ทริปชิวๆ ที่ไม่ชิวอย่างที่คิด Mt.คินาบารู 2019 (Day 2)

Day2 วันที่ 12.05.2019 Timpohon Gate สู่ Laban Rata (ที่พักบนเขา) ระยะทาง 6 กม.

ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง เปิดม่านออกมาดูฟ้าสวยมาก พระอาทิตย์กำลังขึ้น ตื่นเต้นรีบออกมาตั้งกล้องถ่ายไทม์แลปส์ และก็ส่องดูคนที่เดินขึ้นยอดแต่ก็ไม่เห็น 555 แต่ถ้าออกมาถ่ายรูปให้เร็วกว่านี้ก็น่าจะเห็นแสงจากไฟฉายยาวเป็นเส้นตามทางที่เดิน น่าจะสวยดี แต่คิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว กลับห้องไปจัดแจงตัวเองเพื่อออกมากินข้าวเช้าตอน 6 โมงดีกว่า
ถึงเวลานัดประมาณ 7.30 น. เจ้าหน้าที่ Amazing Bomeo เอารถตู้มารับพามาอุทยานโดยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง จากนั้นก็ทำเรื่องฝากกระเป๋าไว้ที่อุทยานกับจ้าง Porter จากนั้นเตรียม Passport เพื่อไปลงทะเบียนทำบัตร ID Tag ที่มีชื่อเราอยู่ บัตรนี้ต้องห้อยคอโชว์ให้เห็นเด่นชัดตลอดเวลาที่อยู่บนเขา ห้ามหายเด็ดขาด
หลังจากลงทะเบียนทำบัตรเรียบร้อยแล้ว รถตู้จะพาไปส่งที่ Timpohon Gate ระหว่างทางรถขับผ่านอนุสรณ์สถาน ที่สร้างเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีของที่นี่ มีระดับความรุนแรง 6 แมกนิจูด ซึ่งเหตุในวันนั้นเกิดขึ้นวันที่ 5 มิ.ย. 2015 เวลาประมาณ 7 โมงเช้า มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 18 ราย (ไกด์ 4 นักท่องเที่ยว 14) โดยส่วนใหญ่เป็นชาวสิงค์โปร์ ส่วนคนไทยที่ประสบเหตุมี 4 คน มี 1 ในนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากเหตุการณ์ดังกล่าว นักธรณีวิทยามหาวิทยาลัยซาบาห์ มาเลเซีย เผยว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดจากรอยเคลื่อนมีพลังในแนวตะวันตกเฉียงเหนือไปทางตะวันตกเฉียงใต้ หรือจากราเนารัฐซาบาห์ไปทางเทือกเขาคินาบารู ซึ่งรอยเคลื่อนนี้จะเกิดทุกๆ 25 ปี โดยครั้งก่อนเกิดขึ้นที่ราเนาปี 1991 มีความรุนแรง 5.4 แมกนิจูด (อ้างอิงจาก https://youtu.be/OzgXs59SJ4M) หากเป็นไปตามนี้ ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นราวๆ ปี 2040 และถ้าใครอยากพิสูจน์ทฤษฎีนี้ก็เก็บแรงรอเลยนะคะ อิอิ

เมื่อมาถึง Timpohon Gate จะเห็นคำว่า Pondok ที่อยู่เหนือประตูเป็นภาษามาเลย์ แปลว่า Shelter หรือว่าศาลา ไกด์เรียกรวมตัวและย้ำเรื่อง ID Tag ห้ามลืมห้ามหาย จากนั้นแนะนำเส้นทางการเทรลของทั้ง 2 วัน และวันนี้ควรเดินถึง Laban Rata ไม่เกินเวลา 16.00 น. เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อน และเก็บแรงไว้เดินในวันที่ 2 และวันนี้จะหยุดพักกินอาหารเที่ยงที่ Layang-Layang Hut ประมาณ กม. 4
เมื่อแนะนำทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่มต้นการเดินเทรลกันในเวลาประมาณ 9.15 น. แต่ต้องโชว์ ID Tag และลงชื่อก่อนกับอุทยานก่อนถึงจะเดินทะลุ Pondok Timpohon Gate ได้ จากนั้นก็จะเจอบันไดยาวๆ ทำให้นึกถึงวันพรุ่งนี้เลยว่าจะกระอักแค่ไหนเมื่อต้องเดินขึ้นบันไดนี้ในตอนจบ 5555 โหดสิค่ะ
เดินไม่ไกลจาก Timpohon Gate ก็เจอน้ำตก Carson แต่น้ำแห้งมากๆ  สภาพเหมือนแล้งน้ำมานาน  ไม่ได้ผ่านน้ำมาหลายปี เหอะๆ ป่าช่วงแรกมีต้นไม้ปกคลุม 2 ข้างทาง เส้นทางลาดชันไม่มาก เดินสบายๆ มีบันไดเป็นระยะๆ
เมื่อเริ่มต้นการเดินจะเหนื่อยสุดๆ เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เหนื่อยมากๆๆ 555 แต่พอร่างกายเริ่มปรับตัว แถมเจอความสวยงาม 2 ข้างทาง ความเหนื่อยต่างๆ ก็หายไป (นิดหน่อยนะ 555 ) แต่ก็ทำให้มีแรงเดินต่อไป
   
จนกระทั้งเดินมาถึง Pondok Ubah ก็ได้ยินเสียงคนไทยพูดคุยกันในศาลา เราเลยยิ้มส่งเสียงทัก “อุ้ย!!! คนไทย สวัสดีค่ะ” น้องๆ ก็หันมายิ้มและทักทายกลับ พูดคุยกันนิดหน่อย จากนั้นก็แยกย้ายกันเดินต่อ
เดินออกมาจาก Ubah ทางสบายๆ อยู่สักพัก ก็เจอบันไดชันๆ ยาวๆ อีกแล้ว เดินกันจนเหนื่อยหอบ แต่สุดทางที่มองเห็นต้นไม้ ก็เจอภาพตื่นตาตื่นใจ นั้นก็คือยอดเขาคินาบาลูโหญ่โตอยู่เบื้องหน้าใกล้ๆ และทางบริเวณนี้เป็นสันกิ่วแคบๆ ข้างทางมองลงไปก็คือเหว แต่พอมองย้อนไปข้างหลังก็เห็นวิวที่สวย ต้นไม้เขียวๆ ท้องฟ้าใสๆ
เดินออกมาจากกิ่วก็เจอป้ายความสูง 2,164 M. ในกิโลเมตรที่ 1.5 เวลาตอนนี้ก็ 10.06 น. โอ๊ะโอ!!! นี่เดินมาจะ 1 ชม. แล้วหรอ ยังไม่ถึงกิโลเมตรที่ 2 อีก T_T ทำไงได้ ก็ต้องสาวเท้าก้าวกันต่อไป
เส้นทางช่วงนี้จะเป็นที่ราบครึ่งนึง สลับกับบันไดครึ่งนึง เดินไป ถ่ายรูปไป สักพักก็มาถึงป้ายกิโลเมตรที่ 2 ด้วยความสูง 2,252 M. ในเวลา 10.23 น. เดินกันต่อไปเรื่อยๆ เวลาเหนื่อยมากๆ ก็จะหยุดพัก แต่ก็พักไม่ค่อยเกิน 3 นาทีก็เดินต่อ จะไม่หยุดพักตาม Pondok รายทางสักเท่าไร เพราะคนเยอะ และรู้ตัวเองว่า ถ้าหยุดนานหรือนั่งพักนานๆ ขาจะแข็ง และก้าวเท้าไม่ค่อยออก ประมาณว่าเส้นยึดอะคะ
 
 
เดินมาถึงป้ายกิโลเมตรที่ 2.5 ความสูง 2,350 M. ในเวลา 10.49 น. แสดงว่าช่วงกิโลโมตรนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สำหรับเราแล้วถือว่าเวลาดีเชียว

ส่วนทางเดินช่วงนี้จะราบๆ ชันน้อยหน่อย จะเริ่มเห็นต้นไม้ ดอกไม้ป่า สวยๆ แปลกๆ เดินสบายๆ ชิวๆ แต่ที่นี่ไม่มีทากนะคะ ทั้งๆ ที่ป่าชื้นมาก คงเป็นเพราะอยู่สูงมากจากระดับน้ำทะเล ทากก็เลยไม่มี อย่างตอนไปเขาหลวงนครศรีฯ ช่วงระดับความสูง 1,600 ก็ไม่มีทากแล้วค่ะ (แต่ด้านล่างทากเยอะมาก) เพราะงั้นที่นี่ระดับความสูง 2พันกว่าก็ไม่น่ามีทากเช่นกันค่ะ
เดินชิวไปชิวมาก็มาถึงกิโลเมตรที่ 3 ด้วยความสูง 2,455 M. ในเวลา 11.11 น. เลขสวยเชียว (เราเช็คเวลาจากรูปถ่ายที่ถ่ายเก็บไว้ค่ะ) เส้นทางต่อจากนี้เริ่มโหดแล้ว เดินเจอแต่บันไดยาวๆ ประมาณ 2 ร้อยเมตร แทบไม่เจอทางราบเลย ขาสั่นไปตามๆ กัน หยุดพักเป็นระยะ เหนื่อย!!! ค่ะ

ตอนนี้เริ่มเจอคนเดินสวนทางลงมาแล้ว และท้องก็เริ่มหิวแล้ว แต่ก็ขี้เกียจควักไข่ต้มที่พกมา ได้แต่หยิบเอามะขามแก้วออกมาเคี้ยวๆ อมๆ ช่วยบรรเทาความหิวไปได้ จนกระทั้งมาเจอ Pondok Mempening เจอคนเริ่มพักกินอาหารเที่ยงกันก็ดีใจ เพราะคิดว่าจะได้นั่งกินข้าวที่นี่ด้วย

แต่ไม่ใช่ค่ะ ศาลานี้พวกเราใครจะพักก็พักได้ แต่ไม่ได้กินข้าวตรงนี้นะคะ พวกเราต้องเดินไปก่อน ศาลาหน้าถึงจะได้กิน T_T ฟังแบบนี้แล้วรีบเดินต่อทันที 555

ก้มหน้าก้มตาเดินกันต่อไป ความชันก็ไม่ได้ลดลง ยังโหดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหิวมากกว่าเดิม จนเวลา 11.48 น. ก็มาถึงป้ายกิโลเมตรที่ 3.5 ในระดับความสูง 2,634 M. ระหว่างทางก็เจอป้าย Danger Zone เค้าไม่ได้บอกนะว่าอันตรายอย่างไร แจ้งแต่ให้รีบเดินไปจากจุดนี้ให้เร็วๆ จะถามไกด์ก็ฟังกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แถมเหนื่อยและหิวเลยปล่อยความสงสัยผ่านไป 5555

เดินไปเดินมาก็เห็นหลังคา Layang-Layang Hut รีบตะโกนบอกเพื่อนๆ ด้านหลังจะได้มีกำลังใจเดินต่อ (แต่ไม่รู้จะได้ยินรึเปล่านะ 555)

       
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่