ณ วันที่ผมหนัก 138 วันที่เรื่องราวดีๆกำลังจะเกิดขึ้น

คนอ้วน คนน้ำหนักเกิน คนร่างใหญ่ คนระบบเผาผลาญผิดปกติ ผมไม่แน่ใจว่าผมคือคนไหน

แต่สิ่งที่ผมแน่ใจที่สุดคือ
ผมเป็นคนขี้เกียจ คนไม่มีวินัย
คนไม่รักตัวเอง คนผลัดวันประกันพรุ่ง คนที่ทำผิดต่อตัวเองมานานแสนนาน ผม...เอาเปรียบร่างกายตัวเองมาเกือบตลอดชีวิต 42 ปี

ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย
ความอ้วน คือส่วนหนึ่งในชีวิตผมในสายตาคนอื่น เขามักมองผมเป็นเด็กกินอะไรก็น่าอร่อยไปเสียหมด  การกินของผมคือความเป็นโปรเฟสชันนอล ที่ใครเห็นก็ว้าว ใครเห็นก็ชื่นใจ  

ส่วนตัวผม ก็ดันเกิดพออกพอใจกับความรู้สึกนี้เสียด้วย

จนในที่สุดก็เบรคไว้ไม่ไหว
จากอ้วนน้อยน่ารัก
กลายเป็นอ้วนใหญ่
และใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ  

ผมมีเรื่องที่น่าประหลาดใจเรื่องหนึ่ง จะเล่าให้ฟัง

ครอบครัวผม มีแม่และเตี่ยผู้รักในการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกาย  พวกเขาสรรหาสารพัดวิธี สารพัดกิจกรรมที่จะทำให้ผมผอม หรือไม่อ้วนไปกว่านี้
มีตั้งแต่ ออกกำลังกาย คุมอาหาร จนไปถึง หาหมอ กินยา นวด ฝังเข็ม เอาไฟช๊อต
ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่ก็พยายามกันไป

แม่ที่เป็นคนรักสวยรักงามพาลูกชายตระเวนหาหมอ เพื่อหาวิธีลดความอ้วนให้ลูกชายอย่างปลอดภัย

ส่วนเตี่ยผู้รักการออกกำลังกาย เตี่ยเป็นนักวิ่งที่มักจะพาผมไปวิ่งออกกำลังกายบ่อยๆ  ส่วนใหญ่จะไปวิ่งกันที่สวนลุม  มีหลายครั้งที่เตี่ยขอให้ผมลงแข่งวิ่งในรุ่นเยาวชน ผมก็ลงให้นะ
แต่บอกได้เลยว่าเป็น 5 กิโล 10 กิโลที่แสนทรมานทั้งร่างกายและจิตใจล้วนๆ  แต่ผมก็ลากร่างตัวเอง เดินไปวิ่งไปจนถึงเส้นชัยทุกครั้ง
ให้สมใจเตี่ย!!

ครั้งที่ประทับใจที่สุดๆแต่เหนื่อยสุดๆคือ รายการ วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ที่สะพานพระราม9 ปี2529 งานวิ่งยิ่งใหญ่ ที่หลังจากครั้งนั้นมาผมก็ยังไม่เคยเห็นรายการวิ่งรายการไหน ที่ยิ่งใหญ่เท่าครั้งนั้นอีกเลยในชีวิต

เชื่อไหม ... ตลอดเวลาที่ผมวิ่ง กว่าจะถึงเส้นชัย แม่ทั้งลากทั้งดัน ในขณะที่พี่ๆและเตี่ยวิ่งนำหน้ากันไปหมดแล้ว หัวใจผมเต้นในจังหวะที่ร้องขอชีวิตตลอดทาง เป็น 10กิโลที่ สุดจะประทับใจและสุดจะทรมานสังขาร ในรายการเดียวเดียวกัน

ไม่รู้ว่าประทับใจแบบไหน...
แต่จากวันนั้นผมก็ไม่เคยร่วมลงงานวิ่ง งานไหนอีกเลย มีแค่ไปเชียร์ ไปรอไปถ่ายรูปให้เตี่ยข้างสนามเท่านั้น

ยาวมาจนเรียนมหาวิทยาลัย
ผมก็มีออกกำลังกายนิดหน่อยๆ มาตลอด แต่ไม่สม่ำเสมอ ไม่สมดุลย์กับความสามารถในการบริโภคของตัวเอง

เพื่อน ๆ ก็มองเราเป็น Icon ของความอร่อย กินอร่อย กินสนุก และมันก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของผมไป

จนถึงวันนี้ วันที่ผมแบก 138 กก.
หลายครั้งเตี่ยบอกผมในเชิง "ปลอบ" ให้ "ปลง" ว่า  “ อ้วนไม่ได้เสียหายอะไร อย่าโกรธที่ใครมาล้อหรือเรียกเราว่าไอ้อ้วน เพราะนั้นเป็นเอกลักษณ์ของเรา แต่เราต้องพยายามทำอะไรให้คล่องแคล่วเหมือนคนอื่น ๆ เค้า ก็พอ“


เอ้ออ....สบายใจ!!!
ความอ้วนเลยไม่ได้ทำให้ผมเสียความมั่นใจไปสักเท่าไหร่ จากเด็กอ้วน มาสู่วัยรุ่นอ้วน จนกลายเป็น ผู้ใหญ่ที่อ้วนมากในวันนี้

เชื่อไหมครับว่า...ในขณะที่ผมเป็นคนที่ห่างไกลกับการออกกำลังกายด้วยการวิ่งมากที่สุด
แต่กลับต้องมาใกล้ชิดกับคนที่ชอบออกกำลังกาย และ เหล่านักวิ่งมากที่สุด คือช่วงชีวิตการทำงาน ซึ่งเป็นพาร์ทใหญ่สุดในชีวิตแล้ว


ด้วยความคุ้นเคยกับสนามวิ่งเพื่อสุขภาพ
เป็นลูกนักวิ่ง ทำให้ผมมีโอกาสได้เป็นผู้ร่วมจัด ไปจนถึงผู้จัดงานวิ่งในงานวิ่งใหญ่ๆหลายครั้งอาทิ กรุงเทพมาราธอน , จอมบึงมาราธอน , เป็นเวลาถึง 15 ปี

รวมถึงงาน “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” ในครั้งนี้  ผมมีโอกาสได้รับความไว้วางใจจาก สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งๆ ได้เป็นผู้ร่วมคิด ร่วมพัฒนา ร่วมจัดงานมาโดยตลอดตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2555 จนทำให้ผม  "ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่แสนจะแตกต่าง"  ของวงการนี้

ทั้งคิด ทั้งจัด แต่ไม่เคยลงวิ่งเลย มีผู้เชี่ยวชาญการวิ่งและนักวิ่ง หลายต่อหลายคนที่สนิทกัน คุ้นเคยกัน มักจะพูดชวนกระตุ้นให้ผมออกวิ่งเสมอ

“หนุ่ยไปวิ่งกัน"
"หนุ่ยเมื่อไหร่จะวิ่ง"
"หนุ่ยวิ่งเถอะเป็นห่วงนะ”

ผมขอยอมรับตรงนี้เลยว่า
ผมทั้งซาบซึ้ง และ ละอายใจ
มากมาตลอด  


ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไรดี
ผมรู้ตัวดี ว่าผมกลัวความไร้วินัย ของตัวเองมากขนาดไหน  

ผมกลัวไปสารพัด กลัวใจตัวเอง กลัวเหนื่อย กลัวเข่าจะพัง จะหายใจทันมั๊ย ร่างกายที่แบกไขมันไว้จะรับไหวแค่ไหน  วิ่งแต่ละก้าวมันสะเทือนไปทั้งร่างกาย แล้วเราจะเริ่มอย่างไร สิ่งเหล่านี้ฉุดรั้งผมไว้ไม่ให้เริ่มวิ่งเสียที

ก่อนที่ผมจะแพ้ใจตัวเองไปอย่างกู่ไม่กลับ...แต่"โอกาส"ก็เปิดรับผมอีกครั้ง

โครงการ
วิ่งสู่ชีวิตใหม่ RUN FOR NEW LIFE : จะปล่อย หรือจะเปลี่ยน
ครบรอบ 8ปีงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ อยากรู้จักเพื่อนใหม่ 8 คนที่อยากจะเปลี่ยน เปลี่ยนเพื่อมีชีวิตใหม่ ร่างใหม่ ความรู้สึกใหม่ หัวใจดวงใหม่ แข็งแรงยิ่งขึ้น

หากคุณเป็น คนอ้วนลงพุง  ซึมเศร้า  พิการ  ทุพพลภาพ  NCDs  ผิดหวัง ท้อแท้ เบื่อหน่ายชีวิต ออฟฟิศซินโดรม และสำคัญที่สุด คือยังไม่เคยวิ่ง อย่ารอ เพราะเราอยากเจอคุณ ส่งข้อความ ความตั้งใจมาก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 นี้เท่านั้น รายละเอียดโครงการ  
http://pings.in.th/news/view/6610




โครงการนี้ เฟ้นหา 8 คนวัยทำงาน ที่ชีวิตใกล้วิกฤตทั้งทางสุขภาพกายและจิตใจ ที่อยากมีชีวิตใหม่ด้วยการวิ่ง ผ่านการฝึกซ้อมจากผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ โค้ช ทีมงานมืออาชีพ และ มีการตามติดถ่ายทำสารคดีแบบเรียลลิตี้ ในเวลา3เดือนทั้งหมดจะไปจบโครงการด้วยการวิ่ง 10 กิโล ในงานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ปลายปี ที่กำลังจะมาถึง เพื่อเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ที่ประสบปัญหาคล้ายกันนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีถ้าผมได้รับคัดเลือกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ

ในส่วนตัวผมไม่เคยอึดอัด หรือ ศูนย์เสียความมั่นใจในตัวเองจากความอ้วน จนกระทั่งอายุผมเกิน 40 และ น้ำหนักเกิน 130 ขึ้นมา ร่างกายเปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัด เหนื่อยง่าย นอนเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มในบางครั้ง ยาความดันต้องปรับปริมาณเพิ่มขึ้น เครียดง่าย ความคิดสร้างสรรค์ไม่พุ่งพล่านเหมือนก่อน และอีกหลายอย่างภายในที่เรารู้สึกได้ว่ามันด้อยลง เกิดคำถามเราจะไหวไปอีกกี่ปี เราจะดูแลครอบครัว คนที่เรารัก และสมาชิกในทีมงานที่ร่วมแรงทำงานกันมา ไปได้อีกนานแค่ไหน เป็นแรงบันดาลใจแรงจูงใจสำคัญที่ ผมต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ในครั้งนี้ กลับมามีวินัย ใส่ใจตัวเอง รักตัวเองมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น

คุณคิดว่าผมจะไหวมั้ย ที่จะเปลี่ยนชีวิต ผมจะแบกร่าง 138 กก. เข้าเส้นชัยได้มั้ยในวันนั้น

“ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน!! “

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่