สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
จริงๆ บทซ้องปีบมันเข้าขั้นโรคจิตแล้วล่ะ
ซึ่งมันก็เป็นไปได้นะ ที่ละครสักเรื่องจะมีคนโรคจิตเป็นศูนย์กลางให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น
แต่แบบ... ไหนๆ ซ้องจะโรคจิตแล้ว ใส่เรื่องราวที่จะปูพื้นหรือให้เห็นสาเหตุ
ว่าทำไมนางเป็นขนาดนี้บ้าง เรื่องจะได้มีเหตุมีผลที่สมดุลขึ้น
เช่น มีฉากตอนเด็กๆ ในมุมซ้องปีบ ที่เห็นแม่ดูแลพี่แล้วน้อยใจสะสมมาเรื่อยๆ อะไรแบบนี้
ให้เรื่องมันเล่าตัวเอง ไม่ใช่แค่ตัวละครร้องบอกซ้ำๆ ซากๆ
อย่างตอนฉากที่ซ้องปีบทำกาสะลองตกน้ำ แล้วตัดสินใจโดดลงไปช่วย
ตอนนั้นเราชอบนะ ที่มีซีนที่แม่ดึงกาสะลองขึ้นมา แล้วมัวสนใจแต่กาสะลอง
ไม่เห็น/ไม่สนใจที่ซ้องปีบยื่นมาให้แม่ดึงขึ้นบ้าง
คือตอนนั้นจะได้เห็นอีกมุมของความน้อยใจของซ้องปีบเหมือนกัน
ถ้ามีบทประมาณนี้เพิ่มอีกหน่อย มันจะได้ดูมีมิติมากขึ้น
ส่วนกาสะลอง เป็นคนดีแบบพอดีพอดีก็ได้ เป็นคนดีก็พูดความจริงได้
ไม่ได้โกหกใส่ร้ายใครซะหน่อย เขาคุกคามชีวิตคุกคามความปลอดภัยขนาดนั้นแล้ว
เอาตัวรอดให้รอดจริงๆ พ้นจริงๆ ก่อนค่อยคิดสงสารเขาก็ได้
และที่เบื่อที่สุดเลยคือความวนกับมุกอมพะนำ
สร้างปมเรื่องด้วยการไม่พูด พูดไม่หมด ไม่พูดชื่อ เข้าใจผิด เข้าใจถูกอะไรอยู่นั่น
เหมือนหาวิธีอื่นในการผูกปมหรือทำให้เรื่องมันเดินหน้าไม่ได้
ไม่ก็ยื้อคนดูให้ลุ้นซ้ำซากกับการทำอะไรสักอย่างให้เปลืองแอร์ไทม์เล่น
ตั้งแต่ตอนจะรู้ว่ามีแฝด รู้ว่าคนรักหมอคือกาสะลอง มากระทั่งซีนเล็กๆ แบบเปลี่ยนหม้อยา
คือนิดหน่อยมันก็ลุ้นหรอก แต่ถ้าเล่นมุกยื้ออย่างนี้ทุกมุกมันก็ชักจะเฝือนะ
เดี๋ยวตอนต่อไปก็จะมาเล่นกับการยื้อให้ลุ้นว่าจะหนีไปด้วยกันได้มั้ยต่ออีก
หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ วางแผนใหม่ หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ ...
เห็นเราเป็นจิ้งหรีดรึไง วนลูปกับการปั่นหัวอยู่นี่

ซึ่งมันก็เป็นไปได้นะ ที่ละครสักเรื่องจะมีคนโรคจิตเป็นศูนย์กลางให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น
แต่แบบ... ไหนๆ ซ้องจะโรคจิตแล้ว ใส่เรื่องราวที่จะปูพื้นหรือให้เห็นสาเหตุ
ว่าทำไมนางเป็นขนาดนี้บ้าง เรื่องจะได้มีเหตุมีผลที่สมดุลขึ้น
เช่น มีฉากตอนเด็กๆ ในมุมซ้องปีบ ที่เห็นแม่ดูแลพี่แล้วน้อยใจสะสมมาเรื่อยๆ อะไรแบบนี้
ให้เรื่องมันเล่าตัวเอง ไม่ใช่แค่ตัวละครร้องบอกซ้ำๆ ซากๆ
อย่างตอนฉากที่ซ้องปีบทำกาสะลองตกน้ำ แล้วตัดสินใจโดดลงไปช่วย
ตอนนั้นเราชอบนะ ที่มีซีนที่แม่ดึงกาสะลองขึ้นมา แล้วมัวสนใจแต่กาสะลอง
ไม่เห็น/ไม่สนใจที่ซ้องปีบยื่นมาให้แม่ดึงขึ้นบ้าง
คือตอนนั้นจะได้เห็นอีกมุมของความน้อยใจของซ้องปีบเหมือนกัน
ถ้ามีบทประมาณนี้เพิ่มอีกหน่อย มันจะได้ดูมีมิติมากขึ้น
ส่วนกาสะลอง เป็นคนดีแบบพอดีพอดีก็ได้ เป็นคนดีก็พูดความจริงได้
ไม่ได้โกหกใส่ร้ายใครซะหน่อย เขาคุกคามชีวิตคุกคามความปลอดภัยขนาดนั้นแล้ว
เอาตัวรอดให้รอดจริงๆ พ้นจริงๆ ก่อนค่อยคิดสงสารเขาก็ได้
และที่เบื่อที่สุดเลยคือความวนกับมุกอมพะนำ
สร้างปมเรื่องด้วยการไม่พูด พูดไม่หมด ไม่พูดชื่อ เข้าใจผิด เข้าใจถูกอะไรอยู่นั่น
เหมือนหาวิธีอื่นในการผูกปมหรือทำให้เรื่องมันเดินหน้าไม่ได้
ไม่ก็ยื้อคนดูให้ลุ้นซ้ำซากกับการทำอะไรสักอย่างให้เปลืองแอร์ไทม์เล่น
ตั้งแต่ตอนจะรู้ว่ามีแฝด รู้ว่าคนรักหมอคือกาสะลอง มากระทั่งซีนเล็กๆ แบบเปลี่ยนหม้อยา
คือนิดหน่อยมันก็ลุ้นหรอก แต่ถ้าเล่นมุกยื้ออย่างนี้ทุกมุกมันก็ชักจะเฝือนะ
เดี๋ยวตอนต่อไปก็จะมาเล่นกับการยื้อให้ลุ้นว่าจะหนีไปด้วยกันได้มั้ยต่ออีก
หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ วางแผนใหม่ หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ หนีได้ หนีไม่ได้ ...
เห็นเราเป็นจิ้งหรีดรึไง วนลูปกับการปั่นหัวอยู่นี่



แสดงความคิดเห็น
...บท กลิ่นกาสะลองทำไมมันป่วยได้ขนาดนี้.....
ฝ่ายคนดีก็ดีแสนดี ไม่สู้คน ไม่ทำร้ายใคร เบื่อ บทนางเอก งี่เง่า แสนดีแบบนี้
พอตายเป็นผีหน่อยเก่งขึ้นมาทันที
ฝ่ายคนเลว ก็เลวใจยักษ์ใจหมา เกิดมาอีกชาติ ก็ได้ดิบได้ดี
แรกๆ บทเหมือนจะดี แต่มาตอนนี้ รู้สึกไม่มีอะไร คงจะตบตี ทำร้ายร่างกายกันวางแผนแย่งผู้ชาย ใส่ร้ายกันไปเรื่อยๆ ดูแล้วรู้สึกหดหู่ ไปเรื่อยๆ
ถามหน่อยว่า สมัยก่อน ภาคเหนือใส่เสื้อเอวลอย ขนาดนี้ก่า ดูแล้วขัดตายังไงบ่ฮู้