
สวัสดีครับ .... ตัดสินใจอยู่นานว่าจะมาเล่าดีไหม...แต่ถือว่ามาเล่าไว้เพื่ออาจเป็นประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อยครับ
สวัสดีครับ ปัจจุบันผมอายุ 35 ปี ร่างกายสุขภาพก็อาจจะไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ
ผมเคยผ่านการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2566 (2 ปีที่แล้วครับ)
ผมเคยป่วยเป็นไตอักเสบ เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2558 (10 ปีที่แล้วครับ)
ซึ่งเรื่องการเจ็บป่วยพวกนี้ผมเคยไปเล่าไว้แล้วครับ ตามหัวเรื่องด้านล่างนี้เลยครับ
ชีวิตของผมที่ผ่านการเจ็บป่วย ทำให้เราเห็นคุณค่าในชีวิตมากขึ้น - Pantip
.....ครั้งนี้ผมจะมาเล่าเรื่องการเจ็บป่วยครั้งล่าสุดของผมครับ......
เมื่อต้นปี 2567 ช่วงประมาณเดือนเมษายน หลังเทศกาลสงกรานต์ ผมพบว่าตัวผมเริ่มมีอาการหูอื้อเวลานอนข้างขวาแบบเป็นๆหาย
เป็นมาได้สัก 1 อาทิตย์ ก็ไม่หาย และแฟนผมก็สังเกตว่าเวลาผมหันข้างหรือเอี้ยวคอ เหมือนจะมีต่อมน้ำเหลืองโตเล็กน้อยที่ด้านขวาถัดลงมาจากหู
เลยได้มีการนัดเข้าไปตรวจที่ รพ. แผนก หูคอจมูก
ซึ่งตอนนั้นอาจารย์หมอก็ได้มีการส่องหู ก็พบว่าเป็นแค่หูอักเสบ และได้ถามว่าที่ต่อมน้ำเหลืองโตเพราะอะไร
ตอนนั้นอาจารย์หมอก็วินัจฉัยว่าอาจเป็นได้เพราะหูเราอักเสบ
และได้ส่งเข้าไปทดสอบการได้ยิน ซึ่งทุกอย่างปกติหมด
เลยให้ยามาทานและติดตามอาการอีก 1 อาทิตย์ ถ้าไม่ยุบให้มาหาใหม่
หลังจากนั้นผ่านไป 4-5 วัน ในตอนเช้าผมเริ่มมีอาการเวลาบ่มเสลดตอนเช้ามักจะมีเลือดปนมาด้วย
หรือถ้าเราจามแรงๆ ขี้มูกก็จะมีปนเลือดมาด้วย ผมเลยรู้สึกว่ามันแปลกๆแล้ว
เลยรีบนัดหมดเข้าไปอีกที พอไปพบหมอตอนแรกอาจารย์หมอกำลังจะส่องกล้องเข้าไปดูลำคอ
แต่พอผมบอกอาการว่า เวลาจามแรงๆ บ้างครั้งก็มีขี้มูกปนเลือดออกมา
อาจารย์หมอเลยเปลี่ยนจากส่องลำคอมาส่องที่จมูกแทน
ซึ่งส่องไปจมูกที่ข้างขวา ก็ปรากฏว่าพบ ก้อนเนื้อที่หลังโพรงจมูกครับ ซึ่งตอนนั้นก็ตกใจมาก
และอาจารย์หมอก็ขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเลย แล้วจากนั้นลองมาส่องข้างซ้าย ซึ่งข้างซ้ายปกติ
หลังจากนั้นอาจารย์หมอให้รอฟังผลชิ้นเนื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์
ซึ่งในตอนนั้นที่ผมรู้ว่ามีก้อนเนื้อที่จมูกก็อึ้งๆ ไป พร้อมกับแฟนที่อยู่ด้วย
และตัดสินใจกับแฟนว่ายังจะไม่บอกเรื่องนี้กับที่บ้าน เพราะอีกไม่กี่วันผมจะต้องมีเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ
เลยบอกแฟนว่า ไว้ค่อยกลับมาจากทำงานค่อยๆ บอกที่บ้าน
พอกลับมาบ้านผมกับแฟนก็พยายามทำตัวปกติ เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวรู้ว่าเราเป็นอะไร
พอขึ้นบ้านเข้ามาในห้องนอน แฟนผมก็ดูซึมๆ กังวลๆ ผมก็นั่งอยู่บนที่นอน แล้วมองหน้ากัน
ผมก็เริ่มร้องไห้และบอกกับแฟนว่า ที่ร้องไห้ ไม่ได้เพราะกลัวว่าเราจะเป็นโรคร้าย
แต่กลัวว่าถ้าเป็นแล้ว เราจะได้อยู่กับครอบครัวได้นานแค่ไหน
ถ้าเราไม่อยู่แล้ว พ่อแม่จะอยู่ยังไง แฟนเราด้วย เกิดคำถามมากมายในหัว อารมณ์ตอนนั้นเลยทำให้เราร้องไห้ออกมา
แล้วก็กอดร้องไห้กันกับแฟน
หลังจากไม่กี่วันผมก็ต้องเดินทางไป ตปท ประมาณ อาทิตย์กว่า ก็ทำตัวปกติ
ระหว่างนั้นก็หาข้อมูลว่าอาการที่เราเป็น ก้อนที่เราเจอตรงนั้น มันพอจะเป็นอะไรได้บ้าง
ซึ่งมันก็บ่งชี้เกือบ80% ละว่ามันอาจจะเป็นเนื้อร้ายได้ ซึ่งเป็นมะเร็งที่เรียกกันว่า มะเร็งหลังโพรงจมูก
พอถึงวันที่หมอนัดฟังผลชิ้นเนื้อ ผมก็ไปกับแฟน 2 คน แล้วคุณหมอก็อ่านผลให้ฟังว่า
ผลออกมาเป็นเนื้อร้าย เป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ซึ่งระยะไหนอาจจะต้องส่งต่อให้หมอมะเร็งและหมอรังสีวางแผนต่อ
ในตอนนั้นผมนิ่งมากครับ เพราะทำใจมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่ผมเห็นหน้าแฟนแบบใจเสียมาก
และก็ได้แต่กุมมือผมแน่น หลังออกมาจากห้องคุณหมอ รอไปทำนัดกับหมอมะเร็งและหมอรังสี
ผมกับแฟนก็จับมือกันแน่น นั่งนิ่ง มองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร แต่ผมก็บอกกับแฟนว่าไม่เป็นไรนะ
ผมจะเข้มแข็ง หลังจากนั้นพยาบาลก็เดินมาหาและมาให้กำลังใจบอกผมว่า สู้ๆนะ ต้องรักษานะ มันมีโอกาสหาย
หลังจากนั้นก้ไปทำเรื่องนัดครับ แล้วก็กลับมาบ้าน ปรึกษากับแฟนสักพักว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี
ซึ่งในตอนนั้นแม่มาพอดี เลยเล่าให้แม่ฟังครับ ซึ่งตอนนั้นแม่ตกใจมาก แล้วแกก็เครียดเป็นกังวลกับตัวผมมากเลย
ผมก็บอกทุกคนว่า ไม่เป็นไรนะ ผมจะสู้
พอถึงวันที่นัดเจอหมอรังสี หมอก็ทำการสอบถามอาการดูผล และส่งให้ผมไปทำ CT และ MRI ทั้งร่างกาย ซึ่งตอนนั้นคิว CT ของที่ รพ. นานเป็นเดือนเลย
แม่ผมเลยถามคุณหมอว่าถ้าไปทำเอกชนแล้วเอาผลมาให้เลยได้ไหม ซึ่งคุณหมอบอกได้
หลังจากนั้นแม่กับแฟนก็พาผมไปทำ CT กับ รพ เอกชน ผลออก ณ วันนั้นเลย
เพราะคุณแม่บอกว่าโรคนี้ปล่อยนานไม่ได้ ควรต้องรีบการรักษา
และผมก็ไปอ่านข้อมูลมาว่าควรไปเคลียร์ช่องฟันด้วย ก่อนการเข้าสู่กระบวนการรักษา
ซึ่งถ้ารอคิวของ รพ. ก็น่าจะหลายอาทิตย์ ผมเลยตัดสินใจไป คลินิคที่ผมเชื่อถือแถวๆบ้าน ที่อาจารย์เข้าจบจากมหิดล
ผมจะบอกว่า อาจารย์เก่งมากครับ เพราะผลจากการสแกนฟันของผม ผมมีฟันคุด 4 ซี่ และฟันหัก 1 ซี่ พร้อมฟันผุ 1 ซี่ ซึ่งผมต้องถอนออก 6 ซี่
และหมอบอกว่าอาจต้องนัดมาทำอีก 3 วัน เพราะหมอที่ทำศัลยกรรมฟันจะเข้าวันนั้น ผมก็ตกลงนัดเลย
พอถึงวันทำตอนนั้น คุณหมอก็ฉีดยาชาที่เหงือ ที่เพดานปาก ทั่วปากผมเลยครับ อยากจะบอกว่าตอนนั้นเจ็บมากตอนฉีดยาชา
และคุณหมอก็ทำการถอนฟันทั้ง 6 ซี่ในคราวเดียวเลยครับ ใช้เวลาทำประมาณชั่วโมงกว่าๆ
หลังจากทำเสร็จคุณหมอก็บอกให้คอยเอาถุงน้ำแข็งประคบตลอดเวลา เพื่อลดการอักเสบ
ซึ่งแฟนผมก็เตรียมอุปกรณ์ซื้อที่ประคบเย็นมาเรียบร้อย
หลังจากกลับมาบ้าน ปากผมบวมตุยจากยาชาเลยครับ ใครเห็นคงนึกว่าผมไปฉีดปากมา
และก็น้ำลายก็มีไหลออกมาบ้าง เนื่องจากปากมันบวมครับ
เป็นอยู่ประมาณชั่วโมงครับ ถึงจะค่อยๆเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ
ระหว่างนั้นแฟนผมก็คอยประคบเย็นให้ตลอดเลยครับ
ซึ่งผมไม่มีอาการปวด หรือเจ็บอะไรเลยครับ อยากจะบอกว่าคุณหมอเก่งมากครับ แล้วคลินิคนี้ดีมากครับ
คุณหมอจบมหิดล ฝีมือดีมากครับ
......ไว้ผมมาเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าเหตุการณ์หลังจากที่เอาผลการทำ CT+MRI ไปให้คุณหมอรังสี และวางแผนการรักษา.....
เมื่อผมต้องเจ็บป่วยอีกครั้ง และเมื่อทราบว่าเป็นโรคร้าย จิตใจ+กำลังใจจากครอบครัวสำคัญ
สวัสดีครับ ปัจจุบันผมอายุ 35 ปี ร่างกายสุขภาพก็อาจจะไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ
ผมเคยผ่านการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2566 (2 ปีที่แล้วครับ)
ผมเคยป่วยเป็นไตอักเสบ เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2558 (10 ปีที่แล้วครับ)
ซึ่งเรื่องการเจ็บป่วยพวกนี้ผมเคยไปเล่าไว้แล้วครับ ตามหัวเรื่องด้านล่างนี้เลยครับ