สวัสดีค่ะ เราอายุ 23 ปี ตอนนี้มาฝึกงานเทอมสุดท้ายอยู่ที่ ญี่ปุ่น เดือนหน้า ก็จะกลับไทยแล้ว แต่เรารู้สึกอึดอัดมากๆเลย เพราะเราแอบชอบเซนเซย์คนนึง เรื่องมันเริ่มจาก ......
ประมาณต้นเดือน ก.พ. เราตัดสินใจที่จะออกฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไปติดต่อทางคณะ ว่าต้องเตรียมเอกสารหรือเตรีนมตัวยังไงบ้าง ระหว่างทางเดิน ก็มองเห็นผู้ชายคนนึงเดินมาไกล ใส่สูทผูกไทด์ ก็คิดในใจว่า "ใครหว้าาา ไม่เคยเห็น ดูดีจัง" จนเดินมาใกล้ๆ ก็ไปปะสบตากัน เค้าก็ยิ้มเราก็ยิ้มตอบ "โอ๊ยยยย ทำไมละลายได้แปปนี้" มองตามจนเหลียวหลังเลยค่ะ ลืมบอกตอนนั้นเราพึ่งจะเลิกกับแฟน ได้ 4 เดือน ระหว่าง4 เดือนเป็นช่วงชีวิตที่จืดซืดมาก ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แต่หลังจากที่ได้เจอผู้ชายคนนั้น เราคิดถึงเค้าทั้งวันเลยค่ะ ฮ่ะๆ มารู้ตัวอีกที ก็นั่งยิ้มคนเดียวแล้ว รู้สึกหัวใจมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฮ่ะๆ
ผ่านไป 2 วันได้ จนท. ทางคณะก็ติดต่อมาให้เราและเพื่อนๆคนอื่นที่จะไปญี่ปุ่น ให้ไปรายงานตัวกับทาง มหาลัยวิทยาลัยญี่ปุ่น (เราถูกส่งไปฝึกร่วมกับมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นค่ะ) จนท. บอกว่า อาจารย์ที่นั้น มาร่วมลงนามกันวันนี้ น้องๆ ต้องไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่จะดูแลน้องที่นั้น เราก็ไปค่ะ
ปรากฏว่า ณ ห้องประชุม ก็เหลือบตาไปมองเห็น ผู้ชายคนนั้นค้าาาาา โอ๊ยยยยยย ณ วินาทีนั้น รู้เลย ว่า เป็นอาจารย์แน่ๆ พอเค้าประชุมกันเสร็จ จนท. และ อาจารย์คนไทยก็เรียก เราและเพื่อนให้ไปพร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาญี่ปุ่นค่ะ ตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก ที่ได้เจอกันอีก และที่ตื่นเต้นคือ เราจะได้ใครเป็นที่ปรึกษา ในใจตอนนั้น ภาวนาว่า "อย่าได้คนนี้เป็นที่ปรึกษาเลย" เรากลัวใจตัวเอง เรารู้ตัวแล้ว ว่าหัวใจเราเต้นแรงตั้งแต่เจอเค้าครั้งแรก ถ้าต้องเจอกันทุกวัน ทำงานด้วยกันตลอด เราคิดว่าเราคงวุ่นวายใจมากแล้วไม่มีสมาธิสุดๆไปเลย และจะยิ่งอึดอัดมากเพราะต้องเก็บความรู้สึกไว้ ทั้งๆที่ต้องเจอกันทุกวัน
สรุปเรา เราได้เซนเซย์ อีกท่านค่ะ ตอนนั้นโล่งใจไปเลย เค้าก็เซย์ไฮเราปกติเค้า เราตอบไปแค่ hii แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรเลยค่ะ ฮ่ะๆเขิ้ลลล
หลังจากนั้น ก็มีการตั้งไลน์กรุ๊ปค่ะ ซึ่งก็มีเซนเซย์ทุกคนอยู่ในกลุ่ม จึงทำให้เรารู้ชื่อจริงเค้าเพราะเค้าใช้ชื่อจริงตั้งชื่อไลน์ แล้วเราก็เอาชื่อเค้าไปหาเฟสบุคค่ะ แล้วก็เจอ สืบไปเรื่อยๆ จนทราบว่าเค้า เกิดวันไหนอายุเท่าไหร่ 48 ปีค่ะ แม่เจ้า !!! ตอนนั้นช็อคไปเลยค่ะ คือคนที่เห็นมันค้านสายตาค่ะ ไม่คิดว่าจะอายุ 48 แล้ว เค้ายังดูดีมากๆในสายตาเรา แต่อายุไม่ใช่ปัญหาค่ะ ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกชอบเค้าน้อยลง เนื่องดัวยอายุขนาดนนี้แล้ว เราก็คิดว่าเค้าต้องมีโอกาสแต่งงานมีครอบครัวแล้วละ 99% ก็พยามยามส่องเฟสเค้าทุกอย่างเลยค่ะ แต่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยที่บอกว่าเค้ามีครอบครัวหรือไม่
และแล้วก็ถึงกำหนดเดินทางค่ะ เราเดินทางเดือน พ.ค. ไปถึงสถานีพวกเซนเซย์ก็มารับค่ะ ตอนแรกเรามีความกังวลหลายๆอย่างทั้งเรื่องอากาศเสื้อผ้า (เราขี้หนาวมาก ไปถึงวันแรก 14 องศาค่ะ ) เรากังวลเรื่องภาษา เรากังวลว่าเราจะคุยกับเซนเซย์เรารู้เรื่องไหม ตื่นเต้นไปหมด แต่พอมาถึงสถานีความกังวลพวกนั้นหายไปหมดเลยค่ะ ตื่นเต้นได้เจอผู้ชายแทน ฮ่ะๆๆๆๆ เราตื่นแข็งทื่อ ทุกครั้ง ที่เจอเซนเซย์ (ขอเรียกว่า ทาระเซนเซย์นะคะ)
พอมาถึงเราก็มีกิจกรรมทุกสัปดาห์เลยค่ะ ซึ่ง ทาระเซนเซย์เนี้ย ก็ต้องมาร่วมทุกครั้ง เป็นผู้ติดต่อประงานตลอด ซึ่งเซนเซย์ของเราจริงๆไม่มาเลยค่ะ ไม่เค้ยยยเลยสักงาน
แต่ทุกครั้งที่เจอกัน เราเลี่ยงที่จะคุย จะเจอกันตรงๆ ถ้าทาระเดินมาคุยกับเราก็จะดึงเพื่อนมายืนคุยด้วยค่ะ อ้างเพื่อนว่าช่วยคุยหน่อย เราฟังไม่ออก (ภาษาอังกฤษสำเนียงคนญี่ปุ่น จริงๆเราก็ฟังออกแหละค่ะ แต่เราพูดไม่ออก เขิลมากกลัวเก็บอาการไม่ได้ )
มันเป็อย่างงี้ทุกครั้งที่เจอกันค่ะ จนเราว่าเค้าก็จะต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะเราเฮฮากับทุกคนมาก แต่เวลาคุยกับเค้า เราจะตอบได้แค่ อือๆ ไฮ่ ไฮ่ ยิ้มเจือนๆ จนวันนึง เค้าส่งข้อความมา ว่าให้ไปหาเค้าที่ห้องหน่อย จะไปตอนไหนก็ได้ที่เราสะดวก ทีแรกเราก็คิดค่ะ ว่าเวลาไหนก็ได้หรอ ไม่มีสอนหรอ จะอยู่ในห้องทั้งวันเลยหร๊อ ? แล้วก็คิดว่าคงเรียกไปคุยเรื่องโปรเจคเราหรือเปล่า เพราะเค้าเป็นคนประสานงานกับที่ไทย
แล้วพอดีวันนั้นเรายุ่งทั้งวันเลยค่ะ จนลืมไปเลยว่าเค้านัดเราไว้ เราอยู่ที่แลป จนถึง 1 ทุ่ม แล้วก็กำลังจะกลับหอพัก ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยยยย ทาระเซนเซย์บอกให้ไปหา ตายละ ลืม ยังอยู่เปล่าว้า ดึกแล้ว
พอดีตึกเรา มันเชื่อมกับ ตึกของทาระเซนเซย์ค่ะ แล้วห้องที่เราอยู๋จะมองไปเห็นห้องของทาระเซนเซย์พอดี แล้วเราก็เห็นไฟเปิดอยู่ แต่มันเปิดอยู่ทุกห้องเลยค่ะ ก็เลยตัดสินใจไปดูหน่อยละกัน เผื่อยังไม่กลับ
พอเดินไปถึงห้อง เค้าก็นั่งไขว่ห้างอ่านหนือสืออยู่ เราก็ขอโทษใหญ่ ที่มาเอาซะดึกเลย เค้าก็บอกไม่เป็นไร แล้วก็เดินไปหยิบถุงกระดาษมาให้ค่ะ ในนั้นมีผ้าผืนเล็กๆอยู่ เราไม่ได้หยิบออกมาดู กำลัง งงอยู่ค่ะ หน้าเราคง งง มาก เค้าเลยบอกว่า ให้เรา เราก็งงไปใหญ่อีก หื้อออออ? แล้วก็ตื่นอึ้งอยู่อย่างงั้นค่ะ นึกว่าเค้าจะคุยเรื่องโปรเจค สรุปไม่ค่ะแค่จะเอาของให้ เราก็เลยของตัวกลับ เดินออกจากห้องทั้งเขิลทั้ง งง อ๋องไปเลยค่ะ ฮ่ะๆ พอออกมาเราก็ไปยืนหลับอยู่มุมดึก แล้วสักะพักเค้าก็ออกมาค่ะ เราคิดว่าเค้าคงนั่งรอเรา จนดึก พอให้ของเสร็จถึงจะกลับบ้าน
หลังจากดีใจบ้าบอได้สักพัก ก็เริ่มคิดว่า ให้ผ้าเสร็จหน้าฉันทำมายยยยยยยยยยยยยยย ด้วยความคิดฝังหัวค่ะ ว่าให้ผ้าเสร็จหน้าคือการจากลา คือการเสร็จน้ำตา ตอนนั้นเราเกิดคำถามมากมายขึ้นนหัวเลยค่ะ ว่าเค้าให้เราทำไม หมายความว่าอะไร หรือแค่ให้เฉยๆ แล้วทำไมต้องให้ที่ห้องส่วนตัว หรือถ้าให้ที่คนเยอะจะดูไม่ดี หรือๆๆๆๆ บลาๆ เต็มหัวไปหมดเลยค่ะ ฮ่ะ จนที่มหาวิทยาลัยจัดทริปอีก (ส่วนมากจะได้เจอก็ตอนจัดทริปแต่ก็เกือบทุกอาทิตย์ค่ะ ในมหาลัยนานๆจะได้เจอทีเพราะเราอยู่แต่ในห้องแลป)
แล้วก็มีทริปค่ะ ทริปครั้งนี้ ต้องเดินทางไกล ต้องนั่งรถบัส เราไปขึ้นรถบัสสายค่ะ พอขึ้นไปถึงก็พบว่า ไม่มีที่นั่งให้เราแล้ว เหลือที่เดียว คือข้างหน้าสุดกับทาระเซนเซย์ ตอนนั้นเราใจตกลงฮวบเลย ไอ้ดีใจก็ดีค่ะ แต่ความรู้สึกอึดอัดมันก็เต็มไปหมดเช่นกัน เราก็แก้ด้วยการฟังเพลง เราเลี่ยงที่จะคุยสุดๆ กินยาแก้เมารถให้หลับ แต่ก็ไม่หลับค่ะ มันตื่นเต้นมาก ไม่เคยอยู่ใกล้ด้วยนานขนาดนี้ จนไปถึงสถานที่เที่ยว ก็เดินเที่ยวกันปกติ ถึงปราสาทที่ทุกคนต้องเดินขึ้น และเดินเรียงๆแถวกัน ถึงเราคือคนสุดท้ายอีกเช่นเคยเพราะมัวแต่ชวยนู่นนี้นั้นอยู่ อ่านประวัติไปเรื่อย แล้วทาระก็โผล่มาข้างหลังตอนไหนก็ไม่ทราบ
ทาระซซ : ษาซัง
ษา : ว้าย (ตกใจมาอะไรเงียบๆ)
ทาระซซ : ขอโทษๆ นี่ไงๆที่คุณไปเที่ยว ปราสาทที่เมือง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ
ษา : (ได้แต่พยักหน้า งึกๆ และฟังอะไรไม่ออกเลย ได้แต่มองหน้า บร้าจริ้งงงง ^//^)
จนเดินขึ้นบันไดทางมันชันมากค่ะ แล้ว ทาระเซนเซย์อยู่ข้างหน้า เหมือนจะลื่นนิดๆ เราเลยเอามือ ดันหลังเค้าไว้ ซึ่งเค้าก็บอกว่า ไม่เป็นไร เราก็บอกไปว่า คุณอะไม่เป็นไรหรอกเพราะถ้าหล่นลงมาก็ทับฉันไง แล้วเค้าก็ขำเฮฮากันไป
พอขึ้นไปถึงข้างบนสุดทุกคนก็ถ่ายรูปๆ เราก็ถ่ายๆกับเพื่อนๆ แล้วเซนเซย์เดินมา พูดว่า ออกไปถ่ายข้างนอกซิ วิวสวยนะ
เราก็เดินออกไปค่ะ กะว่าจะถ่ายกับเพื่อนๆ สรุปแกมายืนข้างๆค่ะ เราห็หื้ออออออออออ?
ซซ : ถ่ายรูปกัน (ยิ้มละลายหัวใจฉันอีกแล้ววววว)
ษา : เอ่อออออออ
จนเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นบอกว่า มาๆ เดี๋ยวถ่ายให้ แต่รูปที่ออกมาคือ ไม่มีใครมองกล้องเลยค่ะ เป็นจังหวะที่ เค้าหันมาคุยกับเรา แล้วเราก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เอ๋อๆ อยู่นั้นเอง แต่ก็เป็นรูปคู่รูปแรกที่เราได้มาแบบงงๆฮ่ะๆ
พอขากลับเราก็รีบซิ่งไปหาที่นั่งก่อนเลยค่ะ ฮ่ะๆ แล้วก็นั่งมองหลังเค้าจากหลังรถเอา เป็นวันที่ฟินนนนนไปอีกวันเลยละ
หลังจากนั้นก็มีกิจกรรมเล็กๆที่ มหาวิทยาลัย เราก็ไปปกติค่ะ ไปถึงงานก่อนใครเค้า เลยนั่งเม้าสกะเพื่อน รอ สักพัก ทาระเซนเซย์ก็มาค่ะ มานั่งด้วย เค้าก็ชวนคุยเยอะแยะ แต่เราไม่ได้พูดอะไรมากเลยค่ะ (แทบจะไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ ) เวลาเค้าถามเราเราก็จะตอบเป็นภาษาไทยแล้วเพื่อนเราก็จะตอบให้อีกที แล้วเพื่อนเราก็ขอตัวค่ะ เพราะต้องไปธุระต่อ ปล่อยให้เราเคว้งกับทาระสองคน ในใจตอนนั้น ตายแล้ว ถ้านั่งอยู่แบบนี้ ตายแน่ๆ จนบทสนทนาที่เลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้นค่ะ
ซซ: ษาซัง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า
ษา : หื้ออออ (โอ๊ยเป็นเว้ยยยยยย)
ซซ : คุยไม่คุยกับผม ผมพูดไม่ร็เรื่องหรอ ?
ษา : เอ่อออ
ซซ : ว่าไง หรือผมทำอะไรผิด ?
ษา : ทำไมถึงคิดแบบนั้นคะ
ซซ : มันจริงใช่ไหม ?
ษษ : (แล้วเราก็เผลอหลุดปากไปว่า ) ค่ะ (ตายแล้วววววว ค่ะอะไร)
แล้วเพื่อนเราก็เข้ามาค่ะ โห้ยช่วยชีวิตเราสุดๆไปเลยตอนนั้น
เราก็ย้ายไปนั่งโต๊ะเพื่อนแบบเนียนๆ แล้วก็ทิ้งเค้าไปอย่งงั้น จริงๆก็รู้สึกแย่หน่อยๆที่ย้ายออกมาแบบนั้น แต่ถ้านั่งต่อ เราก็คงอึดอัดใจมากๆแน่เลยค่ะ
เรื่องราวของเราก็มีอยู่ประมาณนี้ เราก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้ามีครอบครัวหรือป่าว เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เค้ามาครอบครอง แค่ได้มองได้แอบชอบแบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ มีเพื่อนคนต่างชาติคนนึงที่มองเราออก รู้ว่าเราชอบ ก็พยายามเชียร์เราให้เราพยายามที่จะคุยด้วยจะได้ไม่ร็สึกเสียใจทีหลัง เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องกลับแล้ว เรากลับกลัวใจตัวเองมากกว่าค่ะ กลัวว่าถ้าเราคุยแล้วมันยิ่งทำให้เรายิ่งชอบยิ่งคิดถึงเค้าแล้ว กลับไทยเราจะรู้สึกทรมานมากกว่านี้ แล้วเพื่อนก็พยายามช่วยสืบให้ว่าเค้าแต่งงานหรือยัง ฮ่ะๆ บ้าๆบอๆ ในใจก็แอบหวังนิดๆว่าถ้าโสดก็คงดีมากๆ ฮ่ะๆ ช่วยลุ้นเราเต็มที่ เพราะเพื่อนก็บอกว่า จากสายตาที่เค้ามองเรา (เพื่อนบอกเค้าแอบมองเราบ่อยๆ ฮ่ะๆไม่รู้จริงหรือป่าว ) ตอนนี้เราก็พยายามทำใจให้สบาย สัปดาห์หน้าเราต้องออกไปโรงงานกับทาระเซนเซย์สองคน ไม่รู้เลยว่า จะทำใจให้สบายได้แค่ไหน ฮ่ะๆ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะพยายามคุยพยายามตอบที่เค้าถาม พยายามมีสติ พยายามที่จะควบคุมตัวเอง พยายามจะไม่ตื่นเต้นเวลาคุยอะไรกับเค้าจะได้ไม่คิดไปเอง ไม่ฟินไปไกล ไม่มโนไปเยอะแยะ
จบแล้วค้า ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ไว้ถ้าความสัมพันธ์มันสามารถพัฒนาไปได้จะมาอัปเดตให้อ่านกันนะค่ะ ตอนนี้ไปซ้อมคุยหน้ากระจกไม่ให้ตื่นเต้นก่อนค่ะ ฮ่ะๆ
แอบชอบเซนเซย์อายุห่างกัน 25 ปี .... สตอรี่ที่นักเรียนอย่างเราแอบฟินอยู่คนเดียว
ประมาณต้นเดือน ก.พ. เราตัดสินใจที่จะออกฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไปติดต่อทางคณะ ว่าต้องเตรียมเอกสารหรือเตรีนมตัวยังไงบ้าง ระหว่างทางเดิน ก็มองเห็นผู้ชายคนนึงเดินมาไกล ใส่สูทผูกไทด์ ก็คิดในใจว่า "ใครหว้าาา ไม่เคยเห็น ดูดีจัง" จนเดินมาใกล้ๆ ก็ไปปะสบตากัน เค้าก็ยิ้มเราก็ยิ้มตอบ "โอ๊ยยยย ทำไมละลายได้แปปนี้" มองตามจนเหลียวหลังเลยค่ะ ลืมบอกตอนนั้นเราพึ่งจะเลิกกับแฟน ได้ 4 เดือน ระหว่าง4 เดือนเป็นช่วงชีวิตที่จืดซืดมาก ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แต่หลังจากที่ได้เจอผู้ชายคนนั้น เราคิดถึงเค้าทั้งวันเลยค่ะ ฮ่ะๆ มารู้ตัวอีกที ก็นั่งยิ้มคนเดียวแล้ว รู้สึกหัวใจมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฮ่ะๆ
ผ่านไป 2 วันได้ จนท. ทางคณะก็ติดต่อมาให้เราและเพื่อนๆคนอื่นที่จะไปญี่ปุ่น ให้ไปรายงานตัวกับทาง มหาลัยวิทยาลัยญี่ปุ่น (เราถูกส่งไปฝึกร่วมกับมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นค่ะ) จนท. บอกว่า อาจารย์ที่นั้น มาร่วมลงนามกันวันนี้ น้องๆ ต้องไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่จะดูแลน้องที่นั้น เราก็ไปค่ะ
ปรากฏว่า ณ ห้องประชุม ก็เหลือบตาไปมองเห็น ผู้ชายคนนั้นค้าาาาา โอ๊ยยยยยย ณ วินาทีนั้น รู้เลย ว่า เป็นอาจารย์แน่ๆ พอเค้าประชุมกันเสร็จ จนท. และ อาจารย์คนไทยก็เรียก เราและเพื่อนให้ไปพร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาญี่ปุ่นค่ะ ตอนนั้นเราตื่นเต้นมาก ที่ได้เจอกันอีก และที่ตื่นเต้นคือ เราจะได้ใครเป็นที่ปรึกษา ในใจตอนนั้น ภาวนาว่า "อย่าได้คนนี้เป็นที่ปรึกษาเลย" เรากลัวใจตัวเอง เรารู้ตัวแล้ว ว่าหัวใจเราเต้นแรงตั้งแต่เจอเค้าครั้งแรก ถ้าต้องเจอกันทุกวัน ทำงานด้วยกันตลอด เราคิดว่าเราคงวุ่นวายใจมากแล้วไม่มีสมาธิสุดๆไปเลย และจะยิ่งอึดอัดมากเพราะต้องเก็บความรู้สึกไว้ ทั้งๆที่ต้องเจอกันทุกวัน
สรุปเรา เราได้เซนเซย์ อีกท่านค่ะ ตอนนั้นโล่งใจไปเลย เค้าก็เซย์ไฮเราปกติเค้า เราตอบไปแค่ hii แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรเลยค่ะ ฮ่ะๆเขิ้ลลล
หลังจากนั้น ก็มีการตั้งไลน์กรุ๊ปค่ะ ซึ่งก็มีเซนเซย์ทุกคนอยู่ในกลุ่ม จึงทำให้เรารู้ชื่อจริงเค้าเพราะเค้าใช้ชื่อจริงตั้งชื่อไลน์ แล้วเราก็เอาชื่อเค้าไปหาเฟสบุคค่ะ แล้วก็เจอ สืบไปเรื่อยๆ จนทราบว่าเค้า เกิดวันไหนอายุเท่าไหร่ 48 ปีค่ะ แม่เจ้า !!! ตอนนั้นช็อคไปเลยค่ะ คือคนที่เห็นมันค้านสายตาค่ะ ไม่คิดว่าจะอายุ 48 แล้ว เค้ายังดูดีมากๆในสายตาเรา แต่อายุไม่ใช่ปัญหาค่ะ ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกชอบเค้าน้อยลง เนื่องดัวยอายุขนาดนนี้แล้ว เราก็คิดว่าเค้าต้องมีโอกาสแต่งงานมีครอบครัวแล้วละ 99% ก็พยามยามส่องเฟสเค้าทุกอย่างเลยค่ะ แต่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยที่บอกว่าเค้ามีครอบครัวหรือไม่
และแล้วก็ถึงกำหนดเดินทางค่ะ เราเดินทางเดือน พ.ค. ไปถึงสถานีพวกเซนเซย์ก็มารับค่ะ ตอนแรกเรามีความกังวลหลายๆอย่างทั้งเรื่องอากาศเสื้อผ้า (เราขี้หนาวมาก ไปถึงวันแรก 14 องศาค่ะ ) เรากังวลเรื่องภาษา เรากังวลว่าเราจะคุยกับเซนเซย์เรารู้เรื่องไหม ตื่นเต้นไปหมด แต่พอมาถึงสถานีความกังวลพวกนั้นหายไปหมดเลยค่ะ ตื่นเต้นได้เจอผู้ชายแทน ฮ่ะๆๆๆๆ เราตื่นแข็งทื่อ ทุกครั้ง ที่เจอเซนเซย์ (ขอเรียกว่า ทาระเซนเซย์นะคะ)
พอมาถึงเราก็มีกิจกรรมทุกสัปดาห์เลยค่ะ ซึ่ง ทาระเซนเซย์เนี้ย ก็ต้องมาร่วมทุกครั้ง เป็นผู้ติดต่อประงานตลอด ซึ่งเซนเซย์ของเราจริงๆไม่มาเลยค่ะ ไม่เค้ยยยเลยสักงาน
แต่ทุกครั้งที่เจอกัน เราเลี่ยงที่จะคุย จะเจอกันตรงๆ ถ้าทาระเดินมาคุยกับเราก็จะดึงเพื่อนมายืนคุยด้วยค่ะ อ้างเพื่อนว่าช่วยคุยหน่อย เราฟังไม่ออก (ภาษาอังกฤษสำเนียงคนญี่ปุ่น จริงๆเราก็ฟังออกแหละค่ะ แต่เราพูดไม่ออก เขิลมากกลัวเก็บอาการไม่ได้ )
มันเป็อย่างงี้ทุกครั้งที่เจอกันค่ะ จนเราว่าเค้าก็จะต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะเราเฮฮากับทุกคนมาก แต่เวลาคุยกับเค้า เราจะตอบได้แค่ อือๆ ไฮ่ ไฮ่ ยิ้มเจือนๆ จนวันนึง เค้าส่งข้อความมา ว่าให้ไปหาเค้าที่ห้องหน่อย จะไปตอนไหนก็ได้ที่เราสะดวก ทีแรกเราก็คิดค่ะ ว่าเวลาไหนก็ได้หรอ ไม่มีสอนหรอ จะอยู่ในห้องทั้งวันเลยหร๊อ ? แล้วก็คิดว่าคงเรียกไปคุยเรื่องโปรเจคเราหรือเปล่า เพราะเค้าเป็นคนประสานงานกับที่ไทย
แล้วพอดีวันนั้นเรายุ่งทั้งวันเลยค่ะ จนลืมไปเลยว่าเค้านัดเราไว้ เราอยู่ที่แลป จนถึง 1 ทุ่ม แล้วก็กำลังจะกลับหอพัก ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยยยย ทาระเซนเซย์บอกให้ไปหา ตายละ ลืม ยังอยู่เปล่าว้า ดึกแล้ว
พอดีตึกเรา มันเชื่อมกับ ตึกของทาระเซนเซย์ค่ะ แล้วห้องที่เราอยู๋จะมองไปเห็นห้องของทาระเซนเซย์พอดี แล้วเราก็เห็นไฟเปิดอยู่ แต่มันเปิดอยู่ทุกห้องเลยค่ะ ก็เลยตัดสินใจไปดูหน่อยละกัน เผื่อยังไม่กลับ
พอเดินไปถึงห้อง เค้าก็นั่งไขว่ห้างอ่านหนือสืออยู่ เราก็ขอโทษใหญ่ ที่มาเอาซะดึกเลย เค้าก็บอกไม่เป็นไร แล้วก็เดินไปหยิบถุงกระดาษมาให้ค่ะ ในนั้นมีผ้าผืนเล็กๆอยู่ เราไม่ได้หยิบออกมาดู กำลัง งงอยู่ค่ะ หน้าเราคง งง มาก เค้าเลยบอกว่า ให้เรา เราก็งงไปใหญ่อีก หื้อออออ? แล้วก็ตื่นอึ้งอยู่อย่างงั้นค่ะ นึกว่าเค้าจะคุยเรื่องโปรเจค สรุปไม่ค่ะแค่จะเอาของให้ เราก็เลยของตัวกลับ เดินออกจากห้องทั้งเขิลทั้ง งง อ๋องไปเลยค่ะ ฮ่ะๆ พอออกมาเราก็ไปยืนหลับอยู่มุมดึก แล้วสักะพักเค้าก็ออกมาค่ะ เราคิดว่าเค้าคงนั่งรอเรา จนดึก พอให้ของเสร็จถึงจะกลับบ้าน
หลังจากดีใจบ้าบอได้สักพัก ก็เริ่มคิดว่า ให้ผ้าเสร็จหน้าฉันทำมายยยยยยยยยยยยยยย ด้วยความคิดฝังหัวค่ะ ว่าให้ผ้าเสร็จหน้าคือการจากลา คือการเสร็จน้ำตา ตอนนั้นเราเกิดคำถามมากมายขึ้นนหัวเลยค่ะ ว่าเค้าให้เราทำไม หมายความว่าอะไร หรือแค่ให้เฉยๆ แล้วทำไมต้องให้ที่ห้องส่วนตัว หรือถ้าให้ที่คนเยอะจะดูไม่ดี หรือๆๆๆๆ บลาๆ เต็มหัวไปหมดเลยค่ะ ฮ่ะ จนที่มหาวิทยาลัยจัดทริปอีก (ส่วนมากจะได้เจอก็ตอนจัดทริปแต่ก็เกือบทุกอาทิตย์ค่ะ ในมหาลัยนานๆจะได้เจอทีเพราะเราอยู่แต่ในห้องแลป)
แล้วก็มีทริปค่ะ ทริปครั้งนี้ ต้องเดินทางไกล ต้องนั่งรถบัส เราไปขึ้นรถบัสสายค่ะ พอขึ้นไปถึงก็พบว่า ไม่มีที่นั่งให้เราแล้ว เหลือที่เดียว คือข้างหน้าสุดกับทาระเซนเซย์ ตอนนั้นเราใจตกลงฮวบเลย ไอ้ดีใจก็ดีค่ะ แต่ความรู้สึกอึดอัดมันก็เต็มไปหมดเช่นกัน เราก็แก้ด้วยการฟังเพลง เราเลี่ยงที่จะคุยสุดๆ กินยาแก้เมารถให้หลับ แต่ก็ไม่หลับค่ะ มันตื่นเต้นมาก ไม่เคยอยู่ใกล้ด้วยนานขนาดนี้ จนไปถึงสถานที่เที่ยว ก็เดินเที่ยวกันปกติ ถึงปราสาทที่ทุกคนต้องเดินขึ้น และเดินเรียงๆแถวกัน ถึงเราคือคนสุดท้ายอีกเช่นเคยเพราะมัวแต่ชวยนู่นนี้นั้นอยู่ อ่านประวัติไปเรื่อย แล้วทาระก็โผล่มาข้างหลังตอนไหนก็ไม่ทราบ
ทาระซซ : ษาซัง
ษา : ว้าย (ตกใจมาอะไรเงียบๆ)
ทาระซซ : ขอโทษๆ นี่ไงๆที่คุณไปเที่ยว ปราสาทที่เมือง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ
ษา : (ได้แต่พยักหน้า งึกๆ และฟังอะไรไม่ออกเลย ได้แต่มองหน้า บร้าจริ้งงงง ^//^)
จนเดินขึ้นบันไดทางมันชันมากค่ะ แล้ว ทาระเซนเซย์อยู่ข้างหน้า เหมือนจะลื่นนิดๆ เราเลยเอามือ ดันหลังเค้าไว้ ซึ่งเค้าก็บอกว่า ไม่เป็นไร เราก็บอกไปว่า คุณอะไม่เป็นไรหรอกเพราะถ้าหล่นลงมาก็ทับฉันไง แล้วเค้าก็ขำเฮฮากันไป
พอขึ้นไปถึงข้างบนสุดทุกคนก็ถ่ายรูปๆ เราก็ถ่ายๆกับเพื่อนๆ แล้วเซนเซย์เดินมา พูดว่า ออกไปถ่ายข้างนอกซิ วิวสวยนะ
เราก็เดินออกไปค่ะ กะว่าจะถ่ายกับเพื่อนๆ สรุปแกมายืนข้างๆค่ะ เราห็หื้ออออออออออ?
ซซ : ถ่ายรูปกัน (ยิ้มละลายหัวใจฉันอีกแล้ววววว)
ษา : เอ่อออออออ
จนเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นบอกว่า มาๆ เดี๋ยวถ่ายให้ แต่รูปที่ออกมาคือ ไม่มีใครมองกล้องเลยค่ะ เป็นจังหวะที่ เค้าหันมาคุยกับเรา แล้วเราก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เอ๋อๆ อยู่นั้นเอง แต่ก็เป็นรูปคู่รูปแรกที่เราได้มาแบบงงๆฮ่ะๆ
พอขากลับเราก็รีบซิ่งไปหาที่นั่งก่อนเลยค่ะ ฮ่ะๆ แล้วก็นั่งมองหลังเค้าจากหลังรถเอา เป็นวันที่ฟินนนนนไปอีกวันเลยละ
หลังจากนั้นก็มีกิจกรรมเล็กๆที่ มหาวิทยาลัย เราก็ไปปกติค่ะ ไปถึงงานก่อนใครเค้า เลยนั่งเม้าสกะเพื่อน รอ สักพัก ทาระเซนเซย์ก็มาค่ะ มานั่งด้วย เค้าก็ชวนคุยเยอะแยะ แต่เราไม่ได้พูดอะไรมากเลยค่ะ (แทบจะไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ ) เวลาเค้าถามเราเราก็จะตอบเป็นภาษาไทยแล้วเพื่อนเราก็จะตอบให้อีกที แล้วเพื่อนเราก็ขอตัวค่ะ เพราะต้องไปธุระต่อ ปล่อยให้เราเคว้งกับทาระสองคน ในใจตอนนั้น ตายแล้ว ถ้านั่งอยู่แบบนี้ ตายแน่ๆ จนบทสนทนาที่เลี่ยงไม่ได้เกิดขึ้นค่ะ
ซซ: ษาซัง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า
ษา : หื้ออออ (โอ๊ยเป็นเว้ยยยยยย)
ซซ : คุยไม่คุยกับผม ผมพูดไม่ร็เรื่องหรอ ?
ษา : เอ่อออ
ซซ : ว่าไง หรือผมทำอะไรผิด ?
ษา : ทำไมถึงคิดแบบนั้นคะ
ซซ : มันจริงใช่ไหม ?
ษษ : (แล้วเราก็เผลอหลุดปากไปว่า ) ค่ะ (ตายแล้วววววว ค่ะอะไร)
แล้วเพื่อนเราก็เข้ามาค่ะ โห้ยช่วยชีวิตเราสุดๆไปเลยตอนนั้น
เราก็ย้ายไปนั่งโต๊ะเพื่อนแบบเนียนๆ แล้วก็ทิ้งเค้าไปอย่งงั้น จริงๆก็รู้สึกแย่หน่อยๆที่ย้ายออกมาแบบนั้น แต่ถ้านั่งต่อ เราก็คงอึดอัดใจมากๆแน่เลยค่ะ
เรื่องราวของเราก็มีอยู่ประมาณนี้ เราก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้ามีครอบครัวหรือป่าว เพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เค้ามาครอบครอง แค่ได้มองได้แอบชอบแบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ มีเพื่อนคนต่างชาติคนนึงที่มองเราออก รู้ว่าเราชอบ ก็พยายามเชียร์เราให้เราพยายามที่จะคุยด้วยจะได้ไม่ร็สึกเสียใจทีหลัง เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องกลับแล้ว เรากลับกลัวใจตัวเองมากกว่าค่ะ กลัวว่าถ้าเราคุยแล้วมันยิ่งทำให้เรายิ่งชอบยิ่งคิดถึงเค้าแล้ว กลับไทยเราจะรู้สึกทรมานมากกว่านี้ แล้วเพื่อนก็พยายามช่วยสืบให้ว่าเค้าแต่งงานหรือยัง ฮ่ะๆ บ้าๆบอๆ ในใจก็แอบหวังนิดๆว่าถ้าโสดก็คงดีมากๆ ฮ่ะๆ ช่วยลุ้นเราเต็มที่ เพราะเพื่อนก็บอกว่า จากสายตาที่เค้ามองเรา (เพื่อนบอกเค้าแอบมองเราบ่อยๆ ฮ่ะๆไม่รู้จริงหรือป่าว ) ตอนนี้เราก็พยายามทำใจให้สบาย สัปดาห์หน้าเราต้องออกไปโรงงานกับทาระเซนเซย์สองคน ไม่รู้เลยว่า จะทำใจให้สบายได้แค่ไหน ฮ่ะๆ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะพยายามคุยพยายามตอบที่เค้าถาม พยายามมีสติ พยายามที่จะควบคุมตัวเอง พยายามจะไม่ตื่นเต้นเวลาคุยอะไรกับเค้าจะได้ไม่คิดไปเอง ไม่ฟินไปไกล ไม่มโนไปเยอะแยะ
จบแล้วค้า ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ไว้ถ้าความสัมพันธ์มันสามารถพัฒนาไปได้จะมาอัปเดตให้อ่านกันนะค่ะ ตอนนี้ไปซ้อมคุยหน้ากระจกไม่ให้ตื่นเต้นก่อนค่ะ ฮ่ะๆ