..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๗..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                                   ..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )..........

      ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

      ตอนที่ ๗

.............. ความลับ จุดเริ่มต้นก็คือ เรื่องราวธรรมดาเพียงเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ไม่ได้ถ่ายทอดให้ใครได้รับฟัง ก็แค่นั้นเอง

       เรื่องราวของ อุ้ม กับเลิศนั้น ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากมาย เป็นธรรมดาของผู้ชายนักเที่ยว กับเด็กเสิร์ฟตามห้องอาหาร ซึ่งแต่ละคนมีเหตุผลต่างกันไปที่เลือกทำงานกลางคืน บางคนฐานะทางบ้านไม่ดี กลางวันเรียนหนังสือ จึงใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน ทำงานตามร้านอาหาร เก็บเงินไว้ใช้จนเรียนจบ ได้งานดี ๆ ก็มีมาก บางคนความรู้น้อย หางานที่ไหนก็ยาก เลยมาทำงานร้านอาหารเพราะไม่ต้องใช้วุฒิสูง และ มีส่วนน้อยที่ปนมา ชอบเที่ยว ชอบสนุก ทำงานแบบนี้ได้เจอผู้คนมากหน้า และเป็นคนชอบเที่ยวเตร่เฮฮาด้วยกัน เลยมีความสุขที่ได้อยู่ในสถานที่แบบนี้

       อุ้ม เป็นสาวเสิร์ฟที่ร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ดนตรีเบา ๆ แสงไฟสลัว แค่นี้ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นหัวใจของหนุ่มขี้เหงาให้เซเข้ามา ก่อนหน้า ที่จะเข้าทำงานที่นี่ อุ้มอยู่กับพ่อที่บ้านหลังเล็กริมคลอง แม่แยกกับพ่อนานแล้ว และไม่ได้เจอหน้ามาหลายปี จนอุ้มคิดในใจว่าแม่คงไม่กลับมาอีกแล้วละ ส่วนพ่อหายไปครั้งละหลายวัน กลับมาครั้งหนึ่งก็นอนหลับแทบไม่รู้เรื่อง ตื่นมาส่งเงินให้อุ้มแล้วก็ออกไป เคยถามพ่อ ๆ บอกเหนื่อยมาก พ่อพูดแค่นั้นเอง

       เพื่อนรัก ที่เป็นที่ปรึกษา และเป็นที่พึ่งตอนเธอไม่มีใคร คือ ต้อย ก่อนนั้น ต้อยเคยทำงานร้านอาหารมาก่อน ตอนหลังได้แฟนเป็นเรื่องเป็นราว เขาจริงจังมาก ดูกันอยู่พักหนึ่งจนมั่นใจ ต้อยจึงตกลงแต่งงาน ได้งานบริษัททำ และเลิกทำงานกลางคืนไป

       บ้านเพื่อนอยู่ไม่ไกลมาก ถ้าเดินไปไม่น่าเกินยี่สิบนาที แต่ส่วนมาก ต้อยจะมาหาอุ้มมากกว่า เพราะบ้านริมคลองเงียบสงบ ลงตัวกับการที่อุ้มมีเพื่อนมาอยู่ด้วย แลกกับการที่ต้อยได้พักเหนื่อยจากงาน ทั้งในบ้าน และงานประจำ

       พ่ออุ้มติดคุก เธอช็อกนิดหนึ่งตรงที่สงสารพ่อ แต่ทำใจได้ในเวลาไม่นาน เพราะเคยอยู่คนเดียวจนชิน และตอนนั้นยังมีเงินของพ่ออยู่บ้าง พอเริ่มชินกับการที่พ่อไม่อยู่ได้สักพัก เงินก็เริ่มเหลือน้อย

       ไม่มีงานเบา ๆ ให้ผู้หญิงร่างบอบบางทำ นอกจากต้องไปไกล ๆ ตามโรงงาน เธอหวังว่าสักวันพ่อจะกลับมา จึงมองงานใกล้บ้านไว้ก่อน เมื่อลองสมัครแล้วหลายอย่าง จึงมาลงเอยที่ร้านอาหารตอนกลางคืน งานไม่หนัก รายได้พอประมาณ สิ้นเดือนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากทิปเป็นเงินมากพอดู น่าจะไปได้ดีและอีกยาวนาน ถ้าเธอประคองตัวไว้อย่างนี้ ไม่เผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจให้ใคร และเธอทำได้ดี มาตลอดเวลาสองเดือน

       จนกระทั่งมาเจอกับเขา ผู้ที่มีรอยยิ้ม และแววตาอ่อนโยน พูดจาตรงไปตรงมา แต่ไพเราะเสนาะหู รูปร่าง หน้าตา กิริยา เรียบร้อย ดูดี เขาเข้ามาพร้อมกับความเห็นใจและหวังดีเต็มเปี่ยม และในที่สุด เขาก็ได้ใจของเธอไปครอง

       พ่อของอุ้ม ถูกยิงหลังจากพ้นโทษ และเดินออกมาจากคุกได้ไม่ไกล ขณะอุ้มคลอดลูกชายคนแรกอยู่โรงพยาบาล เสียงลือว่าถูกตัดตอน เธอไม่เข้าใจ พ่อทำอะไรผิดมากมายถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันอย่างนี้ หญิงสาวร้องไห้จนไม่มีน้ำตา คิดถึงหน้าพ่อที่จากไปทั้งที่ใกล้จะพบกันในอีกไม่กี่นาที โดยไม่ทันเห็นหน้าหลาน

       ส่วนเลิศนั้น ตั้งแต่เริ่มอยู่กันมา จะมาพักที่บ้านครั้งละสองถึงสามวัน ก่อนไปเป็นอาทิตย์ กลับมาอยู่วันสองวันก็ไปอีก บอกว่างานยุ่งมาก แล้วทิ้งเงินไว้ให้ ระยะหลังเขาเริ่มไปคราวหนึ่งนาน ๆ จนกระทั่งต้นได้สิบเดือน และเธอตั้งท้องได้สองเดือน เลิศบอกว่าจะไม่กลับมา ไม่ต้องรอ แล้วเขาก็หายไป อย่างไร้ร่องรอย

       ตำรวจพากันมาเต็มบ้าน หลังเลิศไปได้สองวัน เธอไม่เข้าใจ บอกเจ้าหน้าที่ไปว่า พ่อเธอได้รับโทษและพ้นโทษมาแล้ว แล้วก็ตายไปแล้วด้วย ยังจะมีอะไรให้สืบเสาะกันอีกหรือ ผู้กองใจดีคนหนึ่ง ยิ้มให้อุ้มและบอกว่า ที่มานี่ไม่ใช่เรื่องของพ่ออุ้ม แต่เป็นเรื่องของ เลิศ เธอตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อผู้กองเล่าให้ฟังคร่าว ๆ เกี่ยวกับโจรขโมยรถ และเหล่าบริวาร

       เลิศหายหน้าไป ไม่ได้ยินแม้แต่ข่าว เรื่องราวที่เธอไม่รู้ เริ่มมีคนมาเล่าให้ฟังทีละอย่าง คำที่ได้ยินซ้ำ ๆ จนเธอต้องน้ำตาคลอ คือหลายปีที่ผ่านมา เขาจะตะเวนไปกบดานอยู่ตามบ้านเมียน้อย เปลี่ยนไปเรื่อยไม่ซ้ำกัน เธอไม่อยากคิดต่อไปว่า เธอเป็นหนึ่งในเมียน้อย ของเขาหรือเปล่า

       ต้อยอีกตามเคยที่มาคอยดูแลปลอบใจ ความเจ็บช้ำสองครั้ง ในเวลาไม่ถึงปี ทำเธอหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรต่อไปยังดีที่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง และเพื่อนรักเทียวมาดูแลไม่ห่าง จนกระทั่งเธอคลอดลูกสาวออกมา ตั้งชื่อว่า น้องปิ่น

       กำลังใจ นอกจากเพื่อนรักแล้ว ก็มีลูกน้อยสองคน ที่กำลังน่าเอ็นดู แต่บางครั้งเธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เมื่อคิดถึงครอบครัวที่อบอุ่น มี พ่อ แม่ ลูก อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อที่แท้จริงไม่ต้องคิดแล้ว เป็นได้เพียงแค่ฝัน ส่วนคนอื่นนั้นเล่า ใครจะมาเหลียวแล รับภาระที่หนักหน่วง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ฐานะไม่ดีเด่นอะไร บ้านหลังน้อยก็แค่คุ้มแดดคุ้มฝน พอได้อาศัยไปวัน ๆ ลูกน้อยกำลังกินกำลังนอน เธอคิดแล้วถอนใจ ก้มหน้าเลี้ยงเจ้าหนูต่อไป ในใจคิดเพียงแค่ ทั้งสองโตอีกนิด เธอจะออกหางานทำ

       จนกระทั่งวันหนึ่ง ธรรมชาติริมสองฝั่งน้ำ และวิถีชีวิตชาวคลอง ได้ดึงชายคนหนึ่งเข้ามาชื่นชมความงดงามและความสดชื่น ของสายน้ำเล็ก ๆ แห่งนี้ ด้วยกล้องคู่ใจ รูปร่าง และใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับใครบางคน เพียงแต่ผิวเข้มกว่า ทำอุ้มแอบมองด้วยความเจียมตัวเจียมใจ เพราะตัวเองเป็นผู้หญิง และไม่ได้ตัวคนเดียว จึงทำให้เธอไม่กล้าสบตา ยามเขามองมา ชื่อของเขาคือ วสันต์ และวันแรกที่พบกัน น้องปิ่น อายุได้สองเดือนพอดี

       งานของช่างภาพอิสระ ไม่ได้ผูกมัดเวลาการทำงานที่แน่นอน กำหนดไว้แค่วัน ที่จะส่งงานเท่านั้น เขาจึงมีเวลามากมาย แวะเวียนมาหา ได้รับรู้เรื่องราว ต่าง ๆ ที่ชวนให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นลึก ๆ ภายใน นั่นคือ ความเห็นใจ

       “อุ้ม ไม่ใช่สาวแล้วนะวสันต์ อายุคุณน้อย ยังโสด อุ้มกลัวว่าวันหนึ่งคุณจะเปลี่ยนใจ” เมื่อเขาสารภาพรักกับเธอ เธอพยายามยั้งใจ เพราะมองแล้วอนาคตของชายหนุ่มยังไปได้อีกไกล เขายิ้ม มองหน้า พูดว่า

       “ถ้าผมจะเลือกใครสักคน เป็นคู่ชีวิต ใครคนนั้นจะมีความเป็นมาอย่างไร ผมไม่สน ขอเพียงแค่ ต่อแต่นี้ให้มีแค่เรา และซื่อสัตย์ ต่อกันก็พอ” คำยืนยัน และความสม่ำเสมอในการแวะเวียนมา ติดต่อกันหลายเดือน ทำใจแม่ลูกสองที่กำลังเคว้งคว้าง ให้อ่อนลง ความเชื่อใจ ความมั่นใจ ทำให้ทั้งสองตกลงที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยมีเพื่อนรัก และลูกน้อยสองคน เป็นพยาน

       วสันต์ หายไปนาน ๆ เหมือนกับพ่อ และเลิศ กลับมาอยู่บ้านสองสามวัน ก็หายไปเป็นอาทิตย์ แต่แปลก ความรู้สึกทำไมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับผู้เป็นพ่อ อุ้มรู้สึกเหงา ๆ ปนน้อยใจเวลาพ่อไม่อยู่ กับเลิศ ข่าวที่มีมาเข้าหู เรื่องอาชีพของเขา และความเกี่ยวข้องกับพ่อของเธอ ถึงจะยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ทำให้เกิดความหวาดระแวงอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับเขา เป็นคนลึกลับ ไม่รู้ว่าคิดอะไร ไม่รู้ว่าไปไหน กลับเมื่อไร หรือจะกลับมาหรือไม่ และแล้วความรู้สึกที่ว่าเขาจะไม่กลับมาก็เป็นความจริง

       ส่วน วสันต์นั้น เวลาเขาอยู่ที่ไหนจะโทรมาบอกเป็นระยะ ทำให้เธอรู้ตลอดเวลาว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และภาพสวย ๆ ที่ส่งมาให้ความรู้สึกว่าทั้งสองอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่เธอยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก ห่วง ปนหวง ผสมโหยหายังไงบอกไม่ถูก ทั้งที่อยู่ด้วยกันยังไม่ถึงปี

       ทางด้านเด็กน้อยสองคนนั้น เข้ากับวสันต์ได้ดีมาก เมื่ออยู่บ้านเขาจะสร้างสีสัน เสียงหัวเราะ ทำให้เกิดความสุขกับทุกคน เขาทำตัวกลมกลืนจนเวลาไปไหนด้วยกัน ใคร ๆ ต่างนึกว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ และ วสันต์จะบอกกับทุกคนอย่างสนิทปากว่า นี่คือลูกของเขา ส่วนต้นเรียกพ่ออย่างสนิทใจ น้องปิ่น พอเริ่มพูดได้อ้อแอ้ ไม่เรียกแม่ก่อน แต่กลับพูด

       “ป่าป๊า ป่าป๊า”

       ในที่สุดเขาก็หายไปอีกคน นึกแล้วน้อยใจในโชคชะตา ทำไม เมื่อเธอรักใคร คนคนนั้นต้องมีอันพลัดพรากจากกันไปทุกครั้ง หวังว่าคราวนี้ คงไม่เหมือนที่เคย เขาคงกลับมาสักวัน เธอคิดพร้อมกับน้ำตาไหลลงเป็นทาง

       ต้อยเพิ่งกลับไปเมื่อตอนใกล้ค่ำ หลังจากมาอยู่เป็นเพื่อนกินข้าวตั้งแต่เย็น ยังไม่มีข่าวของชายหนุ่ม คนชื่อนุชโทรมาเมื่อตอนบ่ายแก่ ๆ แค่ถามว่า วสันต์กลับมาบ้านหรือเปล่า เล่าอาการเลอะเลือนของความทรงจำ บอกถึงบ้านที่ไปพักอยู่ให้ฟังคร่าว ๆ และแอดไลน์กันไว้ อุ้มจะชวนต้อยไปตั้งแต่ตอนนั้น ต้อยติดงาน พิษณุโลกใกล้แค่นี้ แต่เด็กสองคนกำลังซน ถ้าอุ้มขับรถยนต์คันเก่าไป น่าจะไม่ปลอดภัย

       เพื่อนรักบอกให้อดทนอีกหน่อย อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่ อุ้มเชื่อฟังเพื่อน ขณะใจสงสัยคนชื่อนุช ว่าครั้งแรก กับครั้งที่สองที่คุยกัน รู้สึกมีอะไรแปลก ๆ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่า ต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน แต่จะเป็นอะไรคงต้องปล่อยไปก่อน ตอนนี้ ความปลอดภัยของ วสันต์ สำคัญที่สุด เธออยู่ไหน วสันต์ อุ้มนั่งน้ำตาคลอ กอดน้องปิ่นไว้แน่น ส่วนต้นนอนดูรูปภาพการ์ตูนอยู่ไม่ไกล

       ขณะปล่อยใจล่องลอยอยู่ เสียงเรียกเข้าคุ้นเคยดังขึ้น เบอร์ และภาพประจำตัวที่หน้าจอ เป็นของ วสันต์ เด็กหญิงมองเห็นชัด ส่งเสียงเรียกซ้ำ ๆ ด้วยความดีใจ อุ้มตะลึง ใจเต้นแรง ดีใจแทบทำอะไรไม่ถูก หายใจเข้าลึก ตั้งสติอยู่อึดใจ ก่อนเลื่อนหน้าจอรับสายด้วยมือสั่นเทา

       มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่