รีวิวฝึกงานตปท.
ขอเกริ่นก่อนสักพักใหญ่ๆเพื่อจะได้รู้ความเป็นมา
สวัสดีเราเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส วิชาโทภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพิษณุโลก(คงจะเดาออก) ก่อนอื่นจะบอกว่า เราผลการเรียนพอใช้ได้ เรียนฝรั่งเศสมาตั้งแต่มอสี่
แล้วก็เลือกเรียนต่อในมหาลัย ไม่รู้ทำไมถึงอยากเรียนฝรั่งเศสขนาดนั้น555 รวมแล้วเราเรียนมาทั้งหมด7 ปี โดยประมาน สอบวัดระดับA2 ได้ตอนมอหกและได้B1 ตอนปีสาม และหลังจากนั้นก็ลองสอบB2 ผลก็คือไม่ผ่านจ้า ถือว่าเป็นประสบการณ์
นอกเรื่องแปบบ อยากเล่า
ตลอดการเรียน4 ปีที่มหาลัย ก็ตั้งใจเรียนตลอด เข้าเรียนทุกครั้ง ทำงานส่ง แต่ไม่เคยอ่านหนังสือนะ จนกว่าจะมีสอบ ถึงจะหยิบมาอ่าน
เทคนิคของเราในการเตรียมตัวสอบในแต่ละครั้งคือจะทำสรุปไว้ก่อน1 สัปดาห์ เพื่อใช้เวลาสรุปเนื้อหาในแต่ละวิชา ถ้าสรุปเสร็จวันเดียวก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเสร็จ เลยต้องเผื่อเวลาไว้ก่อน พอถึงสัปดาห์สอบจะหยิบสรุปนั้นมาอ่าน เราจะเข้าใจง่ายขึ้น จำง่ายขึ้น เพราะเนื้อหามันผ่านตาเรามาเเล้วหนึ่งรอบ พอมาอ่านรอบสองจะจำได้ไว เนื้อหาครบ สั้นตามความเข้าใจของเราเอง เรามีนิสัยที่ชอบท่องจำ เพื่อสอบ ท่องได้หมดเลยเนื้อหาที่สรุปไว้อ่า หลับตาท่องตอนขับรถ ตอนอาบน้ำ เป็นต้น แต่เมื่อสอบเสร็จแล้วนั้น ทุกอย่างคือปล่อยคร้าบบ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถือว่าเราสอบเสร็จละ5555 ก็จะประมานนี้ เทคนิคของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ เราต้องเลือกวิธีที่เข้ากับเราให้มากที่สุด อันนี้คือเทคนิคของเรา ซึ่งใช้ได้ผลจริงวิชาเอก ได้เอทุกตัวนะจ๊ะ️ เราเป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือ แล้วก็มักทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เลยมีเวลาไม่มาก เผื่อใครอยากได้เป็นแนวทางในการเรียน
ระหว่างเรียน เราหาทุนไปตปท.ตลอดส่วนมากได้ไปปท.ในแถบเอเชีย เพื่อเปิดโลกทัศน์ตัวเอง เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ฝึกภาษา เจอเพื่อนใหม่ ลองใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ถือว่าดีมากนะ อยากให้ลองพยายามไปให้ได้ มันได้อะไรกลับมาเยอะแยะเลย
มาถึงเรื่องฝึกงาน เราเรียนฝรั่งเศสมาตั้งนาน ก็มีความหวังว่าจะต้องได้ไปสักครั้ง ตอนปีสี่เทอมสอง มอเราจะให้ออกฝึกงานหนึ่งเทอม ซึ่งตอนนั้นมีสหกิจต่างประเทศ เป็นทุนของภาค เอาละวะ น่าจะได้ไปอย่างรุ่นพี่บ้าง เราเตรียมตัวหาข้อมูลและอาจารย์ก็ช่วยหาสถานที่ฝึกงานให้ สู้กันมาก ไฝว้ทุกปัญหา แต่ผลสุดท้าย จบที่ว่า ไม่ผ่านทุน ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องของงบประมานทุน ระยะเวลาและสถานที่ฝึกงานของรัฐในฝรั่งเศส( หาที่ฝึกยากมาก) อดเลยเรา ในใจของเราก็มีความกลัวด้วย กล้าๆกลัวๆ ถ้าฝึกที่ตปทโครงงานต้องทำคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว พูดไม่ค่อยได้ จะรอดไหมวะ ฝึกที่ไทยก็ได้มั้ง คิดคิดคิด คิดหนัก สรุปจบตรงที่ฝึกงานที่ภูเก็ตจ้า โรงเเรมห้าดาว แต่เราไม่ผิดหวังเลย ที่ได้ฝึกงานที่นี่ เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง รู้ถึงความบกพร่องของตนเองเยอะดี เช่นเรื่องของภาษา เมื่อเราไม่เคยได้ใช้ เรียนกับหนังสืออย่างเดียว พอถึงเวลาใช้จริงน่ะหรอ หึหึ พูดเเทบไม่ได้เลย ฟังก็ไม่ค่อยออก อาจเป็นเพราะเราเจอแขกมากมายจากหลายปท หลายสำเนียงด้วย เลยต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ
ต่อมา~~ เราชอบหลบแขก ไม่กล้าเข้าหา เพราะกลัวจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง ไม่กล้าแสดงออก นี่แหละปัญหาใหญ่ ถ้าไม่กล้า แล้วเมื่อไหร่จะเก่งล่ะ บอกตัวเองตลอด สุดท้ายก็ไม่กล้าอยู่ดี ต้องใช้เวลาการปรับตัว ประกอบกับประสบการณ์>< (ปลอบใจตัวเอง)
พอฝึกงานจบนำเสนองานโครงงานเสร็จ เรียนจบละ รอรับปริญญา รู้สึกชีวิตยังไม่มีอะไร ไขว่เขว จะทำอะไรดีว้าาาาา จะหยุดแค่ตรงนี้ แล้วทำงานกับที่บ้านเลยหรอ( รู้ตัวอยู่แล้วว่าเรียนจบ จะทำงานที่บ้าน) มันรู้สึกยังไม่สุด หาประสบการณ์ต่ออีกสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาทำงานหาเงินเต็มตัว เผื่อจะค้นหาตัวเองเจอ ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เผื่อเจอทางที่ดีกว่าทำงานที่บ้าน เอาวะ ลองสักครั้ง เสียดายความรู้ที่ได้เรียนมาด้วย เดี๋ยวจะไม่ได้ใช้ (คิดในใจ) พี่ชายเราเสนอให้ลองออกไปใช้ชีวิตข้างนอกดูบ้าง ไอ้เราก็อยากเลยจ้าาา เห็นเพื่อนไปทำออเเพร์ที่ตปท เอาบ้างว่ะ อยากไปฝรั่งเศสเรียนมาตั้งนาน ขอให้ได้ไปสักครั้ง สำหรับเรา ถ้าไปเที่ยวใช้เงินเยอะ เงินหมดเร็ว ไม่มีเวลาซึมซับเรียนรู้วัฒนธรรมของคนฝรั่งเศสหรอก งั้นไปแบบฝึกงานละกัน นานดี พอดีเจอโครงการฝึกงานที่ฝรั่งเศสของบริษัทหนึ่ง ให้เลือกระยะเวลาได้3-6 เดือน
เราเล่นใหญ่อยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนานๆ เลือก6 เดือนเลยละกัน(แล้วเป็นไงล่ะตอนนี้ผ่านมา2 เดือนอยากกลับไทยละ) ตัดสินใจส่งเรซูเม่ไปที่บริษัท เค้ามีเงื่อนไขคุณสมบัติระบุอยู่ ลองศึกษาดีๆว่า เราจะมีคุณสมบัติตรงตามนั้นรึป่าว ส่วนมากเค้ารับเด็กที่เรียนเกี่ยวกับอาหาร การโรงแรม แต่เรานั้น— — “ เรียนภาษาฝรั่งเศสอย่างเดียว แต่ยังดีที่ว่าเคยฝึกงานที่โรงแรม 4 เดือน เรียนวิชาเอกเลือกเกี่ยวกับการโรงเเรม อาหาร เลยพอมีสิทธิ์
พอส่งประวัติส่วนตัว เค้าก็ติดต่อกลับมาเพื่อนัดสัมภาษาณ์
สัมภาษณ์ไม่มีอะไรมากเลย ถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับเรา ชื่อเรียนอะไรมา อยากฝึกงานที่โรงแรมไหน เมืองไหน เป็นภาษาฝรั่งเศสนะ เหมือนเค้าทดสอบความรู้ทางด้านภาษาด้วยแหละ ว่าพอสื่อสารรู้เรื่องไหม จากนั้นก็เสร็จสิ้น คนสัมภาษณ์ก็ขอช่องทางติดต่อเพื่อเอาชื่อโรงเเรมมาให้เลือก แล้วเผื่อว่ามีปัญหาจะได้สอบถามเค้าได้โดยตรง
โดยระยะเวลาในการดำเนินการประมาน 6 เดือนได้ ต้องรอการตอบรับจากโรงแรม เอกสารจากกรมแรงงานที่ฝรั่งเศสบราาๆๆๆ เราต้องเป็นคนตามเรื่องกับบริษัทตลอด ไม่งั้นช้ามาก แล้วพนักงานของบริษัท เค้าจะคอยบอกเราว่าตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนแล้ว ต้องรออะไร เมื่อไหร่จะต้องทำพาสปอร์ต เป็นต้น เเต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม หรือตามเรื่องทุกอย่าง ก็แค่เมลล์ไปถาม เพื่อเป็นการกระตุ้นอีกทางหนึ่ง
ระหว่างรอทำเรื่องอะหรอ เราก็ทำงาน รีบปั๊มเงิน เตรียมตัวอะไรหลายๆอย่าง อีกอย่างที่เราไม่ค่อยรีบคือเรารอรับปริญญาก่อน แล้วค่อยไปฝึกงาน เราเลือกฝึกช่วงมีนาคมถึงสิงหาคม62
เรื่องเอกสารของเราจะทำค่อนข้างยาก เพราะเรียนจบแล้ว มอไม่สามารถรับรองอะไรเราได้เลย เช่น เอกสารรับรองว่า เราฝึกงานจบแล้วจะกลับไทย(ฝรั่งเศสเค้ากลัวเราไปฝึกงานแล้วไม่กลับ กฎหมายเค้าแรงอยู่เรื่องนี้) เป็นต้น แต่โชคดีที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเขียนจดหมายรับรองให้ ช่วยเหลือเกี่ยวกับเอกสารทุกอย่าง ซึ่งมันเสี่ยงมากนะ ถ้าอาจารย์ไม่เชื่อใจเรา เค้าไม่ยอมลงทุนเซนต์รับรองให้เราหรอก เพราะมันหมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของอาจารย์เลย(ขอบคุณอาจารย์) พอรวบรวมเอกสารต่างๆเรียบร้อย ขั้นตอนสุดท้ายคือทำเรื่องขอวีซ่า ตามลิสเลยจ้าา ของที่บริษัทบอกมา มีอะไรยื่นไปให้หมด ให้เกินดีกว่าขาด เพราะจะเสียเวลาทีหลัง อาจจะเสียเงินเพิ่มในการยื่นเอกสารอีกนรอบนึง เนื่องจากเรานั้นก็โดนมาเเล้ว กำลังนั่งรอไฟต์กลับพิษณุโลก สถานทูตโทรมาว่า อยากได้เอกสารเพิ่ม(ซึ่งเราไม่ได้ใส่ไปเพราะในลิสของTLS ไม่ระบุ เลยไม่กล้า
สรุปมีอะไร ใส่ไปให้หมด และก็เอกสารพยายามให้ตัวอักษรชัดเจน ตอนปริ้นดูให้ดีๆ) เรารีบนั่งเเท็คซีกลับไปที่TLS เพื่อยื่นเอกสารในส่วนที่เหลือ แล้วก็รีบกลับไปสนามบิน เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ลุ้นแทบแย่ เพราะไม่อยากกลับมากทม.วันอื่นแล้ว ดีนะที่ไฟต์กลับของเรา มันตอนเย็นโชคดีไป ~~
จากนั้นประมาน1-2 สัปดาห์มั้ง เล่มก็ส่งกลับมาที่บ้าน พร้อมวีซ่าคร่าาาาา ผ่านฉลุย
ขั้นตอนต่อมา ทำการซื้อตั๋ว เราซื้อเเค่ขาไป ขากลับไม่ได้ซื้อ เพราะไม่รู้ว่าจะกลับวันไหน เราได้วีซ่าเกินมา1 เดือน เผือเที่ยวเลยไม่ซื้อ ในใจก็กลัวว่าจะผ่านตม.ไหมบลาๆๆ (ตอนยื่นวีซ่าก้ไม่มีใบจองตั๋วเครื่องบินนะ)
ช่วงผ่านตม. นึกว่าจะยาก เพราะจากที่ฟังๆมา รุ่นพี่ต้องตอบคำถามนู้นนี่นั้น แต่ของเราไม่มีถามจ้า ยื่นเล่ม พนักงานปั๊มอย่างเดียว เดินผ่านโล้ด อันนี้แล้วแต่ดวง ถ้าเอกสารเราครบ ก้ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก
จะบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ ทำอะไรทุกอย่างคนเดียว จากการที่ชอบทำอะไรต้องมีเพื่อนตลอด ไปไหนมาไหนอย่างน้อยมีเพื่อนสักคนก็ยังดี แต่เราพยายามก้าวข้ามผ่านความกลัว ความไม่กล้าไปให้ได้ หัดทำอะไรด้วยตนเอง โตขนาดนี้ละ ถ้าไม่เริ่มอยู่คนเดียวให้เป็น จะโตได้อย่างไร ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดหรอก(คิดในใจเสมอ พร้อมบอกตัวเอง เอาวะสู้! )
เราเลือกไฟต์แบบต่อเครื่องที่ชางฮี ตั๋วหมื่นห้าของสิงค์โปร์แอร์ไลน์(ดีอยู่นะ ชอบๆ) เกิดมาไม่เคยจะนั่งเครื่องไกล แล้วดันต่อเครื่องด้วย ก็เดินสุ่มๆเดินตามๆเค้าไป ก็รอดมาได้ สนุกดี เดินผิดเดินถูก ถามพนักงานเอา คนสิงค์โปร์พูดอังกฤษสำเนียงได้อยู่เด้อ จนถึงกับเราฟังไม่ทันอ่ะ เพราะห่างหายจากการใช้ภาษามานาน พอมารื้อฟื้นก้ต้องใช้เวลานิดนึง แค่พนักงานถามว่าจะเอาอาหารอะไรคะ เรายังฟังไม่ทันเล๊ย จับได้เป็นคำๆ รอดตัวไป ชิคเก้น พอร์ค บีฟ ประมานนี้(มีความดั้นด้นมาก)
ก่อนจะมา เราก็มีการเตรียมตัวนะ ว่าเมื่อเราถึงสนามบินแล้วเราจะเดินทางไปโรงแรมยังไง โชคดีอีกละ มีน้องที่รู้จักจากการเข้าค่ายตปท แนะนำวิธีการเดินทาง ว่าใช้แอพพลิเคชั่นนี้สิ มันบอกการเดินทางทุกอย่างเลย แล้วก้เรื่องการใช้ซิมบลาๆๆๆๆ(เราแนะนำให้ซื้อซิมจากที่ไทยติดตัวมานะจ๊ะ ไม่งั้นเดินทางลำบาก อย่างน้อยจะได้มีกูเกิ้ลเเมพเป็นเพื่อน555 ซิมทูไฟของเอไอเอสดีนะเน็ตแรง เเพงนิดหน่อย) นางคอยถามไถ่อยุ่เป็นระยะ ขอบคุนมากก นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดี ของการทำกิจกรรมเข้าค่าย ทำให้เรามีเพื่อนเยอะขึ้น จากถิ่นต่างแดนเยี่ยม!
เมื่อเท้าก้าวออกมาจะสนามบินเท่านั้นแหละ เสื้อกันหนาวข้าอยู่ไหนนนนน’ หนาวจัดต้องรีบหยิบมาใส่ จากนั้นก้เดินไปซื้อตั๋ว ตอนแรกซื้อจากเครื่องอัตโนมัต ไม่รอดจ้า เลยไปซื้อกับพนักงาน เเล้วก้เดินไปนั่งรอรถไฟฟ้า เราก้ไม่รู้อะไรหรอก เดินดุ่มๆ อ่านป้ายไปเรื่อย เดินตามคนอื่นบ้างอะไรบ้างไม่รีบเพราะมาถึงฝรั่งเศสตอนเช้า มีเวลาเดินทางเยอะ ไม่กลัวมืด ยังดีที่โรงเเรมที่เราเลือกนั้น เดินทางไม่ลำบากมาก รถสาธารณะเข้าถึง ใกล้ปารีส ห่างกันประมาน30 นาที นั่งรถไฟฟ้า ในใจก็หวั่นๆ ว่าจะหลงไหมวะ แต่สยบตัวเองด้วยการมีสติตลอดเวลา มันมีป้ายบอกตลอดทุกที่ เปลี่ยนสถานนีไหนอะไรยังไง พยายามอ่านป้ายเอา ไม่ต้องรีบนะเดี๋ยวขึ้นรถไฟผิดขบวน หลงแล้วเป็นเรื่องอีก เพราะเกือบจะเป็นแบบนั้นแล้ว อิอิ(ไม่มีใครมารับที่สนามบิน เรามีสัมภาระกระเป๋าใหญ่25 โล กระเป๋าโน็ตบุ๊ค เป๋าตังแนบตัว ลากกันเข้าไป ยกหนัก บางสถานนีมันไม่มีบันไดเลือน แทบตาย อีกทั้งต้องระวังตัวตลอดเวลา เพราะในปารีสวิ่งราวกันเยอะอยู่) และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง มันมีอีกเยอะแยะมากมายที่ไม่ได้เล่า อิอิ
การเลือกโรงแรม—อยู่ที่ดวงของเราแล้วแหละ! ตอนที่สมัครผ่านบริษัท เค้าจะถามเราว่า ชอบอยู่แบบในเมืองหรือชนบท เราก็ตอบไป แล้วเค้าก้จะเสนอชื่อโรงแรมมาให้เรานั้นเลือกเอง ไอ่เราก้เข้าไปเช็คในเน็ต ทุกอย่างดูดี น่าอยู่ แต่พอมาอยู่จริงๆ อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดไว้ก้ได้นะ ยกตัวอย่างแบบของเราเอง555 (แนะนำเลือกโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะๆใหญ่หน่อย มีชื่อ เป็นโรงแรมchain มีหลายสาขา)เราเลือกเลยจ้าแบบในเมืองใกล้ปารีส(โรงเเรมแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่เมืองst germain en laye และอยู่ตรงข้ามศูนย์เอนเทอร์เทนเมนต์ที่มีชื่อเสียง (*****ย้ำว่ามันเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ) มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแหละไม่ว่าจะอยู่ไหน แต่ถ้าเลือกได้ก้อยากไปโรงแรมอื่นมั้ง~
มาเริ่มที่เรื่องดีๆของโรงแรมนี้ก่อน เป็นโรงแรมที่ถือว่ามีชื่อเสียงในระดับนึงเลย จะดังในเรื่องของร้านอาหาร ส่วนห้องพักมีไม่กี่ห้องเอง แขกมาทานข้าวเยอะมาก มาแบบจัดสัมนา งานแต่ง เหมือนโรงแรมทั่วๆไป อาหารที่นี่ก็แปลก แตกต่างไปจากบ้านเรา เน้นของคุณภาพดี ทำเองหมด ถ้าได้ฝึกงานที่นี่ก้จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมการกิน การทำอาหาร การเสิร์ฟ การใช้ช้อนส้อม ซึ่งถือว่าตระการตามาก เยอะแยะเชียว ถือว่าได้เรียนรู้งานเยอะมาก เค้าไม่หวงหรือปิดกั้นนะ เค้าก้บอกหมดแหละ ว่าทำอะไรยังไง(เราไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการโรงแรมหรืออาหารมาโดยตรง เลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแค่ภาษาอย่างเดียว แล้วมาเรียนรู้จากที่นี่อีกที มันสนุกนะ เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเวลา ตื่นเต้นดี) เพื่อนร่วมงานดี น่ารักทุกคนเลย️
ยังมีต่อข้างล่างนะ
[CR] ฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศส
ขอเกริ่นก่อนสักพักใหญ่ๆเพื่อจะได้รู้ความเป็นมา
สวัสดีเราเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส วิชาโทภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพิษณุโลก(คงจะเดาออก) ก่อนอื่นจะบอกว่า เราผลการเรียนพอใช้ได้ เรียนฝรั่งเศสมาตั้งแต่มอสี่
แล้วก็เลือกเรียนต่อในมหาลัย ไม่รู้ทำไมถึงอยากเรียนฝรั่งเศสขนาดนั้น555 รวมแล้วเราเรียนมาทั้งหมด7 ปี โดยประมาน สอบวัดระดับA2 ได้ตอนมอหกและได้B1 ตอนปีสาม และหลังจากนั้นก็ลองสอบB2 ผลก็คือไม่ผ่านจ้า ถือว่าเป็นประสบการณ์
นอกเรื่องแปบบ อยากเล่า
ตลอดการเรียน4 ปีที่มหาลัย ก็ตั้งใจเรียนตลอด เข้าเรียนทุกครั้ง ทำงานส่ง แต่ไม่เคยอ่านหนังสือนะ จนกว่าจะมีสอบ ถึงจะหยิบมาอ่าน
เทคนิคของเราในการเตรียมตัวสอบในแต่ละครั้งคือจะทำสรุปไว้ก่อน1 สัปดาห์ เพื่อใช้เวลาสรุปเนื้อหาในแต่ละวิชา ถ้าสรุปเสร็จวันเดียวก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเสร็จ เลยต้องเผื่อเวลาไว้ก่อน พอถึงสัปดาห์สอบจะหยิบสรุปนั้นมาอ่าน เราจะเข้าใจง่ายขึ้น จำง่ายขึ้น เพราะเนื้อหามันผ่านตาเรามาเเล้วหนึ่งรอบ พอมาอ่านรอบสองจะจำได้ไว เนื้อหาครบ สั้นตามความเข้าใจของเราเอง เรามีนิสัยที่ชอบท่องจำ เพื่อสอบ ท่องได้หมดเลยเนื้อหาที่สรุปไว้อ่า หลับตาท่องตอนขับรถ ตอนอาบน้ำ เป็นต้น แต่เมื่อสอบเสร็จแล้วนั้น ทุกอย่างคือปล่อยคร้าบบ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถือว่าเราสอบเสร็จละ5555 ก็จะประมานนี้ เทคนิคของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ เราต้องเลือกวิธีที่เข้ากับเราให้มากที่สุด อันนี้คือเทคนิคของเรา ซึ่งใช้ได้ผลจริงวิชาเอก ได้เอทุกตัวนะจ๊ะ️ เราเป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือ แล้วก็มักทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เลยมีเวลาไม่มาก เผื่อใครอยากได้เป็นแนวทางในการเรียน
ระหว่างเรียน เราหาทุนไปตปท.ตลอดส่วนมากได้ไปปท.ในแถบเอเชีย เพื่อเปิดโลกทัศน์ตัวเอง เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ฝึกภาษา เจอเพื่อนใหม่ ลองใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ถือว่าดีมากนะ อยากให้ลองพยายามไปให้ได้ มันได้อะไรกลับมาเยอะแยะเลย
มาถึงเรื่องฝึกงาน เราเรียนฝรั่งเศสมาตั้งนาน ก็มีความหวังว่าจะต้องได้ไปสักครั้ง ตอนปีสี่เทอมสอง มอเราจะให้ออกฝึกงานหนึ่งเทอม ซึ่งตอนนั้นมีสหกิจต่างประเทศ เป็นทุนของภาค เอาละวะ น่าจะได้ไปอย่างรุ่นพี่บ้าง เราเตรียมตัวหาข้อมูลและอาจารย์ก็ช่วยหาสถานที่ฝึกงานให้ สู้กันมาก ไฝว้ทุกปัญหา แต่ผลสุดท้าย จบที่ว่า ไม่ผ่านทุน ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องของงบประมานทุน ระยะเวลาและสถานที่ฝึกงานของรัฐในฝรั่งเศส( หาที่ฝึกยากมาก) อดเลยเรา ในใจของเราก็มีความกลัวด้วย กล้าๆกลัวๆ ถ้าฝึกที่ตปทโครงงานต้องทำคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว พูดไม่ค่อยได้ จะรอดไหมวะ ฝึกที่ไทยก็ได้มั้ง คิดคิดคิด คิดหนัก สรุปจบตรงที่ฝึกงานที่ภูเก็ตจ้า โรงเเรมห้าดาว แต่เราไม่ผิดหวังเลย ที่ได้ฝึกงานที่นี่ เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง รู้ถึงความบกพร่องของตนเองเยอะดี เช่นเรื่องของภาษา เมื่อเราไม่เคยได้ใช้ เรียนกับหนังสืออย่างเดียว พอถึงเวลาใช้จริงน่ะหรอ หึหึ พูดเเทบไม่ได้เลย ฟังก็ไม่ค่อยออก อาจเป็นเพราะเราเจอแขกมากมายจากหลายปท หลายสำเนียงด้วย เลยต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ
ต่อมา~~ เราชอบหลบแขก ไม่กล้าเข้าหา เพราะกลัวจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง ไม่กล้าแสดงออก นี่แหละปัญหาใหญ่ ถ้าไม่กล้า แล้วเมื่อไหร่จะเก่งล่ะ บอกตัวเองตลอด สุดท้ายก็ไม่กล้าอยู่ดี ต้องใช้เวลาการปรับตัว ประกอบกับประสบการณ์>< (ปลอบใจตัวเอง)
พอฝึกงานจบนำเสนองานโครงงานเสร็จ เรียนจบละ รอรับปริญญา รู้สึกชีวิตยังไม่มีอะไร ไขว่เขว จะทำอะไรดีว้าาาาา จะหยุดแค่ตรงนี้ แล้วทำงานกับที่บ้านเลยหรอ( รู้ตัวอยู่แล้วว่าเรียนจบ จะทำงานที่บ้าน) มันรู้สึกยังไม่สุด หาประสบการณ์ต่ออีกสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาทำงานหาเงินเต็มตัว เผื่อจะค้นหาตัวเองเจอ ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เผื่อเจอทางที่ดีกว่าทำงานที่บ้าน เอาวะ ลองสักครั้ง เสียดายความรู้ที่ได้เรียนมาด้วย เดี๋ยวจะไม่ได้ใช้ (คิดในใจ) พี่ชายเราเสนอให้ลองออกไปใช้ชีวิตข้างนอกดูบ้าง ไอ้เราก็อยากเลยจ้าาา เห็นเพื่อนไปทำออเเพร์ที่ตปท เอาบ้างว่ะ อยากไปฝรั่งเศสเรียนมาตั้งนาน ขอให้ได้ไปสักครั้ง สำหรับเรา ถ้าไปเที่ยวใช้เงินเยอะ เงินหมดเร็ว ไม่มีเวลาซึมซับเรียนรู้วัฒนธรรมของคนฝรั่งเศสหรอก งั้นไปแบบฝึกงานละกัน นานดี พอดีเจอโครงการฝึกงานที่ฝรั่งเศสของบริษัทหนึ่ง ให้เลือกระยะเวลาได้3-6 เดือน
เราเล่นใหญ่อยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนานๆ เลือก6 เดือนเลยละกัน(แล้วเป็นไงล่ะตอนนี้ผ่านมา2 เดือนอยากกลับไทยละ) ตัดสินใจส่งเรซูเม่ไปที่บริษัท เค้ามีเงื่อนไขคุณสมบัติระบุอยู่ ลองศึกษาดีๆว่า เราจะมีคุณสมบัติตรงตามนั้นรึป่าว ส่วนมากเค้ารับเด็กที่เรียนเกี่ยวกับอาหาร การโรงแรม แต่เรานั้น— — “ เรียนภาษาฝรั่งเศสอย่างเดียว แต่ยังดีที่ว่าเคยฝึกงานที่โรงแรม 4 เดือน เรียนวิชาเอกเลือกเกี่ยวกับการโรงเเรม อาหาร เลยพอมีสิทธิ์
พอส่งประวัติส่วนตัว เค้าก็ติดต่อกลับมาเพื่อนัดสัมภาษาณ์
สัมภาษณ์ไม่มีอะไรมากเลย ถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับเรา ชื่อเรียนอะไรมา อยากฝึกงานที่โรงแรมไหน เมืองไหน เป็นภาษาฝรั่งเศสนะ เหมือนเค้าทดสอบความรู้ทางด้านภาษาด้วยแหละ ว่าพอสื่อสารรู้เรื่องไหม จากนั้นก็เสร็จสิ้น คนสัมภาษณ์ก็ขอช่องทางติดต่อเพื่อเอาชื่อโรงเเรมมาให้เลือก แล้วเผื่อว่ามีปัญหาจะได้สอบถามเค้าได้โดยตรง
โดยระยะเวลาในการดำเนินการประมาน 6 เดือนได้ ต้องรอการตอบรับจากโรงแรม เอกสารจากกรมแรงงานที่ฝรั่งเศสบราาๆๆๆ เราต้องเป็นคนตามเรื่องกับบริษัทตลอด ไม่งั้นช้ามาก แล้วพนักงานของบริษัท เค้าจะคอยบอกเราว่าตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนแล้ว ต้องรออะไร เมื่อไหร่จะต้องทำพาสปอร์ต เป็นต้น เเต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม หรือตามเรื่องทุกอย่าง ก็แค่เมลล์ไปถาม เพื่อเป็นการกระตุ้นอีกทางหนึ่ง
ระหว่างรอทำเรื่องอะหรอ เราก็ทำงาน รีบปั๊มเงิน เตรียมตัวอะไรหลายๆอย่าง อีกอย่างที่เราไม่ค่อยรีบคือเรารอรับปริญญาก่อน แล้วค่อยไปฝึกงาน เราเลือกฝึกช่วงมีนาคมถึงสิงหาคม62
เรื่องเอกสารของเราจะทำค่อนข้างยาก เพราะเรียนจบแล้ว มอไม่สามารถรับรองอะไรเราได้เลย เช่น เอกสารรับรองว่า เราฝึกงานจบแล้วจะกลับไทย(ฝรั่งเศสเค้ากลัวเราไปฝึกงานแล้วไม่กลับ กฎหมายเค้าแรงอยู่เรื่องนี้) เป็นต้น แต่โชคดีที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเขียนจดหมายรับรองให้ ช่วยเหลือเกี่ยวกับเอกสารทุกอย่าง ซึ่งมันเสี่ยงมากนะ ถ้าอาจารย์ไม่เชื่อใจเรา เค้าไม่ยอมลงทุนเซนต์รับรองให้เราหรอก เพราะมันหมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของอาจารย์เลย(ขอบคุณอาจารย์) พอรวบรวมเอกสารต่างๆเรียบร้อย ขั้นตอนสุดท้ายคือทำเรื่องขอวีซ่า ตามลิสเลยจ้าา ของที่บริษัทบอกมา มีอะไรยื่นไปให้หมด ให้เกินดีกว่าขาด เพราะจะเสียเวลาทีหลัง อาจจะเสียเงินเพิ่มในการยื่นเอกสารอีกนรอบนึง เนื่องจากเรานั้นก็โดนมาเเล้ว กำลังนั่งรอไฟต์กลับพิษณุโลก สถานทูตโทรมาว่า อยากได้เอกสารเพิ่ม(ซึ่งเราไม่ได้ใส่ไปเพราะในลิสของTLS ไม่ระบุ เลยไม่กล้า
สรุปมีอะไร ใส่ไปให้หมด และก็เอกสารพยายามให้ตัวอักษรชัดเจน ตอนปริ้นดูให้ดีๆ) เรารีบนั่งเเท็คซีกลับไปที่TLS เพื่อยื่นเอกสารในส่วนที่เหลือ แล้วก็รีบกลับไปสนามบิน เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ลุ้นแทบแย่ เพราะไม่อยากกลับมากทม.วันอื่นแล้ว ดีนะที่ไฟต์กลับของเรา มันตอนเย็นโชคดีไป ~~
จากนั้นประมาน1-2 สัปดาห์มั้ง เล่มก็ส่งกลับมาที่บ้าน พร้อมวีซ่าคร่าาาาา ผ่านฉลุย
ขั้นตอนต่อมา ทำการซื้อตั๋ว เราซื้อเเค่ขาไป ขากลับไม่ได้ซื้อ เพราะไม่รู้ว่าจะกลับวันไหน เราได้วีซ่าเกินมา1 เดือน เผือเที่ยวเลยไม่ซื้อ ในใจก็กลัวว่าจะผ่านตม.ไหมบลาๆๆ (ตอนยื่นวีซ่าก้ไม่มีใบจองตั๋วเครื่องบินนะ)
ช่วงผ่านตม. นึกว่าจะยาก เพราะจากที่ฟังๆมา รุ่นพี่ต้องตอบคำถามนู้นนี่นั้น แต่ของเราไม่มีถามจ้า ยื่นเล่ม พนักงานปั๊มอย่างเดียว เดินผ่านโล้ด อันนี้แล้วแต่ดวง ถ้าเอกสารเราครบ ก้ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก
จะบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ ทำอะไรทุกอย่างคนเดียว จากการที่ชอบทำอะไรต้องมีเพื่อนตลอด ไปไหนมาไหนอย่างน้อยมีเพื่อนสักคนก็ยังดี แต่เราพยายามก้าวข้ามผ่านความกลัว ความไม่กล้าไปให้ได้ หัดทำอะไรด้วยตนเอง โตขนาดนี้ละ ถ้าไม่เริ่มอยู่คนเดียวให้เป็น จะโตได้อย่างไร ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดหรอก(คิดในใจเสมอ พร้อมบอกตัวเอง เอาวะสู้! )
เราเลือกไฟต์แบบต่อเครื่องที่ชางฮี ตั๋วหมื่นห้าของสิงค์โปร์แอร์ไลน์(ดีอยู่นะ ชอบๆ) เกิดมาไม่เคยจะนั่งเครื่องไกล แล้วดันต่อเครื่องด้วย ก็เดินสุ่มๆเดินตามๆเค้าไป ก็รอดมาได้ สนุกดี เดินผิดเดินถูก ถามพนักงานเอา คนสิงค์โปร์พูดอังกฤษสำเนียงได้อยู่เด้อ จนถึงกับเราฟังไม่ทันอ่ะ เพราะห่างหายจากการใช้ภาษามานาน พอมารื้อฟื้นก้ต้องใช้เวลานิดนึง แค่พนักงานถามว่าจะเอาอาหารอะไรคะ เรายังฟังไม่ทันเล๊ย จับได้เป็นคำๆ รอดตัวไป ชิคเก้น พอร์ค บีฟ ประมานนี้(มีความดั้นด้นมาก)
ก่อนจะมา เราก็มีการเตรียมตัวนะ ว่าเมื่อเราถึงสนามบินแล้วเราจะเดินทางไปโรงแรมยังไง โชคดีอีกละ มีน้องที่รู้จักจากการเข้าค่ายตปท แนะนำวิธีการเดินทาง ว่าใช้แอพพลิเคชั่นนี้สิ มันบอกการเดินทางทุกอย่างเลย แล้วก้เรื่องการใช้ซิมบลาๆๆๆๆ(เราแนะนำให้ซื้อซิมจากที่ไทยติดตัวมานะจ๊ะ ไม่งั้นเดินทางลำบาก อย่างน้อยจะได้มีกูเกิ้ลเเมพเป็นเพื่อน555 ซิมทูไฟของเอไอเอสดีนะเน็ตแรง เเพงนิดหน่อย) นางคอยถามไถ่อยุ่เป็นระยะ ขอบคุนมากก นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดี ของการทำกิจกรรมเข้าค่าย ทำให้เรามีเพื่อนเยอะขึ้น จากถิ่นต่างแดนเยี่ยม!
เมื่อเท้าก้าวออกมาจะสนามบินเท่านั้นแหละ เสื้อกันหนาวข้าอยู่ไหนนนนน’ หนาวจัดต้องรีบหยิบมาใส่ จากนั้นก้เดินไปซื้อตั๋ว ตอนแรกซื้อจากเครื่องอัตโนมัต ไม่รอดจ้า เลยไปซื้อกับพนักงาน เเล้วก้เดินไปนั่งรอรถไฟฟ้า เราก้ไม่รู้อะไรหรอก เดินดุ่มๆ อ่านป้ายไปเรื่อย เดินตามคนอื่นบ้างอะไรบ้างไม่รีบเพราะมาถึงฝรั่งเศสตอนเช้า มีเวลาเดินทางเยอะ ไม่กลัวมืด ยังดีที่โรงเเรมที่เราเลือกนั้น เดินทางไม่ลำบากมาก รถสาธารณะเข้าถึง ใกล้ปารีส ห่างกันประมาน30 นาที นั่งรถไฟฟ้า ในใจก็หวั่นๆ ว่าจะหลงไหมวะ แต่สยบตัวเองด้วยการมีสติตลอดเวลา มันมีป้ายบอกตลอดทุกที่ เปลี่ยนสถานนีไหนอะไรยังไง พยายามอ่านป้ายเอา ไม่ต้องรีบนะเดี๋ยวขึ้นรถไฟผิดขบวน หลงแล้วเป็นเรื่องอีก เพราะเกือบจะเป็นแบบนั้นแล้ว อิอิ(ไม่มีใครมารับที่สนามบิน เรามีสัมภาระกระเป๋าใหญ่25 โล กระเป๋าโน็ตบุ๊ค เป๋าตังแนบตัว ลากกันเข้าไป ยกหนัก บางสถานนีมันไม่มีบันไดเลือน แทบตาย อีกทั้งต้องระวังตัวตลอดเวลา เพราะในปารีสวิ่งราวกันเยอะอยู่) และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง มันมีอีกเยอะแยะมากมายที่ไม่ได้เล่า อิอิ
การเลือกโรงแรม—อยู่ที่ดวงของเราแล้วแหละ! ตอนที่สมัครผ่านบริษัท เค้าจะถามเราว่า ชอบอยู่แบบในเมืองหรือชนบท เราก็ตอบไป แล้วเค้าก้จะเสนอชื่อโรงแรมมาให้เรานั้นเลือกเอง ไอ่เราก้เข้าไปเช็คในเน็ต ทุกอย่างดูดี น่าอยู่ แต่พอมาอยู่จริงๆ อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดไว้ก้ได้นะ ยกตัวอย่างแบบของเราเอง555 (แนะนำเลือกโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะๆใหญ่หน่อย มีชื่อ เป็นโรงแรมchain มีหลายสาขา)เราเลือกเลยจ้าแบบในเมืองใกล้ปารีส(โรงเเรมแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่เมืองst germain en laye และอยู่ตรงข้ามศูนย์เอนเทอร์เทนเมนต์ที่มีชื่อเสียง (*****ย้ำว่ามันเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ) มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแหละไม่ว่าจะอยู่ไหน แต่ถ้าเลือกได้ก้อยากไปโรงแรมอื่นมั้ง~
มาเริ่มที่เรื่องดีๆของโรงแรมนี้ก่อน เป็นโรงแรมที่ถือว่ามีชื่อเสียงในระดับนึงเลย จะดังในเรื่องของร้านอาหาร ส่วนห้องพักมีไม่กี่ห้องเอง แขกมาทานข้าวเยอะมาก มาแบบจัดสัมนา งานแต่ง เหมือนโรงแรมทั่วๆไป อาหารที่นี่ก็แปลก แตกต่างไปจากบ้านเรา เน้นของคุณภาพดี ทำเองหมด ถ้าได้ฝึกงานที่นี่ก้จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมการกิน การทำอาหาร การเสิร์ฟ การใช้ช้อนส้อม ซึ่งถือว่าตระการตามาก เยอะแยะเชียว ถือว่าได้เรียนรู้งานเยอะมาก เค้าไม่หวงหรือปิดกั้นนะ เค้าก้บอกหมดแหละ ว่าทำอะไรยังไง(เราไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการโรงแรมหรืออาหารมาโดยตรง เลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแค่ภาษาอย่างเดียว แล้วมาเรียนรู้จากที่นี่อีกที มันสนุกนะ เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเวลา ตื่นเต้นดี) เพื่อนร่วมงานดี น่ารักทุกคนเลย️
ยังมีต่อข้างล่างนะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้