คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
พบหนึ่งพระสูตรครับ ที่ไม่บอกว่าจิตเป็นผู้ดำรงอยู่
================================================
๒. พีชสูตร
...........ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ อุปบัติ
หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าความกำหนัดในรูปธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสัญญาธาตุ ในสังขารธาตุ ในวิญญาณธาตุ
เป็นอันภิกษุละได้แล้วไซร้......
-> เพราะละความกำหนัดเสียได้
-> อารมณ์ย่อมขาดสูญ
-> ที่ตั้งแห่งวิญญาณย่อมไม่มี
-> วิญญาณอันไม่มีที่ตั้งนั้น ไม่งอกงาม ไม่แต่งปฏิสนธิ หลุดพ้นไป
-> เพราะหลุดพ้นไป จึงดำรงอยู่
-> เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม
-> เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง
-> เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น.
เธอย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
...วิญฺญาณธาตุยา เจ ภิกฺขเว ภิกฺขุโน ราโค ป
โน โหติ ราคสฺส ปหานา โวจฺฉิชฺชตารมฺมณํ ปติฏฺฐา๔ วิญฺญาณสฺส น โหติ ฯ
ตทปฺปติฏฺฐิตํ วิญฺญาณํ อวิรูฬฺหํ อนภิสงฺขจฺจ ๑
วิมุตฺตํ วิมุตฺตตฺตา ฐิตํ ฐิตตฺตา สนฺตุสิตํ สนฺตุสิตตฺตา น ปริตสฺสติ อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตญฺเญว ปรินิพฺพายติ ฯ
ขีณาุ ชาติ ฯ เปฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=1220&Z=1246
================================================
๒. พีชสูตร
...........ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราจักบัญญัติการมา การไป จุติ อุปบัติ
หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งวิญญาณ เว้นจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าความกำหนัดในรูปธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสัญญาธาตุ ในสังขารธาตุ ในวิญญาณธาตุ
เป็นอันภิกษุละได้แล้วไซร้......
-> เพราะละความกำหนัดเสียได้
-> อารมณ์ย่อมขาดสูญ
-> ที่ตั้งแห่งวิญญาณย่อมไม่มี
-> วิญญาณอันไม่มีที่ตั้งนั้น ไม่งอกงาม ไม่แต่งปฏิสนธิ หลุดพ้นไป
-> เพราะหลุดพ้นไป จึงดำรงอยู่
-> เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม
-> เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง
-> เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น.
เธอย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
...วิญฺญาณธาตุยา เจ ภิกฺขเว ภิกฺขุโน ราโค ป
ตทปฺปติฏฺฐิตํ วิญฺญาณํ อวิรูฬฺหํ อนภิสงฺขจฺจ ๑
วิมุตฺตํ วิมุตฺตตฺตา ฐิตํ ฐิตตฺตา สนฺตุสิตํ สนฺตุสิตตฺตา น ปริตสฺสติ อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตญฺเญว ปรินิพฺพายติ ฯ
ขีณาุ ชาติ ฯ เปฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=1220&Z=1246
แสดงความคิดเห็น
ผมรบกวนท่านผู้รู้บาลี..ด้วยครับ ผมสงสัยคำว่า จิตจึงดำรงอยู่ นั้นแปลผิด...ท่านพอที่จะเฉลยให้ได้ไหมครับ...ขอบคุณครับ
ได้แปล...และถ่ายทอดอรรถตรงตาม..คำพระศาสดา..ทุกประการ....ผมขอกล่าวสาธุการแก่ท่านเหล่านั้น.....ครับ
เหตุผล...ตาม คหท 32 ครับ
========================================ข้อความเดิม=========================================
ผมรบกวนท่านผู้รู้บาลี..ด้วยครับ ผมสงสัยคำว่า จิตจึงดำรงอยู่ นั้นแปลผิด...ท่านพอที่จะเฉลยให้ได้ไหมครับ...ขอบคุณครับ
ปล. ผมเห็นว่า(คิดเอง)ไม่ควรใช้คำว่าจิตอีก ใช้คำว่า " เพราะหลุดพ้นแล้ว จึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ "
..............................................................................................................................................................................
เพราะหลุดพ้นแล้ว จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น
ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จิตฺตํ วิรตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ อนุปาทาย อาสเวหิ ฯ
วิมุตฺตตฺตา ฐิตํ ฐิตตฺตา สนฺตุสิตํ สนฺตุสิตตฺตา น ปริตสฺสติ อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตญฺเญว ปรินิพฺพายติ ฯ
ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=1007&Z=1024