พี่สาวผม เป็นผู้หญิงที่มีจิตรใจสวยงามที่สุด
พี่สาวผม อายุ 25 เป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่ารัก เป็นคนเรียนเก่ง และเป็นคนคนนึงที่มีจิตรใจดีมาก ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ไม่เคยทำร้ายใคร และรักทุกคนที่อยู่รอบตัวไม่ว่าจะเป็นใคร พี่ก็ให้ความรักที่จริงใจกับทุกคน
ชอบช่วยเหลือคนอื่น
พี่ผมเรียนจบ วิศวะเคมีจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในบ้านเรา เรียนดีมาตลอด ตอนเรียนก็เป็นที่รักของคนรอบข้าง พอจบมาก็ทำงานได้ไม่นานก็มีอาการปวดท้องเมนส์ พี่ก็บอกกับผมบอกกับที่บ้านว่าปวดท้องหนักมาก และเลิอดออกเยอะ แต่ผมไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่คิดว่าเป็นปกติของผู้หญิงนานๆ ก็ไปหาบ้าง ไปเดินห้าง ไปกินข้าวกัน แต่ไม่เคยพาไปหาหมอ พอพี่เริ่มปวดมากขึ้น มากขึ้น ก็ไปหาหมอที่ รพ ด้วยตัวคนเดียว หมอก็บอกว่าเป็นเมนส์ปกติ (คงไม่ได้ตรวจละเอียดผ) หมอก็ให้ยาคุมมากินแต่ไม่ดีขึ้นเลยไปหาอีก รพ หมอก็บอกแบบเดียวกันอีก ให้ยาคุมมากินเหมือนเดิม พอยิ่งปวดหนักเลยกลับมาอยู่ที่บ้าน พ่อแม่เลยพาไปตรวจอย่างละเอียดก็พบก้อนซีด และต้องทำการผ่าออก ผมคิดวันผ่าคงเป็นวันที่พี่จะได้หายปวดท้องซักที เหมือนเป็นวันที่หมัยกำลังรอให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป กลับกลายเป็นวันฝันร้าย และฝันสลาย
ผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี หมอจึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจแต่กลับพบว่าชิ้นเนื้อนั้นเป็นเนื้อร้ายอาจจะเป็นมะเร็ง เลยต้องตรวจร่างกายด้วยปการ CT scan ผลตรวจออกมาก็เป็นจริงๆ เป็นมะเร็งเยื่อบุโพลงมดลูก และเป็นระยะลุกลามหรือระยะที่4 ระยะสุดท้าย ไม่มีใครรู้และไม่มีใครคิดมาก่อนเลย แม้กระทั่งหมอที่เป็นคนตรวจ (เป็นหมอที่มีประสบการณ์สูง) ก็ยังคาดไม่ถึงด้วยอายุแค่นั้น ที่จะเป็นมะเร็งระดับนี้ได้ซึ่งพบได้ยาก
จากนั้นไม่นานก็ส่งตัวไปอีก รพ เพื่อเข้ารับการรักษามะเร็งและเริ่มการทำ คีโมโดยเร็วที่สุด พอทำคีโมผมก็เริ่มล่วงหลุดออกมา ระหว่างช่วงที่รักษาผมก็กลับบ้านมาดูเป็นระยะๆ ผมเสียใจทุกครั้งที่กลับมาเห็นหรือ
Video call ด้วย ที่เห็นสภาพพี่เป็นแบบนั้น เธออดทนมาก เข้ารับการรักษาทุกรูปแบบ ทั้งคีโมเพื่อฆ่ามะเร็ง ฉายแสงรังสีเพื่อระงับอาการปวด
และฝังแร่ เพื่อให้ร่างกายรับรังสีได้มากขึ้น และยังมีทางอื่นที่ผมไม่ทราบอีก เธอเจ็บปวดมาตลอดตั้งแต่ก่อนเริ่มตอนที่ยังอยู่บ้าน การรักษาและระหว่างรักษาที่ รพ และยังมีการคุมอาหารตลอดเวลา โดยมีแม่ที่ช่วยดูแล ทั้งอาหาร การหาผัก สมุนไพรมาใช้ แม่ช่วยทุกอย่าง อย่างเต็มที่ตลอดมา จนในที่สุดการรักษาก็เริ่มจะไม่ไหวผมเลยพักการเรียน และจะกลับมาอยู่ช่วยกันดูแลกัน
หมอเจ้าของเคสก็อธิบายที่ระดับการลุกลามที่มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ พี่ก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีกจนทนไม่ไหว เดินก็ไม่ได้จะต้องให้มอฟีน เพื่อระงับปวดผ่านทางสายยางที่เจาะเข้าไปในเส้นเลือดตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืนนอนให้มอฟีน อย่างเดียว แรกๆก็ดีพี่หายปวด แต่ใช้ได้ซัก 2วันยาเริ่มเอาไม่อยู่เลยต้องเพิ่มปริมาณยา และให้ เคตามีนร่วมกันมอฟีน ในปริมาณทืมากขึ้นไปอีก พี่ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เหมือนเมายา พูดไม่รู้เรื่อง การกระทำและพฤติกรรมต่างๆ ดูไม่ปกติ เหมือนคนสติไม่ดี ผ่านมาอีก 2วันยาคงจะแรงไปจึงถอดเคตามีนออกเหลือแต่มอฟีน แต่สติที่หายไปมันไม่กลับมาแล้ว ก็ดูเลอะเลือนพูดไม่รู้เรื่อง อาการหลังจากให้มอฟีนเพียงอย่างเดียวต่อมาก็คือ หงุดหงิดระดับควมคุมตัวเองไม่ได้ พยายามแกะสายยางที่ข้อมือ และมือ เกาหน้าท้องจรเป็นแผลช้ำเลือด
( ลืมบอกไปตั้งแต่ให้มอฟีน ผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกและกินอาหารไม่ได้ ทำได้แค่ดื่มน้ำ เพราะภายในระบบทางเดินอาหารมีแต่เนื้องอกบีบอวัยวะภายใน กลืนอะไรก็ไม่ได้ กินอาหารร่างกายก็ไม่รับ ร่างกายจึงผอมมากมีแต่กระดูก )
หลังจากคลุ้มคลั่งพี่เริ่มเงียบไม่พูด เปิดตาค้างตลอดเวลา หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็วมาก 175-180 /m และนอนหายใจผงาบๆ ตลอดเวลาใครพูดอะไรด้วยก็ไม่เหมือนจะได้รับรู้ได้แต่ไม่โต้ตอบอะไรเลย เอาแต่มอง
เป็นแบบนี้ติดต่อกันประมาน 30 ชั่วโมง โดยไม่หลับเลย เมื่อถึงช่วงบ่ายชองวันที่ 20 มิย.หัวใจเริ่มเต้นช้าลงเหลือ 90 60 20 และ หัวใจก็หยุดเต้นไป โดยมีแม่ และ ผมกับน้องนั่งดูและจับมือไว้ และเสียชีวิตลงอย่างสงบ เป็นภาพที่ติดตา ก่อนเสียก็พูดสั่เสียทุกอย่างไว้ตอนที่ยังสติดี แต่ตอนเสียจริงกลับไรสติ
ปล.ตอนเริ่มเข้าการรักษาอายุ 24 ปี และเสียชีวิต ตอนอายุ 25ปี ใช้ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด 9เดือนกว่า พี่ผมและผมต่างก็คิดเหมือนกันว่าตั้งแต่เริ่มรักษามันมีแต่แย่ลงทุกวันไม่มีดีขึ้นเลย
ปล.มีความคิดส่วนตัวว่าถ้าใช้กัญชารักษาแต่แรกไม่ใช้คีโม มาทำลายร่างกายจะดีกว่านี้มั้ย
ปล.เรื่องนี้ทำให้ผมและใครที่ได้อ่าน ตระหนักถึงอาการผิดปกติเล็กน้อย
ปล.อะไรก็ไม่แน่นอนอยากให้ผู้หญิงตรวจไว้ก็ดี ตรวจไว้กฺ็ไม่เสียหาย
ปล.จงให้ความสำคัญกับคนรอบตัวให้มากที่สุด อย่าปล่อยปะละเลย
ปวดท้องเมนส์อย่าละล้ย ผู้หญิงที่จิตรใจงดงามที่สุดโชคร้ายที่สุด
พี่สาวผม อายุ 25 เป็นผู้หญิงเรียบร้อย น่ารัก เป็นคนเรียนเก่ง และเป็นคนคนนึงที่มีจิตรใจดีมาก ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ไม่เคยทำร้ายใคร และรักทุกคนที่อยู่รอบตัวไม่ว่าจะเป็นใคร พี่ก็ให้ความรักที่จริงใจกับทุกคน
ชอบช่วยเหลือคนอื่น
พี่ผมเรียนจบ วิศวะเคมีจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในบ้านเรา เรียนดีมาตลอด ตอนเรียนก็เป็นที่รักของคนรอบข้าง พอจบมาก็ทำงานได้ไม่นานก็มีอาการปวดท้องเมนส์ พี่ก็บอกกับผมบอกกับที่บ้านว่าปวดท้องหนักมาก และเลิอดออกเยอะ แต่ผมไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่คิดว่าเป็นปกติของผู้หญิงนานๆ ก็ไปหาบ้าง ไปเดินห้าง ไปกินข้าวกัน แต่ไม่เคยพาไปหาหมอ พอพี่เริ่มปวดมากขึ้น มากขึ้น ก็ไปหาหมอที่ รพ ด้วยตัวคนเดียว หมอก็บอกว่าเป็นเมนส์ปกติ (คงไม่ได้ตรวจละเอียดผ) หมอก็ให้ยาคุมมากินแต่ไม่ดีขึ้นเลยไปหาอีก รพ หมอก็บอกแบบเดียวกันอีก ให้ยาคุมมากินเหมือนเดิม พอยิ่งปวดหนักเลยกลับมาอยู่ที่บ้าน พ่อแม่เลยพาไปตรวจอย่างละเอียดก็พบก้อนซีด และต้องทำการผ่าออก ผมคิดวันผ่าคงเป็นวันที่พี่จะได้หายปวดท้องซักที เหมือนเป็นวันที่หมัยกำลังรอให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป กลับกลายเป็นวันฝันร้าย และฝันสลาย
ผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี หมอจึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจแต่กลับพบว่าชิ้นเนื้อนั้นเป็นเนื้อร้ายอาจจะเป็นมะเร็ง เลยต้องตรวจร่างกายด้วยปการ CT scan ผลตรวจออกมาก็เป็นจริงๆ เป็นมะเร็งเยื่อบุโพลงมดลูก และเป็นระยะลุกลามหรือระยะที่4 ระยะสุดท้าย ไม่มีใครรู้และไม่มีใครคิดมาก่อนเลย แม้กระทั่งหมอที่เป็นคนตรวจ (เป็นหมอที่มีประสบการณ์สูง) ก็ยังคาดไม่ถึงด้วยอายุแค่นั้น ที่จะเป็นมะเร็งระดับนี้ได้ซึ่งพบได้ยาก
จากนั้นไม่นานก็ส่งตัวไปอีก รพ เพื่อเข้ารับการรักษามะเร็งและเริ่มการทำ คีโมโดยเร็วที่สุด พอทำคีโมผมก็เริ่มล่วงหลุดออกมา ระหว่างช่วงที่รักษาผมก็กลับบ้านมาดูเป็นระยะๆ ผมเสียใจทุกครั้งที่กลับมาเห็นหรือ
Video call ด้วย ที่เห็นสภาพพี่เป็นแบบนั้น เธออดทนมาก เข้ารับการรักษาทุกรูปแบบ ทั้งคีโมเพื่อฆ่ามะเร็ง ฉายแสงรังสีเพื่อระงับอาการปวด
และฝังแร่ เพื่อให้ร่างกายรับรังสีได้มากขึ้น และยังมีทางอื่นที่ผมไม่ทราบอีก เธอเจ็บปวดมาตลอดตั้งแต่ก่อนเริ่มตอนที่ยังอยู่บ้าน การรักษาและระหว่างรักษาที่ รพ และยังมีการคุมอาหารตลอดเวลา โดยมีแม่ที่ช่วยดูแล ทั้งอาหาร การหาผัก สมุนไพรมาใช้ แม่ช่วยทุกอย่าง อย่างเต็มที่ตลอดมา จนในที่สุดการรักษาก็เริ่มจะไม่ไหวผมเลยพักการเรียน และจะกลับมาอยู่ช่วยกันดูแลกัน
หมอเจ้าของเคสก็อธิบายที่ระดับการลุกลามที่มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ พี่ก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีกจนทนไม่ไหว เดินก็ไม่ได้จะต้องให้มอฟีน เพื่อระงับปวดผ่านทางสายยางที่เจาะเข้าไปในเส้นเลือดตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืนนอนให้มอฟีน อย่างเดียว แรกๆก็ดีพี่หายปวด แต่ใช้ได้ซัก 2วันยาเริ่มเอาไม่อยู่เลยต้องเพิ่มปริมาณยา และให้ เคตามีนร่วมกันมอฟีน ในปริมาณทืมากขึ้นไปอีก พี่ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เหมือนเมายา พูดไม่รู้เรื่อง การกระทำและพฤติกรรมต่างๆ ดูไม่ปกติ เหมือนคนสติไม่ดี ผ่านมาอีก 2วันยาคงจะแรงไปจึงถอดเคตามีนออกเหลือแต่มอฟีน แต่สติที่หายไปมันไม่กลับมาแล้ว ก็ดูเลอะเลือนพูดไม่รู้เรื่อง อาการหลังจากให้มอฟีนเพียงอย่างเดียวต่อมาก็คือ หงุดหงิดระดับควมคุมตัวเองไม่ได้ พยายามแกะสายยางที่ข้อมือ และมือ เกาหน้าท้องจรเป็นแผลช้ำเลือด
( ลืมบอกไปตั้งแต่ให้มอฟีน ผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกและกินอาหารไม่ได้ ทำได้แค่ดื่มน้ำ เพราะภายในระบบทางเดินอาหารมีแต่เนื้องอกบีบอวัยวะภายใน กลืนอะไรก็ไม่ได้ กินอาหารร่างกายก็ไม่รับ ร่างกายจึงผอมมากมีแต่กระดูก )
หลังจากคลุ้มคลั่งพี่เริ่มเงียบไม่พูด เปิดตาค้างตลอดเวลา หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็วมาก 175-180 /m และนอนหายใจผงาบๆ ตลอดเวลาใครพูดอะไรด้วยก็ไม่เหมือนจะได้รับรู้ได้แต่ไม่โต้ตอบอะไรเลย เอาแต่มอง
เป็นแบบนี้ติดต่อกันประมาน 30 ชั่วโมง โดยไม่หลับเลย เมื่อถึงช่วงบ่ายชองวันที่ 20 มิย.หัวใจเริ่มเต้นช้าลงเหลือ 90 60 20 และ หัวใจก็หยุดเต้นไป โดยมีแม่ และ ผมกับน้องนั่งดูและจับมือไว้ และเสียชีวิตลงอย่างสงบ เป็นภาพที่ติดตา ก่อนเสียก็พูดสั่เสียทุกอย่างไว้ตอนที่ยังสติดี แต่ตอนเสียจริงกลับไรสติ
ปล.ตอนเริ่มเข้าการรักษาอายุ 24 ปี และเสียชีวิต ตอนอายุ 25ปี ใช้ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด 9เดือนกว่า พี่ผมและผมต่างก็คิดเหมือนกันว่าตั้งแต่เริ่มรักษามันมีแต่แย่ลงทุกวันไม่มีดีขึ้นเลย
ปล.มีความคิดส่วนตัวว่าถ้าใช้กัญชารักษาแต่แรกไม่ใช้คีโม มาทำลายร่างกายจะดีกว่านี้มั้ย
ปล.เรื่องนี้ทำให้ผมและใครที่ได้อ่าน ตระหนักถึงอาการผิดปกติเล็กน้อย
ปล.อะไรก็ไม่แน่นอนอยากให้ผู้หญิงตรวจไว้ก็ดี ตรวจไว้กฺ็ไม่เสียหาย
ปล.จงให้ความสำคัญกับคนรอบตัวให้มากที่สุด อย่าปล่อยปะละเลย