระโดดขึ้นรถกันเลยจ้าแต่พอจะนั่ง ที่นั่งนั่งไม่พอลุงใจดีเค้าก็เลยพูดให้ว่า ป้าหลบให้เด็กนั่งหน่อยสิป้าเค้าก็เขยิบให้ แล้วก็มีที่นั่งกันลุงใจดีมากกกกกก พวกเราก็หันไปถามลุงว่าจะไป บขส ลงตรงไหนคะลุงเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวถึงลุงกดให้นะ ลุงใจดีมากจริงๆ พอถึงลุงก็กดให้เราก็ยกมือไหว้ขอบคุณลุงกันแบบในความซวยของพวกเรายังเจอคนดีแบบรู้สึกอุ่นใจมาเปราะนึง หลังจากลงรถเราก็เดินข้ามสะพานเดินกันดุ่ยๆ เข้าไปในบขส ถึงปุ้บเราก็งงซักแปป แล้วตั้งหลักได้เดินไปถามลุงคนนึงว่าไปเขาวงพระจันทร์เนี้ยไปยังไงคะ ลุงเค้าก็กำลังพาเดินไปหาคนที่จะพาไปก็ไปเจอลุงผู้ชายคนนึงเดินมาพอดีเค้าก็บอกว่า
ลุง ; ไปกับลุงลุงเหมาแค่ 500 ไปอย่างเดียวยังไม่รวมกลับ
เราก็คิดกันแหละว่าเอาไงดีว้าาา ตั้งใจมาถึง บขส ก็คิดว่าจะเจอถูก แต่ก็ราคาพอกันเราเลยบอกลุงว่าเอาค่ะ แล้วเราก็ถามว่าระแวกนี้มีที่พักถูกไหมแบบเราจะหาที่พักนอนกันแค่แปปเดียว เพราะทั้งคืนยังไม่ได้นอนเราก็ถามลุงกันว่า
เรา ; ลุงคะแถวนี้ที่พักถูกๆไหมระแวกในบขส เอาแบบนอนแปปเดียวนะคะ
ลุง ; ก็มีนะถ้าหนูไม่ถือไรมี โรงแรมรายวันร้อยสองร้อยอะลูก
เรากับเพื่อนนี่มองหน้ากันแหละรู้เลยความคิดเดียวกันคือแม่มมม โรงแรมจิ้งหรีดเหวยย เราก็ยังไม่ลดความพยายามที่จะหาโรงแรมต่อเราก็ถามลุงต่อว่า
เรา ; แล้วมีแบบอื่นอีกไหมคะที่ใกล้ๆกับ บขส (พวกเราเพื่อไว้ออกมากินข้าว)
ลุง; มีฝั่งทางนู้นอะเป็นพวกโรงแรมบลาๆ
เราก็โอเคค่ะไป ลุงก็ไปเอารถมาตอนแรกเราคิดว่ารถลุงแม่มต้องแบบดีในระดับนึงเพราะคำพูดลุงแม่มน่าเชื่อถือมากแบบคิดว่าเออต้องดีอะพอเรายืนรอลุงเอารถมารับแม่มมมมเอ่ยยยยย มองหน้ากับเพื่อนเลย รถแบบเศษเหล็กเลยจ้าแบบเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้แต่เอาไงได้เราก็ต้องขึ้นอะลุงแม่มก็คุยตลอดทางว่าเดี๋ยวลุงคุยให้นะกับทางโรงแรมว่า ขอเตียงเสริมฟรีให้เพราะเราไปสามคนไงห้องมันนอนได้สองต้องเพิ่มเตียงเสริมเราก็โอเคค่ะ

นี่จ้านี่คือสภาพรถจ้าาา

และนี่ก็อีกจ้าาาาลมแทบจับ 5555555
[CR] เมื่อคนซวยทั้งสามอยากไปลำบากที่ลพบุรี (เขาวงพระจันทร์)
ปล.อาจมีคำไม่สุภาพเพื่อเป็นอรรถรสในการอ่านนะคะ
ในวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 เราวางแผนกับเพื่อนว่าจะไปเจอกันที่หมอชิตซึ่งเราเองเดินทางออกมาจากระยองเพื่อไปเจอเพื่อนอีกคนที่บางแสนเพื่อเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อนอีกคนเดินทางมาจากจันทบุรีซึ่งมากับพี่เทคแล้วจะไปรอเราที่หมอชิต แต่ว่าเราเองได้นั่งรถจากระยองไปถึงบางแสนตั้งแต่บ่ายๆ รอเพื่อนที่ต้องเรียนเลิกประมาณ5 โมงครึ่ง เราก็ไปจองตั๋วรถที่จะไปหมอชิตแต่ในขณะที่ไปหาตั๋วนั้นประเด็นคือรถแถวนั้นไม่มีคันไหนไปถึงหมอชิตเลยมีแต่ไปลงเอกมัย ซึ่งคิดในใจชหหหห แล้ว เราก็พยายามหาอีกจนไปเจอตรงหนองมน เป็นรถที่ถึงหมอชิตแล้วเราก็ถามคนจ่ายว่า
เรา ; รถมากี่โมงคะ
คนจ่ายตั๋ว; มา 6 โมง 10
เรา ; 6โมง10 แน่ๆใช่ไหมคะไม่มีเรท
คนจ่ายตั๋ว ; ใช่ค่ะ
ที่ถามเพราะกลัวไปถึงหมอชิตไม่ทันแล้วต่อรถไฟรอบสี่ทุ่มไม่ทันกัน เลยต้องถามย้ำเราก็เลยเร่งเพื่อน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามคาด อ.ปล่อยเรทไปเกือบสิบนาทีปล่อยเรทไม่พอเพื่อนเราขอกลับก่อนก็ไม่ให้กลับเพื่อนเรานี่หัวร้อนสุด พอปล่อยปุ้ปเพื่อนเรารีบบึ่งรถมาอาบน้ำที่หอรีบแบบรีบมากเพราะกลัวไม่ทันรถรีบสุดๆ พอเตรียมตัวเสร็จพวกเราก็รีบบึ่งมอไซต์ไปหนองมนแบบไม่คิดชีวิตแบบไม่คิดว่าขาทั้งสองข้างจะไปเกี่ยวกับรถคันอื่นหรือไม่ ไปเพื่อที่จะให้ทันรถและพอเราไปถึงคิวรถตอน 6 โมง เราก็ยืนรอกันถึง6 โมง10 แบบคิดว่ารถต้องมาแล้วแต่แล้วรถก็ยังไม่มา รอไปจนถึง 6 โมงครึ่ง รถก็ยังไม่มาเรากับเพื่อนชะเง้อคอมองกันว่ารถจะมาเมื่อไหร่นะจนจะทุ่มนึงรถก็ยังไม่มาซักทีเริ่มเครียดละ แต่เราก็ยังยืนรอต่อไปจนรถมา แต่รถมาแล้วมันยังไม่จบเพราะมันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งกว่าจะออกจากบางแสนได้ นานมากรถติดมากติดแบบเหมือนไม่เคยติดมาก่อน ติดแบบต้องร้องขอชีวิต เราก็ภาวนาให้รถไปเร็วๆ และก็นั่งกันจนมาถึงทางด่วนบางนาเราก็ก็คิดว่าจะอุ่นใจแล้วแต่ก็ไม่รถก็ยังติดไม่เลิกลาซักทีเพื่อนเราที่มาจากจันพี่เทคพามาส่งก็พาเพื่อนเราไปส่งที่สัตหีบเพราะพี่เทคเพื่อนเราจะไปสัตหีบต่อซึ่งเพื่อนเรา รอรถที่นั่นนานมากกกกกก พอได้ขึ้นรถเสร็จก็ไม่ได้ราบรื่นอีกตามเคยก็เพื่อนบอกว่าฝั่งเพื่อนรถติดมากพอๆกันเลย เราเริ่มคิดกันแหละว่าจะทันรถไฟไหมแต่พอไปถึงหมอชิตประมาณเกือบสามทุ่มครึ่ง เพื่อนเราที่มาจากจันก็ยังไม่มาเพราะรถติดมากจนเพื่อนเราต้องไปขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งเพื่อมาให้ถึงหมอชิตเรามาเจอกันตอนประมาณ สี่ทุ่มแล้วแผนที่เราวางไว้กันเละตุ้มเป้ะ รถไฟก็ตก ที่ไปก็ไม่มี พวกเราเลยไปเดินกันในเจเจ เดินกันจนทั่วจนเจเจ เดินกันแบบไม่มีที่ไปจริงๆ จนเจอทางออกคือ ไปนั่งกินปิ้งย่างย้อมใจกัน ไปนั่งวางแผนกันใหม่ว่าจะเอาไงกันดี แต่ก็ยังไม่ลงรอยเราก็ยังไม่หยุดเราก็เดินกันต่อไปเดินกันให้ทั่วและช่วงประมาณเที่ยงคืนตี1 เราก็ไปนั่งกินนมเย็นที่จตุจักรเพราะจตุจักรเปิดทั้งคืนกินมันเข้าไปกินแบบย้อมใจกันสุดๆ นั่งคุยว่าเอาไงกันดีแต่ก็ยังไม่ลงรอยกันอีก จนไปจบกันตอนตีสองตีสามที่ร้านยำในจตุจักรนี่แหละ คือ เราก็วางแผนว่าพวกเราจะไปไหว้พระที่ CTW ก่อนแล้วไปไหว้พระแม่ที่วัดแขกตอน6โมง แล้วเราก็จะขึ้นรถไฟรอบเจ็ดโมง ซึ่งคิดแล้วว่าทันแน่นอนไม่ตกชัวร์ แต่คือสภาพตอนที่วางแผนกันตอนนั้นคือตึงกันมากแบบง่วงมาก ไม่ได้นอนทั้งคืนหน้าแต่ละคนนี่มันเป็นหนังปลาทูแม่กลองเลยจ้า เราก็นั่งจนแล้วจนเล่าจนถึงตีห้าร้านยำป้าแกก็ยังไม่ปิดเราก็ทนนั่งอยู่กันต้องขอบคุณป้าแกจริงๆใจดีมากที่ไม่ปิดร้านไล่เราเพราะถ้าไม่ได้ร้านป้าแกก็คงไม่รู้จะไปที่ไหนกัน แล้วพวกเราก็ได้ ไปขึ้น BTS กันรอบแรกไปลง ชิดลมเพื่อจะไปไหว้พระตามแผนเราก็รีบเดินรีบจ้ำกันไปแต่หารู้ไม่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นไปอย่างที่คิดอีกแล้ว จะไปไหว้พระพรหมกัน ศาลพระพรหมยังไม่เปิดจ้าก็เฟลกันไปเราก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเราก็เดินไปอีกไปไหว้พระพิฆเนศกัน เดินไปถึงร้านดอกไม้ก็ซื้อดอกไม้กันถามป้าว่า
เรา; ป้าคะพระพิฆเนศเปิดแล้วใช่ไหมคะ
ป้า ; เปิดตลอดจ้าไปไหว้ได้เลย
พวกเราก็โอเคซื้อดอกไม้กันไปพอเดินไปถึงพระพิฆเนศ ถึงกับงงกันเลยจ้าคือศาลพระพิฆเนศยังไม่เปิดจ้าแล้วที่ป้าบอกคือไร งงกันไปหมดซึ่งตอนนั้นจะหกโมงละต้องไปไหว้วัดแขกต่อ เราก็ได้แค่ยกมือไหว้กันข้างนอกรั้วเราก็โบกแท็กซี่กันเลยจ้าไปวัดแขกพอขึ้นรถปุ้ป รถผ่านหน้าศาลพระพรหมซึ่งเปิดแล้วจ้า พวกเรานี่แบบมองกันแบบงงมาก พอถึงวัดแขก ซึ่งวัดแขกเปิดแล้วเป็นไปตามที่วางไว้ ในความผิดหวังก็ยังมีความโชคดีอยู่เราก็เข้าไปไหว้กันไม่มีอะไรติดขัด แต่พอออกมาจากวัดก็เหมือนเด็กสามคนหลงทางในเมืองคือไม่รู้ว่า mrt อยู่ไหน ถามคนแถวนั้นบอกข้ามถนนไปอยู่ตรงนู้นเค้าก็ได้แต่ชี้ไป พวกเราก็งงกัน พวกเราจึงตัดสินใจโบกแท็กซี่อีกครั้งไปลงหัวลำโพงซึ่งคิดไว้แล้วว่าต้องทันแน่ๆ รอบ7โมง แต่คือความพีคคือลุงขับแท็กซี่บอกว่าจอดข้างหน้ามันเดินไกลลูกเดี๋ยวลุงวนไปส่งข้างในเราก็จ้าโอเค พอไปถึงข้างในรถติดจ้าติดนานมากเราก็บอกลุงมันจะไม่ทันนะลุง ลุงบอกทันน่าเหลือเฟือเราก็กลัวไม่ทันแต่แล้วก็ทันอีกประมาณห้านาทีเกือบ7โมง เรารีบบึ่งไปจองตั๋วรถไฟสามที่ รีบจนรับตั๋วมาเกือบลืมตังทอน เราก็รีบไปถ่ายรูปกันว่าถึงหัวลำโพงแล้วนะถ่ายเสร็จก็รีบไปยืนรอรถไฟ เราก็รอขึ้นรถไฟอย่างใจจดจ่อเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟไกลๆ ก็จินตนาการไว้เลยว่าต้องตากลมมองต้นไม้เรื่อยๆแบบสบายๆแต่หารู้ไม่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามฝันจ้า รถไฟดีเลจ้า ความรู้สึกเหหหหหหห้มากเลยจ้า
รีบกันแบบสุดพลังพอได้ขึ้นรถไฟปุ้ปเราก็จัดแจงที่นั่งกันเรียบร้อย ได้นั่งกันชิวกะนอนกันซักงีบพักขาแบบกันซักหน่อยแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ฝันอีกแล้วจ้า ตั๋วที่เราได้มาไม่มีเลขที่นั่ง คือถ้าเจ้าของที่มาเราก็ต้องลุก แล้วซึ่งรถไฟขบวนที่เรานั่งนั้นอัดแน่นเป็นปลากระป๋องแน่นจนแบบร้องเหหหหหห้หนักมาก
พอถึงเวลาที่เจ้าของที่มาพวกเราก็ต้องยอมจำนนยอมลุกกันแต่โดยดีเราลุกกันตั้งแต่สถานีที่อยู่ในกรุงเทพอะเราจำไม่ได้ว่าสถานีอะไร แล้วก็ต้องยืนกันจนถึงลพบุรีเรากับเพื่อนก็ไปหาที่ยืนกันซึ่งได้ที่ยืนคือหน้าห้องน้ำแล้วเวลาลูกหาบขายของเข้ามาเรากับเพื่อนอีกคนเนี่ยต้องเข้าไปหลบในห้องน้ำ คือแบบว่าห้องน้ำก็คือว่า… คุณพระคุณเจ้า กั้นหายใจกันไม่คิดชีวิต แล้วพีคกว่าคือมีมนุษย์ลุงคนนึงมาเข้าห้องน้ำเรากับเพื่อนเขยิบให้พอออกมาเสร็จปุ้ปลุงยืนหน้าห้องน้ำบอกไม่ไปละอยู่ตรงนี้แหละ เรากับเพื่อนนี่มองหน้ากันงงมากตอนนั้นง่วงก็ง่วงเพลียก็เพลีย ยืนก็เบียด ที่นั่งก็ไม่มี
แต่ก่อนหน้านั้นเราโชคดีเจอป้าใจดีคนนึงก็ชวนเราคุยถามเราไปไหนกัน เราก็คุยกับป้าเค้าป้าใจดีมากเอาจริงๆแล้ว ก็มีป้าอีกคนนึงเราก็คุยกับเขาถามป้าว่าลงที่ไหนป้าบอกลงที่ลพบุรีเหมือนกันป้าเค้าก็บอกว่ามาแบบนี้ประจำแหละพวกเราก็รู้สึกอุ่นใจนะเวลาเจอคนใจดีคุยกับเรานะ แต่เราก็ต้องยืนแล้วยืนอีกไปเรื่อยๆ จนมีที่นั่งว่างที่นึงเราก็พลัดกันนั่ง บางทีก็นั่งขอบบ้างยืนบ้างในที่สุดเราก็ไปถึงลพบุรี 10 โมง พอถึงสถานีลพบุรี เราก็ต้องขอถ่ายรูปกับป้ายสถานีซักหน่อยเราเจอฝรั่งใจดีขอให้ถ่ายรูปให้ เค้าใจดีมากถ่ายให้เราสามคน
พอถ่ายรูปเสร็จเราก็ยืนคิดกันว่าเอาไงกันต่อดีไปไหนต่อดีเพราะเราตั้งใจจะขึ้นเขากันตอนกลางคืน เราจึงเดินไปตรงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวว่าเราจะไปเขาวงพระจันทร์ยังไงเพราะเราอ่านจากรีวิวมีรถเหมาขึ้นไป ศูนย์บอกให้เดินย้อนกลับไปจะมีรถอยู่พอเราเดินไปถึง เจอราคาเหมาเข้าไปถึงกับเดินกลับเลยจ้าเพราะแพงมากเหมาไป600กลับอีก600 เราแบบไม่โอเคมากเลยเดินกลับแล้วเราก็ถามคนแถวนั้นว่าจะไปเขาวงพระจันทร์ยังไงเค้าบอกว่าให้ไปยืนรอรถตรงหน้าพระปรางสามยอด ซึ่งจะมีรถผ่านไปลง บขส เราก็เดินไปรอกันแต่ซึ่งประเด็นคือเพื่อนเรากลัวลิงมาก แบบไม่ถูกชะตากับลิงเลยแต่ต้องไปยืนรอรถกันหน้าพระปรางคือแบบระแวงก็ระแวง กลัวก็กลัว
แต่ก็ยืนรอแปปเดียวรถก็มาก็ถามคนขับว่าผ่าน บขส ไหมคะเค้าบอกก็ผ่านเราก็กระโดดขึ้นรถกันเลยจ้าแต่พอจะนั่ง ที่นั่งนั่งไม่พอลุงใจดีเค้าก็เลยพูดให้ว่า ป้าหลบให้เด็กนั่งหน่อยสิป้าเค้าก็เขยิบให้ แล้วก็มีที่นั่งกันลุงใจดีมากกกกกก พวกเราก็หันไปถามลุงว่าจะไป บขส ลงตรงไหนคะลุงเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวถึงลุงกดให้นะ ลุงใจดีมากจริงๆ พอถึงลุงก็กดให้เราก็ยกมือไหว้ขอบคุณลุงกันแบบในความซวยของพวกเรายังเจอคนดีแบบรู้สึกอุ่นใจมาเปราะนึง หลังจากลงรถเราก็เดินข้ามสะพานเดินกันดุ่ยๆ เข้าไปในบขส ถึงปุ้บเราก็งงซักแปป แล้วตั้งหลักได้เดินไปถามลุงคนนึงว่าไปเขาวงพระจันทร์เนี้ยไปยังไงคะ ลุงเค้าก็กำลังพาเดินไปหาคนที่จะพาไปก็ไปเจอลุงผู้ชายคนนึงเดินมาพอดีเค้าก็บอกว่า
ลุง ; ไปกับลุงลุงเหมาแค่ 500 ไปอย่างเดียวยังไม่รวมกลับ
เราก็คิดกันแหละว่าเอาไงดีว้าาา ตั้งใจมาถึง บขส ก็คิดว่าจะเจอถูก แต่ก็ราคาพอกันเราเลยบอกลุงว่าเอาค่ะ แล้วเราก็ถามว่าระแวกนี้มีที่พักถูกไหมแบบเราจะหาที่พักนอนกันแค่แปปเดียว เพราะทั้งคืนยังไม่ได้นอนเราก็ถามลุงกันว่า
เรา ; ลุงคะแถวนี้ที่พักถูกๆไหมระแวกในบขส เอาแบบนอนแปปเดียวนะคะ
ลุง ; ก็มีนะถ้าหนูไม่ถือไรมี โรงแรมรายวันร้อยสองร้อยอะลูก
เรากับเพื่อนนี่มองหน้ากันแหละรู้เลยความคิดเดียวกันคือแม่มมม โรงแรมจิ้งหรีดเหวยย เราก็ยังไม่ลดความพยายามที่จะหาโรงแรมต่อเราก็ถามลุงต่อว่า
เรา ; แล้วมีแบบอื่นอีกไหมคะที่ใกล้ๆกับ บขส (พวกเราเพื่อไว้ออกมากินข้าว)
ลุง; มีฝั่งทางนู้นอะเป็นพวกโรงแรมบลาๆ
เราก็โอเคค่ะไป ลุงก็ไปเอารถมาตอนแรกเราคิดว่ารถลุงแม่มต้องแบบดีในระดับนึงเพราะคำพูดลุงแม่มน่าเชื่อถือมากแบบคิดว่าเออต้องดีอะพอเรายืนรอลุงเอารถมารับแม่มมมมเอ่ยยยยย มองหน้ากับเพื่อนเลย รถแบบเศษเหล็กเลยจ้าแบบเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้แต่เอาไงได้เราก็ต้องขึ้นอะลุงแม่มก็คุยตลอดทางว่าเดี๋ยวลุงคุยให้นะกับทางโรงแรมว่า ขอเตียงเสริมฟรีให้เพราะเราไปสามคนไงห้องมันนอนได้สองต้องเพิ่มเตียงเสริมเราก็โอเคค่ะ