เนื่องจากไม่มีปัญญาทำมาหากินเอง
ขนาดหาเงินมาได้ก็ยังกล้าๆกลัวๆ
เพราะเคยหมดตัวทั้งตัวมีอยู่ 25บาท
เลยทำงานoffice ไปเรื่อยๆ แต่หลังๆพอมีเงินแล้วไม่ค่อยทน
เพราะถือว่าทนมาเยอะแล้ว ถ้าเจออะไรแย่(มาก)จะลาออกทันที(แต่ต้องระดับหนักแบบน่าเกลียดเกิน)
มานั่งนึกดูทำไมต้องทำงานกันหนักขนาดนี้คือ 8.00-17.00 นี่มันทั้งวันของเราเลยนะครับ
หลายคนบอกว่าเลิกงานก็ยังมีเวลา
แต่เอาจริงๆไม่ไหวหรอก สามสี่ทุ่มก็นอนแล้ว
ส่วนพวกhardcore ไปเที่ยวนอนสองสามชั่วโมง สุดท้ายก็มาเรื้อนในoffice ทำตัวน่ารังเกียจ (เกี่ยงงาน,แวบไปนอน,พูดจาไม่ดี)
ยิ่งถ้าที่ไหนทำวันเสาร์ด้วยนี่ชีวิตจบเลย
หลายคนก็บอกว่าให้เลือกงานที่ชอบ แต่ถ้ามันเป็นofficeที่ต้องแหงกอยู่กับผู้คนหลากหลายทุกวันทั้งวัน
สุดท้ายก็มีปัญหา แล้วก็เกลียดกัน
ต่อให้เราพยายามทำตัวดีขนาดไหน ระวังตัวขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องเจอกับgangตัวอิจฉาประจำofficeมาวุ่นวายกับเราอยู่ดี
ประมาณว่าถ้าเก่งก็อิจฉา ถ้าพลาดก็หัวเราะเยาะซ้ำเติม
ประเด็นอยู่ที่ว่าการทำงานวันละ8ชม. นี่เป็นหลักสากลเหรอครับ
ทำไมพวกปัญญาน้อย (เงิน,ความสามารถ) ถึงต้องตะบี้ตะบันกันขนาดนี้
เพื่อให้ได้มีเงิน มีชีวิตรอด แค่นั้นน่ะเหรอ สงสัยจังว่างั้นเกิดมาแต่แรกทำไม
ส่วนตัวมองว่าซัก 15.00 กำลังดีครับ ไม่นับราชการนะครับ เพราะผมมองว่าราชการจากที่ได้ยินมานี่dramaหนักเลย
เพราะผมว่าทุกคนไม่สามารถย้ายงานได้ เฉกเช่นที่ผมอธิบายไป
คือต้องทนและแก่งแย่งกันสุดๆ เพราะเป้าหมายของคนทำงานราชการคงหนีไม่พ้นเลื่อนตำแหน่งและลากยาวจนเกษียณ
คำถามคือทำไมการทำงานมันถึงหนักจังครับ
คือแค่พาร่างไปให้ทันเข้างานฝ่ารถติดก็แย่แล้ว
ยังต้องแข่งกันทำงาน
แล้วต้องคอยหลบหลีกเรื่องการเมืองในที่ทำงานอีก
ทำไมชีวิตมันยากจังครับ คือถ้าทำไม่ได้ ทนไม่ไหว ออกไปจะไปตายที่ไหนก็เรื่องของไรงี้เลยอ่ะครับ
บางคนทั้งชีวิตไม่ได้ลืมตาอ้าปาก บางคนยังโชคดีได้เกษียณ นั่งอยู่บ้านรอวันตาย
แต่บางคนพยายามแทบตายดันตายซะก่อนที่จะได้ใช้เงิน
คนที่เค้าเกิดมาบ้านรวยนี่เค้าต้องทำบุญยังไงครับ
ยิ่งโตยิ่งเข้าใจว่า การเกิดมาในครอบครัวแบบไหนนั้นมันช่างสร้างความแตกต่างเหลือเกิน
ทำไมเวลาทำงานประจำส่วนใหญ่คือ 8.00-17.00 น.
ขนาดหาเงินมาได้ก็ยังกล้าๆกลัวๆ
เพราะเคยหมดตัวทั้งตัวมีอยู่ 25บาท
เลยทำงานoffice ไปเรื่อยๆ แต่หลังๆพอมีเงินแล้วไม่ค่อยทน
เพราะถือว่าทนมาเยอะแล้ว ถ้าเจออะไรแย่(มาก)จะลาออกทันที(แต่ต้องระดับหนักแบบน่าเกลียดเกิน)
มานั่งนึกดูทำไมต้องทำงานกันหนักขนาดนี้คือ 8.00-17.00 นี่มันทั้งวันของเราเลยนะครับ
หลายคนบอกว่าเลิกงานก็ยังมีเวลา
แต่เอาจริงๆไม่ไหวหรอก สามสี่ทุ่มก็นอนแล้ว
ส่วนพวกhardcore ไปเที่ยวนอนสองสามชั่วโมง สุดท้ายก็มาเรื้อนในoffice ทำตัวน่ารังเกียจ (เกี่ยงงาน,แวบไปนอน,พูดจาไม่ดี)
ยิ่งถ้าที่ไหนทำวันเสาร์ด้วยนี่ชีวิตจบเลย
หลายคนก็บอกว่าให้เลือกงานที่ชอบ แต่ถ้ามันเป็นofficeที่ต้องแหงกอยู่กับผู้คนหลากหลายทุกวันทั้งวัน
สุดท้ายก็มีปัญหา แล้วก็เกลียดกัน
ต่อให้เราพยายามทำตัวดีขนาดไหน ระวังตัวขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องเจอกับgangตัวอิจฉาประจำofficeมาวุ่นวายกับเราอยู่ดี
ประมาณว่าถ้าเก่งก็อิจฉา ถ้าพลาดก็หัวเราะเยาะซ้ำเติม
ประเด็นอยู่ที่ว่าการทำงานวันละ8ชม. นี่เป็นหลักสากลเหรอครับ
ทำไมพวกปัญญาน้อย (เงิน,ความสามารถ) ถึงต้องตะบี้ตะบันกันขนาดนี้
เพื่อให้ได้มีเงิน มีชีวิตรอด แค่นั้นน่ะเหรอ สงสัยจังว่างั้นเกิดมาแต่แรกทำไม
ส่วนตัวมองว่าซัก 15.00 กำลังดีครับ ไม่นับราชการนะครับ เพราะผมมองว่าราชการจากที่ได้ยินมานี่dramaหนักเลย
เพราะผมว่าทุกคนไม่สามารถย้ายงานได้ เฉกเช่นที่ผมอธิบายไป
คือต้องทนและแก่งแย่งกันสุดๆ เพราะเป้าหมายของคนทำงานราชการคงหนีไม่พ้นเลื่อนตำแหน่งและลากยาวจนเกษียณ
คำถามคือทำไมการทำงานมันถึงหนักจังครับ
คือแค่พาร่างไปให้ทันเข้างานฝ่ารถติดก็แย่แล้ว
ยังต้องแข่งกันทำงาน
แล้วต้องคอยหลบหลีกเรื่องการเมืองในที่ทำงานอีก
ทำไมชีวิตมันยากจังครับ คือถ้าทำไม่ได้ ทนไม่ไหว ออกไปจะไปตายที่ไหนก็เรื่องของไรงี้เลยอ่ะครับ
บางคนทั้งชีวิตไม่ได้ลืมตาอ้าปาก บางคนยังโชคดีได้เกษียณ นั่งอยู่บ้านรอวันตาย
แต่บางคนพยายามแทบตายดันตายซะก่อนที่จะได้ใช้เงิน
คนที่เค้าเกิดมาบ้านรวยนี่เค้าต้องทำบุญยังไงครับ
ยิ่งโตยิ่งเข้าใจว่า การเกิดมาในครอบครัวแบบไหนนั้นมันช่างสร้างความแตกต่างเหลือเกิน