..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )..........
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑
https://pantip.com/topic/38986500
ตอนที่ ๒
https://pantip.com/topic/39004238
ตอนที่ ๓
https://pantip.com/topic/39015740
ตอนที่ ๔
.............. อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เส้นทางที่จะไปอำเภอแม่จัน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทยจนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบัน
การได้เข้ามาเคารพสักการะท่านก่อน จะถือเป็นการบอกกล่าวเมื่อเข้าเขตที่ท่านปกครองอยู่ หรือเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีทุกข์อยู่ในใจอย่าง อุ้ม รัตติยา ตอนนี้เธอต้องพึ่งทุกอย่างที่นึกออก เพื่อให้การค้นหา วสันต์ สามีสุดที่รัก ได้พบโดยเร็ววัน
หลังจากไปดูข้าวของในกระเป๋าที่สถานีตำรวจ เธอยืนยันว่าเป็นของวสันต์ แต่มีของที่ขาดไป คือเป้สีน้ำเงิน กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ ซึ่งเขาคงนำติดตัวไปด้วยเป็นธรรมดา ข้อมูลเพิ่มเติมที่เธอให้กับผู้กองสุรชาติ คือสามีเป็นช่างภาพอิสระ และมีสำนักพิมพ์สองสามแห่งถูกใจงานของเขา ได้ติดต่อมาเรื่อย ๆ ว่าต้องการภาพเกี่ยวกับอะไร ครั้งล่าสุดนี้ชายหนุ่มต้องหาภาพสายหมอกตัดกับภูเขาทางภาคเหนือส่งนิตยสารเล่มหนึ่ง
นั่นคือที่มาของการเดินทางขึ้นเหนือ และก่อนการติดต่อจะขาดหายไป เขาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย หญิงสาวกระวนกระวายเมื่อรู้เบาะแสแม้เพียงน้อยนิด และการอยู่กับที่เฉย ๆ ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขแต่อย่างใด
ได้ชื่อโรงแรมที่พบกระเป๋าของวสันต์จากผู้กองหนุ่มใจดีมาแล้ว อุ้มโทรถามต้อยว่าสะดวกไปด้วยกันไหม ซึ่งเพื่อนรักก็แสนดี ลางานวันรุ่งขึ้นและออกเดินทางแต่เช้าทันที
การเดินทางใช้รถยนต์ของต้อย เพราะยังใหม่ดูปลอดภัยกว่าของอุ้ม ทั้งมีเนื้อที่กว้างขวาง พอให้เด็กสองคนนั่งไปอย่างสบาย เด็กน้อยดีใจที่จะได้ไปหาพ่อตามคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ แม้แต่น้องปิ่นที่ยังเล็ก ก็ยังพูด “ป่าป๊า ป่าป๊า” ไปตลอดทาง
ผู้จัดการโรงแรมเป็นเพื่อนสนิทของผู้กองสุรชาติ จึงให้การต้อนรับสองสาวเป็นอย่างดี ทั้งให้ความสะดวกในการดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ชายหนุ่มลงชื่อในสมุด และเวลาที่โทรหาหญิงสาวครั้งสุดท้าย
ภาพชายหนุ่มเดินเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรมชัดเจนมาก ไหล่ซ้ายสะพายเป้สีน้ำเงินสด ไหล่ขวาคล้องกระเป๋ากล้องถ่ายรูป มือหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า อุ้มน้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นเขาชัด คุณอยู่ที่ไหน วสันต์ คุณอยู่ที่ไหน
วสันต์ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา ดึงบัตรประชาชนให้พนักงานต้อนรับที่หลังเคาน์เตอร์ เธอรับไปบันทึกลงในสมุด สักครู่ส่งคืนให้เขา เมื่อชำระเงินเรียบร้อย พนักงานเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋าพาเขาไปที่ห้อง
เหตุการณ์เพียงสั้น ๆ แต่ทำให้คนที่มองอยู่แทบจะขาดใจ ชายหนุ่มที่มองเห็นตอนนี้มีร่างกายแค่ในจอสี่เหลี่ยมเท่านั้น ไม่สามารถจับต้อง หรือพูดคุยได้แต่อย่างใด
จากนั้นอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็สะพายเป้และกระเป๋ากล้องออกไปจากโรงแรม ในขณะที่เดินคุยโทรศัพท์ไปด้วย ดูแล้วเวลาตรงกันกับสายสุดท้ายในเครื่องของ รัตติยา และหลังจากนั้นชายหนุ่มไม่กลับเข้ามาอีกเลย
“วันรุ่งขึ้น หลังจากคุณวสันต์เข้าพัก แม่บ้านเข้าไปทำสะอาดพบกระเป๋าวางอยู่ ในห้องเรียบร้อยปกติ โดยเฉพาะที่นอน ไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว” หญิงสาวนั่งเหม่อเหมือนไม่รับรู้ ต้อยเพื่อนสาวตั้งใจฟังเพื่อเก็บข้อมูล
“อีกวันก็พบเหมือนเดิม แม่บ้านจึงแจ้งทางโรงแรม ผมเลยเข้าไปตรวจสอบ และแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาถ่ายรูปในห้องไว้เป็นหลักฐาน”
รัตติยาได้เห็นรูปนั้นตอนไปดูกระเป๋าที่โรงพักก่อนมาที่นี่ ในรูปทั้งห้องเรียบร้อย สะอาด ไม่มีอะไรให้โยงถึงชายหนุ่มได้สักนิด ถ้าไม่มีกระเป๋าใบนั้นวางอยู่ก็เป็นห้องว่างดี ๆ นี่เอง
ผู้จัดการโรงแรมขอตัวไปทำงานต่อ สองสาวกล่าวขอบคุณ ก่อนมองหน้ากันด้วยความกังวล
“ทำไงต่อล่ะต้อย อุ้มคิดอะไรไม่ออกแล้ว” หญิงสาวพูดปนสะอื้น กอดลูกน้อยทั้งสองไว้แน่น ต้อยเพื่อนรักเอ่ยขึ้นมาหลังจากใคร่ครวญมาตั้งแต่ต้น
“เราค่อย ๆ ไล่ดูไปทีละแห่ง ถ้า วสันต์ มาถ่ายรูปหมอกลองคิดดูสิ เขาจะไปที่ไหนมั่ง” ต้อยพูดเบา ๆ สมองใช้ความคิดไปด้วยอุ้มพยักหน้าเหมือนรับรู้ แต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
บ่ายคล้อยแล้ว เมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาอากาศกำลังสบาย ฟ้าครึ้มเหมือนใกล้ค่ำ ปุยเมฆลอยต่ำบดบังแนวเขาบางส่วนมองดูแปลกตา มองรอบตัวสดใสด้วยสีสันของไม้นานาชนิด แข่งกันแตกใบรับฝนต้นฤดู เนินเขาสองข้างทางกล้วยป่าทอดใบยาวคู่กับไผ่ใบเรียว อวดสีเขียวสดตัดกับลำต้นสีทองมองเย็นใจ ธารน้ำเล็ก ๆ ไหลลัดเลาะตามแนวหินซอกซอนไปมาบางครั้งไกลออกไปแต่ยังอยู่ในสายตา บางช่วงเข้าใกล้ถนน คู่ไปจนออกห่างไปอีกครั้งและลับหายไปในป่าทึบข้างทาง
สองสาวยังไม่เคยมาทางเหนือมาก่อน ครั้งนี้เลยต้องใช้แผนที่นำทาง แต่ไม่ยากนักเพราะเส้นทางไม่มีแยกมากมายส่วนใหญ่จะตรงขึ้นลงเขาอย่างเดียว วันนี้เวลาเหลือไม่มาก ทั้งคู่ตกลงเลือกอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ที่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายแค่ยี่สิบกิโล ส่วนจะได้อะไรแค่ไหนต้องไปดูกันข้างหน้าอีกที
หญิงสาวกอดลูกทั้งสองไว้ตลอดทาง เด็กสองคนตื่นเต้นมาก ต้นชี้ให้น้องสาวดูนู่นดูนี่ตลอดทาง เด็กหญิงยืนพิงเบาะอาศัยแขนแม่ประคองไว้ มองตามพี่ชายทำหน้าตื่นเต้นทั้งที่รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งพูดก็ยังไม่ชัด ทำเสียง อู้ อู้ ตาม พลางชี้มือหัวเราะตาแทบปิด
อุ้ม มองลูกน้อยน้ำตาเอ่อ สองคนนี้ติดวสันต์มาก โดยเฉพาะน้องปิ่น ถ้าเขามาดัวยจะมีความสุขแค่ไหนนะ เธอมองความชุ่มชื้นสองข้างทางมือคอยรั้งลูกทั้งสองไม่ให้เซล้ม ใจไม่ได้รับรู้ถึงความงดงามระหว่างทางแต่อย่างใด คิดถึงชายหนุ่ม ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ เสียงลูกน้อยเล่นอยู่แว่ว ๆ ทั้งที่อยู่ติดกัน แต่เสียงน้องปิ่นคำหนึ่งทำเธอสะอึก เป็นคำที่เด็กหญิงพูดได้ชัดเจน คำแรก และคำเดียว
“ป่าป๊า ป่าป๊า” น้ำตาไหลอาบลงมาอาบสองแก้มรัตติยา ทันที..........
มีต่อครับ
..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๔..........@@ โดย ลุงแผน
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ ๔
.............. อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เส้นทางที่จะไปอำเภอแม่จัน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทยจนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบัน
การได้เข้ามาเคารพสักการะท่านก่อน จะถือเป็นการบอกกล่าวเมื่อเข้าเขตที่ท่านปกครองอยู่ หรือเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองก็ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีทุกข์อยู่ในใจอย่าง อุ้ม รัตติยา ตอนนี้เธอต้องพึ่งทุกอย่างที่นึกออก เพื่อให้การค้นหา วสันต์ สามีสุดที่รัก ได้พบโดยเร็ววัน
หลังจากไปดูข้าวของในกระเป๋าที่สถานีตำรวจ เธอยืนยันว่าเป็นของวสันต์ แต่มีของที่ขาดไป คือเป้สีน้ำเงิน กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ ซึ่งเขาคงนำติดตัวไปด้วยเป็นธรรมดา ข้อมูลเพิ่มเติมที่เธอให้กับผู้กองสุรชาติ คือสามีเป็นช่างภาพอิสระ และมีสำนักพิมพ์สองสามแห่งถูกใจงานของเขา ได้ติดต่อมาเรื่อย ๆ ว่าต้องการภาพเกี่ยวกับอะไร ครั้งล่าสุดนี้ชายหนุ่มต้องหาภาพสายหมอกตัดกับภูเขาทางภาคเหนือส่งนิตยสารเล่มหนึ่ง
นั่นคือที่มาของการเดินทางขึ้นเหนือ และก่อนการติดต่อจะขาดหายไป เขาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย หญิงสาวกระวนกระวายเมื่อรู้เบาะแสแม้เพียงน้อยนิด และการอยู่กับที่เฉย ๆ ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขแต่อย่างใด
ได้ชื่อโรงแรมที่พบกระเป๋าของวสันต์จากผู้กองหนุ่มใจดีมาแล้ว อุ้มโทรถามต้อยว่าสะดวกไปด้วยกันไหม ซึ่งเพื่อนรักก็แสนดี ลางานวันรุ่งขึ้นและออกเดินทางแต่เช้าทันที
การเดินทางใช้รถยนต์ของต้อย เพราะยังใหม่ดูปลอดภัยกว่าของอุ้ม ทั้งมีเนื้อที่กว้างขวาง พอให้เด็กสองคนนั่งไปอย่างสบาย เด็กน้อยดีใจที่จะได้ไปหาพ่อตามคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ แม้แต่น้องปิ่นที่ยังเล็ก ก็ยังพูด “ป่าป๊า ป่าป๊า” ไปตลอดทาง
ผู้จัดการโรงแรมเป็นเพื่อนสนิทของผู้กองสุรชาติ จึงให้การต้อนรับสองสาวเป็นอย่างดี ทั้งให้ความสะดวกในการดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ชายหนุ่มลงชื่อในสมุด และเวลาที่โทรหาหญิงสาวครั้งสุดท้าย
ภาพชายหนุ่มเดินเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรมชัดเจนมาก ไหล่ซ้ายสะพายเป้สีน้ำเงินสด ไหล่ขวาคล้องกระเป๋ากล้องถ่ายรูป มือหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า อุ้มน้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นเขาชัด คุณอยู่ที่ไหน วสันต์ คุณอยู่ที่ไหน
วสันต์ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา ดึงบัตรประชาชนให้พนักงานต้อนรับที่หลังเคาน์เตอร์ เธอรับไปบันทึกลงในสมุด สักครู่ส่งคืนให้เขา เมื่อชำระเงินเรียบร้อย พนักงานเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋าพาเขาไปที่ห้อง
เหตุการณ์เพียงสั้น ๆ แต่ทำให้คนที่มองอยู่แทบจะขาดใจ ชายหนุ่มที่มองเห็นตอนนี้มีร่างกายแค่ในจอสี่เหลี่ยมเท่านั้น ไม่สามารถจับต้อง หรือพูดคุยได้แต่อย่างใด
จากนั้นอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็สะพายเป้และกระเป๋ากล้องออกไปจากโรงแรม ในขณะที่เดินคุยโทรศัพท์ไปด้วย ดูแล้วเวลาตรงกันกับสายสุดท้ายในเครื่องของ รัตติยา และหลังจากนั้นชายหนุ่มไม่กลับเข้ามาอีกเลย
“วันรุ่งขึ้น หลังจากคุณวสันต์เข้าพัก แม่บ้านเข้าไปทำสะอาดพบกระเป๋าวางอยู่ ในห้องเรียบร้อยปกติ โดยเฉพาะที่นอน ไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว” หญิงสาวนั่งเหม่อเหมือนไม่รับรู้ ต้อยเพื่อนสาวตั้งใจฟังเพื่อเก็บข้อมูล
“อีกวันก็พบเหมือนเดิม แม่บ้านจึงแจ้งทางโรงแรม ผมเลยเข้าไปตรวจสอบ และแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาถ่ายรูปในห้องไว้เป็นหลักฐาน”
รัตติยาได้เห็นรูปนั้นตอนไปดูกระเป๋าที่โรงพักก่อนมาที่นี่ ในรูปทั้งห้องเรียบร้อย สะอาด ไม่มีอะไรให้โยงถึงชายหนุ่มได้สักนิด ถ้าไม่มีกระเป๋าใบนั้นวางอยู่ก็เป็นห้องว่างดี ๆ นี่เอง
ผู้จัดการโรงแรมขอตัวไปทำงานต่อ สองสาวกล่าวขอบคุณ ก่อนมองหน้ากันด้วยความกังวล
“ทำไงต่อล่ะต้อย อุ้มคิดอะไรไม่ออกแล้ว” หญิงสาวพูดปนสะอื้น กอดลูกน้อยทั้งสองไว้แน่น ต้อยเพื่อนรักเอ่ยขึ้นมาหลังจากใคร่ครวญมาตั้งแต่ต้น
“เราค่อย ๆ ไล่ดูไปทีละแห่ง ถ้า วสันต์ มาถ่ายรูปหมอกลองคิดดูสิ เขาจะไปที่ไหนมั่ง” ต้อยพูดเบา ๆ สมองใช้ความคิดไปด้วยอุ้มพยักหน้าเหมือนรับรู้ แต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
บ่ายคล้อยแล้ว เมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาอากาศกำลังสบาย ฟ้าครึ้มเหมือนใกล้ค่ำ ปุยเมฆลอยต่ำบดบังแนวเขาบางส่วนมองดูแปลกตา มองรอบตัวสดใสด้วยสีสันของไม้นานาชนิด แข่งกันแตกใบรับฝนต้นฤดู เนินเขาสองข้างทางกล้วยป่าทอดใบยาวคู่กับไผ่ใบเรียว อวดสีเขียวสดตัดกับลำต้นสีทองมองเย็นใจ ธารน้ำเล็ก ๆ ไหลลัดเลาะตามแนวหินซอกซอนไปมาบางครั้งไกลออกไปแต่ยังอยู่ในสายตา บางช่วงเข้าใกล้ถนน คู่ไปจนออกห่างไปอีกครั้งและลับหายไปในป่าทึบข้างทาง
สองสาวยังไม่เคยมาทางเหนือมาก่อน ครั้งนี้เลยต้องใช้แผนที่นำทาง แต่ไม่ยากนักเพราะเส้นทางไม่มีแยกมากมายส่วนใหญ่จะตรงขึ้นลงเขาอย่างเดียว วันนี้เวลาเหลือไม่มาก ทั้งคู่ตกลงเลือกอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ที่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายแค่ยี่สิบกิโล ส่วนจะได้อะไรแค่ไหนต้องไปดูกันข้างหน้าอีกที
หญิงสาวกอดลูกทั้งสองไว้ตลอดทาง เด็กสองคนตื่นเต้นมาก ต้นชี้ให้น้องสาวดูนู่นดูนี่ตลอดทาง เด็กหญิงยืนพิงเบาะอาศัยแขนแม่ประคองไว้ มองตามพี่ชายทำหน้าตื่นเต้นทั้งที่รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งพูดก็ยังไม่ชัด ทำเสียง อู้ อู้ ตาม พลางชี้มือหัวเราะตาแทบปิด
อุ้ม มองลูกน้อยน้ำตาเอ่อ สองคนนี้ติดวสันต์มาก โดยเฉพาะน้องปิ่น ถ้าเขามาดัวยจะมีความสุขแค่ไหนนะ เธอมองความชุ่มชื้นสองข้างทางมือคอยรั้งลูกทั้งสองไม่ให้เซล้ม ใจไม่ได้รับรู้ถึงความงดงามระหว่างทางแต่อย่างใด คิดถึงชายหนุ่ม ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ เสียงลูกน้อยเล่นอยู่แว่ว ๆ ทั้งที่อยู่ติดกัน แต่เสียงน้องปิ่นคำหนึ่งทำเธอสะอึก เป็นคำที่เด็กหญิงพูดได้ชัดเจน คำแรก และคำเดียว
“ป่าป๊า ป่าป๊า” น้ำตาไหลอาบลงมาอาบสองแก้มรัตติยา ทันที..........
มีต่อครับ