
นี่อาจจะเป็นภาพประวัติศาสตร์เลยก็ได้ ที่คนไทยหลายๆคนเอาภาพนี้มาถล่มประเทศ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าภาพนี้เป็นภาพจริงหรือตัดต่อ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น) ประเด็นคือ ต้องยอมรับว่าการรถไฟไทยมีมานานแล้ว แต่การมีมานานไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นมามากนัก แต่กลับกัน มาเลย์ประเทศที่มีรถไฟหลังเรา กลับมีระบบรางที่ดูดีกว่าเราพอสมควร เมื่อรถไฟมาเลย์มีระบบไฟฟ้า จึงไม่แปลกที่จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับไทย แต่...การเปรียบเทียบก็ไม่ยุติธรรมมากนัก เพราะมันคือรถคนละระบบกัน รถไฟมาเลย์จะคล้ายๆ ARL คือคนขน แต่รถไฟไทยจะเป็นอเนกประสงค์คือ ขนของ+ขนคน เมื่อมีการใช้งานที่แตกต่างกัน การนำมาเทียบกันจึงไม่ถูกต้องนัก แต่...นับตั้งแต่ปี2564เป็นต้นไป ระบบรางของไทยจะมีรถไฟวิ่งรูปแบบเดียวกับมาเลย์เซียแล้ว นั่นคือรถไฟชานเมืองสายสีแดง

รถไฟชานเมืองสายสีแดงที่จะวิ่งในปี 2564 นี่ต่างหาก ถึงจะเทียบได้ตรงกับรถไฟชานเมืองของมาเลย์ เพราะเป็นระบบไฟฟ้า วิ่งบนราง1เมตรเดิม และที่สำคัญคือ เน้นคนขนเหมือนๆกัน ความเร็วสูงสุดที่ทำได้บนราง1เมตรคือ 160km/h แต่วิ่งจริงประมาณ110-120 ไม่เกินนี้ ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า รถไฟไทยพัฒนาช้า(เมื่อเทียบกับมาเลย์) แต่พัฒนาแล้วนะ เพราะรถไฟชานเมืองนี่แหละที่เป็นระบบรางหลักที่เชื่อมต่อคนภายนอกพื้นที่เข้าไปในเมืองหลวง หาใช่ระบบระไฟฟ้าเมโทรไลน์ในกทม.ไม่
** ส่วนระบบเมโทรไลน์ในกรุงเทพ หลังจากปี 2567 ถ้าวัดกันเฉพาะเมืองหลวง กรุงเทพจะทิ้งกัวลาลัมเปอร์ไปแล้วครับ(คิดว่าคงไม่มีใครเอาระบบเมโทรไลน์กัวลาลัมเปอร์มาเทียบกับกรุงเทพอีกนะ) ยิ่งถ้ารถไฟฟ้าความเร็วสูงของไทยสร้างเสร็จ การขนส่งทางรางของไทยจะเหมือนถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ละจะเป็นผู้นำในระบบรางในย่านนี้ ต่อจากสิงคโปร์ **
ป.ล. แต่ก็เหมือนที่ผมพูดไป ว่าระบบรถไฟชานเมืองคือระบบสำคัญที่นำคนจากนอกพื้นที่รัศมี100กิโลเมตร++ เข้ามาในพื้นที่มหานคร ระบบรถไฟชานเมืองจึงเป็นหัวใจและเป็นระบบสำคัญ (ระดับเดียวกับรถไฟทางคู่เลย แต่ทางคู่เป็นอเนกประสงค์) ซึ่งเราพึ่งจะเรื่มต้นด้วยสายสีแดง จึงต้องบอกว่า เราเริ่มช้ากว่ามาเลย์ไปมาก แต่...เมื่อเราเริ่มแล้ว เรากลับเริ่มในระดับที่บูมเลย มันจึงน่าสนุกและน่าสนใจที่จะได้รับชมความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น อดใจรอกันสักเล็กน้อย รูปโฉมของประเทศไทยเปลี่ยนไปแน่ๆ ถ้าโครงข่ายระบบรางเสร็จสมบูรณ์แล้ว
รถไฟไทยพัฒนาช้า แต่พัฒนาแล้วนะ...
นี่อาจจะเป็นภาพประวัติศาสตร์เลยก็ได้ ที่คนไทยหลายๆคนเอาภาพนี้มาถล่มประเทศ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าภาพนี้เป็นภาพจริงหรือตัดต่อ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น) ประเด็นคือ ต้องยอมรับว่าการรถไฟไทยมีมานานแล้ว แต่การมีมานานไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นมามากนัก แต่กลับกัน มาเลย์ประเทศที่มีรถไฟหลังเรา กลับมีระบบรางที่ดูดีกว่าเราพอสมควร เมื่อรถไฟมาเลย์มีระบบไฟฟ้า จึงไม่แปลกที่จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับไทย แต่...การเปรียบเทียบก็ไม่ยุติธรรมมากนัก เพราะมันคือรถคนละระบบกัน รถไฟมาเลย์จะคล้ายๆ ARL คือคนขน แต่รถไฟไทยจะเป็นอเนกประสงค์คือ ขนของ+ขนคน เมื่อมีการใช้งานที่แตกต่างกัน การนำมาเทียบกันจึงไม่ถูกต้องนัก แต่...นับตั้งแต่ปี2564เป็นต้นไป ระบบรางของไทยจะมีรถไฟวิ่งรูปแบบเดียวกับมาเลย์เซียแล้ว นั่นคือรถไฟชานเมืองสายสีแดง
รถไฟชานเมืองสายสีแดงที่จะวิ่งในปี 2564 นี่ต่างหาก ถึงจะเทียบได้ตรงกับรถไฟชานเมืองของมาเลย์ เพราะเป็นระบบไฟฟ้า วิ่งบนราง1เมตรเดิม และที่สำคัญคือ เน้นคนขนเหมือนๆกัน ความเร็วสูงสุดที่ทำได้บนราง1เมตรคือ 160km/h แต่วิ่งจริงประมาณ110-120 ไม่เกินนี้ ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า รถไฟไทยพัฒนาช้า(เมื่อเทียบกับมาเลย์) แต่พัฒนาแล้วนะ เพราะรถไฟชานเมืองนี่แหละที่เป็นระบบรางหลักที่เชื่อมต่อคนภายนอกพื้นที่เข้าไปในเมืองหลวง หาใช่ระบบระไฟฟ้าเมโทรไลน์ในกทม.ไม่
** ส่วนระบบเมโทรไลน์ในกรุงเทพ หลังจากปี 2567 ถ้าวัดกันเฉพาะเมืองหลวง กรุงเทพจะทิ้งกัวลาลัมเปอร์ไปแล้วครับ(คิดว่าคงไม่มีใครเอาระบบเมโทรไลน์กัวลาลัมเปอร์มาเทียบกับกรุงเทพอีกนะ) ยิ่งถ้ารถไฟฟ้าความเร็วสูงของไทยสร้างเสร็จ การขนส่งทางรางของไทยจะเหมือนถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ละจะเป็นผู้นำในระบบรางในย่านนี้ ต่อจากสิงคโปร์ **
ป.ล. แต่ก็เหมือนที่ผมพูดไป ว่าระบบรถไฟชานเมืองคือระบบสำคัญที่นำคนจากนอกพื้นที่รัศมี100กิโลเมตร++ เข้ามาในพื้นที่มหานคร ระบบรถไฟชานเมืองจึงเป็นหัวใจและเป็นระบบสำคัญ (ระดับเดียวกับรถไฟทางคู่เลย แต่ทางคู่เป็นอเนกประสงค์) ซึ่งเราพึ่งจะเรื่มต้นด้วยสายสีแดง จึงต้องบอกว่า เราเริ่มช้ากว่ามาเลย์ไปมาก แต่...เมื่อเราเริ่มแล้ว เรากลับเริ่มในระดับที่บูมเลย มันจึงน่าสนุกและน่าสนใจที่จะได้รับชมความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น อดใจรอกันสักเล็กน้อย รูปโฉมของประเทศไทยเปลี่ยนไปแน่ๆ ถ้าโครงข่ายระบบรางเสร็จสมบูรณ์แล้ว