"โรคซึมเศร้า" รักษาได้ เพียงแค่เราเข้าใจตัวเอง ❤

สวัสดี...ทุกคนค่ะพาพันชอบ
ชื่อ เจล่า นะคะ อายุ 28 ปี
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า"

ในปัจจุบัน "โรคซึมเศร้า" คงจะกลายเป็นโรคยอดฮิตของคนในยุคนี้ไปแล้ว เจล่าก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ
อาการซึมเศร้า มักเกิดขึ้นจากการมีปัญหาในชีวิต ความเครียดสะสม หรือพันธุกรรม เป็นต้น
โดยแบ่งได้ 2 แบบ คือ "แบบชั่วคราว" และ "แบบเรื้อรัง" อย่างหลังจะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อชีวิตมากกว่า
เจล่าเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว
อาการป่วยของเจล่าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน หรือช่วงเวลาไหนของชีวิต...

เหตุการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเจล่ามากๆ ก็คือ การโดนแยกจากคุณพ่อและคุณแม่
ในวัย 10 ขวบ ในตอนนั้นคุณย่าของเจล่าป่วยหนักมากๆ ทุกคนเลยคิดว่าหลานคนเดียวในตระกูลคงเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด
เจล่าต้องย้ายจากสุราษฎร์ธานีไปอยู่กับคุณย่าที่อุบลราชธานี ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องไป รู้สึกไม่โอเคมากๆ
ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งอยากจะกลับบ้าน รบเร้าคุณพ่อคุณแม่ให้ไปรับกลับ แต่ตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้รับเจล่ากลับมา
เจล่าน้อยในวันนั้นไม่เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งไปให้เจล่าใช้จ่ายและเป็นค่ารักษาพยาบาลของคุณย่า
คิดอยู่ในใจตลอดมา...ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่รักเรา เลยส่งเราไปอยู่ไกลๆ และทิ้งเราไว้ ไม่ยอมไปรับเรากลับบ้านสักที
เจล่าใช้ชีวิตที่อุบลราชธานีเป็นเวลา 1 ปี และติดอยู่กับความรู้สึกนั้นมาโดยตลอด คุณย่าท่านก็ต่อสู้กับโรคร้ายมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเช่นกัน
พอเจล่ากลับถึงบ้านที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เพียงแค่ 1 คืนเท่านั้น คุณย่าท่านก็จากไป...

หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านความสัมพันธ์ของเจล่ากับคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เหมือนเดิม เจล่าต่อต้านทุกอย่าง เฉยชากับทุกเรื่อง
มีปัญหากับคุณแม่บ่อยครั้งมาก เพราะในใจรู้สึกตลอดมาว่าคุณแม่ไม่ได้รักเรา เก็บตัวอยู่เฉพาะในห้องนอนเท่านั้น
พออายุ 15 เจล่าก็ออกจากบ้านมาใชีวิตคนเดียวในตัวเมือง ทำทุกทาง ทุกอย่างเพื่อเอาตัวเองออกมาจากบ้าน
จนคุณพ่อคุณแม่ต้องยอม เรายิ่งห่างเหินกันไปอีก ชีวิตในช่วงนั้นของเจล่ามีแต่เรื่องการเรียนเพียงเท่านั้น
ทั้งปีก็ไม่กลับบ้านเลย มีแค่เพียงโทรศัพท์คุยกันกับคุณพ่อคุณแม่ และนัดเจอกันหรือทานข้าวกันบ้างในบางครั้ง
เป็นเช่นนั้นจนเจล่าเรียนใกล้จบ ม.ปลาย ในช่วงเวลานั้นเจล่าเริ่มมีปัญหามากมายหลายเรื่องราว เริ่มมีความรัก
แต่เจล่ามีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกันนะคะ จำความรู้สึกของตัวเองได้ว่าชอบผู้หญิงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ อิอิ ><
เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นเลสเบี้ยนและตายไปกันเลยค่ะ เจล่าคบหากับผู้หญิงที่มีอายุเยอะกว่ามาตลอด
เพราะรู้สึกว่าอบอุ่น และเขาทำให้เราเติบโตขึ้นจากเดิม ทั้งในด้านของความคิดและทัศนคติ
ในตอนนั้นมีวันนึงที่เจล่ามีความรู้สึกว่าเครียดหนักมาก ก็เลยโทรไปหาที่บ้าน ไม่มีคำพูดไหนจะพูดนอกจากการร้องไห้
คุณพ่อก็ค่อยๆ พูดปลอบ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นอะไร ใครทำอะไรลูกหรือเปล่า มีปัญหาอะไร ค่อยๆ เล่าให้พ่อฟัง
จากนั้นเจล่าเริ่มมีสติและพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมาจนหมด เจล่าคิดถึงพ่อกับแม่ อยากให้ครอบครัวเราอบอุ่น
ไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่ก่อนเจล่าเป็นอาร์ตตัวแม่เลยค่ะ ชอบอยู่คนเดียว เพื่อนสนิทก็น้อย ไม่ชอบออกไปไหน
เวลามีปัญหาอะไรก็เก็บไว้คนเดียว ไม่รู้จะพูดหรือระบายกับใคร แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีนะคะ เราสงบศึกกัน
ค่อยๆ คุยกัน เจล่า คุณพ่อ และคุณแม่ ค่อยๆ เข้าใจกัน และครอบครัวกลับมาอบอุ่นมากกว่าแต่ก่อน 

หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยเจล่าทำงาน Freelance รับสร้างและออกแบบเว็บไซต์ เขียนโปรแกรม 
แล้วก็รับสอนและปรึกษาโปรเจคจบของนักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพราะเจล่าเรียนจบสาขานี้
ผ่านไประยะหนึ่งคุณแม่เริ่มกดดันนิดๆ อยากให้ทำงานประจำ ท่านให้เหตุผลว่าจะได้มีรายได้ที่มั่นคงในแต่ละเดือน
คุณพ่อก็อยากจะให้ไปทำงานในบริษัทเดียวกับคุณพ่อ และอยากให้เจล่ากลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน
แต่ตอนนั้นเจล่าไปสมัครเป็นครูที่โรงเรียนสอนพิเศษค่ะ เขาให้เจล่าสอนภาษาอังกฤษ EFL (English as a Foreign Language)

ทำงานไปได้สักพักก็รู้สึกกดดันกับงานที่ทำ รู้สึกเหมือนเพื่อนร่วมงานที่เป็นรุ่นพี่จะไม่ค่อยชอบเราสักเท่าไหร่
พี่เขาเหมือนจะพยายามข่มเราตลอดเวลา ปกติเจล่าเป็นคนไม่ยอมใครนะคะถ้ามันไม่ถูกต้อง เจล่ารู้สึกเครียดมาก
ก็เลยตัดสินใจลาออก ตอนนั้นมันมี 2 ความรู้สึกคือโล่งใจ เหมือนหลุดพ้น แต่อีกใจก็รู้สึกว่าเราหนีปัญหาหรือเปล่า

ตอนนั้นรู้สึกปวดหัวมากติดต่อกันหลายวันก็เลยไปพบจิตแพทย์แต่แพทย์ไม่ได้ตรวจอย่างละเอียดนะคะ
ถามแค่ว่าปวดตรงไหน ปวดยังไง ไม่ถามอย่างอื่นเลย คุยประมาณ 2 นาที จ่ายยาคลายเครียด และกลับบ้าน
เจล่าทานยาคลายเครียดของแพทย์ท่านนี้มาตั้งแต่ช่วง ม.ปลาย เลยค่ะ แต่ยาก็แค่ช่วยทำให้หลับแค่นั้นเอง

ประมาณช่วงปลายปี 2017 เจล่าเพิ่งมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ก็คือแฟนคนปัจจุบันในตอนนี้ (=^_^=) ❤

เราตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนคู่รักทั่วไป ♡ \^o^/ ♡
และทางครอบครัวของพี่เจและครอบครัวของเจล่าก็ต่างรับรู้และยินดีกับเรื่องนี้
ซึ่งเจล่าคิดว่าเป็นเรื่องโชคดีมากเลยค่ะที่คู่ของเราได้การยอมรับจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
เพราะโดยปกติคู่รัก LGBT บางคู่อาจจะโดนครอบครัวกีดกัน หรือสังคมไม่ยอมรับมากนัก

ทุกอย่างในชีวิตตอนนั้นเหมือนจะดีทั้งหมด เจล่าย้ายมาอยู่ที่หาดใหญ่กับพี่เจ แล้วจังหวะนึงความรักมันก็ไม่ค่อบราบรื่น
มีปัญหากันแต่ละครั้งเจล่ารู้สึกเสียใจหนักมาก ร้องไห้ได้เป็นวันๆ รู้สึกเครียด เสียใจ ผิดหวัง กลัว หลากหลายความรู้สึก
เคยมีความคิดจะทำร้ายตัวเอง อยากหายไปจากโลก เคยร้องไห้แล้วก็เดินหนีออกจากคอนโดตอนดึกๆ
หรือครั้งไหนที่ไม่ได้เศร้า ก็จะโกรธแบบดาเมจรุนแรงมากๆ พร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า พร้อมบวกตลอด

ช่วงนั้นเรามีสามาชิกใหม่ในครอบครัว เป็นหมาน้อยชิวาวาตัวที่ 3 ชื่อ "โคโค่"

เจล่ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียสติ ตั้งแต่มีโคโค่ เข้ามาในบ้าน เนื่องจากตอนนั้นน้องป่วยมาจากฟาร์ม
ถ่ายเหลวตลอด ทุกที่ บนเตียง บนพื้นในรถ เจล่าต้องตื่นมาเช็ดถูอุนจิอยู่ประมาณครึ่งเดือน
พักผ่อนก็ไม่เพียงพอ พอดุหมา แฟนก็ทำท่าทางลำบากใจใส่เราอีก เอาจริงๆ เขาคงไม่อยากให้เราดุลูก
ตอนนั้นรู้สึกไม่ไหวเลยจริงๆ ค่ะ คิดถึงขั้นว่า แฟนรักหมามากกว่าเรา แทบจะเลิกกันเพราะหมาตัวนึง
โคโค่ทั้งดื้อมากสอนอะไรก็ไม่ฟังไม่จำ บวกกับตอนนั้นเจล่าเองรู้สึกใกล้บ้าเข้าไปทุกที !!!
คิดถึงขั้นอยากหายไปจากโลกเพื่อจบทุกๆ ปัญหาที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ มันแย่มากๆ
ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนที่รักหมามาก ก่อนที่จะมาคบกับพี่เจก็มีชิวาวา 1 ตัว (แอบมีลูกติด) ชื่อ "ของขวัญ"
เพราะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับตัวเองในวัย 25 ปี


และหลักจากคบกับพี่เจได้สักพักเราก็ตัดสินใจมีลูกเพิ่มอีก 1 ตัว ชื่อ "ขนม"

วันหนึ่ง...(วันที่เจล่ามีสติและอารมณ์อยู่ในโหมดปกติ) เจล่าก็นั่งคุยกับแฟนว่า เจล่าคิดว่าตัวเองป่วย!
แฟนก็เห็นด้วยที่จะให้เจล่าไปพบจิตแพทย์ แล้วเจล่าก็ไปพบจิตแพทย์และทำจิตบำบัดกับนักจิตวิทยา
จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เจล่าทานยามาเป็นระยะเวลา 10 เดือนแล้วค่ะ ทำจิตบำบัด 6 ครั้ง
จิตแพทย์บอกว่าเจล่าเป็นโรคซึมเศร้า ต้องทานยาอย่างน้อย 1 ปีเพื่อปรับสารเคมีในสมอง
การได้เจอนักจิตวิทยาในแต่ละครั้งเจล่ารู้สึกดีมากๆ เหมือนเราไปปลดล็อคความรู้สึกของตัวเอง
เหมือนได้ทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับตัวเอง มีสติกับชีวิตมากขึ้น
ในช่วงนั้นเจล่าปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่หมดทุกอย่าง เริ่มหันกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้ง


เริ่มกลับมาออกกำลังกาย พี่เจพาเจล่าไปลงงานวิ่งต่างๆ เราวิ่งด้วยกัน


เจล่าเป็นคนไม่ชอบที่จะอ่านหนังสือเลย อ่านทีไรคือหลับ! z Z Z
แต่พี่เจก็ทำให้เจล่าอ่านหนังสือได้และกลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือไปในที่สุด


"หนังสือทำให้เจล่าเป็นคนใหม่"  เป็นการเปิดโลกใหม่ของเจล่า
เจล่าใจเย็นขึ้นมาก มีทัศนคติที่ดีมากขึ้น เติบโตขึ้นกว่าเดิม ได้ข้อคิดต่างๆ จากหนังสือเยอะมากๆ ค่ะ
ส่วนใหญ่เจล่าจะอ่านหนังสือประเภทจิตวิทยาและการพัฒนาตัวเอง และหนังสืออื่นๆ ในบางครั้ง

ตอนนี้เจล่าทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง เป็น Online Marketing คือ จำหน่ายกางเกงอนามัยสุนัขแฮนด์เมดค่ะ
เป็นงานที่เจล่าตัดเย็บขึ้นมาเอง เลือกทำงานนี้เพราะอยากอยู่กับลูกๆ ค่ะ (ตอนนี้คืนดีกับโคโค่ตัวแสบแล้วค่ะ)
อีกอย่างเจล่าคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำงานประจำค่ะ ทนทานกับแรงกดดันไม่ไหว ทำธุรกิจส่วนตัว Happy กว่า




พบกับคุณหมอครั้งล่าสุดคุณหมอบอกว่าเจล่าแทบจะหายดีเป็นคนปกติแล้ว └(^o^)┘
ทุกอย่างในชีวิตดี ทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกาย ธุรกิจก็กำลังไปได้ดี
ทุกวันนี้เจล่าและพี่เจซื้อบ้านและรับคุณแม่ของพี่เจมาดูแลและอาศัยอยู่กับเรา เราอยู่ด้วยกันสามคน
เจล่ากับพี่เจแทบจะไม่มีปัญหาอะไรในชีวิตคู่ของเราอีกเลยค่ะ ❤


เจล่าอยากจะบอกทุกคนที่ป่วยเป็นโรคนี้นะคะ ว่าเราไม่ได้เป็นคนบ้า แต่สารเคมีในสมองของเรามันไม่สมดุล
เราแค่มีอารมณ์ที่ลึกกว่าคนทั่วๆ ไป ดูว่าเราป่วยที่ใจ หรือป่วยที่ความคิดของเรา ลองใช้เวลาคุยกับตัวเอง
อาการของโรคจะดีขึ้นได้ถ้าจิตใจของเราแข็งแรง ถ้าเราเข้าใจตัวเองก็จะสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้
ไม่ต้องอายที่จะไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยานะคะ
พาพันไฟท์ติ้ง
เคล็ดไม่ลับสำหรับการควบคุมอารมณ์ตัวเองที่เจล่าได้มาจากการทำจิตบำบัดก็คือ การฝึกกำหนดลมหายใจค่ะ
เวลาที่เรารู้สึกว่า อารมณ์เราแกว่งมากๆ เหวี่ยงมากๆ ให้เราหาพื้นที่สงบๆ แยกตัวเองออกมา
หลับตา ฝึกผ่อนลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ นับ 1-2-3-4 กลั้นหายใจ จากนั้นหายใจออก นับ 1-2-3-4-5-6 ทำซ้ำๆ จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น
การฝึกกำหนดลมหายใจจะช่วยให้เรามีสมาธิ มีสติมากขึ้น ความเกรี้ยวกราดจะลดน้อยลง
เมื่อเรารู้สึกเครียดหรือไม่สบายใจเราต้องหาวิธีผ่อนคลายให้กับตัวเองนะคะ หรืออาจจะพูดคุยปรึกษาครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน
จะทำให้คลายความทุกข์ไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ หรือถ้าอยากมีเพื่อนเป็นเจล่าเพิ่มขึ้นในชีวิตอีกคนก็ยินดีนะคะ 。◕‿◕。
สามารถเข้าไปพูดคุยปรึกษาหรือทักทายเจล่าได้ที่ Facebook ส่วนตัวของเจล่าได้เลยค่ะ ชื่อ  Jayla Nichakorn 
◕ ‿ ◕ https://www.facebook.com/jayla.nichakorn

ตอนนี้เจล่าใกล้จะหายดีเป็นปกติแล้วก็อยากจะให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่นะคะ ^_^
คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ คุณมีคุณค่าในตัวเองเสมอ และคุณสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้เสมอหากคุณต้องการ
ดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายของตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ สู้ๆ ค่ะ

★ สำหรับคนที่อยากจะติดตามความน่ารักของลูกๆ ทั้งสามของเจล่า สามารถเข้าไปทักทายกันได้ที่เพจนะคะ
ชื่อเพจ   KKC : ชิวาวาตัวน้อย    I    https://www.facebook.com/KKC.HappyDogs

พาพันรดน้ำต้นไม้
❤ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ❤
- Jayla -
12 / 06 / 2019
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่